Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 568 ศิลาโบราณอสนีเคราะห์
กลางอากาศ นัยน์ตาดำของหลินสวินเปล่งประกายดุจหุบเหวลึกสะท้อนนภากาศ ทั่วร่างอบอวลด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน มีกลิ่นอายแห่งท่วงทำนองมรรคห้อมล้อมอยู่รางๆเหนือศีรษะเขา เมฆาเคราะห์ลึกล้ำ พลิกตลบม้วนดำมืดราวหมึกเขียน กลิ่นอายทำลายล้างที่ปล่อยออกมาน่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิมฟ้าดินเงียบสงัด บรรยากาศกดดันยากอธิบายเต็มแน่นไปทั่วทิศ ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดตรงนั้นล้วนแข็งทื่อไปทั้งตัวด่านเคราะห์อสนี…ยังไม่สิ้นสุด!‘นี่มันมนุษย์หรือสัตว์ประหลาดไร้เทียมทานตนหนึ่งกันแน่ แค่ก้าวข้ามด่านเคราะห์ระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น เหตุใดจึงชักนำมาซึ่งเคราะห์สวรรค์น่าหวาดกลัวเช่นนี้’นี่คือความคิดของผู้ฝึกปราณทั้งหมด พวกเขาไม่เข้าใจเพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน น่าประหวั่นอย่างคาดไม่ถึงเกินไปแล้วเปรี้ยง!อสนีเคราะห์รอบที่หกมาแล้ว เพียงแค่เสียงก็เปรียบดั่งฟ้าถล่มดินทลาย เสมือนผีร้องไห้เทพคร่ำครวญ เมฆาเคราะห์พลันกลายเป็นสีโลหิตบาดตา แดงก่ำงามวิจิตร ระเบิดสายฟ้าแลบเหลือคณานับนั่นคืออสนีเคราะห์สีเลือด อยู่นอกเหนือจินตนาการ แฝงกลิ่นอายทำลายล้างและดับสูญ ม้วนตลบอยู่ในส่วนลึกเมฆาเคราะห์ สั่นสะเทือนโลกาหลินสวินตะโกนก้อง พลังทั่วร่างเขาเพิ่มขึ้นถึงสุดขีดที่ปัจจุบันสามารถไปถึง ยกระดับถึงขีดสุด เท้าข้างหนึ่งก้าวเข้าสู่ธรณีประตูระดับหยั่งสัจจะ!ร่างกายและเลือดลมของเขาประหนึ่งมังกรห้อทะยาน ศักยภาพแฝงทั้งมวลเวลานี้ปลดปล่อยออกมาจนหมดแม้แต่ในห้วงนิมิต พลังจิตวิญญาณก็โคจรถึงขีดสุด ดวงดาวแห่งจิตเจิดจรัสล้อมพิทักษ์จันทร์เทพ ส่องสะท้อนห้วงนิมิต อาบไล้จิตวิญญาณ!เวลานี้หลินสวินรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งแบบหนึ่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหนือกว่าที่ผ่านมา ผงาดผยองมาดมั่นถึงขีดสุดเปรี้ยง!อสนีบาตสีเลือดสายหนึ่งผ่าลงมา บิดโค้งดั่งมังกร แต่กลับถูกหมัดหลินสวินกระแทกแหลกละเอียด แสงสายฟ้าที่ถูกตีพ่ายแวววาวจ้าตานี่ช่างทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ห่างออกไปเห็นฉากนี้แล้วล้วนตระหนกตกใจจนแทบกัดลิ้นตนเองนี่ยังใช่คนอยู่ไหมเนี่ย?นี่คืออสนีเคราะห์รอบที่หก แดงก่ำสีเลือดชวนประหวั่นไร้ขอบเขต ต่อให้เปลี่ยนเป็นผู้กล้าระดับบุตรเทพ หากกล้ารั้นเข้าปะทะ ไม่ตายก็บาดเจ็บหนัก แต่เขากลับพลิกฟ้าถึงเพียงนี้…ครืน ครืน!