Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 567 ทะลวงผ่านอย่างต่อเนื่อง
พรูด!หลินสวินกระอักเลือดคำใหญ่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายถูกผ่าจนกระเด็นออกไปกลุ่มผู้ฝึกปราณที่ห่างออกมาไกลสูดหายใจเข้าด้วยความตระหนก อสนีเคราะห์ทั้งสามสายนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหลินสวินทนได้อย่างไรเพราะถ้าเป็นพวกเขา คงจะถูกผ่าจนตายคาที่ไปแล้ว“ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้าก้าวข้ามด่านเคราะห์ อสนีเคราะห์นั่นก็เกือบจะคล้ายกัน…” บุตรเทพอวี่เซียวเซิงพึมพำเสียงเบาจู่ๆ ในใจเขาก็รู้สึกไม่ยุติธรรมขึ้นมา ถึงขั้นมีความอิจฉาอยู่รางๆเพราะเขารู้ดีว่าด่านเคราะห์อสนีของหลินสวินเพิ่งจะเริ่มต้น ยังไม่ทันจบก็น่าสะพรึงกลัวเพียงนี้แล้ว แค่คิดก็รู้ว่าพลังแฝงของหลินสวินน่าหวาดหวั่นเพียงใด เหนือกว่าตนตอนบรรลุระดับอย่างแน่นอน“แค่สามารถชักนำให้เกิดอสนีเคราะห์ได้ก็ถือว่าเป็นผู้โดดเด่นในระดับหยั่งสัจจะแล้ว แต่อสนีเคราะห์ที่เด็กหนุ่มคนนี้ชักนำมาถือว่าหายากมาก น่าหวั่นหวาดไร้ขีดจำกัด ไม่อาจคิดได้เลยว่าเขาฝึกปราณมาอย่างไร…”ธิดาเทพหลินหลางเองก็เหม่อลอยอยู่บ้าง“เขาต้องตาย!” อวี่เซียวเซิงกัดฟันเปรี้ยง!บนฟากฟ้า สายฟ้าสีม่วงนั้นทรงพลังน่าเกรงขาม เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง ผ่าหลินสวินอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เขากระอักเลือดต่อเนื่อง ร่างกายโซซัดโซเซ บาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง สะบักสะบอมน่าเวทนาอย่างที่สุดแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนสยดสยองคือ ทุกครั้งที่หลินสวินถูกผ่าจนปลิวออกไป ก็สามารถลุกขึ้นได้ในทันที แล้วเข้าไปรับการโจมตีด้วยตัวเองอีก ดูห้าวหาญและเย่อหยิ่งผิดปกติผมดำของเขาปลิวไสว คำรามขึ้นฟ้าอย่างเดือดดาล ศักยภาพแฝงในร่างกายถูกกระตุ้นออกมาในยามนี้เพื่อต่อสู้กับอสนีเคราะห์ พลังปราณของเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ยกระดับขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ใกล้จะทะลวงเข้าสู่ระดับหยั่งสัจจะแล้ว กลิ่นอายอันแข็งแกร่งแผ่กระจาย ไอเลือดโหมซัดสาด เสริมบำรุงและซ่อมแซมร่างกายไม่หยุดวู้ม!เขาเปล่งประกายไปทั้งตัว รอบตัวมีเสียงปริแตกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ถูกผ่าจนกระเด็นออกไป กระดูกที่หักไปแล้วของเขาก็จะต่อกันใหม่ กายเนื้อได้รับการซ่อมแซมกลับเป็นเหมือนเดิมสุดท้ายอสนีเคราะห์ทั้งสามสายก็สงบลง และหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มองทุกอย่างอยู่ในห่างๆ ต่างตกใจจนอ้าปากค้าง เขา…เขาผ่านมาได้ง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ!?ข้ามผ่านมาแล้วจริงๆ แต่ยังไม่สิ้นสุด!