Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 539 นานาวีรชนผู้กล้า นับดูที่ปัจจุบัน
เสียงกู่เจิงดังอย่างต่อเนื่อง นิ้วมือทั้งสิบของเซียวหรันแผ่วเบาปราดเปรียว ปัดไปตามสายกู่เจิงราวกับเมฆเคลื่อนน้ำไหล ให้ความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาเสียงกู่เจิงนั่นเหมือนน้ำพุใสไหลริน ราวกับแสงจันทร์ไหลเคลื่อนร่ายระบำ เรียบง่ายสง่างาม กลมกลืนเงียบสงบ รังสรรค์ภาพงดงามดุจดั่งภาพวาดบทกวีแม้แต่หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนยังอดดื่มด่ำไปกับมันไม่ได้ เสียงที่ยอดเยี่ยมราวกับเสียงธรรมชาตินี้เจือกลิ่นอายท่วงทำนองแห่งมรรครางๆ พาให้รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกเซียน ประหนึ่งรับฟังแก่นแท้แห่งมหามรรคเสียงกระพือปีกดังแว่วขึ้น กลับเป็นนกกระจอกเขียว เหยี่ยว ห่านและนกอินทรีเทาถูกดึงดูดมาพวกมันสยายปีกบินว่อนมากกว่าร้อยตัว ราวกับร้อยวิหคมาคำนับ เข้ากับเสียงอันไพเราะของกู่เจิง ขับเน้นให้เซียวหรันดูประหนึ่งเซียน เป็นศูนย์รวมความงดงามและศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรวาลเมื่อเห็นภาพมหัศจรรย์เช่นนี้หลินสวินก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เซียวหรันคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ แค่บรรเลงดนตรีเท่านั้น ยังแฝงไว้ซึ่งมหามรรคลึกล้ำ บุคคลระดับนี้สักวันจะต้องมีชื่อเสียงไปทั่วใต้หล้า ดึงดูดสายตาจากทั่วทิศแต่ไม่นานก็มีเสียงร้องแหลมของนกดังโหยหวนมาจากบนยานสำเภา ทำลายเขตแดนสุนทรีที่เกิดจากเสียงกู่เจิงเซียวหรันชะงักไป มุมปากเผยความจนใจเมื่อหลินสวินมองขึ้นไป พลันเห็นว่าบนใบเรือสูงชะลูดมีเด็กหนุ่มชุดดำคนหนึ่งนั่งอยู่ กำลังจับนกกระจอกเขียวตัวหนึ่งไว้ ใช้ฟันกัดคอมันแล้วดูดเลือดสด ตรงมุมปากยังมีเลือดหยดลงมานี่คือภาพคาวเลือดภาพหนึ่ง เด็กหนุ่มชุดดำดูเรียบง่ายและสุภาพอย่างมาก หว่างคิ้วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ยามเขาดูดเลือดนกกระจอกเขียวกลับให้ความรู้สึกสยดสยอง“เจ้าอยากกินเนื้อหรือ”ราวกับรับรู้ได้ถึงสายตาของหลินสวิน เด็กหนุ่มชุดดำพลันก้มหน้าถามหลินสวินพร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้มหลินสวินส่ายศีรษะเด็กหนุ่มชุดดำร้องอ้อคำหนึ่งแล้วดูดเลือดต่อเห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เป็นเสียงที่เขาฆ่านกกระจอกเขียว ทำลายการบรรเลงกู่เจิงของเซียวหรัน เพียงแต่เซียวหรันเองก็เหมือนจนปัญญากับเขา‘เขาชื่ออวิ๋นเช่อ เป็นอันดับที่หกของศิษย์สายในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เป็นเด็กหนุ่มที่เป็นดั่งสัตว์ประหลาด