Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 566 อสนีเคราะห์สะเทือนโลกา
“พวกเจ้าว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากไหนกัน ถึงได้เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งสองเผ่าใหญ่ ไม่เพียงไม่ถูกฆ่า กลับยังถูกเขาช่วงชิงมหาศุภโชคในเกาะอริยะปัญจธาตุไปได้”ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นยังคงเดาฐานะของหลินสวิน“เป็นห่วงเรื่องพวกนี้ไปทำไม สิ่งที่ข้าสงสัยจริงๆ คือเด็กหนุ่มคนนั้นชิงศุภโชคอะไรไปจากเกาะอริยะปัญจธาตุต่างหาก”“ได้ยินว่าเป็นคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งที่อริยะทิ้งเอาไว้”“และมีคนบอกว่า เกาะอริยะปัญจธาตุนั่นหล่อเลี้ยงโอสถสมบัติไร้เทียมทาน และถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นชิงไปหมดแล้วด้วย”ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์นี้ สีหน้าของอวี่เซียวเซิงและหลินหลางยิ่งดูอึมครึม ใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวนี้กันอย่าลืมว่าที่ทั้งสองร่วมมือกันก็เพราะหวังจะช่วงชิงสมบัติทั้งหมดในตัวหลินสวินไปเงียบๆแต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ข่าวเกี่ยวกับหลินสวินได้แพร่กระจายไปทั่วแล้ว!‘เผ่าเหยี่ยววายุ!’แอบฟังอยู่นาน ในที่สุดอวี่เซียวเซิงและหลินหลางก็มั่นใจ ว่าที่แท้ผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยววายุเป็นคนเผยแพร่ข่าวจะว่าไปในบรรดาชนพื้นเมืองมากอิทธิพลใหญ่ของทะเลกลืนวิญญาณ ถ้าพูดถึงอิทธิพล เผ่าเหยี่ยววายุอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดแต่ถ้าพูดถึงความข่าวไว เผ่าเหยี่ยววายุถือเป็นที่หนึ่ง!เผ่าของพวกเขาเป็นผู้สอดแนมแต่กำเนิด ควบคุมวิชาลับอันเป็นเอกลักษณ์ ไปมาไร้ร่องรอย สื่อสารข่าวได้ไวที่สุดเมื่อรู้ว่าเผ่าเหยี่ยววายุเป็นผู้เผยแพร่ข่าวเหล่านี้ อวี่เซียวเซิงและหลินหลางก็ไม่ได้แปลกใจสิ่งเดียวที่ทำให้ทั้งสองปวดหัวคือ ฟังจากที่ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นพูด ตอนนี้คนที่คิดจะเล่นงานหลินสวินมีไม่น้อยเลย ผู้แข็งแกร่งจากเผ่ามากมายกำลังเร่งเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อแย่งชิงศุภโชคบนตัวหลินสวินเช่นนี้ก็เพิ่มความยุ่งยากขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้อวี่เซียวเซิงและหลินหลางรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที“ต้องเคลื่อนไหวโดยเร็ว ชิงฆ่าเด็กหนุ่มคนนั้นก่อนคนอื่นๆ!”หลินหลางกัดฟันแน่น“ไป!”อวี่เซียวเซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ จึงเริ่มดำเนินการทันทีระหว่างทางทั้งสองเคลื่อนไหวรวดเร็ว ตามหาร่องรอยของหลินสวิน สิ่งที่ทำให้ทั้งสองตกใจคือ เพียงแค่ระหว่างทางพวกเขาก็เจอผู้ฝึกปราณไม่ใช่แค่กลุ่มเดียว และล้วนมีเป้าหมายเดียวกับพวกเขา คือกำลังตามหาตัวหลินสวิน!