Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 522 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (หนึ่ง)
ภายในหอสุราคึกคักยิ่ง ผู้ฝึกปราณจำนวนมากต่างถกกันเกี่ยวกับประเด็นร้อนแรงในระยะนี้“หากพูดถึงบุคคลทรงอิทธิพลเป็นที่จับตามองที่สุดในจักรวรรดิ ย่อมต้องเป็นหลินสวินที่เดินทางออกจากเมืองตงหลินของพวกเราอยู่แล้ว!”บางคนโพล่งเสียงออกมากะทันหัน นำมาซึ่งเสียงสมทบมากมายทันที“ใช่แล้ว ใครจะกล้าคิดว่าเด็กหนุ่มในปีนั้นจะกลายเป็นผู้โดดเด่นพราวตาเช่นนี้ด้วยระยะเวลาแค่สามปี เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงก้องโลก ไร้คนทัดเทียม”“นครต้องห้ามน่ะ นั่นเป็นถึงสถานที่พยัคฆ์ซ่อนมังกรหมอบเชียวนะ แต่หลินสวินกลับโผล่ออกมา โดดเด่นเป็นสง่าเหนือใครได้ นี่เป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งชัดๆ!”“ลองนับๆ ดู จนถึงตอนนี้เขาได้ที่หนึ่งการทดสอบระดับมณฑลของมณฑลซีหนาน ถึงจะไม่เคยเข้าร่วมการทดสอบระดับอาณาจักร ทว่ากลับได้เป็นอาจารย์คนหนึ่งในสำนักศึกษามฤคมรกต สิ่งที่ทำให้ผู้คนพูดกันเซ็งแซ่ก็คือ เขายังเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลินในนครต้องห้าม ครองภูเขาชำระจิตหนึ่งในเจ็ดสิบสองยอดเขาแห่งนครต้องห้าม และตอนนี้ยิ่งเป็นถึงปฐมาจารย์สลักวิญญาณวัยเยาว์ซึ่งเป็นที่จับตามองของทั่วหล้าอีกด้วย…”บางคนกำลังเรียงรันวีรกรรมอันรุ่งโรจน์ต่างๆ นานาที่หลินสวินเคยทำไว้ พาให้ในโถงร้องอุทานขึ้นอีกระลอกสีหน้าหลินสวินดูแปลกไปเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสวมบทเป็นผู้ชมด้านข้าง ฟังคนอื่นพูดถึงตนเองในระยะประชิดขนาดนี้“พวกเจ้ารู้แต่ว่าตอนนี้หลินสวินโด่งดังคับฟ้า แต่พวกเจ้าหารู้ไม่ว่าตอนแรกในการทดสอบระดับอำเภอในเมืองตงหลินนั้น หลินสวินถูกมหายุทธ์เหยาทั่วไห่และเจ้าสำนักสำนักศึกษาตงหลินอวี๋ชางหลินร่วมมือกันกดขี่ เกือบตายอนาถ!”ชายชราคนหนึ่งเอ่ยปากอย่างเร้นลับ พลันดึงดูดความสนใจมากมาย พากันซักไซ้ไล่เลียง“เหตุใดอวี๋ชางหลินต้องต่อต้านหลินสวินด้วย นี่มันไม่เข้าทีไปหน่อยแล้วกระมัง”“นี่พวกเจ้าคงไม่รู้สินะว่าหัวหน้าตระกูลอู๋ไปหาอวี๋ชางหลิน ตั้งใจจะจัดการหลินสวิน พวกเจ้าก็รู้ ตอนที่หลินสวินอยู่เมืองตงหลิน ก็ถูกตระกูลอู๋ข่มเหงประทุษร้ายตั้งหลายครั้ง!”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”ทันใดนั้นผู้คนมากมายต่างเข้าใจแจ่มชัด มีบางคนอดมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นไม่ได้ “กลัวก็แต่ตระกูลอู๋และอวี๋ชางหลินคงไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าเด็กหนุ่มที่ถูกพวกเขาข่มเหงในปีนั้น จะกลายเป็นดาวจรัสแสงดวงหนึ่งซึ่งเจิดจ้าที่สุดในจักรวรรดิตอนนี้ ต่อไปหากหลินสวินหวนกลับเมืองตงหลินอีกครั้ง พวกเขาตระกูลอู๋จะจัดการกับตัวเองอย่างไร”หลินสวินได้ยินถึงตรงนี้ ในที่สุดก็คลี่คลายปมสงสัยในใจได้เสียที ที่แท้ในการทดสอบระดับอำเภอปีนั้น ที่อวี๋ชางหลินเจ้าสำนักสำนักศึกษาตงหลินจงใจพุ่งเป้าและกำราบตน เป็นเพราะตระกูลอู๋นั่นเอง!ทันใดนั้นเสียงสูงแหลมเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วย…“ฮ่าๆ ไม่ว่าหลินสวินจะร้ายกาจเพียงใด ความรุ่งโรจน์ที่เป็นของเขาก็จะปิดฉากลงในที่สุด! เท่าที่ข้ารู้ ภายในไม่กี่วันเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับหายนะแล้ว!”เป็นชายหนุ่มสำรวยคนหนึ่ง สวมชุดคลุมสีทองโอ่อ่า นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่อนาทรร้อนใจ ท่าทางหยิบโหย่งชี้สั่งใต้หล้าครั้นประโยคนี้เอ่ยออกมา ทั้งโถงพลันฮือฮา ยากจะเชื่อได้“บังอาจถามพี่ชายหน่อย ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงหรือ”บางคนอดถามไม่ได้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองผู้นั้นมีท่าทางลึกลับ เอ่ยคำเนิบนาบ “อีกไม่กี่วัน พวกเจ้าก็จะได้รู้ผลลัพธ์แล้ว”ผู้คนมากมายหยามเหยียด ไม่เชื่อแม้แต่น้อย คิดว่าชายหนุ่มชุดทองคนนั้นอิจฉาหลินสวิน ถึงจงใจกุเรื่องขึ้นและก็มีส่วนน้อยที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ซักไซ้ต่อเพียงแต่ชายหนุ่มชุดทองคนนั้นดูคล้ายจะกังวลอยู่บ้าง ไม่กล้าพูดมากความอีก เอ่ยตอบอย่างคลุมเครือ ไม่นานนักก็หยัดตัวลุกขึ้นไปชำระเงิน ก่อนรีบร้อนจากไปเมืองตงหลินยังคงคึกคักครื้นเครง หลังจากชายหนุ่มชุดทองออกจากหอสุราไปแล้ว ตอนที่เพิ่งจะเดินผ่านตรอกหนึ่งไปก็รู้สึกแต่ว่าเจ็บแปลบที่ท้ายทอย ดวงตากลิ้งกลอกแล้วหมดสติไปทันทีทันควันในห้องมืดสนิทแห่งหนึ่งตอนที่ชายหนุ่มชุดทองได้สติตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นว่าตนถูกพันธนาการอยู่ตรงนั้น และกำลังเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมองเขาอย่างเงียบงัน“เจ้าเป็นใคร ถึงขั้นกล้าเล่นเล่ห์ดักฟาดหัวข้า อยากตายแล้วหรือ” ชายหนุ่มชุดทองกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด“ข้าถามเจ้าตอบ หากคำตอบทำให้ข้าพอใจ จะปล่อยเจ้าไปทันที แต่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือ เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน”เด็กหนุ่มคนนั้นย่อมต้องเป็นหลินสวิน ตอนอยู่ในหอสุราหลินสวินจับสังเกตถ้อยคำที่ชายหนุ่มชุดทองคนนี้พูด บางทีผู้อื่นอาจคิดว่าเขาแค่ปล่อยข่าวโคมลอยเขย่าขวัญผู้คน แต่หลินสวินไม่คิดเช่นนั้น“ไอ้เด็กเหลือขอ ยังกล้ามาเล่นบททรมานรีดไถเอาคำสารภาพกับข้าอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร คร้านจะมีชีวิตอยู่แล้วชัดๆ! ข้าจะบอกเจ้าให้นะ…”กร๊อบ!