Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 549 ปริศนามือสังหาร
ชิ้ง!รังสีเย็นเยียบบังเกิดขึ้นทันใดแล้วแปรสภาพเป็นจิตกระบี่ ฝ่ายหลังเป็นเงาร่างราวไร้รูป ประหนึ่งเงามืดที่ไม่มีจริงเร็วเกินไปแล้วจริงๆ จิตกระบี่นี้พุ่งเข้ามาใกล้อีกครั้ง จู่โจมตรงไปยังศีรษะหลินสวิน เหมือนโผล่ขึ้นกลางอากาศ เปลี่ยนแปลงฉับพลันเกินคาดคิดการโจมตีนี้เรียกได้ว่าเป็นการจู่โจมที่น่าตื่นตะลึง จิตกระบี่ก็ดุดันน่ากลัว หมายจะโจมตีให้โดนในครั้งเดียว หากถูกแทงเข้าย่อมทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณสูญสิ้น ไม่มีทางฟื้นคืนชีวิตมาได้อีกชิ้ง!เวลาดุจเคลื่อนช้าลง จิตกระบี่นั้นยังไม่ทันมาถึง ผมดำปอยหนึ่งของหลินสวินก็ถูกตัดขาด จิตกระบี่ที่เสียดแทงกระดูกทำให้ทั้งร่างของเขาเหมือนตกลงไปในหลุมน้ำแข็งในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หลินสวินส่งเสียงคำรามขุ่น ร่างกายพลันบิดรูป หลบหนีไปจากที่เดิมนี่คือการใช้พลังขั้นสูงสุดของก้าวย่างชือน้ำแข็งวิธีหนึ่ง!แต่นี่ยังไม่พอ ต่อให้ทะลวงความเร็วสูงสุดไปแล้ว ก็ยังหนีกระบี่ที่โจมตีมานี้ไม่พ้น จิตกระบี่นั้นสัมผัสไปถึงผิวกระดูกแล้วฝีมือของมือสังหารคนนี้เรียกได้ว่าน่าหวาดหวั่น ทันทีที่ถูกเล็งเป้าก็เหมือนหนอนเกาะติดกระดูก ทั้งดุดันไม่มีใครเทียบ เพียงหลบหนีย่อมไม่เพียงพอชั่วเสี้ยววินาทีนี้หลินสวินประสบกับวิกฤตที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ไม่ว่าจะใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ หรือเพลงดาบวัฏจักรฟ้าก็สายไปแล้วพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ โอกาสสังหารที่มือสังหารเลือกนั้นแม่นยำเกินไป ลอบโจมตีหลินสวินที่กำลังนั่งสมาธิจากข้างหลัง ทำให้เขาไม่สามารถรับมือตรงๆ ได้ตูม!ก็เห็นว่าหลินสวินไม่หลบหนีอีก แต่ในชั่วเสี้ยววินาทีนี้ หลังของเขาราวมังกรตัวใหญ่ ชูคอพุ่งทะยาน กระแทกตัวขึ้นอย่างรุนแรง!ปะทะฟู่ซี่!วิชาลับร่างที่สองของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร!สันหลังราวมังกรใหญ่ ควบรวมพลังทั้งร่างแล้วปะทุออกไปโดยพลันในเวลานี้ ก็เห็นว่าเบื้องหลังของหลินสวิน ราวกับมีเงาร่างมังกรฟู่ซี่ตัวหนึ่งปรากฏขึ้น หัวมังกร ร่างเต่า หางกิเลน กรงเล็บหงส์ไฟ เกล็ดที่ปกคลุมราวหลอมขึ้นจากหินเหล็กกล้า พลานุภาพเหลือคนาในยุคบรรพกาล ภายใต้การปะทะของมังกรฟู่ซี่ ก็เพียงพอทำให้เสาค้ำสวรรค์ทรุดลง สรรพสิ่งถูกทำลายย่อยยับและเวลานี้วิชาลับนี้ก็ถูกหลินสวินสำแดงออกมาโดยพลันในช่วงเวลาคับขัน ก็เห็นว่าฟู่ซี่ตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากหลัง ชนเข้ากับจิตกระบี่นั้นโครม!