Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 546 เด็กหนุ่มชุดเขียว
ดาบแตกหักสีดำสนิท ยาวไม่เกินหนึ่งฉื่อกว่า รอยหักเรียบลื่น เหมือนถูกหักแตกตอนประจันหน้ากับคมมีดแหลมคมหาใดเกินบางอย่างเพียงโคจรพลัง ดาบหักก็จะปะทุแสงดาราแวววาวโชติช่วงราวนิมิตออกมา เรียกได้ว่าเป็นคมมีดร้ายกาจพลิกฟ้าเล่มหนึ่งหลินสวินพินิจอย่างละเอียด ใช้พลังจิตวิญญาณสัมผัส กลับพบว่าภายในดาบหักนั้นประหนึ่งท้องนภา เวิ้งว้างไร้ขอบเขต ถึงกับมีกลิ่นอายไพศาลกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดเหมือนว่าภายในดาบหักเป็นโลกว่างเปล่าโลกหนึ่ง แสดงให้เห็นแต่ ‘ความว่างเปล่า’ ประหนึ่งท้องฟ้า ไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้“ประหลาด ลายมรรคเว้าแหว่งเหล่านั้นไปไหนแล้ว…”หลินสวินนิ่วหน้าพึมพำเขาจำได้อย่างแจ่มชัดว่าตอนนั้นมีดอกบัวสีดำแปลกประหลาดดอกหนึ่งร่วงลงมา เกือบกำราบตนเข้า ในเวลาคับขัน เป็นเพราะดาบหักเกิดความเปลี่ยนแปลงประหลาด บังเกิดลายมรรคโบราณแน่นขนัดแถบหนึ่ง ในชั่วพริบตาก็แผดเผาดอกบัวสีดำนั้นให้สลายไปและเป็นความเปลี่ยนแปลงประหลาดครั้งนี้เอง ที่ช่วยชีวิตหลินสวินไว้เพียงแต่เวลานี้ไม่ว่าหลินสวินจะใช้อะไรสืบเสาะ กลับไม่อาจหาร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับลายมรรคเหล่านี้ได้!แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เขายิ่งรู้สึกได้ถึงความลึกลับคาดเดาไม่ได้ของดาบหักเล่มนี้‘เป็นเขา…’‘วันคืนไร้สิ้นสุดผ่านไป เขาตายไปนานแล้ว…’‘ไปเถอะ ที่จริงพวกเราล้วนพลาดแล้ว…’‘พลาดแล้วหรือ’เสียงสนทนาของภิกษุประหลาดกับเงาร่างลึกลับนั้นดังสะท้อนในสมองของหลินสวิน ทั้งนึกถึงเบ้าตาน่ากลัวกลวงโบ๋ของภิกษุนั้นอย่างไร้สาเหตุ!เวลานั้นเขากำลัง ‘มอง’ มายังดาบหักอย่างเห็นได้ชัด เหมือนจะจำอะไรได้ ถึงได้ปรากฏกายขึ้นมา เพียงแต่ท้ายที่สุดก็ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด เขากับเงาร่างลึกลับนั้นก็หายไปหรือว่า ‘เขา’ จากปากของพวกเขาจะหมายถึงเจ้านายเก่าของดาบหักเล่มนี้หลินสวินตกอยู่ในภวังค์ความคิดสุดท้ายเขาก็ถอนหายใจเบาๆ ออกมา เก็บดาบหักนั้นกลับไป ใคร่ครวญไปเขาก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ทำได้เพียงกลบความสงสัยนี้ไว้ในก้นบึ้งหัวใจไม่แน่อาจมีสักวัน ยามที่พลังแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งแล้ว อาจมองทะลุความลับของดาบหักนี้ได้กระมัง…วิ้ง!