เสียงกึกก้องดังขึ้นอีกครั้ง แสงสายฟ้าสีโลหิตรวมตัวหนาแน่นเส้นแล้วเส้นเล่า ดุจแส้คลั่งสีเลือดกำลังหวดตวัดเฆี่ยนพิภพแต่หลินสวินไม่ถอยไม่หลีก พุ่งขึ้นไปรับและปลดปล่อยอานุภาพหมัด พลังหมัดส่งเสียงกัมปนาท ถึงขั้นกระแทกสายฟ้าเหล่านั้นแตกละเอียด กลายเป็นฝนแสงกระจัดกระจายในใจทุกคนพลันลนลาน สัตว์ประหลาด! เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นี่คือสัตว์ประหลาดแน่นอน!หลินสวินมีลางสังหรณ์เด่นชัดอย่างหนึ่ง ขอแค่ก้าวผ่านอสนีเคราะห์ครานี้ไปได้ พลังปราณ จิตวิญญาณ ร่างกายและด้านอื่นๆ ของตน จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติอย่างแท้จริง!ก็เปรียบดั่งมัจฉากระโดดข้ามประตูมังกร ก้าวพ้นประตูมังกรก็กลายเป็นมังกรทันที!เวลานี้เขาปลดปล่อยศักยภาพทั่วร่างออกมาทั้งหมด ใช้พลังขั้นสูงสุดต่อต้านอสนีเคราะห์ สำแดงพลังยุทธ์ของตนออกมาถึงขีดสุดถึงจะฝืนปะทะอสนีเคราะห์ แต่หลินสวินกลับไม่ประมาทเพียงเสี้ยว เพราะสายฟ้าที่น่ากลัวที่สุดยังอยู่เบื้องหลัง ประมาทเพียงนิดคงร่างแหลกกระดูกป่น มีจุดจบที่จิตสิ้นวิญญาณสลาย เพราะพลังของด่านเคราะห์นั้นรุนแรงและน่ากลัวเกินไป‘ทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้’พร้อมๆ กับที่ฝืนปะทะไม่หยุดหย่อน หลินสวินก็อดไม่ได้ที่จะร้อนรนอยู่ในใจ รู้สึกตระหนกตกใจ แม้แต่ตัวเขาเองยังคาดไม่ถึงว่าด่านเคราะห์อสนีเคราะห์นี้จะแปลกประหลาดและทรงพลานุภาพปานนี้เล่าขานกันว่าสมัยบรรพกาล มีเพียงดรุณยอดอัจฉริยะที่ฟ้าดินสรรสร้างแต่กำเนิดบางส่วนเท่านั้น ที่เมื่อยามก้าวข้ามด่านเคราะห์ต้องรับคณาเคราะห์อันน่าพรั่นพรึงที่สุดแต่ตอนนี้หลินสวินเองก็พบเจอประสบเคราะห์แบบเดียวกัน!‘น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…’หลินสวินแหงนมองเมฆาเคราะห์บนฟากฟ้า ปะทะต่อสู้ศึกมาถึงตอนนี้ เขาก็รู้สึกเกินกำลังและอ่อนเพลีย ด้วยผลาญพลังไปมากแต่อสนีเคราะห์สีเลือดนั่นไม่มีแนวโน้มอ่อนกำลังล่าถอยไปโดยสิ้นเชิง นี่ทำให้หลินสวินสัมผัสได้ถึงอันตรายยิ่งยวดราวกับว่าคณาเคราะห์จากสวรรค์ครานี้ ไม่ยินยอมให้ตนก้าวข้ามอย่างไรอย่างนั้น!ครืน!ทันใดนั้นส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ปรากฏทะเลสายฟ้าสีเลือดลอยเด่นขึ้น เคลื่อนไหวโหมกระหน่ำ เกิดความวุ่นวายไปทั่ว ประหนึ่งผืนน้ำไร้ขอบเขตสีโลหิตไหลพุ่ง‘ไม่ดีแน่!’หลินสวินหน้าถอดสี อันตรายมาเยือนแล้ว ในอสนีบาตสีเลือดนั่นถึงขั้นปรากฏศิลาโบราณแท่นหนึ่ง เลือดชโลมไหลบ่าแสงสายฟ้า ปลดปล่อยคลื่นทำลายล้างอันน่าหวาดกลัวออกมาศิลาโบราณนี่เป็นการโจมตีของอสนีเคราะห์!สีหน้าผู้แข็งแกร่งที่เฝ้าดูห่างออกไปพลันแปรเปลี่ยน ต่างไม่กล้าเชื่อสายตาตนเองอยู่บ้างตึง!ศิลาโบราณบีบอัดกดดัน ผ่าสังหารลงมาอย่างหนักหน่วง ห้วงอากาศถูกกดจนทรุดลงหลินสวินตะโกนก้อง โจมตีเต็มกำลังอย่างหนักหน่วงไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย หมายทลายมันให้แหลกละเอียดอสนีเคราะห์ระเบิดพลัง อากาศแถบนั้นปั่นป่วนอลหม่าน แสงโลหิตเรืองรองส่องฟ้าดิน ศิลาโบราณพลังมหาศาล ไร้สรรพสิ่งทลายลงได้ เพียงชั่วพริบตาก็บีบกดบนร่างหลินสวินอย่างหนักหน่วงพรูด!