หลินสวินสัมผัสได้อย่างมีเฉียบไวว่า พลังปราณของตนยังไม่ได้เข้าสู่ระดับหยั่งสัจจะอย่างแท้จริง ทำให้เขาเองก็จนใจอยู่บ้างช่วยไม่ได้ พลังที่เขาสั่งสมในระดับมหาสมุทรวิญญาณหนาแน่นและสมบูรณ์แบบเกินไป ทำให้การแปรสภาพและยกระดับพลังปราณยากลำบากผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดครืน โครม โครม…บนฟากฟ้า เมฆาเคราะห์พลุ่งพล่าน ยิ่งทวีความน่ากลัว สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าสีของอสนีเคราะห์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นสีทองอร่ามและวิวัฒน์ไปเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น ดาบ ทวน กระบี่ ง้าวเป็นต้น ยิ่งพาให้นึกหวาดหวั่น“อสนีเคราะห์แปลงอาวุธ! สวรรค์ ตำนานนี้เป็นความจริงหรือนี่!”ผู้แข็งแกร่งมากมายอุทานอย่างตกใจ หนังหัวชาวาบ ต่างคิดไม่ถึงว่าอสนีเคราะห์รอบที่สี่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นศาสตราวุธ!เจ้าเด็กนี่พลิกฟ้าขนาดไหน ถึงได้ชักนำให้เกิดการโจมตีน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ คิดจะกำจัดเขาให้พ้นโลกงั้นหรือ“รอบที่สี่ อสนีเคราะห์แปลงอาวุธ…”สีหน้าของอวี่เซียวเซิงและหลินหลางไม่น่าดู ในใจอัดอั้น พวกเขารู้ดีว่านี่หมายความถึงอะไร เพียงแค่อานุภาพของด่านเคราะห์อสนีก็สามารถคาดการณ์ได้แล้วว่า พลังของหลินสวินพลิกฟ้าและน่าหวาดหวั่นเพียงใดตอนนี้ในใจทั้งสองมีเพียงความคิดเดียว คืออยากให้อสนีเคราะห์นั่นผ่าหลินสวินให้ตาย ฆ่ามันเสีย!บนฟากฟ้าอสนีเคราะห์ระเบิดตัว กลายเป็นดาบอสนี กระบี่อสนี ทวนอสนี ขวานอสนี… พุ่งสังหารหลินสวินไม่หยุดภาพนั้นราวกับยอดฝีมือพลิกฟ้าควบคุมทัณฑ์อสนี หมายจะกำจัดหลินสวินฆ่า!ในขณะเดียวกัน หลินสวินก็สำแดงพลังทั้งหมดออกมาสู้อย่างไม่ลังเล ความลี้ลับในเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ถูกเขาใช้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบภาพที่เห็นน่าพรั่นพรึงมาก สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลินสวินค่อยๆ ถูกโจมตีจนทรุด ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสีสดไหลพรูออกมาจนแทบจะต้านทานไม่ไหวแล้วแต่สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงคือ แม้จะเป็นเช่นนี้หลินสวินก็ยังคงยืนหยัดสู้ต่อไป ทำให้ทุกคนแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองเปรี้ยง!เสียงสายฟ้าแทบจะทะลุแก้วหูของทุกคน บดขยี้จิตวิญญาณ สะเทือนฟ้าดิน อากาศปั่นป่วน เพราะสายฟ้านี้น่าสะพรึงกลัวมากเกินไปจริงๆ เจิดจ้าสาดแสง เต็มแน่นทั่วพื้นที่กลางอากาศหลินสวินดิ้นรนอยู่ภายใน ดูคล้ายสามารถถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดได้ตลอดเวลา ทำให้ทุกคนต่างตะลึงมองมาจากระยะไกลยังน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ ยากที่จะจินตนาการว่าหลินสวินก็ถูกอสนีเคราะห์นี้ปกคลุมอยู่ กำลังเจอกับความเจ็บปวดและความยากลำบากแบบใดหลินสวินผิวหนังฉีกขาด