Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 559 ชิงคัมภีร์มรรค
น้ำเสียงเต็มไปด้วยไอสังหารและการข่มขู่ก็เห็นธิดาเทพหลินหลางไม่รู้หันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็นกวาดมองหลินสวินเพียงแต่นางอยู่ในช่วงสำคัญที่ต้องกำราบคัมภีร์สีทองเล่มนั้น ไม่มีกำลังแบ่งมาลงมือ ได้แต่ใช้คำพูดข่มขู่“ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว ยังจะกลัวคำขู่เจ้าทำไม”หลินสวินสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ขณะพูดก็สังหารอย่างต่อเนื่อง เปิดฉากนองเลือดฉากหนึ่ง“เจ้ารนหาที่ตาย!”ธิดาเทพหลินหลางโกรธจนหน้าเขียว กัดฟันกรอด แต่ที่จนปัญญาคือเวลานี้นางไม่อาจแบ่งกำลังมาจัดการกับหลินสวิน ได้แค่หักห้ามใจไว้ชั่วคราวเพียงแต่ภายในใจ นางได้ตัดสินโทษประหารหลินสวินแล้วนางไม่ลังเล ตั้งใจจดจ่อกับการสยบคัมภีร์สีทองเล่มนั้น โคจรพลังทั้งหมด ถึงขั้นใช้วิชาลับทั้งหมดโดยไม่เสียดาย ปากกระอักเลือดพิสุทธิ์ออกมา ทำให้อานุภาพระฆังสำริดสีเลือดนั่นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม กดข่มคัมภีร์ทองจนไร้แรงดิ้นรน ได้แต่ส่งเสียงคร่ำครวญซ่า…ไม่ช้าคัมภีร์สีทองก็เงียบงันลง หน้าคัมภีร์คลายลงก่อนพลิกตลบเปิดออก ลำแสงทองไหลบ่าเอ่อล้น ภายในเต็มไปด้วยอักษรโบราณลึกซึ้งยากหยั่งถึง ขยับเคลื่อนมีชีวิตชีวาราวกับไส้เดือนธิดาเทพหลินหลางรู้สึกยินดีขึ้นมา รู้ว่าคัมภีร์เล่มนี้ใกล้ถูกกำราบและจะกลายเป็นของตนแล้วสวบ!แต่ทว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้ ลำแสงดุจแพรไหมสายหนึ่งม้วนพัดมา ตวัดรัดคัมภีร์เล่มนั้นอย่างแน่นหนาแสงมรรคทองนิลกาฬ!เป็นหลินสวินที่หลังจากสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตพวกนั้นก็ลงมืออย่างเหี้ยมหาญ หมายฉวยโอกาสชิงคัมภีร์เล่มนี้เดิมทีเขาคิดว่าจะสังหารธิดาเทพหลินหลางก่อน แต่ในใจเขาประจักษ์ชัดแจ้งว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวถึงขีดสุด หากมิอาจปลิดชีพในคราเดียว เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ถึงขั้นทำให้สูญเสียคัมภีร์เล่มนี้ไปด้วย“รนหาที่ตาย!”ธิดาเทพหลินหลางบันดาลโทสะ โกรธจนนัยน์ตาทั้งสองดุจเปลวเพลิงร้อนระอุ ระฆังสำริดสีเลือดเหนือศีรษะนางส่งคลื่นเสียงเรียบง่ายทรงพลัง แผ่ขยายออกพันธนาการคัมภีร์เล่มนั้นไม่ให้มันถูกชิงไปแต่สิ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึงคือ แสงมรรคทองนิลกาฬกลับไม่ถูกสั่นสะเทือนทลายลง!นี่มันสมบัติอะไรกันสายตาธิดาเทพหลินหลางจ้องไปยังเจดีย์ไร้อักษรนั่นในมือหลินสวินทันที ตระหนักได้ว่านี่ต้องเป็นสมบัติลับที่ล้ำค่าเหนือจินตนาการอย่างหนึ่งเช่นกัน อานุภาพไม่ด้อยไปกว่าระฆังสำริดสีเลือดของตนเลยครืน!นางสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง ฝนกระบี่สีเลือดห่าหนึ่งถาโถมออกมาหนาแน่นราวน้ำตก แสงโลหิตเชี่ยวกราก พลานุภาพน่าหวาดหวั่นขณะเดียวกันนางควบคุมระฆังสำริดสีเลือดเต็มกำลัง หมายฉวยโอกาสชิงคัมภีร์สีทองนั่นไป“หึ!”หลินสวินยิ้มยะเยือก มือกระชับดาบหักมั่น ไอดาบประกายดาวเจิดจรัสแผ่กระจาย สลายฝนกระบี่สีโลหิตผืนนั้นทั้งมวลขณะเดียวกันเขาก็กระตุ้นแสงมรรคทองนิลกาฬ หมายแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่นไป ไม่ถอยแม้เพียงก้าวดูเหมือนจะง่าย แท้จริงแล้วเลือดลมทั่วร่างหลินสวินก็ม้วนตลบ รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด การโจมตีนี้ของธิดาเทพหลินหลางน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว แฝงพลังสัจจะมหามรรค แม้ถูกคลี่คลายลง แต่ก็ทำให้เขาถูกสะเทือนเกือบจะบาดเจ็บนี่ทำให้หลินสวินกริ่งเกรงอยู่ในใจยิ่งกว่าเดิม นางมารนี่แม้มีเพียงปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นต้น แต่พลังต่อสู้กลับแข็งแกร่งหาใดเปรียบ บางทีเมื่อเทียบกับเซียวหรัน ซูซิงเฟิง จ้าวจิ่งเซวียนพวกนี้แล้วอาจไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร!ในใจธิดาเทพหลินหลางยิ่งสั่นสะท้านมากกว่า แค่เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง สามารถคลายกระบวนท่าสังหารของนางลงง่ายดายเช่นนี้ นี่ทำให้นางแทบไม่อยากเชื่ออยู่บ้างเจ้าหมอนี่เป็นใครตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เผ่ามนุษย์ปรากฏตัวประหลาดเช่นนี้ครืน!ทั่วร่างธิดาเทพหลินหลางเอ่อล้นด้วยแสงโลหิต ซัดสาดโหมกระหน่ำประดุจมหาสมุทร พลานุภาพน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม นางรู้ตัวว่าสถานการณ์ร้ายแรง ต้องจัดการหลินสวินโดยเร็วที่สุดฝนแสงประกายโลหิตแถบหนึ่งพวยพุ่ง อุดมด้วยพลังสัจจะมหามรรคอันน่าอัศจรรย์ เสมือนดั่งชั้นเมฆสีเลือดเยื้องกรายมาถึงห้วงอากาศปั่นป่วนอลหม่าน หลินสวินพยายามต่อต้านสุดกำลังโดยใช้กระบวนท่าสอยจันทรา แต่ยังคงสะเทือนจนเลือดลมทั่วร่างพลิกตลบ สีหน้าซีดเผือดเกือบกระอักเลือดทว่าท้ายที่สุดก็ถูกเขาต้านทานลงได้ ไม่ประสบเภทภัยอันใดขณะเดียวกัน หลินสวินพลันกัดฟันกรอด สะบัดมือปล่อยหนอนกินเทพออกมาแถบหนึ่ง กลายเป็นแสงทมิฬพุ่งสังหารไปยังธิดาเทพหลินหลางแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึงคือ หนอนกินเทพที่ก่อนหน้านี้ทำอะไรล้วนราบรื่น ยังไม่ทันได้เข้าประชิดก็ถูกคลื่นเสียงที่แผ่ออกจากระฆังสำริดสีเลือดนั่นขวางกั้น ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้เพียงคืบ!นี่เป็นครั้งแรกที่หนอนกินเทพถูกขัดขวาง!