Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 526 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (ห้า)
“ใต้เท้า ท่าไม่ดีแล้วขอรับ นายน้อยอวี้คุนเรือนผู้อาวุโสใหญ่ คุณหนูฟางเฟยเรือนผู้อาวุโสสาม นายน้อยอวี้ถิงเรือนผู้อาวุโสเก้า…”ชายวัยกลางคนท่าทางเหมือนเป็นพ่อบ้านพุ่งพรวดเข้ามาในห้องโถงใหญ่ พร้อมกับรายงานชื่อเจ็ดแปดชื่อออกมาด้วยอาการตื่นตระหนก “พวกเขา…พวกเขา….หายตัวไปแล้วขอรับ!”เหยาทั่วไห่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่ได้เคยบอกแล้วหรือว่าระยะนี้ห้ามมิให้คนในตระกูลออกไปข้างนอก เหตุใดพวกเขาถึงหายตัวไปได้”“เอ่อ…”พ่อบ้านถูกถามจนนิ่งไป หน้าถอดสี“ส่งคนออกไปตามหาหรือยัง”เหยาทั่วไห่ถาม“ส่งคนไปแล้วขอรับ บ่าวแค่กังวลใจว่าหากพวกเขาออกไปในตอนนี้ หากเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา กลัวแต่ว่าจะส่งผลกระทบต่อแผนการของใต้เท้าขอรับ”พ่อบ้านสีหน้าจนด้วยเกล้า“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ข้าวางแผนมานาน ไม่กังวลว่าหลินสวินจะสามารถก่อคลื่นลมอะไรขึ้นมาได้ เจ้าไปเถิด อย่าปล่อยให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไป เลี่ยงมิให้ส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆ”เหยาทั่วไห่บัญชาเสียงเคร่งขรึมพ่อบ้านรับคำสั่งแล้วออกไปทันทีเหยาทั่วไห่นั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง จมสู่ภวังค์ความคิดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สีนภาย่ำรุ่งแล้ว แสงอรุณกวาดล้างความมืดมิด ส่องสว่างทั่วฟ้าดินและในเวลานี้เองเหยาทั่วไห่หยัดกายขึ้น พึมพำเบาๆ ในใจ ‘หลินสวิน หากวันนี้เจ้าไม่มา บางทีต่อไปนี้ผู้ใดก็ไม่อาจขัดขวางเจ้าให้ยิ่งใหญ่คับฟ้าได้ แต่ถ้าวันนี้เจ้ามา ก็มิอาจรอดพ้นหายนะครั้งนี้อย่างแน่นอน!’……ยามท้องนภาย่ำรุ่ง หลินสวินปรากฏตัวด้านนอกประตูเมืองของจังหวัดชิงเฟิงเพียงลำพังเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้นหลินสวินก็มาถึงอาณาเขตตระกูลเหยาอาณาเขตตระกูลเหยานั้นหาเจอได้ง่ายยิ่งนัก ทั่วทั้งจังหวัดชิงเฟิง ตระกูลเหยาเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลใหญ่ที่สุด และควบคุมจังหวัดชิงเฟิงอย่างเหนียวแน่นมานานหลายร้อยปีกล่าวได้ว่าในจังหวัดชิงเฟิง แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลเหยาก็ว่าได้แน่นอนว่าหากหลินสวินคิดจะสืบข้อมูลเกี่ยวกับอาณาเขตของตระกูลเหยา ก็ย่อมเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้วที่นี่คือยอดเขาเรียงรายว่างเปล่าแถบหนึ่ง มีสิบกว่ายอด เว้านูนทอดยอด ประหนึ่งง้าวเรียงรายเสียบทะลุเวหา