เจดีย์สมบัติไร้อักษรถูกเด็กหนุ่มนำออกมา ลอยหมุนติ้วกลางห้วงอากาศ มีแสงสีทองเจิดจ้าศักดิ์สิทธิ์พันพัว‘ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะทำให้ข้าได้เศษเสี้ยวเจตจำนงมากน้อยแค่ไหน หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง…’หลินสวินรุ่มร้อนใจ กุมเจดีย์สมบัติไว้ในมือแล้วเริ่มค้นดู“หืม”เพียงแต่เมื่อเด็กหนุ่มเห็นสภาพภายในชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติได้ชัดเจน เขาก็พลันเบิกตาโต สีหน้าแข็งทื่อเหมือนเจอผีเข้าอย่างจังด้วยเห็นว่าภายในชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติ แสงมรรคทองนิลกาฬราวห้อทะยาน โคจรว่องไวอยู่ในนั้น รุ่งเรืองสงบนิ่ง สาดส่องแสงน้อยนิดกระจัดกระจายราวภาพนิมิตมายาเพียงแต่เวลานี้กลับมีเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งนั่งมั่นคงอยู่ตรงนั้น ในปากและจมูกพ่นแสงสีทองออกมา กำลังกลืนกินไอชั่วร้ายของยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตตนหนึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเงาร่างของยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตนั้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นคลุมเครือ ไม่นานก็มลายหายไป ถูกกลืนกินจนสิ้นเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นั้นดูดปาก ปลายลิ้นสีแดงสดแลบเลีย ส่งเสียงถอนใจอย่างยังไม่หนำใจออกมาเจ้านี่เป็นใครกันทำไมถึงปรากฏตัวที่ชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติไร้อักษรหลินสวินฉงนใจ ภาพเมื่อครู่น่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว ระหว่างที่เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้หายใจทางปากและจมูกก็กลืนกินยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตไปตนหนึ่ง ภาพพิสดารหาใดเปรียบที่ต้องรู้ก็คือ ไอชั่วร้ายบนกายยอดฝีมือตนนั้นน่ากลัวถึงขีดสุด สามารถกัดกร่อนจิตวิญญาณอย่างไม่อาจฟื้นฟูได้ ผู้ฝึกปราณผู้อื่นกลัวแต่จะหลบไม่ทัน แต่เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้กลับกินสิ่งนี้เป็นอาหาร!หรือว่ายอดฝีมือวิญญาณอาฆาตสิบกว่าตนที่ตนจับมาได้ จะถูกเจ้านี่กินหมดแล้ว!?หลินสวินบังเกิดไฟโทสะยากบรรยายขึ้นในใจ เวลานี้ชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติว่างเปล่า มีเพียงเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้เดียว ทั้งยังเห็นภาพการกลืนกินที่น่าหวาดหวั่นเมื่อกี้กับตา ทำให้เขาชี้ชัดได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือตัวการ!บ้าเอ๊ย!นั่นเป็นถึงรอยประทับเจตจำนงทุกตนเลยนะ ตอนนี้…ถูกเขากินเสียแล้วหรือหลินสวินก็ไม่อาจสงบใจได้ ร้องออกมาด้วยความเดือดดาล เดิมนึกว่าครั้งนี้สิ่งที่ตนได้รับจะมากมาย มากกว่าศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณพวกนั้นเสียอีก จะไปคิดได้อย่างไรว่าพริบตาเดียวกลับเกิด ‘เคราะห์กรรม’ เช่นนี้ได้“หึ! เจ้ามนุษย์ เจ้ามาแล้วหรือ ยังไม่รีบคารวะเปิ่นหวัง[1]อีก!”