นี่ทำให้ทั้งสองยิ่งร้อนใจคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่พวกเขารู้ดีว่าศุภโชคบนตัวหลินสวินสะเทือนโลกาเพียงใด!ไม่นานเสียงคำรามของฝูงสัตว์ก็ดังขึ้นในผืนป่าไกลๆ เสียงนั่นเจือความร้อนรนและกระสับกระส่าย แม้แต่พื้นดินยังสั่นสะเทือน ราวกับมีสิ่งมีชีวิตมากมายกำลังวิ่งหนี“สวรรค์ นั่นอะไร หรือมีสัตว์ประหลาดพลิกฟ้าอะไรจะก้าวข้ามด่านเคราะห์? กลิ่นอายของเคราะห์เมฆานั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว…”ในผืนป่าบริเวณนั้น เสียงตกตะลึงดังขึ้นเป็นระยะๆ เห็นได้ชัดว่ามีผู้แข็งแกร่งมากมายมาถึงที่นี่และเห็นความผิดปกตินี้ สายตาต่างมองไปในทิศเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายที่นั่นเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่โดดๆ เหนือภูเขามีเมฆดำก้อนหนาปกคลุมท้องฟ้า รวมตัวหมุนตลบต่อเนื่อง ไร้ซึ่งสุ้มเสียง เงียบสงบผิดปกติ ปลดปล่อยกลิ่นอายอันกดดันที่ราวกับจะทำลายล้างโลก พาให้อกสั่นขวัญแขวนน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว บรรยากาศนั่นทำให้เหล่าสัตว์หวาดกลัว วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งกระสับกระส่ายแม้แต่ผู้ฝึกปราณที่มาถึงที่นี่ แต่ละคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด สูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ ใครจะก้าวข้ามด่านเคราะห์กัน เหตุใดบรรยากาศจึงกดดันและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้?“นี่คือ ‘อสนีเคราะห์ถ้ำผสาน’ ของระดับหยั่งสัจจะ เพียงแต่…ปรากฏการณ์ประหลาดนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว แม้แต่บุตรเทพแต่กำเนิดสมัยบรรพกาล ก็เหมือนจะไม่สามารถชักนำให้เกิดด่านเคราะห์อสนีเช่นนี้ได้…”ในขณะเดียวกัน บุตรเทพอวี่เซียวเซิงเองก็สังเกตเห็นทุกอย่างนี้ เมื่อเห็นเมฆสีดำก่อตัวบนฟากฟ้า ในใจเขาก็อดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย“ในตำราโบราณมีบันทึกหรือไม่”ด้านข้างดวงตากระจ่างของธิดาเทพหลินหลางเจือแววประหลาด สีหน้าเต็มไปด้วยความหนักใจ“ไม่มี”อวี่เซียวเซิงส่ายหน้าธิดาเทพหลินหลางหวั่นไหวทันที ในเผ่าวาฬมังกรที่อวี่เซียวเซิงอยู่เก็บรักษาตำราโบราณที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพกาลมากมาย ในนั้นมีบันทึกเกี่ยวกับคณาเคราะห์มหามรรคไม่น้อยแต่ตอนนี้อวี่เซียวเซิงกลับซื่อตรงกล่าวว่าไม่เคยได้ยินด่านเคราะห์อสนีเช่นนี้ นี่ดูผิดปกติมาก!“ดูนั่น บนยอดเขามีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่!”นัยน์ตาของอวี่เซียวเซิงสาดประกายเย็นเยียบทันที มองไปยังภูเขาที่อยู่ในห่างไกล “เป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้น! เขาจะก้าวข้ามด่านเคราะห์งั้นหรือ”“ต้องเป็นเขาแน่ ข้าเคยปะทะกับเขา มั่นใจว่าเขาเป็นเพียงระดับมหาสมุทรขั้นสมบูรณ์เท่านั้น!”