ร่างกายไหม้ดำ เลือดสดๆ ไหลรินราวน้ำตกทว่าถึงแม้เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่พลังกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เลือดลมทะยานฟ้า ไม่มีความห่อเหี่ยวสักกระผีก แต่กลับดูเย่อหยิ่ง ต่อสู้อย่างกล้าหาญเหล่าผู้แข็งแกร่งมากมายตะลึงกลัว ร่างกายและพลังของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว แทบจะสามารถเทียบกับเผ่าวัวมารทรงพลังได้เลยถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น เกรงว่าคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปตั้งแต่อสนีเคราะห์รอบแรกแล้ว! ทว่าเขากลับยังต่อต้านอยู่จนถึงตอนนี้ในผืนป่าแห่งนี้ ผู้ฝึกปราณที่ทยอยมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ล้วนตกตะลึง ต่างมารวมตัวกันที่นี่ มองดูด่านเคราะห์อสนีอันสะเทือนโลกนี้ แต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่อยู่เผ่ามนุษย์มีตัวประหลาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ในสายตาของผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าในทะเลกลืนวิญญาณ เผ่ามนุษย์ดูอ่อนแออย่างยิ่ง ทว่าไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมีตัวประหลาดเช่นนี้ปรากฏตัว แทบจะแข็งแกร่งกว่าทายาทชนเผ่าที่ชื่อเสียงสะเทือนโลกหล้าด้วยซ้ำ“เปิด!”หลินสวินส่งเสียงคำรามยาว แสงประกายอันน่าพรั่นพรึงเดือดพล่านรอบตัว สลายอสนีเคราะห์ที่ปกคลุมเต็มฟ้าให้ทรุดทลายลงเพียงแต่ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าซีดเซียว เห็นได้ชัดว่ายืนหยัดไม่ไหวอยู่บ้างแต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้ผู้แข็งแกร่ง ณ ที่นั้นตื่นตะลึงอย่างควบคุมไม่อยู่ อสนีเคราะห์รอบที่สี่นี้ก็ข้ามผ่านมาได้แล้วหรือ“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีผู้กล้าตั้งเท่าไหร่ที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับมหาเคราะห์เช่นนี้ และมีสักกี่คนที่สามารถข้ามผ่านด่านนี้ พุ่งสู่ระดับสูงได้”ยามบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะ เดิมทีก็มีน้อยคนนักที่สามารถเรียกด่านเคราะห์อสนีได้ โดยปกติล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งยุคเท่านั้น จึงจะสามารถชักนำด่านเคราะห์อสนีมาหล่อหลอมชำระล้างตนเองได้แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินพิเศษมาก เขาไม่เพียงชักนำด่านเคราะอสนี ที่ชักนำมายังเป็นมหาเคราะห์สะท้านโลกาที่หาได้ยากยิ่งนับแต่โบราณกาล!