สูงลิ่วโอฬารตระกูลเหยา ตั้งอยู่เบื้องหน้าของยอดเขาแถบนี้ในเวลานี้แสงยามเช้าสาดส่อง ยอดเขาห่างออกไปอาบชุ่มด้วยหมอกอุษา เปล่งประกายจับตา ที่ตีนเขามีอาคารที่สร้างประชิดแนวเขาอยู่เรียงราย โอ่อ่าอร่ามแวววาวสิ่งที่ต่างไปจากอดีตก็คือห้วงอากาศเหนือพื้นที่ที่ถูกยึดครองโดยตระกูลเหยามีไอเข่นฆ่าลอยคลุ้งอยู่รำไร พวยพุ่งสู่ท้องนภา เหิมเกริมราวกับควันสัญญาณเตือนศัตรู ทำให้สายลมหมอกเมฆเปลี่ยนสี ไม่กล้าเข้าใกล้นั่นเป็นกลิ่นอายสังหารอย่างแน่นอน!หลินสวินทอดมองจากระยะไกล ก็รู้ทันทีว่านั่นคือไอสังหารหนาหนักจากร่างผู้ฝึกปราณ รวมตัวกันกลายเป็นปรากฏการณ์ประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าในส่วนลึกของตระกูลเหยาตอนนี้ได้วางหลุมพรางสังหารไว้หนาแน่นเป็นที่เรียบร้อย เปรียบได้กับถ้ำเสือบ่อมังกร แค่รอให้หลินสวินมาถึงเท่านั้นเพียงแต่เกรงว่าใครก็คงคิดไม่ถึง ว่าหลินสวินจะมาเยือนในเวลาย่ำรุ่งอรุณเช่นนี้ ฉะนั้นยามที่มองเห็นเงาร่างของหลินสวิน คนคุ้มกันตระกูลเหยาที่คอยเฝ้าระวังอยู่บนหอสังเกตการณ์จึงผงะไปอย่างเห็นได้ชัด“ผู้มาเยือนคือผู้ใด!?” คนคุ้มกันคนนั้นตะโกนลั่นตูม!สิ่งที่ตอบคำถามเขาคือพลังดาบไพศาลที่พุ่งทะยานขึ้นไป ฉีกทึ้งห้วงอากาศ ฟันฉับลงมา เฉกเช่นรุ้งศักดิ์สิทธิ์หลายสิบจั้งที่ร่วงหล่นสู่โลก ทรงพลังเผด็จการหอสังเกตการณ์ที่สูงสิบจั้งกว่าพังทลายลงมาในบัดดล คนคุ้มกันคนนั้นถูกกลบฝังตายอนาถอยู่ในนั้นทันทีครืนๆ~~ฝุ่นละอองลอยคลุ้ง พลังดาบนี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่เพียงแต่ผ่าหอสังเกตการณ์จนถล่ม ยิ่งไปกว่านั้นยังผ่าประตูใหญ่วิจิตรของตระกูลเหยาแตกเป็นรอยอีกด้วย“บังอาจ!”“สารเลวหน้าไหนกล้าแจ้นมากำเริบเสิบสานที่ตระกูลเหยาของข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร!”ทันใดนั้นส่วนลึกของตระกูลเหยามีเงาร่างสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าประตูใหญ่ท่ามกลางเสียงตะโกนเป็นระลอกนั้นหลินสวินยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ผมดำปลิวไสว เงาร่างสูงโปร่งเหยียดตรง ดวงหน้าหล่อเหลาสุภาพราบเรียบไม่ไหวติงในมือเขาถือดาบหักที่แสงดาราไหลเวียนอยู่เล่มหนึ่ง เปล่งประกายพราวตา ขับเน้นบุคลิกของเขาให้โดดเด่นเป็นสง่า“ทำไม ข้าหลินสวินมาแล้ว เจ้าเหยาทั่วไห่กลับไม่กล้าออกมาพบกันสักหน่อยหรือ”หลินสวินเอ่ยปาก เสียงดั่งฟ้าร้อง ซัดสาดครืนโครมออกไป กึกก้องทั่วสารทิศ ทำเอาเงาร่างที่พุ่งออกมาเหล่านั้นต่างผงะอย่างอดไปไม่ได้ พลันส่งเสียงฮือฮาไม่รู้จบ“เป็นเจ้าเด็กนั่น!”