ธิดาเทพหลินหลางกัดฟัน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความชิงชัง“ระดับมหาสมุทรขั้นสมบูรณ์?”อวี่เซียวเซิงใจสั่นสะเทือน ยามนี้เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าปัญหาค่อนข้างรุนแรง พลังต่อสู้ของธิดาเทพหลินหลางแข็งแกร่งเพียงใดเขาย่อมรู้ดี ฆ่าผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเหมือนเชือดไก่กา ง่ายดายอย่างที่สุดแต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับสู้กับธิดาเทพหลินหลางได้ ถึงขั้นที่ช่วงชิงเสี้ยวคัมภีร์มรรคส่วนหนึ่งไปจากมือนาง เรื่องนี้ดูผิดปกติเกินไปแล้ว!“เจ้าก็ตระหนักได้แล้วใช่หรือไม่ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นเหมือนปีศาจ ถ้าปล่อยให้เขาเติบใหญ่ขึ้นมา วันหน้าจะต้องเป็นศัตรูที่ใหญ่หลวงของทั้งเจ้าและข้าแน่!”ธิดาเทพหลินหลางสูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเคร่งขรึม “เหมือนกับตอนนี้ เจ้ากล้าจินตนาการหรือไม่ว่าถ้าเขาก้าวข้ามด่านเคราะห์นี้ได้ ความสามารถจะเพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด”“ต้องฉวยโอกาสนี้กำจัดเด็กคนนี้ซะ!”อวี่เซียวเซิงพูดออกมาทีละคำ นัยน์ตาเผยไอสังหาร ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ทำทุกอย่างเพื่อหวังจะช่วงชิงวาสนาในตัวหลินสวิน เช่นนั้นตอนนี้เขาก็ทำเพื่อกำจัดศัตรูอันใหญ่หลวงในวิถียุทธ์คนหนึ่งเพราะเขารู้ดีว่า คนอย่างหลินสวินเมื่อผงาดขึ้นมาได้แล้ว จะต้องเปล่งประกายเจิดจ้ากดข่มพวกเขาอย่างแน่นอน!เปรี้ยง!ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นจากท้องฟ้าที่ห่างออกไป ราวกับเสียงคำรามอันเดือดดาลของเทพสายฟ้า สั่นสะเทือนไปทั่วโลกา เสียงดังกึกก้องน่าหวั่นหวาดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในผืนป่าแห่งนี้หมื่นสัตว์โหยหวน หมอบคลานตัวสั่นอยู่กับพื้น อานุภาพสูงส่งเทียมฟ้านี้ทำให้พวกมันตื่นกลัวแม้แต่ผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ยามนี้ต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ถูกบรรยากาศอันกดดันที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดปกคลุมจนแข็งทื่อไปทั้งตัวพลันเห็นว่าบนฟากฟ้า พยับเมฆสีดำถูกสายฟ้าสีม่วงที่ส่องแสงงดงามผ่าฉีก ส่องสว่างฟ้าดิน อานุภาพไร้ขีดจำกัดมองจากระยะไกลดูเหมือนมังกรสีม่วงน่าเกรงขามและพรั่นพรึงเคลื่อนผ่านส่วนลึกของเมฆดำ หมายจะทำลายล้างโลก!เพียงแค่อานุภาพแบบนี้ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายตกใจ สีหน้าซีดเซียวเคราะห์สวรรค์นี้…เรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าดิน น่พรั่นพรึงไร้เทียมทาน!