เห็นชัดว่าระฆังสำริดสีเลือดนั่นอัศจรรย์และแข็งแกร่งมาก พลังที่ปล่อยออกมาไม่ใช่สิ่งที่หนอนกินเทพสามารถกำจัดได้ซ่า…ธิดาเทพหลินหลางลงมืออีกครั้ง หมอกแสงสีโลหิตถาโถมโหมกระหน่ำ เสมือนโผล่จากธารโลหิตแห่งนรกภูมิ หมายสยบสิ้นสรรพชีวิตบนโลกหล้า!หลินสวินไหนเลยจะกล้าละเลย ต่อต้านมันอย่างสุดกำลังครืน! ตูม!ทันใดนั้นตำหนักแห่งนี้แสงเลือดพลุ่งพล่านไปทั่ว ไอดาบตัดสลับ ต่อสู้จนมืดฟ้ามัวดิน สุริยันจันทราหม่นแสง ปรากฏเป็นภาพน่าอกสั่นขวัญแขวนหาใดเปรียบแต่ขณะที่เข่นฆ่าโรมรันอย่างดุเดือด ไม่ว่าธิดาเทพหลินหลางหรือหลินสวิน ต่างไม่ลดละที่จะแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่นคนหนึ่งควบคุมระฆังสำริดสีเลือด คนหนึ่งใช้เจดีย์ไร้อักษร ไม่ว่าใครล้วนไม่อาจช่วงชิงคัมภีร์สีทองนั่นอย่างราบรื่น ติดขัดกันอยู่ตรงนั้น“สหาย มิสู้เจ้าถอยไปชั่วคราว ข้าหลินหลางรับรองว่าครานี้จะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิต ไม่ให้เจ้าลำบากใจ เป็นอย่างไร”ธิดาเทพหลินหลางเอ่ยปาก ในใจร้อนรนอยู่บ้าง ความแข็งแกร่งของหลินสวินเหนือการคาดเดาของนาง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีแต่จะเกิดตัวแปรมากยิ่งขึ้น“มิสู้เจ้ายอมแพ้ ข้าให้เจ้าจากไปอย่างมีลมหายใจเป็นอย่างไร”หลินสวินไม่สะทกสะท้านขณะที่พูด ทั้งสองยังต่อสู้อย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่า หลินสวินแม้สามารถต้านทานไว้ได้ แต่กลับถูกกระเทือนจนสีหน้าซีดเผือดหาใดเปรียบ หลายต่อหลายครั้งแทบจะกระอักเลือดออกมานางมารนี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว พูดถึงพลังและกำลังรบ เห็นชัดว่าเหนือกว่าหลินสวินอยู่บ้างนอกเสียจากว่าหลินสวินจะก้าวสู่ระดับหยั่งสัจจะ อาจจะสามารถกำราบนางลงได้ แต่ตอนนี้คงไม่ไหว อย่าว่าแต่กำราบนาง แม้แต่จะโจมตีกลับยังทำได้ยาก ได้แต่พยายามป้องกันตนเองนั่นทำให้ในใจหลินสวินร้อนรนอยู่บ้าง ถ้าเกิดยังยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ นานเข้ารังแต่จะทำให้เขาถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว บางทีอาจจะพ่ายแพ่ในการต่อสู้ครั้งนี้ก็เป็นได้‘ต้องใช้วิธีฉุกเฉินบ้างแล้ว!’ หลินสวินแอบกัดฟันกรอดเกือบจะเวลาเดียวกัน ธิดาเทพหลินหลางก็ตัดสินใจเด็ดขาดอยู่ในใจว่าจะจู่โจมสังหารหลินสวินโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น“ตาย!”“เจ้าคางคก ฝากเจ้าด้วย!”ทั้งสองคนบุกโจมตีในเวลาเดียวกันโดยมิได้นัดหมายก็เห็นธิดาเทพหลินหลางยกมือซัดมุกสีโลหิตแปลกประหลาดหาใดเปรียบเส้นหนึ่ง รัศมีสายฟ้าไหลหลั่งแน่นหนาพาให้ขนพองสยองเกล้าในเวลาเดียวกันนี้ จินตู๋อีปีศาจผู้งดงามราวปีศาจในชุดคลุมเขียวปรากฏตัวแล้ว ดูเหมือนเขาจะอึดอัดอยู่นานเกินไป ทันทีที่ปรากฏตัวก็แหงนหน้ามองฟ้าหัวเราะร่าอย่างอดไม่อยู่ “เจ้าหนู การตัดสินใจของเจ้าครั้งนี้ฉลาดมาก มีข้าออกโรง ใต้หล้านี้ใครจะมีชัยเหนือกว่า… ไอ๊หยา! แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย ทำไมถึงเป็นมุกอสนีโลหิตสวรรค์ล่ะเฮ้ย!?”