อย่าเห็นว่าเขายิ้มแย้มอ่อนโยน เรียบง่ายสบายๆ เชียว เขาเป็นคนที่เลือดเย็นที่สุดในบรรดาศิษย์ร่วมสำนัก ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ฝึกยังเป็นมหามรรคปลิดชีพ คนที่เป็นศัตรูกับเขาจะต้องถูกเขาสังหารอย่างแน่นอน’เสียงของจ้าวจิ่งเซวียนดังขึ้นข้างหู ทำให้หลินสวินหัวใจกระตุกวูบอีกครั้ง มหามรรคปลิดชีพ? เด็กหนุ่มที่เป็นดั่งสัตว์ประหลาด?มองดูเด็กหนุ่มดูดเลือดนกกระจอกเขียวพร้อมรอยยิ้มบางๆ ใบหน้าดูดื่มด่ำแล้ว หลินสวินพลันรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนเจ้าคนที่สายตามีรอยยิ้มอยู่ตลอดคนนี้ คล้ายว่าจะเป็นเหมือนตนเอง เป็นคนเหี้ยมโหดที่ชอบใช้รอยยิ้มปกปิดตัวตน…‘เจ้าต้องระวังจะตกเป็นเป้าของเขา หากเขาเห็นเจ้าเป็นศัตรูเมื่อไหร่ ก็จะแตกหักอย่างไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น นิสัยไร้เยื่อใยและเย็นชาอย่างที่สุด’เสียงของจ้าวจิ่งเซวียนแฝงการตักเตือน ‘แม้ว่ายามนี้เขาจะมีพลังปราณเพียงระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์เท่านั้น แต่ก็สามารถใช้พลังต่อสู้ของตัวเองสังหารผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องพึ่งสมบัติใดๆ!’ตอนนี้ในที่สุดหลินสวินก็มองเด็กหนุ่มที่ชื่ออวิ๋นเช่ออย่างจริงจัง เขาเองเคยสังหารระดับหยั่งสัจจะมาแล้ว จึงรู้ดีว่าการที่อวิ๋นเช่อทำได้ขนาดนี้หมายความถึงอะไร“ศิษย์พี่จ้าว ท่านนินทาข้าอยู่หรือ”อวิ๋นเช่อพลันก้มหน้าลงยิ้มถาม“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”จ้าวจิ่งเซวียนพูดอย่างสบายๆอวิ๋นเช่อส่ายหน้า พลันชี้มาที่หลินสวินพร้อมพูดว่า “เจ้าเป็นผู้ติดตามที่พิเศษมาก ข้าได้กลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์จากตัวเจ้า”พูดจบเขาก็ยิ้มพลางพลิกตัวลงจากใบเรือแล้วหายไปบนดาดฟ้า“เขาหมายความว่าอย่างไร”หลินสวินตะลึง มึนงงไปหมดกลับเห็นจ้าวจิ่งเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย หว่างคิ้วเผยความอึมครึม ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “เอาเป็นว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เจ้าต้องระวังเขาให้มาก”“ศิษย์น้องจ้าวไม่ต้องใส่ใจ อวิ๋นเช่อไม่ทำอะไรลูกน้องเจ้าหรอก”เซียวหรันที่อยู่ห่างออกไปพูดด้วยเสียงอบอุ่น“เป็นแบบนั้นจะดีที่สุด”จ้าวจิ่งเซวียนยิ้ม“พี่จิ่งเซวียน กอดๆ~”เสียงกระจ่างใสออดอ้อนเสียงหนึ่งดังแว่วขึ้น พลันเห็นว่าในห้องที่อยู่ไม่ไกลนักมีเด็กผู้ชายในชุดหลากสีคนหนึ่งก้าวออกมา ผมมัดสูงชี้ฟ้า สวมห่วงสมบัติสีเงินยวงไว้ที่คอ ดวงตาฉลาดเฉลียว ท่าทางดูซุกซนเขาวิ่งมาอย่างรวดเร็ว หมายจะโผเข้ากอดจ้าวจิ่งเซวียน