เสียงปะทะน่าหวั่นกลัวดังขึ้น เงาร่างเทพของฟู่ซี่ระเบิดเป็นเสี่ยง แต่กลับทำให้หลินสวินหลบการโจมตีนี้ได้อย่างระทึกใจหาใดเปรียบ ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้หลินสวินได้รับบาดเจ็บ หลังศีรษะมีบาดแผลหนึ่งแห่ง แทบทะลุไปถึงกะโหลก!เลือดไหลอย่างรวดเร็ว ย้อมเส้นผมเขาเป็นสีแดงต่อให้พลังที่แท้จริงของหลินสวินจะเย้ยฟ้าแค่ไหน หากศีรษะถูกเจาะทะลุก็ไม่มีทางรอดได้แน่ แต่ตอนนี้แม้โชคดีพ้นเคราะห์มรณะได้ครั้งหนึ่ง แต่กลับทำให้หลินสวินคับแค้นใจแทบคลั่งตั้งแต่เขาฝึกปราณมายังไม่เคยเสียท่ามากขนาดนี้ แทบจะถูกคนอื่นแทงทะลุสมองแล้ว!ชิ้ง!ดาบหักพาดข้ามห้วงอากาศ ฟันไปอย่างเดือดดาลเพียงแต่เวลานี้เสียงถอนใจเบาๆ ดังขึ้นเหมือนเสียดายอยู่บ้าง ต่อมาในห้องก็ไม่เห็นเงาร่างราวมายานั้นอีกโครม!หลินสวินจะยอมได้อย่างไร เขาพุ่งออกจากห้อง มองไปรอบทิศ กลับเห็นแต่ทะเลกลืนวิญญาณกว้างใหญ่ ยานสำเภาเงียบเชียบ จะยังมีเงาของศัตรูอีกหรือนี่ทำให้หลินสวินอึดอัดใจ สีหน้าเย็นเยียบจนน่ากลัว ตั้งแต่เริ่มจนจบ ขนาดศัตรูก็มองไม่เห็น นี่ช่างเป็นการหยามเหยียด!“หลินสวิน เกิดอะไรขึ้นหรือ”แม้การเคลื่อนไหวตรงนี้จะไม่ใหญ่โตนัก แต่อย่างไรเสียก็อยู่บนยานสำเภา ไม่นานก็ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนตกใจ เงาร่างนางหายตัวอย่างว่องไวมาปรากฏตัวข้างกายหลินสวินเมื่อเห็นว่าศีรษะกับคอของเด็กหนุ่มกำลังเลือดไหล หน้านางพลันเปลี่ยนเป็นอึมครึม ดวงตากระจ่างฉายจิตสังหารหนาแน่น “มีคนลอบสังหารเจ้าหรือ”หลินสวินส่งเสียงอืมเวลานี้พวกเซียวหรัน อวิ๋นเช่อ ซูซิงเฟิงและเหวินเสียงก็ล้วนตื่นตระหนก พากันปรากฏกายขึ้น ขนาดกงหยางอวี่ก็มาด้วยเมื่อได้รู้ว่าหลินสวินถูกลอบสังหารในห้อง ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณล้วนแสดงสีหน้าตกใจ เหมือนคาดไม่ถึงยานสำเภานี้เป็นอาณาเขตของพวกเขา ถูกผู้เฒ่าเกาหยางควบคุมอยู่ ศัตรูที่ไหนจะแทรกซึมเข้ามาอย่างไร้เสียงได้หลินสวินสูดลมหายใจลึก เก็บกลั้นความขัดเคืองในใจ สายตาเริ่มกวาดไปยังพวกเซียวหรันอย่างไม่ทิ้งร่อยรอยไว้ทีละคนมือสังหารสามารถปรากฏตัวบนยานสำเภา แทรกซึมเข้ามาในห้องของเขาได้ ทำให้หลินสวินสงสัยว่าศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณหมายปองร้ายตนเห็นได้ชัดว่าจ้าวจิ่งเซวียนก็รับรู้ได้ถึงจุดนี้ ดวงตากระจ่างเย็นเยียบ กวาดมองพวกเซียวหรันแล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าจะมีคนทนผู้ติดตามข้างกายข้าคนหนึ่งไม่ได้!”