เมื่อเหลือบเห็นรัศมีสายฟ้าสีเลือดครอบคลุมมาถึง จินตู๋อีก็ร้องเสียงหลงทันที ถูกผ่าจนขนหัวตั้งชันหนีตายอุตลุด“เป็นใครกัน ใครมันใช้อาวุธสังหารต้องห้ามเช่นนี้ โอ๊ยๆ มารดามันเถอะ ข้าโกรธแล้วนะ ข้าโกรธแล้ว!”จินตู๋อีกระหืดกระหอบ ถูกอสนีบาตสีเลือดนั่นฟาดผ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผิวหนังดำไหม้เกรียมไปหมด ทั้งเนื้อทั้งตัวน่าอเนจอนาถหาใดเปรียบ ราวกับถ่านไม้ไหม้เกรียมก็มิปาน ไหนเลยจะเหลือท่วงท่าสง่างามหล่อเหลาทระนงองอาจแม้เพียงเสี้ยวในใจหลินสวินหมดคำจะพูดไปพักหนึ่ง เดิมทีเขาหารือกับเจ้าคางคกไว้แล้ว หากสามารถแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่นมาได้ จะให้เขาศึกษาค้นคว้าด้วยกันใครจะคาดคิด เจ้าหมอนี่เพิ่งปรากฏตัวก็ถูกฟ้าผ่าจนหนีหัวซุกหัวซุน มือไม่พายเอาเท้าราน้ำซะจริง!แต่ธิดาเทพหลินหลางกลับเบิกตากว้าง ในใจสั่นสะท้านไม่หยุด นั่นคือมุกอสนีโลหิตสวรรค์ เป็นไพ่ไม้ตายก้นหีบของนางเชียวนะหากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะทั่วๆ ไปคงถูกผ่าตายไปนานแล้ว ใครจะคิดว่าเจ้าคนชุดเขียวนั่นกลับรับไว้ได้!แม้ถูกผ่าจนร้องโอดโอยซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่กลับยังไม่ตาย!นี่มันน่าสยองขวัญเกินไปแล้ว เจ้าหมอนี่เป็นใครกันแน่ อสนีโลหิตสวรรค์ยังไม่อาจผ่าเขาให้ตายได้ พลังชีวิตเย้ยฟ้าเกินไปแล้วกระมัง“นางตัวดี! เจ้าถึงกับกล้ารังแกข้าเช่นนี้ เจ้ารอก่อนเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะจับเจ้าแก้ผ้า แขวนเจ้านุ่งลมห่มฟ้าเฆี่ยนโบยให้หนัก ทำให้เจ้าเชื่อฟังคุกเข่าเรียกข้าว่านายท่าน!”จินตู๋อีร้องโหยหวนไปพลาง ก่นด่าสาปแช่งไปพลาง ท่าทางเดือดดาลมีโทสะเพียงแต่คำก่นด่าสาปแช่งของเขากลับถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิงเวลานี้หลินสวินและธิดาเทพหลินหลางต่อสู้ห้ำหั่นกันอีกครั้ง ทั้งสองต่างเข้าใจกระจ่างแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นมุกอสนีโลหิตสวรรค์หรือเจ้าคางคกล้วนไร้ประโยชน์ทั้งสิ้นการตัดสินแพ้ชนะ ขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งคู่!ฆ่า!ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดบ้าระห่ำยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งขณะเดียวกันก็ยังคงแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่น เหตุการณ์ล่อแหลมอันตรายถึงขีดสุดเพียงแต่ทั้งสองไม่ว่าใครต่างคาดไม่ถึง ในช่วงที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด บนแท่นมรรคโบราณนั่นพลันมีโซ่สายหนึ่งพุ่งออกมา เคลือบแสงงามตระการ พุ่งพรวดพราดเข้าร่วมการต่อสู้ ผูกมัดคัมภีร์สีทองหมายจะนำเข้าไปยังแท่นมรรคนั่นเหตุไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ทำเอาทั้งสองคนรับมือไม่ทัน เกือบถูกแย่งชิงไป!