แต่กลับเห็นจ้าวจิ่งเซวียนยกขาขึ้นถีบเด็กชายชุดหลากสีออกไปอย่างรุนแรงหลินสวินมองตาค้างอยู่บ้าง เด็กที่น่ารักขนาดนี้ เหตุใดจ้าวจิ่งเซวียนจึงลงมืออย่างไม่เกรงใจเลยกลับเห็นเงาร่างของเด็กชายชุดหลากสีคนนั้นแวบหายกลางอากาศแล้วลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง แยกเขี้ยวยิงฟันลูบหน้าท้องพูด “ไม่กอดก็ไม่กอด ทำไมต้องถีบกันด้วย ว่าแต่ศิษย์พี่จ้าวแต่งเป็นชายแล้วงดงามเหลือเกิน คนงามอย่างท่านไม่ให้ข้ากอดถือว่าน่าเสียดายมาก”ในขณะที่พูด ดวงหน้าเล็กอ่อนเยาว์น่ารักกลับเผยสีหน้าผีลามกที่น้ำลายแทบหกหลินสวินแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองส่วนจ้าวจิ่งเซวียนผู้สงบและสดใสกลับสีหน้าทะมึนขึ้นมา พูดด้วยไอสังหารพลุ่งพล่าน “ศิษย์น้องเหวิน ถ้าเจ้ากล้าทำเช่นนี้อีก เชื่อหรือไม่ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา แล้วสับ…ของรักของเจ้าซะ!”หลินสวินสูดหายใจเย็นเยียบ เมื่อครู่นี้เพิ่งจะไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง ยามนี้เขาแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเองด้วยแล้ว คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่โดดเด่นอย่างจ้าวจิ่งเซวียนจะพูดจาเหี้ยมโหดเช่นนี้เด็กชายชุดหลากสีคนนั้นก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัวเช่นกัน พลันพูดอย่างลำบากใจ “ศิษย์พี่จ้าวระงับโทสะด้วย ต่อไปข้าจะไม่หยอกท่านแล้วพอใจหรือยัง”ในขณะที่พูดเขาก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วสีหน้าของจ้าวจิ่งเซวียนจึงกลับเป็นปกติ เห็นท่าทางอึ้งงันของหลินสวิน ใบหน้างามก็อดร้อนผ่าวไม่ได้ กระแอมกล่าว “เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้านั่นเป็นพวกลามกคนหนึ่ง อย่าเห็นว่าอายุยังน้อย ความจริงเขาฝึกปราณมายี่สิบกว่าปีแล้ว แต่เพราะฝึกวิชาลับที่ชื่อว่า ‘เคล็ดวิชาหลอมเลือดคืนตะวัน’ จึงกลายเป็นสภาพนี้”หลินสวินถึงได้เข้าใจในยามนี้ ในใจอดตะลึงไม่ได้ เคล็ดวิชาหลอมเลือดคืนตะวันหรือ ในโลกนี้มีวิชาอัศจรรย์น่าเหลือเชื่อเพียงนี้ด้วย ทำให้คน ‘กลับคืนวัยเยาว์’ เรียกได้ว่าแปลกประหลาดนักจากการแนะนำของจ้าวจิ่งเซวียน ในที่สุดหลินสวินก็รู้ว่า ที่แท้เด็กชายชุดหลากสีคนนี้มีนามว่าเหวินเสียง เป็นอัจฉริยะอีกคนของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เพียงแต่อุปนิสัยเจ้าชู้เจ้าสำราญหาที่เปรียบไม่ได้ โปรดปรานการยั่วเย้าเพศตรงข้าม ราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิง ทำลายผู้หญิงมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่แต่พลังต่อสู้ของคนผู้นี้จะต้องน่าสะพรึงกลัวมากอย่างไม่ต้องสงสัย มีพลังปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นต้น เพราะ ‘เคล็ดวิชาหลอมเลือดคืนตะวัน’ ที่เขาฝึก เป็นวิชาที่มีอานุภาพยอดเยี่ยมอย่างหนึ่ง ในระหว่างการต่อสู้สามารถระเบิดพลังอันเหนือจินตนาการ!