“ศิษย์น้องจ้าว นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร หรือเจ้าสงสัยว่าในหมู่พวกเรามีคนลงมือกับเจ้าหนูนี่หรือ” ซูซิงเฟิงเอ่ยอย่างไม่พอใจ เขาพบว่าสายตาของจ้าวจิ่งเซวียนจับสังเกตมาที่เขาโดยตลอด นี่ทำให้เขาอึดอัดนัก“หรือท่านคิดว่ายังมีศัตรูภายนอกสามารถแทรกซึมเข้ามาในยานสำเภานี้ได้เล่า” จ้าวจิ่งเซวียนย้อนถาม“นั่นก็ไม่แน่” ซูซิงเฟิงสีหน้าเรียบเฉย“ศิษย์พี่จ้าว นี่ท่านปรักปรำศิษย์พี่ซูแล้วนะ เมื่อครู่เขากับข้ากำลังคุยกัน จะมีโอกาสไปฆ่าคนได้อย่างไร” เหวินเสียงพูดเสียงใส“หึ!” จ้าวจิ่งเซวียนพูดอย่างเย็นชา “ก็ไม่แน่ว่าเป็นเจ้าสองคนร่วมกันลงมือ!”เหวินเสียงพลันโอดครวญ ทำหน้าตาอดสูแต่ซูซิงเฟิงกลับสีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง พูดเสียงขรึมว่า “ศิษย์น้องจ้าว เจ้านี่ออกจะพูดอะไรเลอะเทอะเสียแล้ว หากข้าอยากฆ่าเจ้าหนูนี่ เช่นนั้นก็ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ให้ยุ่งยากมากความหรอก!”“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ย่อมต้องตามหาผู้ร้ายที่ซ่อนอยู่หลังม่าน แต่ก่อนจะทำเช่นนี้ทุกท่านอย่าเพิ่งสงสัยไปทั่ว จะกลายเป็นปรักปรำคนดีแทน”เซียวหรันเอ่ยปากแล้ว เสียงอ่อนโยนเนิบนาบ“ต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว บนยานสำเภาถึงกับมีมือสังหารปรากฏตัว สำหรับพวกเราแล้วก็ถือเป็นคำเตือนอย่างหนึ่งว่าไม่อาจเผลอเรอได้”กงหยางอวี่พยักหน้าเออออในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลงโดยไม่ถูกคลี่คลาย เหตุผลก็เป็นเพราะตอนนี้หลินสวินเป็นเพียงผู้ติดตามคนหนึ่ง ฐานะต่ำต้อย ไม่ควรค่าให้พวกเขาสนใจมากนักอีกอย่างก็เพราะผู้ร้ายไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ ทำให้พวกเขาทำได้เพียงปล่อยไป……ในห้อง หลินสวินกำลังทำแผลอย่างระวัง ยังดีที่เป็นแผลภายนอกไม่ได้รุนแรงอะไร แต่เมื่อนึกถึงการลอบสังหารที่เพิ่งประสบไปเมื่อครู่ กลับทำให้หลินสวินไม่มีทางผ่อนคลายได้บนยานสำเภาลำนี้ ใครกันแน่ที่ต้องการฆ่าตนหลินสวินย่อมนึกถึงซูซิงเฟิง เพราะก็มีเพียงเขาที่น่าสงสัยที่สุด!