นี่มันหายากและน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว ทำให้ทุกคนอดตะลึงไม่ได้จริงๆ ไม่สามารถคาดการณ์ความลี้ลับนี้ได้“สวรรค์! ยังมีอสนีเคราะห์รอบที่ห้าอีกหรือ”มีคนอุทานอย่างตะลึง มองเห็นว่าส่วนลึกของเมฆาเคราะห์นั่นมีอสนีเคราะห์กำลังก่อตัว เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ยังไม่จบลงชั่วขณะนั้นผู้แข็งแกร่งทุกคนต่างอึ้งค้างอยู่กับที่ ไม่สามารถจินตนาการได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนไม่เคยได้ยินว่า ตอนที่บรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะต้องเผชิญหน้ากับด่านเคราะห์มากมายที่น่ากลัวเพียงนี้แม้แต่บุตรเทพอวี่เซียวเซิงและธิดาเทพหลินหลาง ยามนี้ต่างมองไม่ออกอยู่บ้าง แต่ด่านเคราะห์อสนีนี้ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งเป็นการยืนยันความน่าสะพรึงกลัวของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นยิ่งเป็นบุคคลพลิกฟ้า ด่านเคราะห์อสนีที่ประสบก็ยิ่งรุนแรง นี่เป็นสิ่งที่รู้โดยทั่วกันในบรรดาผู้ฝึกปราณตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน!สิ่งที่น่าแปลกคือ อสนีเคราะห์รอบนี้กลับไร้สุ้มเสียง อสนีเคราะห์ที่ปลดปล่อยออกมาไม่ได้ทรงพลังเจิดจ้าอีก แต่กลับปรากฏเป็นสีเทาหม่นๆ ราวกับเป็นภาพมายา ดูเลือนรางน่ากลัวนี่มันเคราะห์อะไรทุกคนฉงนใจสิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึงยิ่งกว่า คือตอนนี้หลินสวินนั่งสมาธิหลับตาอยู่กลางอากาศ!“อสนีเคราะห์ฆ่าวิญญาณ!”อวี่เซียวเซิงพูดออกมาทีละคำ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาจำได้แล้วว่า นี่คือเคราะห์ที่มีไว้เพื่อโจมตีจิตวิญญาณโดยเฉพาะแบบหนึ่ง มีผลต่อจิตวิญญาณโดยตรง ไร้รูปร่างและตัวตน ลึกลับน่าสะพรึงกลัวที่สุด!ถ้าพลาดขึ้นมาก็จะร่างสลาย ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน“ที่แท้ก็เป็นเคราะห์นี้…”สีหน้าของธิดาเทพหลินหลางวาบแววประหลาด ราวกับหวั่นไหวอยู่บ้าง อยากจะฉวยโอกาสนี้ลงมือสังหารหลินสวินซะเพียงแต่ยังไม่ทันที่นางจะลงมือ ก็มีผู้แข็งแกร่งชิงลงมือก่อนแล้ว นั่นเป็นเหยี่ยววายุสีเขียวตัวหนึ่ง สองปีกเหยียดกาง หอบม้วนรุ้งศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าโจมสีใส่หลินสวินกลางอากาศผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ณ ที่นั้นต่างตะลึง ก่อนจะกระจ่างแจ้งโดยพลันว่าอีกฝ่ายต้องการฉวยโอกาสนี้ฆ่าหลินสวิน ช่วงชิงศุภโชคในตัวเขา!ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งมากมายต่างกระเหี้ยนกระหือรือ รวบรวมพลังรอแต่ภาพอันแปลกประหลาดบังเกิดขึ้น สายรุ้งที่เหยี่ยววายุตัวนั้นปล่อยออกมา ยังไม่ทันถูกตัวหลินสวินก็ถูกหมอกสีเทาหม่นแทรกซึม สลายทุกอย่างไปอย่างไร้สุ้มเสียงแทบจะในขณะเดียวกัน เหยี่ยววายุตัวนั้นส่งเสียงโหยหวนรุนแรง เกิดเสียงปังดังสนั่น ร่างระเบิดฉับพลัน วิญญาณสลาย!ภาพนี้ทำเอาตะลึงไปทั้งลาน ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่เดิมพลุ่งพล่านเร่าร้อนต่างหนาวเยือกขึ้นมาในใจ ไม่กล้าลงมือโดยพลการ“นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรือ อยู่ภายใต้ด่านเคราะห์อสนี ใครกล้าสอดมือเข้าไปแทรก? นี่มันพื้นที่แห่งอานุภาพสวรรค์นะ ยิ่งไปกว่านั้นอสนีเคราะห์ฆ่าวิญญาณนั่นน่ากลัวและลี้ลับที่สุด มีผลต่อจิตวิญญาณโดยตรง ใครลงมือตอนนี้จะต้องร่างสลายอย่างแน่นอน!”