“ฮ่าๆๆ ข้านึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นเจ้าคนที่มาทิ้งชีวิตเนี่เอง แจ้นมาตระกูลเหยาของข้าไวขนาดนี้ เพราะรีบร้อนอยากไปเกิดใหม่ใช่หรือไม่”“ถึงขั้นกล้าพังประตูตระกูลเหยาของข้า ครั้งนี้ไอ้หนูอย่างเจ้าได้ตายแน่!”บรรดาคนตระกูลเหยาหัวเราะลั่น ท่าทางฉายแววเหยียดหยันและตื่นเต้น บ้างก็อยากรู้อยากเห็น ในบรรดาพวกเขาส่วนใหญ่ก็เพิ่งได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหลินสวินเป็นครั้งแรกเพียงแต่ตอนที่เห็นกับตานั้น ยังคงยากจะทำใจเชื่ออยู่บ้าง เด็กหนุ่มสุภาพหล่อเหลาเช่นนี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นบุคคลทรงอิทธิพลมีชื่อเสียงก้องโลกคนหนึ่งไปแล้วหลินสวินไม่ได้สนใจคำเยาะเย้ยเหล่านั้น สายตาลุ่มลึกสงบนิ่ง ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ถึงแม้จะตัวคนเดียว แต่กลับมีกลิ่นอายเยือกเย็นโอหัง“หลินสวิน เป็นเจ้าดังคาด”ไม่นานนักเหยาทั่วไห่ก็ปรากฏตัว ท่วงท่าผ่าเผย คิ้วตาดุจสายฟ้า น่าครั่นคร้ามอยู่ครามครันสามปีก่อนตอนที่หลินสวินเข้าเมืองตงหลินเป็นครั้งแรก ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของเหยาทั่วไห่แล้ว เขาถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือที่เป็นรองเพียงผู้บัญชาการทหารมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิหลิ่วอู่จุนเท่านั้นชื่อเสียงและข่าวลือเกี่ยวกับเขามีมากมายนับไม่ถ้วน ประหนึ่งว่าเป็นผู้ที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง พลังอำนาจแกร่งกล้าเพียงแต่ในสายตาของหลินสวินตอนนี้ เหยาทั่วไห่มีเพียงสถานะเดียว นั่นก็คือศัตรูของเขา!“ข้ามาแล้ว ชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นพวกนั้นเล่า”หลินสวินเอ่ยปากเสียงหนัก“สหายตัวน้อยรักษาคำพูดดังคาด ข้าผู้แซ่เหยาเลื่อมใสนัก”เหยาทั่วไห่หัวเราะเบาๆ พลางโบกมือไม่นานนักชาวบ้านเนื้อตัวมอมแมมกลุ่มหนึ่งก็ถูกพาตัวออกมา มีจำนวนมากกว่าร้อยคน อยู่กันอย่างหนาแน่น ต่างมีสีหน้าหดหู่มึนงง ประหนึ่งเป็นซากศพเดินได้ถึงแม้จะไม่ได้พบหน้ากันถึงสามปี ทว่าหลินสวินยังคงจำพวกหัวหน้าหมู่บ้านเซียวเทียนเริ่น นายพรานอิงหาว โจวจง ป้าเฉี่ยวได้ในแวบแรก…เพียงแต่ตอนที่เห็นพวกเขาถูกลากตัวออกมาเหมือนนักโทษ แม้ว่าหลินสวินจะบอกตัวเองให้ใจเย็นไว้ก่อนแล้ว ทว่าส่วนลึกภายในใจกลับยังเกิดความเดือดดาลและเคียดแค้นซึ่งยากจะควบคุมชาวบ้านเหล่านี้ใสซื่อเพียงใด แต่แค่เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตน จึงถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ช่วงหลายวันมานี้ไม่รู้ว่าประสบกับความเจ็บปวดและการทรมานไปเท่าใดแล้ว!“หัวหน้าหมู่บ้าน!”ทันใดนั้นหลินสวินก็ร้องตะโกนเสียงดัง “ข้ามารับพวกท่านกลับบ้านแล้ว!”