อย่างไรเสียซูซิงเฟิงก็ไม่ได้เผยความเป็นปฏิปักษ์กับตนแค่ครั้งสองครั้งจ้าวจิ่งเซวียนย่อมคิดถึงจุดนี้เช่นกัน ใบหน้างามเย็นชาราวน้ำแข็ง กัดฟันงามแน่นเอ่ยว่า “ต้องเป็นซูซิงเฟิงผู้นี้ล่ะ! เจ้าคนสมควรตายคนนี้ลงมือโหดเหี้ยมนัก!”“อาจจะไม่ใช่เขา”กลับเห็นว่าหลินสวินพลันส่ายหน้า “เจ้ายังเดาได้ว่าเขาไม่ชอบข้า คนอื่นก็ย่อมเดาได้เช่นกัน ซูซิงเฟิงก็ไม่ใช่คนโง่ เขาต้องรู้ดีว่าหากลอบสังหารข้า ต้องทำให้เจ้าคิดแค้นแน่”จ้าวจิ่งเซวียนอึ้งไป “ถ้าไม่ใช่เขาจะเป็นใครได้อีก บนยานสำเภานี้ก็มีเพียงศิษย์น้องอวิ๋นเช่อที่โดดเด่นด้านวิชากระบี่ เชี่ยวชาญมหามรรคปลิดชีพ เจ้าว่าจะเป็นเขาหรือไม่”หลินสวินนึกย้อนถึงรายละเอียดทั้งหมดตอนเขาถูกลอบสังหารแล้วเอ่ยว่า “คนที่ลอบสังหารข้าต้องเชี่ยวชาญวิชากระบี่ลับที่น่ากลัวมากวิชาหนึ่ง แต่ในเมื่อเขากล้าเผยตัว ต้องไม่กังวลว่าจะแพร่งพรายฐานะของตัวเองแน่ ข้าว่า…ไม่น่าใช่อวิ๋นเช่อ”“เช่นนั้นเป็นใครกันแน่” จ้าวจิ่งเซวียนนิ่วหน้า“ไม่ว่าเป็นใคร ในเมื่อคิดจะฆ่าข้า ย่อมต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง ไม่แน่พวกเขาอาจจะถูกใจของบางอย่างที่อยู่กับข้า หรือไม่ก็ไม่ต้องการให้ข้าอยู่ข้างกายเจ้า ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้แบบไหน พวกเราก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นแล้ว”เวลานี้หลินสวินเหมือนคิดตกแล้ว พูดเสียงต่ำว่า “เมื่อชี้ชัดคนร้ายไม่ได้ ทุกคนบนยานสำเภาลำนี้ก็ล้วนน่าสงสัย”“ทุกคนหรือ รวมถึง…ผู้เฒ่าเกาหยางด้วยหรือ” ดวงตากระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนแข็งทื่อ“ถูกต้อง” หลินสวินพยักหน้า ดวงตาสีดำลุ่มลึก…….มือสังหารเป็นใครกันแน่ไม่มีใครรู้ แต่ตั้งแต่คืนนี้ไป บรรยากาศบนยานสำเภาก็แปรเปลี่ยนเป็นลึกลับและอึดอัดขึ้นมาอย่างเงียบๆระหว่างศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้นต่างก็มีความคิดเป็นของตัว“ไม่ใช่เจ้าจริงหรือ”ในห้อง ซูซิงเฟิงขมวดคิ้วถามเหวินเสียงที่อยู่ตรงข้ามเหวินเสียงพูดอย่างจนใจว่า “ถ้าเป็นข้า เจ้าหนูนั่นตายไปนานแล้ว จะให้เขามีชีวิตจนวิ่งออกมาได้อย่างไร”“เช่นนั้นก็เป็นหนึ่งในพวกเซียวหรันกับอวิ๋นเช่อแล้วล่ะ” ซูซิงเฟิงสายตาลุ่มลึก ตกอยู่ในห้วงความคิดเหวินเสียงแววตาไหววูบ ซูซิงเฟิงสงสัยว่าเป็นเขา ในใจเขาจะไม่สงสัยซูซิงเฟิงได้อย่างไรพวกเขาล้วนรู้แล้วว่าในมือหลินสวินมีสมบัติลับไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่ง