“บัดซบ!”ราวกับรู้กันในทันที ทั้งคู่ยุติการห้ำหั่นดุเดือดพร้อมกัน เริ่มต่อสู้แย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่นเต็มกำลังทั้งสองต่างรู้ว่าท่าไม่ดี ราวกับสิ่งมีชีวิตที่หลับใหลอยู่ในหินหยกบนแท่นมรรคนั่นถูกปลุกให้ตกใจตื่นขึ้นเสี้ยวหนึ่ง ไม่อาจทานทนให้พวกเขานำคัมภีร์สีทองนี้ไปอีกทั้งโซ่สีสันงดงามตระการตานั่นยังน่าหวาดหวั่นเหลือประมาณ เต็มไปด้วยพลังต้องห้าม ทำให้พวกเขาไม่กล้าวอกแวกสู้กันอีกโดยสิ้นเชิงเปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!ก็เห็นกลางอากาศคัมภีร์สีทองถูกพันธนาการอยู่ตรงนั้น คลื่นเสียงของระฆังสำริดสีเลือด แสงมรรคทองนิลกาฬของเจดีย์ไร้อักษร รวมทั้งโซ่งามตระการเส้นหนึ่งบนแท่นมรรคนั่น ต่างรัดพันคัมภีร์สีทองไว้ ฉุดดึงกระชากลากดึงจากสามทิศทางต่างกันไป ถึงกับชะงักงันอยู่ตรงนั้น“น่าชังนัก! หากไม่ใช่เพราะเจ้า คัมภีร์เล่มนี้ก็ตกอยู่ในมือข้านานแล้ว!” ธิดาเทพหลินหลางกัดฟันกรอด โกรธจนใบหน้างามเขียวคล้ำหาใดเปรียบ“หากไม่ใช่พวกเจ้าเผ่าสิงห์โลหิตระรานคนอื่นเกินงาม ไหนเลยข้าจะถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย ยิ่งไปกว่านั้น คัมภีร์เล่มนี้แต่เดิมก็เป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ ใครคว้าไปได้ก็เป็นของคนนั้น ถึงเจ้าแค้นไปก็ไร้ประโยชน์”หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย“เจ้าวางใจ รอชิงสมบัตินี้มาได้ ข้าจะจับเจ้ามาทรมานด้วยตนเองจนอยากตายก็ไม่ได้ อยากอยู่ก็ไม่รอด!”ธิดาเทพหลินหลางกัดฟันกรอด เคียดแค้นชิงชังเหลือประมาณหลินสวินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ณ ที่นั้นกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด…โซ่งามพลันเปล่งพลัง คัมภีร์สีทองนั่นถึงกับถูกฉีกขาดดังเปรี๊ยะๆ กลายเป็นสามส่วน ถูกพวกเขาทั้งสามฝ่ายต่างคนต่างดึงไป!ซ่า…คัมภีร์สีทองที่ไม่สมบูรณ์ส่วนหนึ่งถูกแสงมรรคทองนิลกาฬสะกดเข้าสู่เจดีย์ไร้อักษร นั่นทำให้หลินสวินชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เอ่ยเรียก “เจ้าคางคก หนีเร็ว! นางมารนี่จะคลั่งแล้ว!”ขณะที่พูด เขาสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง ตวัดคว้าจินตู๋อีที่กำลังร้องโอดโอยอเนจอนาถวิ่งอย่างบ้าคลั่งเข้าไปในเจดีย์ไร้อักษร ก่อนก้าวเท้าพุ่งทะยานมุ่งไปนอกตำหนัก“คิดหนีหรือ ไม่มีทาง วันนี้เจ้าต้องชดใช้สิ่งที่เจ้าก่อทั้งหมด!”ธิดาเทพหลินหลางสีหน้าอึมครึมอำมหิต นางแค้นถึงขีดสุด ไหนเลยจะปล่อยหลินสวินหนีไปต่อหน้าต่อตา…………………
คอมเม้นต์