น้ำเสียงสั่นสะเทือนฟ้าดิน แผ่กระจายรอบอาณาบริเวณทันใดนั้นชาวบ้านที่ท่าทางมึนงงเหล่านั้นต่างตื่นตกใจ พากันเงยหน้าขึ้นมองไปทางหลินสวินที่อยู่ไกลออกไป“นั่นมัน…เจ้าหนูหลินสวิน?”“เป็นเขา ไม่ได้เจอกันสามปี เขาโตเป็นหนุ่มแล้ว”“แย่แล้ว! เจ้าเด็กโง่นี่ ทำไมถึงได้วิ่งมาคนเดียว เขาไม่รู้เชียวหรือว่านี่เป็นกับดัก”ตอนที่ได้เห็นหลินสวิน ชาวบ้านเหล่านั้นต่างตื่นเต้นยิ่งยวด เพียงแต่ไม่นานหลังจากที่ตระหนักถึงจุดประสงค์ของหลินสวินแล้ว พวกเขาก็เริ่มร้อนรนและกระสับกระส่ายทันใด“หลินสวิน เหตุใดเจ้าถึงได้หัวทึบเยี่ยงนี้ เจ้าคิดว่าเจ้ามาแล้ว พวกเขาก็จะปล่อยพวกเราไปอย่างนั้นหรือ รีบไปเสีย! ไม่ต้องสนใจพวกเรา ขอแค่มีชีวิตต่อไป ช้าเร็วก็ต้องช่วยพวกเราแก้แค้นในสักวันอยู่ดี!”เซียวเทียนเริ่นร้องคำรามลั่น“ใช่แล้ว เจ้ารีบไปซะ! ชีวิตของพวกเราไม่มีค่าหรอก ตายก็ตายสิ หลินสวินเจ้าจะตายไปพร้อมกับพวกเราอย่างคนโง่เง่าไม่ได้เด็ดขาดนะ!”ป้าเฉี่ยวผมเผ้ากระเซิง พลอยร้องตะโกนขึ้นมาด้วย“พี่หลินสวิน พวกเราได้ปรึกษากันไว้แต่แรกแล้วว่ายอมตายดีกว่าปล่อยให้คนชั่วพวกนี้เป็นต่อ ดังนั้นท่านรีบหนีไปเร็วเข้าสิ!”อิงหลิวเอ๋อร์ก็ส่งเสียงร้องด้วยสีหน้าร้อนรนเช่นกันหลินสวินได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ภายในใจทั้งซาบซึ้งทั้งเดือดดาล สองมือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว แทบอดรนทนไม่ไหวอยากจะสังหารตระกูลเหยาเหลือเดนพวกนั้นให้หมดในทันที!เพี๊ยะ!ทันใดนั้นสมาชิกตระกูลเหยาคนหนึ่งก็ฟาดแส้เข้าใบหน้าของเซียวเทียนเริ่น ทิ้งรอยแผลอาบเลือดไว้หนึ่งรอย“ถ้าแหกปากอีกจะฆ่าพวกเจ้าซะ!”นั่นเป็นชายกำยำสายตามุ่งร้าย ยามเอ่ยคำแส้ก็โบกสะพัด ฟาดใส่ชาวบ้านเหล่านั้นจนผิวหนังถากแตก กรีดร้องอย่างอนาถไม่หยุดหย่อน“หยุดนะ!” หลินสวินตาแทบถลนออกมา“ฮ่าๆ เจ้าให้ข้าหยุดก็จะหยุดได้หรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน” ชายกำยำหัวเราะลั่นยามเอ่ยวาจาเขาก็หวดแส้ลงไปอีกครั้งอย่างดุดัน ฟาดใส่หน้าอกของชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งอยู่ด้านข้างจนเลือดพุ่งกระเซ็น ส่งเสียงโหยหวนก่อนฟุบลงกับพื้น“เจ้าวางใจ อีกเดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าข้าคือใคร!” หลินสวินสูดลมหายใจลึกหนึ่งเฮือก ฝืนระงับอารมณ์คุกรุ่นภายในใจของตนเอาไว้ น้ำเสียงราวกับเค้นลอดออกมาจากไรฟัน“เอาล่ะ ต่อไปก็ควรคุยกิจธุระกันได้แล้ว” เหยาทั่วไห่เปล่งเสียง หยุดยั้งการกระทำของชายกำยำผู้นั้นเอาไว้“ว่ามา หาข้ามีธุระใด” น้ำเสียงของหลินสวินเย็นเยียบ“สหายตัวน้อยผ่อนคลายลงหน่อย