หลินสวินผิวปริเนื้อแตก เลือดเนื้อปะปน ภายใต้การฆ่าสังหารจากอสนีเคราะห์ที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ ท้ายที่สุดเขาก็แบกรับไว้ไม่อยู่จนได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสศิลาโบราณรวมแสงเจิดจรัสหนาแน่น ธารสายฟ้าสีเลือดไหลหลั่ง ประหนึ่งพลังอันสามารถกำราบลบล้างทุกสรรพสิ่ง สับผ่าหลินสวินไม่หยุดหย่อนภาพเหตุการณ์นั่นน่าตระหนกเกินไปแล้ว เรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดแทบลืมหายใจ เดิมทีพวกเขามาเพื่อช่วงชิงศุภโชคบนตัวหลินสวิน กลับไม่เคยคิดเลยว่ายังไม่ทันลงมือ ก็ได้เห็นอสนีเคราะห์ไร้เทียมทานฉากหนึ่งด้วยตาตนเอง!ในพายุสายฟ้าสีโลหิตถึงกับก่อตัวเป็นศิลาโบราณแท่นหนึ่ง ปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาล้วนไม่เคยเห็นมาก่อน แปลกประหลาดน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้วฆ่า!กลางท้องฟ้า หลินสวินแม้ถูกถล่มจู่โจมได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่แววตาเขากลับเฉียบคมล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม ออกมือโต้กลับอย่างบ้าคลั่งอีกทั้งเขาได้เริ่มปลดปล่อยพลังแฝงสุดท้ายเพื่อทะลวงเข้าระดับหยั่งสัจจะ!ตึง!ศิลาโบราณดั่งมีวิญญาณ กดกำราบไม่หยุดหย่อน เปิดฉากแสงอสนีสีเลือดทั่วผืนฟ้า กระหน่ำต่อสู้กับหลินสวินอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ศิลาโบราณก็พังทลายกลายเป็นฝนแสงในท้ายที่สุด แต่หลินสวินกลับกระอักเลือดคำโต กระดูกทั่วร่างแตกหักหลายจุด สีหน้าซีดเผือดถึงขีดสุดก้าวข้ามแล้ว?เมื่อในใจผู้ฝึกปราณทั้งหมดเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ก็เห็นว่าในเมฆาเคราะห์บังเกิดน้ำวนน่าหวาดหวั่นแห่งหนึ่ง หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง!สวบ!ชั่วพริบตาเท่านั้น วังน้ำวนซัดสาดโหมกระหน่ำนั่นพลันกลืนกินเงาร่างหลินสวินเข้าไปอย่างคาดไม่ถึงทันใดนั้นเสียงร้องตระหนกตกใจมากมายดังขึ้น“น้ำวนอสนีเคราะห์? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”“เจ้าเด็กนั่นประสบเภทภัยแล้วรึ”“ถึงกับถูกม้วนเข้าสู่ส่วนลึกเมฆาเคราะห์ ยังจะมีชีวิตรอดได้อีกหรือ”ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดต่างถูกทำให้ตกตะลึง หัวสมองเบลอไปหมด เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นปุบปับเกินไปแล้ว ยังไม่รอให้พวกเขาดึงสติกลับมา เงาร่างของหลินสวินก็ถูกม้วนกลืนหายไปพวกเขาต่างตระหนักได้ว่า เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นเกรงว่าคงมีแต่ทางตายไร้ชีวา น้ำวนอสนีเคราะห์นั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว ราวกับเป็นช่องทางส่งตัวจากสรวงสวรรค์ หมายลบล้างขจัดหลินสวิน ไม่อนุญาตเขาฝืนฟ้าตัดวิถี“ตายหรือยัง”สายตาทั้งหมดมองไปยังแผ่นฟ้า ที่ทำให้พวกเขาเกินคาดหมายคือ เมฆาเคราะห์หนาแน่นนั่นยังไม่จางหายไป บดบังฟ้าคลุมตะวัน ลอยคว้างอยู่บนห้วงอากาศ ภายในยังมีเสียงฟ้าร้องกัมปนาทปั่นป่วนสะเทือนโสตประสาททั้งหมดนี้แปลกประหลาดและลี้ลับเกินไป ทำให้ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร ได้แต่รอคอย…ส่วนลึกของเมฆาเคราะห์เสมือนอาณาจักรสายฟ้าแห่งหนึ่ง พายุสายฟ้าชวนประหวั่นโถมกระหน่ำราวผืนน้ำไร้ขอบเขตต่อเนื่องเป็นระลอก วิวัฒน์เป็นแสงหลากสีสัน ทั้งสีม่วง สีทอง สีเลือด สีเงิน สีเขียว… สว่างพร่างพรายหาใดเปรียบกลิ่นอายปานทำลายล้างอุดมทั่วอีกครั้ง สามารถมองเห็นเป็นระยะๆ ว่าสายฟ้าแต่ละเส้นแปรเปลี่ยนเป็นดาบ ทวน กระบี่ ง้าว เริงระบำคำรามก้องยังสามารถเห็นศิลาโบราณแท่นแล้วแท่นเล่าเกาะกลุ่มรวมตัว เต็มไปด้วยธารอสนี แสงสายฟ้าไหลหลั่ง แผ่กลิ่นอายปานจะดับสลายโลกาออกมาตูม!หลินสวินยังไม่ทันได้ใคร่ครวญก็เปิดฉากการต่อสู้ เพราะทันทีที่เขามาถึงก็ถูกจู่โจมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!ดาบอสนี กระบี่อสนี ทวนอสนี ง้าวอสนี… ประหนึ่งเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานทั่วผืนฟ้า ขณะเดียวกันก็มีศิลาโบราณมากมายพุ่งเข้ามาหมายสยบเขา!เพียงพริบตาร่างกายหลินสวินก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เลือดเนื้อปะปน กล้ามเนื้อและกระดูกฉีกแตก แทบจะถูกบดขยี้ทำลายล้างน่ากลัวเกินไปแล้ว!ใครจะคิดว่าอสนีเคราะห์รอบที่หกนี่จะแปลกประหลาดเช่นนี้“บัดซบ! จะไม่ยอมให้ข้ามีชีวิตต่อไปหรือไง”หลินสวินกระอักเลือด เขาน่าอนาจเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่ทะลวงระดับเลย แม้แต่จะรักษาชีวิตไว้ยังดูเป็นปัญหาครืน!ศิลาโบราณแท่นหนึ่งกดอัดลงมา ปกคลุมร่างกายหลินสวิน หลินสวินคำรามเสียงอึดอัดอย่างกลั้นไม่อยู่ เจ็บปวดสาหัสหาใดเปรียบ รู้สึกเหมือนตนเองใกล้จะแตกละเอียดดับสูญ ไม่เพียงแต่กายเนื้อ แม้แต่จิตวิญญาณก็ล่อแหลมอันตรายเป็นอันมาก“ไอ้ระยำ! ข้าไม่เชื่อว่าจะเอาชนะเจ้าไม่ได้!”ดวงตาหลินสวินแดงไปหมด ภายใต้ภัยคุกคามถึงชีวิต ทำให้เขาไม่สนอะไรอย่างสิ้นเชิง อ้าปากกลืนโสมราชันโคมสมบัติผลหนึ่งพริบตานั้นอาการบาดเจ็บทั่วร่างฟื้นคืนสภาพเดิม อยู่ในสภาพสมบูรณ์ถึงขีดสุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทั้งตัวสาดแสงสว่างไสวเปล่งประกายโชติช่วงนี่ก็คือความอัศจรรย์ของโอสถสมบัติไร้เทียมทาน ฟื้นคืนคนตาย แค่เพียงผลเดียวก็ทำให้หลินสวินฟื้นฟูกลับมาในพริบตา!