Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 550 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน
รุ้งศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากผืนทะเล ประหนึ่งร่างมังกรทะยานเหนือท้องนภา แสงประกายที่เปล่งออกมาสาดส่องทั่วฟ้าดิน!นี่ประดุจดั่งปาฏิหาริย์จริงๆทุกคนต่างตกตะลึง จิตใจถูกดึงดูดไป“หุบเหวสมุทรมังกรทะยาน!”ผู้เฒ่าเกาหยางริมฝีปากขยับพูดบางคำอย่างแผ่วเบา บนสีหน้าตื่นเต้นยากปกปิด “ปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าเช่นนี้ยังคงอยู่ดังคาด”“ไป!”เขาสะบัดชายเสื้อทีหนึ่ง ยานสำเภาเอ่อล้นไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ฝ่าลมโต้คลื่นมุ่งไปใกล้จุดนั้นอย่างรวดเร็วระหว่างทางผู้เฒ่าเกาหยางอธิบายเสียงทุ้มต่ำ สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ที่ราวกับร่างมังกรนั้น แท้จริงแล้วคือปรากฏการณ์ประหลาดอย่างหนึ่ง พุ่งออกมาจากหุบเหวลึกก้นสมุทรและ ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ ที่พวกเขาเสาะหาในการเดินทางครั้งนี้ ก็ซ่อนอยู่ในหุบเหวลึกก้นสมุทรนั่น!ชั่วขณะเดียวทุกคนล้วนฮึกเหิมขึ้นมาทันทีตั้งแต่เข้าสู่ทะเลกลืนวิญญาณจวบจนตอนนี้ เวลาก็ผ่านไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว ประสบพบเจอพิบัติทุกข์และอันตรายมากมาย ในที่สุดก็จะถึงจุดหมายปลายทาง ทำให้ในใจพวกเขายากที่จะนิ่งสงบ เต็มไปด้วยความมุ่งหวังครืนๆยังไม่รอให้เข้าประชิด เสียงคร่ำครวญราวฟ้าร้องพลันดังขึ้น สั่นสะเทือนฟ้าดิน ก็เห็นว่าตำแหน่งไกลออกไปที่รุ้งศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นมาปรากฏหุบเหวลึกหลุมหนึ่ง!หุบเหวกลางสมุทร!สอดส่องสายตาไป น้ำทะเลทั่วทุกสารทิศประหนึ่งไหลหลากรวมเป็นสายเดียวกัน หลั่งครืนลงไปยังส่วนลึกก้นหุบเหว เกิดเป็นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นอันน่าหวาดกลัวปรากฏการณ์นั้นผิดแปลกยิ่งใหญ่สง่างาม หุบเหวลึกหลุมหนึ่งที่ปรากฏกลางผืนน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา ดูดกลืนน้ำทะเลทั่วทศทิศ ลึกล้ำยากหยั่งถึง เปรียบเสมือนปากทางเข้าสู่พิภพลึกลับ ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านเมื่อเทียบกับหุบเหวลึกนี้แล้ว สุริยันจันทราราวเล็กลงถนัดตา ยามยานสำเภาเคลื่อนใกล้ก็เหมือนดั่งธุลีทรายเม็ดหนึ่ง เสมือนไม่อยู่ในสายตายิ่งกว่าเดิม“นี่… นี่มันใช่หุบเหวลึกหลุมหนึ่งหรือเนี่ย ใหญ่เกินไปแล้ว!”เหวินเสียงตะลึงงัน ดวงตาเบิกกว้างคนอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ในใจสะทกสะท้าน พวกเขาไม่เคยเห็นหุบเหวสมุทรใหญ่เช่นนี้มาก่อน ราวกับสามารถกลืนกินฟ้าดินได้เลยทีเดียว!ยานสำเภาพลันสั่นสะเทือนทันที ถูกพลังที่มองไม่เห็นดึงม้วนพุ่งไปยังส่วนลึกของหุบเหวกว้างใหญ่นั่น“หยุด!”