ครั้งนี้ข้าให้เจ้ามา ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียหน่อย ตรงกันข้ามสำหรับเจ้าแล้ว บางทีอาจจะเป็นโชคดีอันใหญ่หลวงอย่างหนึ่งก็ได้ ขอเพียงเจ้าใช้โซ่ตรวนเส้นนี้ผูกมัดตัวเองเอาไว้ ข้าขอใช้ชื่อหัวหน้าตระกูลเหยามารับรองว่าจะปล่อยตัวชาวบ้านพวกนี้ไปทันที นอกจากนี้ยังจะมอบโชคดีให้เจ้ากับมือตัวเองด้วย”เหยาทั่วไห่เปล่งเสียงราบเรียบ กล่าวไม่รีบไม่ร้อน ยามเอ่ยวาจาเขาพลันโบกแขนเสื้อ เหวี่ยงโซ่ยาวนับสิบจั้งเส้นหนึ่งออกมาเสียงดังเคร้งคร้าง ก่อนร่วงตุบลงพื้นในบริเวณไม่ไกลนักโซ่เส้นนั้นเหมือนถูกสร้างมาจากกระดูกขาว คละคลุ้งด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือกน่ากลัว มีแสงโลหิตสายแล้วสายเล่าฟุ้งออกมาอยู่รางๆ กลายเป็นเงามายาที่โหดเหี้ยมชั่วร้าย ส่งเสียงราวกับผีร้ายกำลังร่ำไห้โหยหวน น่าหวาดหวั่นถึงขีดสุดอย่างเห็นได้ชัดแม้จะมองด้วยสายตาของหลินสวินก็อดรู้สึกสั่นสะท้านในใจไม่ได้ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายรุนแรงอย่างหนึ่งจากโซ่สายนั้น ทำให้เขาเองก็รู้สึกหนาวสะท้านเช่นเดียวกันไม่ต้องสงสัยเลย เมื่อถูกโซ่เส้นนี้ล่าม เกรงว่าจะทำให้ผู้ฝึกปราณสูญเสียพลังในการต่อสู้และขัดขืนไปทันที!“หากข้าไม่ตกลงเล่า” หลินสวินเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาวาบแววสายฟ้าเย็นชา มองไปทางเหยาทั่วไห่“สหายตัวน้อย เจ้าเป็นคนฉลาด น่าจะรู้ดีว่าหากเจ้าไม่ตอบตกลง ไม่เพียงแต่ชาวบ้านเหล่านี้เท่านั้นที่จะตายเพราะเจ้า อีกทั้งในอาณาเขตตระกูลเหยาของข้า เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะมีโอกาสหนีรอดไปได้อยู่อีกหรือ”เหยาทั่วไห่เอ่ยปากเนิบนาบ มีท่าทางมั่นใจว่าคุมสถานการณ์โดยรวมได้อยู่หมัด“ตอนนี้ข้าให้เวลาเจ้าไตร่ตรองสามลมหายใจ ทุกครั้งที่เกินหนึ่งลมหายใจไป ข้าก็จะสังหารชาวบ้านหนึ่งคน โอกาสมีเพียงครั้งเดียวแล้ว หวังว่าสหายตัวน้อยจะลงมือทำหลังจากคิดทบทวนแล้ว”เหยาทั่วไห่กล่าวพลางเอาสองมือไพล่หลัง ท่าทางราบเรียบเย็นชาข้างกายของเขา คนตระกูลเหยากลุ่มหนึ่งก็พากันหัวเราะเยาะ สายตาที่มองไปทางหลินสวินประหนึ่งว่ามองดูคนตายคนหนึ่ง เปี่ยมด้วยความขบขันและฮึกเหิม“หลินสวิน เจ้ารีบไปเร็ว อย่าได้ตอบตกลงเป็นอันขาด!”“พวกนี้ล้วนเป็นคนชั่วทั้งนั้น คำพูดของพวกเขาเชื่อถือไม่ได้สักนิด!”“รีบไป…!”ชาวบ้านเฟยอวิ๋นเหล่านั้นต่างร้องเสียงดัง ทั้งร้อนรนและเดือดดาล เตือนหลินสวินให้รีบออกไปโดยเร็วที่สุด อย่าได้สนใจพวกเขาสิ่งนี้ทำให้คนตระกูลเหยายิ่งได้ใจมากขึ้นอีก ไม่ได้ห้ามปราม เพราะพวกเขาเชื่อว่าต่อให้หลินสวินอยากหนี ครั้งนี้แม้นติดปีกก็ยากจะบินหนีแล้ว!——
คอมเม้นต์