อวี่เซียวเซิงยิ้มเยาะแม้ว่าเขาเองก็อยากฆ่าหลินสวินเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการสังหารอีกฝ่ายธิดาเทพหลินหลางเหงื่อเย็นหลั่งไปทั้งตัว นึกกลัวในใจ เมื่อครู่นี้นางก็คิดจะลงมือ ยังดีที่ไม่ทันได้ออกมือไปกลางอากาศหลินสวินนั่งขัดสมาธิ เปื้อนเลือดไปทั้งตัว แต่เขากลับประหนึ่งไม่รู้สึก หลังตรงดูสง่า สีหน้าไร้อารมณ์เขาปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณโดยไม่รั้งเก็บไว้แต่อย่างไร เพื่อรับมือสายฟ้าแปลกประหลาดสีเทาหม่นราวกับหมอกนั่นนี่เป็นเคราะห์ที่โจมตีจิตวิญญาณโดยเฉพาะ สามารถแปรเปลี่ยนเป็นลักษณ์โจมตี ภาพมายา รวมถึงปีศาจสวรรค์อันน่าสะพรึง ลี้ลับและรุนแรงอย่างที่สุดแต่ตอนนี้หลินสวินไม่สะทกสะท้าน โคจรเคล็ดเวทบริกรรม อนุมานถึง ‘จันทราเคลื่อนคล้อย’ ในลักษณ์ ‘ดาราจักรโคจร’ ภายในห้วงนิมิตหมู่ดาวสะท้อนแสง เดือนเทพดวงหนึ่งจากที่ขาดแหว่งก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสมบูรณ์ แสงจันทร์สีเงินยวงสาดแสง ส่องสว่างห้วงนิมิตจิตวิญญาณ!จิตวิญญาณกำลังเผชิญการโจมตีของอสนีเคราะห์ ภาพมายาทับซ้อนหลายชั้น ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นเกรงว่าคงจะธาตุไฟเข้าแทรก จิตดับวิญญาณสลายไปตั้งนานแล้วแต่หลินสวินราวกับไม่รับรู้ ใช้อสนีเคราะห์เป็นเหมือนหินลับมีด หล่อหลอมจิตวิญญาณ หยั่งถึงระดับใหม่ในเคล็ดเวทบริกรรม… ‘จันทราเคลื่อนคล้อย’!ตอนนี้หลังจากการแปรสภาพของร่างกายและพลังปราณ จิตวิญญาณของหลินสวินก็เริ่มยกระดับขึ้นท่ามกลางด่านเคราะห์อสนีแล้ว!สำหรับเหล่าผู้แข็งแกร่งที่เฝ้าดูอยู่ไกลๆ อสนีเคราะห์รอบนี้ดูเงียบสงบและราบเรียบ แต่ถ้ารู้เส้นสนกลในของอสนีเคราะห์นี้ก็จะรู้ว่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งน่ากลัว!หนึ่งถ้วยชาหลังจากนั้นหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นโดยพลัน แววตาอันลึกล้ำและสงบนิ่งนั้นกวาดมอง ผู้แข็งแกร่งทุกคนในที่นั้นใจประหวั่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง ราวกับว่าสายตานั่นสามารถมองทะลุความลับในใจพวกเขาได้ ทำให้พวกเขาขนพองสยองเกล้าจากนั้นพวกเขาพลันพบว่าหลินสวินเปลี่ยนไป ท่าทางประหนึ่งปลายดาบคมกริบที่ผ่านการตีหลอมมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง มีลักษณะแยกตัวโดดเดี่ยวคืนสู่สามัญรางๆ ราวกับจันทร์เพ็ญกลางฟ้า ส่องแสงกระจ่างและโปร่งใส“ข้ามผ่านอสนีเคราะห์มาได้อีกรอบแล้วงั้นหรือ”ผู้แข็งแกร่งทุกคนต่างตะลึง ท่าทางเหมือนเห็นผีตัวเป็นๆแม้แต่อวี่เซียวเซิงกับหลินหลางยังอึ้งงัน เป็นแบบนี้ได้อย่างไร นั่นมันอสนีเคราะห์ฆ่าวิญญาณเชียวนะ เหตุใดเขาจึงข้ามผ่านมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้——
คอมเม้นต์