ผู้เฒ่าเกาหยางส่งเสียงตะโกนลั่น แสงสว่างเรืองรองทั่วร่าง เผยวิชาลับออกมากว่าจะสามารถฝืนหยุดยานสำเภาไว้ได้ หักล้างแรงดึงซึ่งมองไม่เห็นนั่นออกไปแต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ผู้เฒ่าเกาหยางยังคงเหงื่อตกไปทั่วร่างอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากยานสำเภาโชคร้ายถูกม้วนกลืนลงไปในหุบเหวสมุทรนั่น อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ราชันแห่งระดับสังสารวัฏก็เรียกได้ว่าประสบภัยพิบัติ!คนอื่นล้วนแข็งทื่อไปทั้งร่าง เผยสีหน้าจริงจัง ตระหนักรู้ว่าหุบเหวลึกนั่นไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน ยังเต็มไปด้วยพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงกลัว ล่อแหลมอันตรายหาใดเปรียบ“ท่านผู้เฒ่า แดนลับอสูรมารอริยะนั่นซ่อนอยู่ภายใต้หุบเหวสมุทรนี้จริงหรือ”จ้าวจิ่งเซวียนอดถามไม่ได้ผู้เฒ่าเกาหยางพยักหน้าพลางกล่าว “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ครั้งนี้ข้าพกมหาสมบัติชิ้นหนึ่งติดตัวมาด้วย พอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปในนั้นอย่างปลอดภัย”ได้ยินดังนั้นคนอื่นๆ ก็ลอบเป่าปากโล่งอก หากให้พวกเขาบุกเข้าไปยังหุบเหวลึกนี่ด้วยตนเอง นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับส่งไปตายหลินสวินยืนอยู่ข้างจ้าวจิ่งเซวียนตลอด นิ่งเงียบไม่ส่งเสียง แท้จริงแล้วในใจเขาก็แอบตกตะลึงไม่หยุด ใครเล่าจะคิดว่า ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณนี้จะมีหุบเหวสมุทร ‘ยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด’ อยู่หลุมหนึ่งเช่นนี้และใครเล่าจะคิดว่า ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ นั่นจะซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหุบเหวสมุทรนี่‘กบในกะลา หุบเหวสมุทรอะไร ไม่มีความรู้สักนิด นี่คือ ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’! ครั้งบรรพกาลแม่น้ำแต่ละสายทั่วเทวาจักรวาลพิภพ แม้กระทั่งสายนทีในทางช้างเผือกของส่วนลึกจักรวาลล้วนไหลรวมเริ่มต้น ณ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ลึกลับนี่ทั้งสิ้น!’ทันใดนั้นเองเสียงหัวเราะเยาะเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูหลินสวินนั่นคือเสียงของจินตู๋อี เจ้าหมอนี่ยอมรับชะตากรรมแล้ว จนใจรับเงื่อนไขของหลินสวิน ตกปากรับคำว่าจะให้ความร่วมมืออย่างดีกับหลินสวิน ขอเพียงแค่เมื่อไหร่ที่หลินสวินอารมณ์ดีก็จะปล่อยเขาไป‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์?’หลินสวินสีหน้าราบเรียบ ใช้การสื่อจิตกลับไป‘หรือว่าเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ครั้งบรรพกาลมีจตุโบราณสถาน แยกออกเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มาตุภูมิเทพเซียนคุนหลุน ดินแดนแห่งศุภโชค และอัศจรรย์พิภพ ถูกขนานนามว่าเป็นจตุสถานซึ่งลึกลับที่สุดแห่งมหามรรค แม้แต่อริยบุคคลครั้งบรรพกาลต่างไม่อาจอนุมานความเร้นลับของมันได้’หลินสวินสูดลมหายใจเย็นเยือก สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด ข่าวลือลึกลับเช่นนี้ช่างสั่นสะเทือนใต้หล้าเกินไปแล้ว เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเห็นหลินสวินถูกทำให้หวาดหวั่น จินตู๋อีก็อวดดีขึ้นมาทันที ก่อนกล่าวอย่างภาคภูมิ ‘มาพูดถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่ดีกว่า ครั้งบรรพกาลรอบด้านของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์โอบล้อมด้วยคีรีเทพห้าลูก แยกออกเป็นอิ๋งโจว เผิงไหล ฟางหู ไต้อวี่ หยวนเจี้ยว’‘คีรีเทพแต่ละลูกบนล่างเหยียดยาวสามหมื่นลี้ ระหว่างภูเขาห่างกันเจ็ดหมื่นจั้ง ด้านบนทะลุธารดารา ด้านล่างประชิดนรกขุมที่เก้า มีเพียงอัครอริยมรรคอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะย่างก้าวบนนั้นได้ พิจารณาความอัศจรรย์ของมัน สำหรับผู้ฝึกปราณธรรมดาทั่วไป อย่าได้พูดถึงการขึ้นไปบนยอดเลย แม้แต่จะมองก็มองไม่เห็น!’‘น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าครั้งบรรพกาลเกิดภัยพิบัติอะไรขึ้น คีรีเทพห้าลูกนี้จึงไม่อยู่แล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่…’ได้ยินตำนานบรรพกาลเหล่านี้ ในใจหลินสวินไม่อาจนิ่งสงบยิ่งกว่าเดิม แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ว่าลึกลับเพียงพอแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมีคีรีเทพห้าลูกโอบล้อมอีก!ถึงขั้นมีเพียงอัครอริยมรรคจึงจะสามารถขึ้นไปยังคีรีเทพนั้นได้!นี่ช่างสั่นสะเทือนใจผู้คนเกินไปแล้วอัครอริยมรรคเชียวนะ นั่นคือตัวตนน่ากลัวซึ่งเหยียบย่ำบนเส้นทางอมตะ ทว่ากลับมีคุณสมบัติเพียงได้ขึ้นไปยังคีรีเทพ…‘เจ้าคางคก เจ้ารู้ไหมว่าแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ซ่อนอะไรไว้กันแน่’หลินสวินอ่อนน้อมถ่อมตนขอคำชี้แนะ ทันใดนั้นเขาก็พบว่าจินตู๋อียังเป็นผู้ที่ราวกับของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ไม่เพียงแต่วินิจฉัยแยกแยะทุกสรรพสิ่ง รู้จักของล้ำค่าแปลกประหลาดอย่างถ่องแท้ ยังรู้ความลับแห่งบรรพกาลมากมาย เอาไว้ข้างตัวจะต้องเค้นประโยชน์ออกมาได้มากมายเป็นแน่‘ไม่รู้สิ’จินตู๋อีพลันตอบอย่างไม่ลังเล ‘แต่ที่ข้าสามารถยืนยันได้คือ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่เหมือนกับสมัยบรรพกาลแล้ว เกิดอุบัติภัยอันน่าตกตะลึงบางอย่าง มิฉะนั้นพวกเจ้าไม่มีทางมองเห็นมันแน่’หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง ในใจแปลกใจสงสัยยิ่งกว่าเดิม แดนลับอสูรมารอริยะแห่งหนึ่งถึงกับซ่อนอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ นี่มันไม่ธรรมดาเกินไปแล้ววู้ วู้ วู้…เวลานี้จู่ๆ เสียงเป่าเขาสัตว์อันวิเวกวังเวงพลันดังขึ้นระหว่างฟ้าดิน ทำให้หลินสวินตื่นตกใจทันที ก่อนเงยหน้ามองออกไป“มีคนมา!”ผู้เฒ่าเกาหยางนัยน์ตาหรี่ลง คนอื่นๆ ต่างก็ถูกทำให้ตื่นตระหนกเช่นกันพลันเห็นบนผืนน้ำไกลสุดหล้า ปรากฏวาฬยักษ์ยาวหลายพันจั้งตัวหนึ่ง ประหนึ่งผืนดินผืนหนึ่งลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ พัดระลอกคลื่นยักษ์หมื่นจั้งมุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็วบนหลังวาฬยักษ์นั่นมีเงาร่างยืนอยู่อย่างหนาแน่น มีบุรุษมีสตรี แต่ละคนบุคลิกโดดเด่นไม่ธรรมดา ท่าทางพวกเขาดูเหมือนยังเยาว์ แต่กลับไม่ด้อยไปกว่าระดับหยั่งสัจจะ!