“เป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้น!”“ที่แท้ก็เป็นเขาที่ชักนำให้เกิดอสนีเคราะห์”“สวรรค์ ที่แท้เขายังไม่ได้บรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะ แต่กลับฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะของเผ่าสิงห์โลหิตและเผ่าวาฬมังกรมากขนาดนั้น นี่มัน…วิปริตชัดๆ”“วิปริตจริงๆ เจ้าดูอานุภาพของอสนีเคราะห์นั่นสิ ที่ผ่านมาเคยเห็นซะที่ไหน”ในพื้นที่บริเวณรอบๆ เสียงร้องตกตะลึงดังขึ้นเป็นระลอก ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งจากเผ่าไหน ยามนี้ต่างตกใจเพราะจำฐานะของหลินสวินได้นัยน์ตาของผู้แข็งแกร่งมากมายเต็มไปด้วยไอสังหาร ต่างเคลื่อนไหวหมายจะเข้าไปจู่โจม ด่านเคราะห์ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากไม่มีวิชาป้องกันตัว ก็ง่ายมากที่จะประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝัน!แม้สุดท้ายจะก้าวผ่านด่านเคราะห์สำเร็จ สภาพร่างกายก็จะอ่อนแออย่างที่สุด หากฉวยโอกาสนี้ลงมือจะต้องฆ่าเขาได้อย่างแน่นอน!“บนตัวของเด็กคนนี้มีวาสนาใหญ่ซ่อนอยู่ ฉวยโอกาสตอนนี้ย่อมสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย!”ผู้ฝึกปราณมากมายที่เร่งเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศต่างจับตาดูภาพนี้ และเกิดความคิดเหมือนกัน นั่นคือตีชิงตามไฟ……บนยอดภูเขาสายฟ้าสีม่วงนั่นมาเยือน ในที่สุดหลินสวินที่เอามือไพล่หลังอยู่ก็ขยับตัว!สวบ!เขาไม่ถอยไม่หลบ เงาร่างราวกับภาพมายาชือน้ำแข็ง ร่างกายแผ่แสงสีฟ้า เคลื่อนไหวกลางอากาศ แต่กลับพุ่งเข้าหาอสนีเคราะห์นั่น!“เจ้านั่นจะต้านรับอสนีเคราะห์รึ นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ”ผู้ฝึกปราณหลายคนอุทานด้วยความตกใจ ด่านเคราะห์อสนีนั่นน่าสะพรึงกลัวมาก เห็นได้ยากและไร้เทียมทาน คนที่อยู่ในระยะไกลออกมายังอกสั่นขวัญแขวน แต่หลินสวินกลับเข้าไปรับด้วยตัวเอง ทำให้พวกเขาต่างประหลาดใจเปรี้ยง!สายฟ้ารอบแรกผ่าลงมา แสงสีม่วงกระจาย ประจุไฟฟ้าผสมผสาน ส่องสว่างธาราขุนเขาร่างของหลินสวินอาบอยู่ในนั้น ส่องประกายระยับไปทั้งตัว ตั้งรับตรงๆ ทั้งอย่างนั้น แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ทำให้หลายคนอดตะลึงไม่ได้ต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงใดจึงไม่กลัวถูกด่านเคราะห์อสนีผ่าตายสามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าไอโลหิตรอบตัวหลินสวินราวกับมังกร พุ่งออกจากร่างของเขาสายแล้วสายเล่า พลุ่งพล่านโหมกระหน่ำดั่งคลื่นที่ซัดสาด!นั่นคือพลังกายอันบริสุทธิ์ เป็นการปลดปล่อยศักยภาพของร่างกายแบบหนึ่ง หากได้สำแดงออกมา แค่เพียงการเคลื่อนไหวของร่างกายก็สามารถกวาดล้างผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันได้แล้ว!เปรี้ยง!