“ตายซะ!”หลินสวินแผดคำราม ผมดำพลิ้วไหวลอยล่อง ต่อสู้กับอสนีเคราะห์ทั่วผืนฟ้าก้าวย่างชือน้ำแข็ง เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ เพลงดาบวัฏจักรฟ้า ปะทะฟู่ซี่… พลังยุทธ์ทั้งหมดถูกโคจรถึงขั้นสูงสุดครืน ครืน…ก็เห็นในอาณาจักรอสนีเคราะห์นี้ หลินสวินตัวคนเดียวฆ่าสังหารทั่วทศทิศ บ้างราวชือน้ำแข็งพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า บ้างสำแดงวิถีหมัดสะเทือนสวรรค์ บ้างผ่าแหวกเป็นแสงดาบน่าพรั่นพรึงเขาลืมสิ้นทุกสรรพสิ่ง ความคิดหนึ่งเดียวในใจคือต้องเอาชนะอสนีเคราะห์ ต้องรอดชีวิตจากด่านเคราะห์อสนีนี้ไปให้ได้!ในกระบวนการนี้ การควบคุมวิถียุทธ์ของเขาก็ยกระดับอย่างก้าวกระโดด ก้าวย่างชือน้ำแข็งเปลี่ยนเป็นพิศวงเกิดคาดเดายิ่งกว่าเดิม อานุภาพปะทะฟู่ซี่ก็แข็งแกร่งดุดันน่าประหวั่นขึ้นเรื่อยๆ…กระทั่งตอนท้าย เขายิ่งสำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ซ้อนทับถึงแปดชั้นออกมา! ทันทีที่กระบวนท่านั้นปรากฏ พลานุภาพก็มากพอจะดับสิ้นฟ้าดิน ป่นใต้หล้าให้เป็นจุณ!“ฆ่า!”หลินสวินยิ่งสู้ยิ่งหาญกล้า ศาสตร์ลับเลิศล้ำที่ข้องเกี่ยวกับวิถียุทธ์นานัปการปรากฏขึ้นในใจไม่หยุดหย่อนแต่ทว่าอสนีเคราะห์นั่นยังคงน่าสะพรึงกลัวหาใดเปรียบ ประหนึ่งก่อเกิดสืบเนื่องไร้สิ้นสุด ศิลาโบราณดุจพงพนากดอัดจากทุกทิศ สายฟ้าดั่งน้ำตก หมายจมทุกสรรพสิ่งไม่นานนักหลินสวินราวกับได้ยินเสียงธรรมที่คล้ายมีคล้ายไม่มีอยู่เลือนราง จากนั้นสายฟ้าสีเลือดสายหนึ่งก็กลายเป็นทวนหนึ่งเล่ม สานพันด้วยระเบียบและกฎเกณฑ์สูงสุด!ประหนึ่งเป็นทวนแห่งการพิพากษาแห่งวิถีฟ้าอันน่าเกรงขาม!เสียงฟุ่บหนึ่งดังขึ้น มันทะลวงผ่านร่างหลินสวินในคราเดียว หลินสวินรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณใกล้จะดับสลาย ร่างกายพังทลายลงทีละส่วน“ระยำ!”ภายใต้ความเจ็บปวดสาหัสหลินสวินแผดเสียงคำรามออกมา ดวงตาปูดโปนแทบถลน เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ หรือสวรรค์ก็มิอาจยอมรับเขา?ท้ายที่สุดในนัยน์ตาดำของหลินสวินฉายแววเด็ดเดี่ยว ประจักษ์ชัดแจ้งว่าด่านเคราะห์อสนีของเขาแตกต่างกับคนอื่นโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ที่เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือตีฝ่าหาทางรอดชีวิตให้ได้!นี่คือหนทางน่ากลัวและล่อแหลมอันตรายที่สุดเป็นแน่ แต่เขาไร้ซึ่งตัวเลือกแล้ว!ครืน!หลินสวินกลืนโสมราชันโคมสมบัติอีกครั้ง เริ่มหลอมให้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย เขาในเวลานี้ไม่โกรธแค้นและกระสับกระส่ายอีกต่อไป เปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวและนิ่งสงบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน…………………..
คอมเม้นต์