ทันใดนั้นเด็กหนุ่มชุดเขียวก็เหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง รีบลุกพรวดพราด สองมือไพล่หลัง ส่งเสียงตะโกนน่ายำเกรง สายตาสีทองเจิดจ้าราวรุ้งเทพบุคลิกรูปลักษณ์เขาดูหล่อเหลางดงามยิ่ง ริมฝีปากแดงฟันขาว คิ้วหนาราวน้ำหมึก ตรงแน่วดังดาบ ใต้คิ้วเป็นนัยน์ตาสีทองเปล่งปลั่ง ใบหน้าคมสัน มีกลิ่นอายมารแปลกประหลาดซูซิงเฟิงก็หน้าตางดงามหล่อเหลามากแล้ว แต่เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ทั้งยังมีกลิ่นอายถือดีที่เป็นเอกลักษณ์เวลานี้มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีทองราวสายฟ้า ใบหน้าเผยให้เห็นความหยิ่งผยอง เสียงที่เปล่งออกมาก็ลุ่มลึกน่ายำเกรง ทำให้หลินสวินอดหรี่ตาไม่ได้“เปิ่นหวังหรือ”เขาถึงกับกล้าตั้งตัวเองเป็นราชาเลยหรือหลินสวินฉงนในใจ ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นว่าที่เอวของเด็กหนุ่มชุดเขียวมีด้ามดาบด้ามหนึ่งแขวนอยู่ ถูกผ้าที่ย้อมไปด้วยเลือดพันไว้ พิสดารลึกลับ“เจ้าก็คือวิญญาณอาฆาตตนนั้นหรือ”หลินสวินพลั้งปากถามไปเขานึกออกแล้ว ตอนที่ตนฆ่าวิญญาณอาฆาตที่มีสติปัญญา เจ้าเล่ห์เพทุบายที่จะลอบจู่โจมตนนั้น หลังจากถูกตนฟันขาดเป็นสองท่อนในดาบเดียวกลับไม่ตายไป แต่ถูกตนกำราบในเจดีย์นี้แทนตอนนั้นเพราะวิญญาณอาฆาตนี้ ถึงได้ดึงดูดยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตมากมายมาล้อมโจมตีตน หมายจะช่วยเจ้านี่กลับไปนี่ก็ทำให้หลินสวินชี้ชัดได้ว่า เจ้าคนที่มีด้ามดาบพิสดารนั้นต้องมีที่มาไม่ธรรมดาแน่เพียงแต่เขากลับไม่อาจเชื่อมโยงเจ้านี่กับเด็กหนุ่มชุดเขียวตรงหน้าได้จริงๆ เพราะทั้งสองต่างกันเกินไปแล้วทว่าด้ามดาบประหลาดนั้นกลับอยู่ในมือเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ ทำให้เขาต้องกังขาฐานะของเจ้าคนนี้“บังอาจ! ก่อนหน้านี้ที่เสียมารยาทกับเปิ่นหวัง เปิ่นหวังยังไม่ทันได้คิดบัญชีกับเจ้า เจ้ายังกล้ามองเปิ่นหวังเป็นสวะอย่างวิญญาณอาฆาต ช่างสมควรตายเสียจริง!”เด็กหนุ่มชุดเขียวตวาด สีหน้าเย่อหยิ่งน่าเกรงขาม เรียกตัวเองว่าเปิ่นหวัง ท่วงท่าจองหองมองข่มทุกสิ่งเวลานี้ในที่สุดหลินสวินก็แน่ใจแล้วว่า เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ก็คือวิญญาณอาฆาตหน้าไหว้หลังหลอกตนนั้น!“ถ้าเป็นแต่ก่อน มดตัวน้อยเช่นเจ้า เปิ่นหวังดีดนิ้วก็ทำให้เจ้าสลายกลายเป็นธุลีแล้ว ครั้งนี้เห็นว่าเจ้าไม่รู้เรื่องรู้ราว ทั้งไม่อยากมากเรื่องกับเจ้า รีบคุกเขาสำนึกผิดเสีย อัญเชิญเปิ่นหวังออกไป จะละเว้นโทษตายให้เจ้า!”