ไม่รอให้พูดจบ กระดูกไหล่ทั้งสองข้างของเขาก็ถูกปลดออก เจ็บจนเขาส่งเสียงร้องโหยหวน หน้าผากผุดเหงื่อพราย ใบหน้าบิดเบี้ยว“ข้าไม่มีความอดทนมาเสียเวลากับเจ้า โอกาสมีแค่หนเดียว ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะคว้ามันไว้ได้หรือเปล่าเท่านั้น”หลินสวินเอ่ยปากยิ้มแย้ม รอยยิ้มนั้นสงบนิ่งอ่อนโยน ไม่เป็นพิษภัยต่อมนุษย์และสรรพสัตว์ ทว่ากลับปลุกปั่นให้ชายหนุ่มชุดทองคนนั้นเกิดความหวาดกลัวอันยากจะพรรณนา……ตระกูลอู๋หลินสวินยืนอยู่ในระยะไกล มองสำรวจคฤหาสน์อันเป็นของตระกูลอู๋ตามคำพูดของชายหนุ่มชุดทอง เขาเองก็ได้ยินมาจากลูกหลานตระกูลอู๋ที่พลั้งปากพูดหลังร่ำสุราว่า อีกไม่นานนักก็จะทำให้หลินสวินตายโดยไร้แผ่นดินฝังศพ! ซ้ำยังรับรองเป็นมั่นเหมาะอีกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นที่แน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ตระกูลอู๋!นึกถึงตระกูลอู๋ หลินสวินพลันนึกถึงอู๋เฮิ่นสุ่ยและอู๋เจี๋ยที่ตายในเงื้อมมือของตน นึกถึงเรื่องที่หลังจากเข้าเมืองตงหลินแล้วถูกตระกูลอู๋ไล่ล่าฆ่าฟันสวบ!ไม่นานนักหลินสวินก็มาถึงจุดที่เงียบสงัดลับตาคน เงาร่างพริบไหว ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลอู๋ได้อย่างง่ายดายราวกับควันจางล่องหนสายหนึ่งพลังจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของหลินสวินแผ่กว้างออกไป เคลื่อนตัวอย่างลับๆ ท่ามกลางตัวอาคารคฤหาสน์ที่เรียงริ้วเป็นทิวแถวอย่างระแวดระวังเมืองตงหลินเป็นเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งติดชายแดนมณฑลซีหนาน ตระกูลอู๋ถึงแม้จะเป็นมหาอำนาจของเมือง แต่สำหรับหลินสวินในตอนนี้แล้ว ไม่ควรค่าให้ชายตาแล พลังป้องกันเหมือนของหลอกตาอย่าว่าแต่ตระกูลอู๋เลย ต่อให้เป็นทั้งเมืองตงหลิน ก็เฟ้นหาผู้ดำรงอยู่ในระดับหยั่งสัจจะไม่เจอสักคน!และเท่าที่หลินสวินรู้ พลังแข็งแกร่งที่สุดในตระกูลอู๋ก็ไม่พ้นระดับมหาสมุทรวิญญาณอย่างแน่นอนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินย่อมไม่กังวลว่าจะประสบอันตรายถึงแก่ชีวิตอะไรเลยอยู่แล้ว มีเพียงอย่างเดียวที่ต้องระวัง คือมหายุทธ์เหยาทั่วไห่แต่หลินสวินไม่เชื่อว่าบุคคลสำคัญระดับเหยาทั่วไห่จะนั่งบัญชาการในตระกูลอู๋ไม่นานเขาชะงักฝีเท้า จากนั้นเงาร่างวูบไหวอีกครั้ง ก่อนเร้นกายอยู่ในเงามืดของชายคาจุดหนึ่งแทบจะในเวลาเดียวกัน ห้องโถงที่เยื้องกับจุดที่หลินสวินซ่อนตัวอยู่ มีบุคคลสำคัญของตระกูลอู๋จำนวนมากกำลังหารือกันกลางโถงวิจิตร อู๋เชาฉวินหัวหน้าตระกูลอู๋ อู๋อวิ๋นซานผู้อาวุโสใหญ่ อู๋อวี้ซานผู้อาวุโสรอง อู๋หลันซานผู้อาวุโสสามต่างนั่งเรียงรายกันอย่างน่าเกรงขาม“ถึงแม้การลงมือครั้งนี้จะเสี่ยงมาก แต่ขอเพียงกำจัดเจ้าเด็กหลินสวินนี่ให้สิ้นซาก