ใครก็ย่อมอยากจะแย่งชิงมันไว้“ยุ่งยากเสียจริง” ครู่ใหญ่ซูซิงเฟิงก็ถอนหายใจ“อยากไปหยั่งเชิงเซียวหรันกับอวิ๋นเช่อหน่อยไหม” เหวินเสียงเอ่ยถามซูซิงเฟิงส่ายหัว “ไม่ต้อง พวกเขาไม่ยอมรับหรอก หยั่งเชิงไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คือจับตาดูเจ้าเด็กหลินเสวียนนั่น ขอเพียงจับตาดูเขาไว้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าเจดีย์สมบัติหลังนี้จะถูกชิงไปอย่างเงียบเชียบแล้ว”เหวินเสียงพลันพยักหน้า “เช่นนี้แล้ว เมื่อมือสังหารนั่นปรากฏตัวอีกก็จะรู้ตัวตนของเขา”ยามเขาพูด สายตาก็ชำเลืองมองซูซิงเฟิงอย่างคล้ายตั้งใจแต่ไม่ตั้งใจ กลับเห็นว่าฝ่ายหลังไม่แสดงสีหน้า ดูความรู้สึกไม่ออกเลยสักนิดในทะเลกลืนวิญญาณเงียบสงัดแปลกประหลาด อวลไอหมอกทึบราวไร้ขอบเขต มีอันตรายและเคราะห์มรณะที่ไม่อาจล่วงรู้และน่ากลัวกระจายตัวอยู่เดิมนี่ก็ทำให้ทุกคนระวังตัวอยู่แล้ว ตอนนี้บนยานสำเภากลับมีมือสังหารที่ผลุบโผล่เหมือนผีผู้หนึ่ง ทำให้ทุกคนอดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้บรรยากาศหนักอึ้งเช่นนี้ดำเนินต่อไปถึงวันที่สาม ในที่สุดก็สิ้นสุดลงเพราะเวลานี้ยานสำเภาแล่นออกจากน่านน้ำเงียบสงัดแล้ว ทิวทัศน์ตรงหน้าพลันเปลี่ยนไปท้องฟ้าครามกระจ่างไพศาลไร้ของเขต คลื่นทะเลสีดำซัดกระเพื่อมส่งเสียงซู่ซ่ามีชีวิตชีวาก่อนหน้านี้น้ำทะเลเงียบเชียบ แปลกประหลาดน่ากลัว อันตรายมากมายบังเกิดขึ้นอย่างไร้เสียง แต่ตอนนี้กลับต่างไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นภาพนี้ หลายคนต่างก็รู้สึกผ่อนคลาย“จะถึงแล้ว”ผู้เฒ่าเกาหยางเดินออกมาจากห้องโดยสาร สายตาทอดไปไกล สีหน้าระบายความปรีดาจิตใจของคนอื่นๆ ก็ฮึกเหิมเพราะเรื่องนี้ จะถึงแดนลับอสูรมารอริยะในตำนานแล้วหรือแต่ตอนนี้หลินสวินกลับมองย้อนไปยังทางที่ผ่านมา น่านน้ำตรงนั้นเต็มไปด้วยไอหมอกทะมึน เงียบสงัดน่ากลัว ดูประหลาดและมีเค้าลางไม่ดี‘นี่คงออกจากเขตสุสานสมุทรฝังมรรคแล้วกระมัง…’หลินสวินพึมพำในใจ“รีบดูตรงนั้นเร็ว สวรรค์! คงไม่ใช่มังกรจริงๆ ใช่ไหม”ทันใดนั้นเหวินเสียงในชุดหลากสีก็ร้องขึ้นอย่างตื่นตระหนก ชี้ไปยังที่ไกลออกไปด้วยสีหน้าตื่นเต้นสายตาทุกคนมองไป ก็เห็นว่าบนผิวน้ำทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา มีรุ้งเทพแวววาวสะดุดตาสายหนึ่งพุ่งขึ้นทะลุเมฆ แสงช่วงโชติที่สาดออกมาส่องสว่างไปทั่วฟ้าดินเมื่อทอดมองไปไกล ก็เหมือนมังกรตัวหนึ่งกระโจนชูคอไกวหางออกมาจากน้ำทะเล พุ่งทะยานไปเหนือชั้นเมฆ มีพลังสั่นสะเทือนยากบรรยาย!——
คอมเม้นต์