เด็กหนุ่มชุดเขียวตะคอกดัง ท่าทางจองหองเย่อหยิ่งนัก“อ้อ ในเมื่อเจ้าเก่งกาจปานนี้ เหตุใดถึงไม่ออกมาเองเล่า ยังต้องให้ข้าเชิญเจ้าออกไปหรือ”หลินสวินสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่เชื่อคำพูดนี้เลยสักนิดตอนนั้นเจ้านี่ถูกตนฟันขาดเป็นสองท่อน ไม่เพียงกินวิญญาณอาฆาตที่ตนจับมาสิบกว่าตัว ยังกล้าออกคำสั่งตนอย่างเหิมเกริม ทำให้หลินสวินก็โมโหเดือดดาลไม่น้อย“หึ! เปิ่นหวังให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่งนะ ในเมื่อเจ้าไม่เห็นคุณค่า ก็อย่าหาว่าเปิ่นหวังสำแดงวิชาไร้เทียมทาน แค่การโจมตีเดียวก็ทำลายเจดีย์สมบัตินี้ได้ก็แล้วกัน!”เด็กหนุ่มชุดเขียวสีหน้าเหี้ยมเกรียม ใบหน้างามหล่อเหลาถือดีร้ายกาจเต็มไปด้วยจิตคุกคาม “แต่ถึงตอนนั้น เจ้าก็ไม่มีโอกาสเสียใจแล้ว!”หลินสวินโกรธจันจนกลายเป็นหัวเราะ มั่นใจว่าเจ้านี่กำลังแกล้งอวดเบ่ง จึงพูดว่า “ไอ้ลูกหมา คนเฮงซวยอย่างเจ้ากินเศษเสี้ยวเจตจำนงของข้าไปเยอะขนาดนั้น ยังกล้ามาขู่ข้าหรือ”เด็กหนุ่มชุดเขียวอึ้งไป ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกไม่เข้าทีแต่เขาก็ยังสงบใจ กระแอมหนึ่งครั้งแล้วพูดว่า “เด็กน้อยอย่างเจ้าเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีดีนะ หายากเสียจริง ทำให้เปิ่นหวังอดเสียดายไม่ได้ ช่างเถอะ เปิ่นหวังจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก อย่างไรก็ต้องการมอบโอกาสให้เจ้าครั้งหนึ่ง ขอเพียงเจ้า…”“ไม่ต้องแล้ว”หลินสวินยิ้มเสแสร้ง เผยให้เห็นฟันขาวราวหิมะทั้งปาก เอ่ยว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าจะให้เจ้ารู้สถานการณ์ตัวเองให้ดีเสียหน่อย”เด็กหนุ่มชุดเขียวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดก็เริ่มกังวลใจ แต่ยังฝืนสงบใจแล้วพูดว่า “นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร เปิ่นหวังเรียนรู้หลักธรรมฟ้าดิน ครอบครองวิชามากมายทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน มอบวิชาให้เจ้าส่งๆ สักวิชา เจ้าก็ใช้ไม่หมดสิ้นแล้ว จะบรรลุธรรมก็เป็นเรื่องแค่เอื้อมมือ…”ไม่ทันพูดจบเขาก็ร้องโหยหวน ด้วยถูกแสงมรรคทองนิลกาฬสายหนึ่งฟาดบนร่าง ยืนซวนเซก่อนล้มเสียงดังตุ้บลงไปกับพื้น สะบักสะบอมยิ่งนัก“โธ่ นี่หรือราชันที่ครอบครองวิชามากมาย”หลินสวินยิ้มสดใสนัก มือก็เคลื่อนไหวไม่ชักช้า ควบคุมแสงมรรคทองนิลกาฬฟาดไปยังเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้เขาโมโหจะแย่แล้ว ยอดฝีมือที่มีรอยประทับเจตจำนงเหล่านั้นถูกกินจนเรียบ ทำให้เขาเจ็บปวดใจ หากไม่เล่นงานเด็กหนุ่มชุดเขียวนี้ดีๆ คงรู้สึกผิดต่อรอยประทับเจตจำนงที่ถูกกินไปพวกนั้น!สวบๆๆ!แสงมรรคทองนิลกาฬสายแล้วแสงเล่าลู่ลง เหมือนแส้เทพสีทองเจิดจ้าฟาดลงมา แวววาวสะดุดตา ดุดันน่าหวาดหวั่นก็เห็นว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นั้นร้องโหยหวนไปพลางยกปลายเท้าหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางสะบักสะบอมเหมือนหนูติดจั่น“เจ้ามนุษย์! นี่เจ้าหาที่ตายให้ตัวเองอยู่นะ!”