ไม่นานอสนีเคราะห์รอบที่สองก็มาเยือน แต่กลับกลายเป็นพายุสายฟ้า ดูราวกับฝนแสง แต่ล้วนแปรมาจากสายฟ้าที่บริสุทธิ์ที่สุด!พายุสายฟ้ากระหน่ำลงมา ทำให้ร่างทั้งร่างของหลินสวินจมมิด ฟ้าดินทั้งแถบกลายเป็นสีม่วง ราวกับมหาสมุทรสายฟ้า น่าประหวั่นอย่างที่สุด“นี่…นี่มันด่านเคราะห์อะไรกัน เหตุใดจึงสะท้านขวัญเช่นนี้” มีคนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก หนังหัวชาวาบ“ตายหรือยัง” หลายคนจ้องตาโตทันใดนั้นเสียงตึกๆๆ ดังกึกก้อง นั่นคือเสียงหัวใจเต้น เพียงแต่ยามนี้กลับประหนึ่งกลองที่กำลังสั่นสะเทือน ดังก้องอยู่ในหูจากนั้นทุกคนต่างเห็นว่าร่างของหลินสวินปรากฏขึ้นในมหาสมุทรพายุสายฟ้า แสงสายฟ้าเป็นระลอกๆ ชำระล้างร่างกายของเขา ทำให้ร่างของเขาเจิดจ้าแวววาว แม้แต่รูขุมขนยังเปล่งประกายสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นสุด ผิวหนังยิ่งดูไร้ที่ติ เกลี้ยงเกลาดุจแก้วใส ปรากฏคลื่นแห่งการยกระดับอันแข็งแกร่งทรงพลัง“ร่างกายแปรสภาพ! นี่เขาจะเดินบนสายกายหยาบอริยะหรือ”เหล่าผู้แข็งแกร่งตะลึง รับรู้ได้ว่าตอนที่อสนีเคราะห์รอบที่สองผ่าลงมา ร่างกายของหลินสวินกลับราวได้รับการชำระล้างและยกระดับ เริ่มแปรสภาพเปลี่ยนกระดูก เกิดการเปลี่ยนแปลงจนถึงขีดสุด!“ต้องฆ่าเขาให้ได้ จะให้เขามีชีวิตรอดจนก้าวข้ามด่านเคราะห์สำเร็จไม่ได้เด็ดขาด…”เห็นทั้งหมดนี้แล้ว ไอสังหารของอวี่เซียวเซิงและธิดาเทพหลินหลางก็ยิ่งทวีความรุนแรง อสนีเคราะห์นั่นน่าสะพรึงกลัวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่หลินสวินกลับไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด ทั้งยังอาศัยด่านเคราะอสนีช่วยแปรสภาพ นี่มันตัวประหลาดชัดๆ!คนแบบนี้หากเติบใหญ่ขึ้นมา คนในรุ่นเดียวกันใครจะปราบเขาได้เปรี้ยง!พายุสายฟ้าทั่วท้องฟ้าราวกับถูกชักนำ หลอมรวมและชำระล้างร่างกายของหลินสวินอย่างต่อเนื่อง ทำให้รอบกายเขาไหลวนด้วยรุ้งศักดิ์สิทธิ์ ส่องสะท้อนธาราขุนเขาในที่สุดอสนีเคราะห์รอบที่สองก็สงบลงแต่ตอนนี้หลินสวินก้าวขึ้นกลางอากาศอย่างไม่ลังเล ก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วพุ่งเข้าไปในเมฆาเคราะห์อันมืดครึ้มนั่นอีกครั้งรอบตัวเขาเปล่งประกายราวกับกระจกใส ผมดำเจือแสงมันวาวไหวสยายตามสายลม สีหน้ามั่นคงสงบนิ่ง เยือกเย็นอยู่เหนือข้อพิพาทใดๆเปรี้ยง!ไม่รอให้หลินสวินเข้าใกล้ ในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ อสนีเคราะห์รอบที่สามก็มาเยือน ฟ้าถล่มดินทลาย พายุสายฟ้าสีทองม่วงระเบิดตัว กว้างใหญ่ไม่สิ้นสุด กึกก้องสะเทือนหู!อสนีเคราะห์รอบที่สามน่าสะพรึงกลัวกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แค่มาถึงหลินสวินก็ถูกผ่าจนร่วงลงจากกลางอากาศ เผ้าผมยุ่งเหยิง สีหน้าขาวซีดในขณะที่ปากกระอักเลือด!……………………..
คอมเม้นต์