ต่อไปพวกเราตระกูลอู๋ก็จะหลับสนิทไร้กังวล ไม่ต้องห่วงว่าเจ้าเด็กเหลือขอคนนั้นจะย้อนกลับมาชำระแค้นพวกเราอีกต่อไป”อู๋เชาฉวินเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงน่ายำเกรง“เป็นเช่นนี้ดีที่สุดแล้ว พูดตามตรง แม้แต่ข้าเองก็คิดไม่ถึง ว่าเด็กเหลือขอในปีนั้นจะถึงกับประสบความสำเร็จน่าตื่นตาเช่นนี้ แค้นก็แต่ปีนั้นไม่สามารถฆ่าเขาให้ตายได้ ถึงได้ปล่อยให้เขาเติบโตขึ้นมาแผลงฤทธิ์แผลงเดช น่าเสียดายโดยแท้”ผู้อาวุโสใหญ่อู๋อวิ๋นซานถอนหายใจคนอื่นๆ ก็พลอยนึกคับอกคับใจไปด้วย นับตั้งแต่รู้ว่าหลินสวินผงาดแข็งแกร่งอยู่ในนครต้องห้าม พวกเขาก็กินนอนไม่เป็นสุข หนึ่งวันผันผ่านราวหนึ่งปี เกรงแต่ว่าหลินสวินจะฝังใจกับความแค้นในปีนั้นแล้วย้อนกลับมาล้างแค้นอีกครั้งอย่างไรเสียปีนั้นตระกูลอู๋ของพวกเขาก็ผูกแค้นกับหลินสวินลึกล้ำเกินไป ไม่อาจมีไมตรีต่อกันได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครรู้ว่าหลินสวินจะกลับมาไล่ล่าสังหารอีกครั้งเมื่อไหร่หากสามารถอาศัยโอกาสนี้กำจัดหลินสวินทิ้ง ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา“เอาตามนี้เถิด การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีผู้อาวุโสเหยาทั่วไห่บัญชาการด้วยตัวเอง ย่อมมั่นใจได้เก้าในสิบส่วนอย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลเกินไปว่าหลังจากเรื่องถูกเปิดโปงแล้วจะต้องเจอกับการล้างแค้นของหลินสวิน”อู๋เชาฉวินกำชับเสียงเข้มและในเวลานี้เอง ฉับพลันกลางห้องโถงใหญ่ปรากฏรุ้งศักดิ์สิทธิ์สี่สายล้อมปิดผนึกโถงใหญ่เอาไว้ราวกับฟ้าถล่มเสามังกรจตุลักษณ์!นี่ย่อมต้องเป็นฝีมือหลินสวินอยู่แล้วตูม!พวกอู๋เชาฉวินตั้งรับไม่ทัน รู้สึกเพียงว่าตาลาย และมาอยู่ในเขตแดนมายาแห่งหนึ่งที่ทั่วทิศขาวโพลน มองเห็นเพียงเสาหินโบราณสี่ต้นตั้งตระหง่านคล้ายกับยันฟ้าอยู่สี่ทิศแย่แล้ว!พวกเขาหน้าเปลี่ยนสีทันควัน ควานหาทางออกอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวอย่างไรล้วนไม่อาจหลุดจากการปิดผนึกของเสาหินสี่ต้นนี้ไปได้สิ่งนี้ทำให้สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นเหยเกเข้าไปใหญ่ รู้สึกได้ว่าหายนะใกล้มาเยือนอยู่เลาๆและในตออนนั้นเอง เงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏขึ้นในเขตแดนมายา กวาดสายตามองสำรวจพวกอู๋เชาฉวินก่อนกล่าวราบเรียบ “บอกข้ามาว่าเหลียนเฟยอยู่ที่ไหน ข้าจะให้พวกเจ้าตายสบายหน่อย”“เจ้าเป็นใคร”อู๋เชาฉวินสูดหายใจลึก กล่าวเสียงเคร่งขรึม“ลืมแม้กระทั่งข้าหรือ”หลินสวินหัวเราะน้อยๆ ก่อยเปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงออกมา“เป็นเจ้า หลินสวิน!?”ทันใดนั้นพวกอู๋เชาฉวินต่างตกตะลึงอยู่ตรงนั้น คิดไม่ถึงสักนิดว่าหลินสวินจะถึงขั้นปรากฏตัวอยู่ในตระกูลอู๋ของพวกเขา!