ที่ดึงดูดสายตามากที่สุดเห็นจะเป็นหญิงชราคนหนึ่ง นางผมขาวดุจหิมะ สันหลังโก่งงอ มือจับไม้เท้าไม้ไผ่สีม่วงอันหนึ่ง นั่งอยู่บนตั่งทองมรกต โอบล้อมด้วยชายหญิงกลุ่มหนึ่ง เห็นชัดว่าฐานะไม่ธรรมดาพวกหลินสวินสีหน้าท่าทางต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันเข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งโดยสารวาฬยักษ์มาเยือน!กลับเห็นผู้เฒ่าเกาหยางหัวเราะเสียงดังพลางกล่าว “ที่แท้คือสหายยุทธ์แห่งเกาะท่องมรกตนี่เอง ขอเรียนถามว่าใช่ท่านย่าเทพสังหารหรือไม่”เสียงดั่งมังกรขับขานสะเทือนนพนภาทันใดนั้นสายตาหมู่คนบนวาฬยักษ์ต่างค่อยๆ มองมา“ไม่ผิด เป็นข้าเอง เรียนถามว่าสหายยุทธ์คือ?”หญิงชราผมขาวลืมตาขึ้น มองมายังเกาหยางจากที่ห่างไกล นัยน์ตานางเผยแสงสีเขียวมรกต น้ำเสียงแหบพร่าอึมครึม ทำให้ผู้คนขนพองสยองเกล้านางมองมาอย่างไม่เจือพละกำลังแม้เพียงนิด แต่พอพวกหลินสวินมองกลับไป ก็ราวกับเห็นดวงตะวันเจิดจ้าสีเขียวมรกตดวงหนึ่งลอยเด่นอยู่กลางฟ้าดิน ดวงตาแสบแปลบ จิตวิญญาณสั่นระรัว ตระหนกขึ้นมาอีกระลอกอย่างห้ามไม่อยู่หญิงชราคนนี้คือราชันระดับสังสารวัฏคนหนึ่ง!“ข้าน้อยเกาหยาง มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ” เกาหยางยิ้มบางๆ พลางเอ่ยปากในที่สุดท่านย่าเทพสังหารก็มีการเคลื่อนไหว กล่าวอย่างประหลาดใจ “คิดไม่ถึง ว่าในทะเลกลืนวิญญาณแห่งนี้จะได้เจอผู้สูงศักดิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ หรือว่าสหายยุทธ์มาเพราะแดนลับอสูรมารอริยะเช่นกัน”“เป็นเช่นนั้น” เกาหยางสีหน้าท่าทางเปิดเผย ไม่ต้อยต่ำไม่สูงส่ง“ดูท่าครั้งนี้จะครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อพวกเจ้ามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ข้าก็จะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจ เพียงแต่ข้าไม่อาจจะไม่เตือนสักประโยค ทันทีที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะ หมายมุ่งช่วงชิงวาสนา ก็ต่างต้องพึ่งพาความสามารถของตนเอง”น้ำเสียงเฉยชาเยียบเย็น ท่านย่าเทพสังหารพูดจบก็ถอนสายตากลับ โดยสารวาฬยักษ์มาถึงทางเข้าแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อีกบริเวณหนึ่ง“ท่านผู้เฒ่า เกาะท่องมรกตร้ายกาจมากหรือไม่” ซูซิงเฟิงคิ้วขมวดซักถามคนอื่นต่างก็มึนงง แค่โลกชั้นล่างเท่านั้น เดิมพวกเขาคิดว่าคือดินแดนชั้นล่างอันรกร้างว่างเปล่าผืนหนึ่ง ไม่มีอะไรน่าใส่ใจใครเล่าจะคาดคิด ว่าในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณนี้ จะเจอกับราชันระดับสังสารวัฏคนหนึ่งนำผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งมาด้วยนี่ช่างไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว“ส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณมีชนเผ่าพื้นเมืองกระจายอยู่มากมาย ส่วนใหญ่เป็นทายาทของหมื่นเผ่าบรรพกาล