“โอ๊ย ไอ้เวรเอ๊ย เจ้ายังกล้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ เจ้ารอก่อนเถอะ เมื่อเปิ่นหวังออกไป จะฆ่าเจ้าไม่เหลือซากเลย!”“อ๊ากๆๆ อย่า…อย่าทำแบบนี้ เปิ่นหวังยอมแพ้แล้ว เปิ่นหวังขอโทษเจ้า พอใจหรือยัง”เด็กหนุ่มชุดเขียวร้องโหยหวนอย่างต่อเนื่อง ถูกฟาดจนขนหัวลุก เสื้อผ้าขาดวิ่น บนหลังมีแต่รอยแผลเลือดไหลเขาเมื่อครู่นี้ยังหยิ่งผยองร้ายกาจ โอหังถือดี เหิมเกริมยิ่งนัก แต่เขาในตอนนี้กลับร้องงอแง ครวญครางร้องขอชีวิต เปลี่ยนไปมากนักหลินสวินจะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร ไม่ว่าอีกฝ่ายจะขอชีวิตอย่างไรก็ไม่โอนอ่อนตาม ยังคงลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ต่อไปเพียงแต่ที่ทำให้หลินสวินตกใจก็คือ เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้แม้อวดเบ่ง ชอบคุยโว แต่กลับทนการโจมตีอย่างประหลาด หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น ถูกแสงมรรคทองนิลกาฬฟาดฟันเช่นนี้ น่ากลัวจะรับไม่ไหวจนบาดเจ็บสาหัสปางตายไปนานแล้วแต่เจ้านี่ยังอยู่ดี เหมือนแมลงสาบที่ตีไม่ตาย“เจ้ารังแกกันมากไปแล้ว! เปิ่นหวังขอชีวิตจากเจ้าเป็นบ้าเป็นหลังแล้ว เจ้ายังใจดำเช่นนี้ เจ้าคิดจะเอาชีวิตเปิ่นหวังจริงหรือ เจ้ารู้ไหมว่าเปิ่นหวังเป็นใคร เจ้ารู้ไหมว่าราชันวิญญาณอาฆาตนั่นเหตุใดถึงต้องอ่อนน้อมเกรงใจเปิ่นหวัง”เด็กหนุ่มชุดเขียวหวีดร้องบ้าคลั่ง เขาก็โมโหเต็มทีแล้ว ใบหน้างามงดเต็มไปด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนและเดือดดาลแต่คำขู่เช่นนี้ไม่มีประโยชน์เลย หลินสวินกลับลงมืออย่างโหดเหี้ยมยิ่งขึ้นในที่สุดนัยน์ตาสีทองเจิดจ้าของเด็กหนุ่มชุดเขียวก็เต็มไปด้วยเลือด โมโหถึงขีดสุด ส่งเสียงหวีดแหลมยาวยืดออกมา เพียงแต่คำที่พูดออกมากลับทำให้หลินสวินตาเบิกกว้าง“หยุดๆๆ นายท่านไว้ชีวิตข้าเถอะ!”เด็กหนุ่มชุดเขียวครวญครางอย่างเจ็บปวดถึงขีดสุด เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เห็นได้ว่าในใจเขาเวลานี้อับจนและเจ็บปวดคับแค้นนักหลินสวินก็ถูกเจ้าคนนี้ทำให้ตกใจ พลันยิ้มเหี้ยมแล้วพูดว่า “ไว้ชีวิตเจ้าหรือ กินเศษเสี้ยวเจตจำนงของข้ายังคิดจะให้ข้าไว้ชีวิตเจ้าหรือ เพ้อเจ้อ!”ยามที่พูด แสงมรรคทองนิลกาฬก็ฟันลงมา กระแทกเข้ากับร่างของเด็กหนุ่มชุดเขียวอย่างจังตุ้บ!ที่ทำให้หลินสวินตะลึงก็คือ หลังจากแสงทองไหววูบ เด็กหนุ่มชุดเขียวก็หายไปแล้ว บนพื้นกลับมีคางคกสีทองเจิดจ้าตัวหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ทั้งยังมีสามขาอีกด้วย…——[1] เปิ่นหวัง หมายถึง ข้าผู้เป็นราชา เป็นคำที่ราชาใช้เรียกแทนตัวเอง
คอมเม้นต์