เขาค้นพบเรื่องนี้ได้อย่างไรกันต้องรู้ว่านับตั้งแต่พวกเขาตัดสินใจร่วมมือกับเหลียนเฟย ก็ไม่เคยปล่อยข่าวรั่วไหลออกไปเลยสักเสี้ยว จึงย่อมไม่อาจจินตนาการได้ว่าหลินสวินจะมาเยือนล่วงหน้าหนึ่งวัน!“ฮ่าๆๆ ชาวบ้านในหมู่บ้านเฟยอวิ๋นของเจ้าล้วนอยู่ในกำมือคุณชายเหลียนเฟย เจ้ายังกล้าทำตัวกร่างตอนนี้หรือ”อู๋เชาฉวินหัวเราะลั่น“งั้นหรือ”ฟุ่บ! หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ลมกรรโชกน่าหวาดกลัวกวาดม้วนผ่าน โจมตีใส่หน้าผากผู้อาวุโสใหญ่อู๋อวิ๋นซานจนแตกเป็นเสี่ยงในชั่วอึดใจเดียว เลือดพุ่งกระเซ็น น่าอนาถหาใดเปรียบ!“เจ้ากล้า!”“หลินสวิน เจ้าไม่สนความเป็นตายของชาวบ้านหมูบ้านเฟยอวิ๋นพวกนั้นจริงๆ หรือ”“บอกเจ้าให้นะ ถ้าฆ่าพวกเราแล้ว ผู้อาวุโสเหยาทั่วไห่ไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่!”พวกอู๋เชาฉวินโกรธเกรี้ยวคำราม พวกเขาไหนเลยจะคาดคิดว่าหลินสวินจะลงมือสังหารโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง!สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่อู๋อวิ๋นซานก็ต้านการโจมตีของหลินสวินไว้ไม่ได้ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตระหนักอย่างพรั่นพรึงว่า วันนี้หลังจากสามปีผ่านไป หลินสวินได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้วเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มระดับกำลังภายในก่อนหน้านี้ที่ได้แต่ถูกพวกเขาไล่สังหารอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นผู้กล้ารุ่นเยาว์คนหนึ่งที่มีชื่อก้องเกรียงไกรทั่วจักรวรรดิ มีปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณที่ทิ้งห่างพวกเขาโข พลังไพศาลดุดัน!“ข้าไม่ได้มาพูดพล่ามกับพวกเจ้า ตอบคำถามข้ามา หาไม่ข้าจะส่งพวกเจ้าไปตามทาง แล้วตามหาเหลียนเฟยมาคิดบัญชีด้วยตัวเอง!”หลินสวินเปล่งเสียงราบเรียบถึงเขาจะตัวคนเดียว ทว่ารอบกายกลับแผ่กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นออกมา ทำให้พวกอู๋เชาฉวินแทบจะกลั้นลมหายใจ ขนพองสยองเกล้า จิตหลุดวิญญาณกระเจิงไม่อาจต้านทานได้จริงๆ!แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!ชายแก่อย่างพวกเขาเหล่านี้ แต่ละคนเพิ่งมีเพียงปราณระดับจิตผสานวิญญาณเท่านั้น ในสายตาของหลินสวิน แทบจะล้มตึงในกระบวนท่าเดียว“เจ้าอยากรู้อะไร”อู๋เชาฉวินสูดหายใจลึกหนึ่งเฮือก สีหน้าเขียวคล้ำเอ่ยปาก ชั่วขณะนี้ ยามที่เผชิญกับหลินสวินซึ่งๆ หน้า พวกเขาถึงได้รับรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าน่าสะพรึงและสิ้นหวังการตายของผู้อาวุโสใหญ่อู๋อวิ๋นซานก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด——
คอมเม้นต์