อิทธิพลมหาศาลยิ่งใหญ่ซับซ้อน ไม่อาจดูหมิ่นได้ง่ายๆ”ผู้เฒ่าเกาหยางอธิบาย “ก็เหมือนเกาะท่องมรกตนั่น เป็นอาณาเขตของ ‘เผ่าวาฬมังกร’ เผ่าวาฬมังกรไม่ใช่ธรรมดา ในช่วงบรรพกาลชื่อเสียงดุร้ายโจษจันเป็นอย่างมาก”ทุกคนได้ยินดังนั้นต่างเงียบสนิททันทีวาฬมังกร! เผ่านี้ไม่เพียงแต่ไม่ธรรมดา พลังการต่อสู้ยังป่าเถื่อนถึงขีดสุด มีกำลังมหาศาลน่าหวาดกลัว สามารถย้ายภูผาเคลื่อนสมุทร เข่นฆ่าโรมรันภูตผีปีศาจด้วยมือเปล่า!“ท่าจะยุ่งยากหน่อยแล้ว”ผู้เฒ่าเกาหยางทอดถอนใจ “เกาะท่องมรกตอย่างเดียวยังไม่เท่าไร แต่ข้ากังวลว่าผู้ที่เสาะหาแดนลับอสูรมารอริยะครานี้ ไม่ได้มีแค่ขุมอำนาจนี้เพียงอย่างเดียว…”เสมือนยืนยันคำพูดของเขา ไม่นานนักบนผืนทะเลก็มีการเคลื่อนไหวอีกครั้งพญาหงส์ยาวประมาณร้อยจั้งตัวหนึ่งกระพือปีกสีทองอร่ามเรืองรอง ก่อนดิ่งลงมาจากฟากฟ้าอันห่างไกลพญาหงส์หิรัณย์!นี่เป็นนกปีศาจบรรพกาลชนิดหนึ่ง เก่าแก่โบราณถึงที่สุด พลังสายเลือดเลิศล้ำหาใดเปรียบแต่เวลานี้กลับมีเงาร่างมากมายยืนอยู่บนหลังพญาหงส์หิรัณย์มายังน่านน้ำผืนนี้ เห็นชัดว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง“ฮ่าๆๆ ยายแก่เทพสังหารเจ้าก็มาด้วยรึ!”เงาร่างสง่าผ่าเผยร่างหนึ่งยืนอยู่บนหลังพญาหงส์หิรัณย์ ผมเผ้าหนวดเคราดำสนิทราวหมึกเขียน นัยน์ตากระจ่างเสมือนดวงตะวันเจิดจรัส อหังการประหนึ่งตนยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวนี่คือราชันระดับสังสารวัฏอีกคนหนึ่ง!ทันใดนั้นทุกคนบนยานสำเภาใจดิ่งลึกลงอีกครั้งพวกเขาต่างเห็นว่าข้างๆ เงาร่างสง่าผ่าเผยนั่นก็มีผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งติดตามมาด้วยเช่นกัน มีทั้งหญิงชาย จะต้องมาเพราะแดนลับอสูรมารอริยะเป็นแน่“นักฆ่าอย่างเจ้ามาได้ เหตุใดคนแก่อย่างข้าจะมาไม่ได้”ในจุดที่ห่างออกไป ท่านย่าเทพสังหารเอ่ยเสียงเย็นชา พละกำลังจริงจังไม่อ่อนข้อ“ฮ่าๆๆ งั้นครั้งนี้ก็ลองดูว่า เป็นเจ้าผู้สืบทอดเผ่าวาฬมังกรแห่งเกาะท่องมรกตที่ร้ายกาจ หรือเป็นข้าหงส์หิรัณย์แห่งเขาวิญญาณโลหิตที่แข็งแกร่งกว่า!”เงาร่างสง่าผ่าเผยนั่นหัวเราะร่า เสียงดั่งอสนีบาต สั่นสะเทือนจนคลื่นทะเลโหมกระหน่ำ ห้วงอากาศปั่นป่วนอลหม่าน พลังอำนาจน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุดขณะพูดสายตาเขาพลันมองมายังพวกเกาหยางบนยานสำเภา แต่กลับไม่พูดอะไร เพียงแค่แค่นเสียงออกมาคราหนึ่งก่อนถอนสายตากลับไป“หากข้าคาดเดาไม่ผิด คนๆ นี้น่าจะเป็นผู้นำเขาวิญญาณโลหิต ราชันหมื่นสังหารแห่งเผ่าหงส์หิรัณย์!”ผู้เฒ่าเกาหยางสีหน้าท่าทางจริงจังเคร่งเครียดอยู่บ้าง สถานการณ์ยิ่งไม่เข้าท่าขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…พวกหลินสวินต่างตะลึงและแปลกใจไม่หยุด ไม่มีใครคิดว่าสถานการณ์จะดำเนินมาถึงขั้นนี้ คู่แข่งยิ่งมากและยิ่งอันตรายมากขึ้น!มอ!เพียงแต่ทั้งหมดยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ตามหลังเสียงคำรามอันเรียบง่ายลุ่มลึก วัวดำตัวหนึ่งเท้าเหยียบเมฆเพลิง ก้าวลงมาจากฟากฟ้า!…………………
คอมเม้นต์