“สัตว์ประหลาดอีกคนแล้ว”หลินสวินพึมพำตึง! ตึง! ตึง!เสียงฝีเท้าที่มีจังหวะเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น พลันเห็นแกะเขียวที่ดูเย่อหยิ่งเดินเชิดหน้าราวกับชนชั้นสูงสง่างาม เข้ามาหาเซียวหรันที่อยู่ห่างแล้วอ้าปากพูดว่า “ศิษย์พี่สาม ผู้อาวุโสเกาหยางเรียกท่านไปพบ”เสียงของแกะเขียวตัวนี้ดูทุ้มต่ำไพเราะ เต็มไปด้วยเสน่ห์เซียวหรันพยักหน้าโดยพลัน อุ้มกู่เจิงขึ้นมา พยักหน้าให้จ้าวจิ่งเซวียนและหลินสวินพร้อมรอยยิ้มแล้วเดินเข้าท้องเรือไปส่วนแกะเขียวตัวนั้นก็ก้าวกีบที่เรียวและแข็งแรงไปตามจังหวะอันเป็นเอกลักษณ์ หายตัวตามหลังเซียวหรันไป โดยไม่สนใจจ้าวจิ่งเซวียนและหลินสวินเลยแม้แต่น้อย ดูเย่อหยิ่งอย่างมาก‘นี่ต้องเป็นอสูรมารบำเพ็ญอย่างแน่นอน!’หลินสวินมองดูทั้งหมดนี้ และสังเกตเห็นกลิ่นอายที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะจากแกะเขียวตัวนั้นตามคาด คำบอกเล่าในครู่ต่อมาของจ้าวจิ่งเซวียนเป็นการยืนยันเรื่องนี้“นั่นคือศิษย์น้องกงหยางอวี่ เขาเป็นทายาทสายเลือดบริสุทธิ์ของ ‘เผ่าวิญญาณแกะเขียว’ เผ่าวิญญาณแกะเขียวเป็นเผ่าใหญ่เผ่าหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ บรรพบุรุษเคยมีผู้เป็นอมตะที่แท้จริงนั่งบัญชาการ อิทธิพลเข้มแข็งเกรียงไกรอย่างยิ่ง”รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของจ้าวจิ่งเซวียน “อย่าเห็นว่าศิษย์น้องกงหยางอวี่เป็นคนเย่อหยิ่งสง่างาม ความจริงเขาเป็นศิษย์ที่นิสัยดีที่สุดในสำนัก จิตใจเมตตามาก แน่นอนว่าตัวเขาจะไม่ยอมรับเรื่องนี้ และเจ้าไม่ควรทำให้เขาขุ่นเคืองจะดีที่สุด แม้ว่าเขาจะนิสัยดี แต่เมื่อเดือดดาลขึ้นมาก็ไม่มีใครหยุดเขาได้”กงหยางอวี่!เผ่าวิญญาณแกะเขียว!บรรพบุรุษเคยมีผู้เป็นอมตะที่แท้จริง!หลินสวินอดถอนหายใจไม่ได้ ช่างสมกับที่เป็นดินแดนรกร้างโบราณ เพียงแค่ในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแห่งเดียว ก็มีศิษย์อัจฉริยะทรงอานุภาพสารพัด หลายหลากมากมาย ทำให้หลินสวินทอดถอนใจไม่หยุดเซียวหรันที่บุคลิกล่องลอยราวกับควันเมฆ ลึกลับเกินคาดเดา…อวิ๋นเช่อที่ฝึกมหามรรคปลิดชีพ ภายนอกดูสดใสและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แท้จริงแล้วจิตใจเย็นชาไร้ปรานีที่สุด…เหวินเสียงที่เหมือนเด็ก แต่กลับเจ้าชู้เจ้าสำราญหาที่เปรียบไม่ได้…บวกกับซูซิงเฟิงที่เผด็จการดุดัน กดข่มผู้คน รวมทั้งกงหยางอวี่ที่เมื่อครู่นี้ปรากฏตัวเพียงแวบเดียว ลูกศิษย์แต่ละคนของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณล้วนสร้างภาพจำอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับหลินสวินเอกลักษณ์ที่ชัดเจนนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดกลับน่ากลัวอย่างมาก เพราะนี่หมายความว่าลูกศิษย์เหล่านี้ได้ค้นพบทางของตัวเอง จึงดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร!แม้แต่จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นเช่นนี้ด้วยไม่ใช่หรือ‘ผู้กล้าทั่วหล้ารวมตัวกัน หมู่ดาวส่องประกาย หมื่นวิถีรวมอยู่ แย่งชิงโลกา!’ หลินสวินพลันนึกถึงทำนายของ ‘มหาสงคราม’ ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเพียงแค่ลูกศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านี้ ก็ทำให้หลินสวินรู้สึกรางๆ ว่า บางทีในอีกร้อยปีข้างหน้า เมื่อ ‘มหาสงคราม’ เริ่มขึ้น ถ้าลูกศิษย์เหล่านี้ยังไม่ตายจะต้องกลายเป็นหนึ่งในคนที่แย่งชิงโลกาแน่นอน!พอคิดว่าคนพวกนี้เป็นเพียงศิษย์ส่วนน้อยของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเท่านั้น และแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณยังเป็นสำนักโบราณแห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ!จากประเด็นนี้สามารถอนุมานได้ว่า ในสำนักโบราณอื่นๆ ของดินแดนรกร้างโบราณจะต้องมีผู้กล้าที่โดดเด่นและปีศาจที่สะท้านโลกมากกว่านี้อย่างแน่นอน!‘หลินสวิน เมื่อครู่นี้เจ้าก็ได้เห็นแล้ว พวกเขาเป็นศิษย์ร่วมสำนักที่จะไปค้นหาวาสนาในโบราณสถานบรรพกาลเหมือนกับข้า’ยามนี้สีหน้าของจ้าวจิ่งเซวียนดูเคร่งขรึมขึ้นมาและสื่อจิตว่า ‘แต่ความสัมพันธ์ของลูกศิษย์ในสำนักเราไม่ได้เรียบง่ายเหมือนภายนอก ถึงขั้นที่เพื่อช่วงชิงวาสนา อาจเกิดความขัดแย้งและแก้ปัญหาด้วยการต่อสู้ แม้ต้องฆ่าอีกฝ่ายให้ตายก็จะไม่ปรานีสักนิด’‘เพราะฉะนั้นข้าอยากให้เจ้าเตรียมพร้อม ถึงตอนนั้นไม่ว่าใครจะลงมือกับเรา ก็จะปรานีไม่ได้เด็ดขาด!’หลินสวินอึ้ง ยามนี้เพิ่งตระหนักได้ว่า ต่อให้เป็นในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ระหว่างลูกศิษย์เหล่านี้ก็เต็มไปด้วยการแข่งขันที่โหดร้าย ไม่ใช่เรียบง่ายอย่างที่ตนเห็น‘คิดไม่ถึงเลยใช่ไหม ความจริงรอให้เจ้าเข้าไปในดินแดนรกร้างโบราณก็จะเข้าใจว่า ที่นั่นแม้จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกปราณ แต่ก็เป็นสถานที่แห่งความเป็นจริงและโหดร้ายที่สุดเช่นกัน…’จ้าวจิ่งเซวียนถอนหายใจเบาๆ หน้าผากเกลี้ยงเกลาเผยความกลัดกลุ้มรางๆ——
คอมเม้นต์