Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 518 ความทรงจำหนึ่งเดียว
เปรี๊ยะ!ในที่สุด เสียงแตกดังระเบิดขึ้น หยกสีดำแปรสภาพเป็นเศษเล็กเศษน้อยร่วงริน ในเวลาเดียวกัน ซย่าจื้อที่หลับลึกอยู่ในนั้นก็หยัดกายขึ้นร่างของนางยังอ่อนนุ่มดังแต่ก่อน แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นางสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าถูกหมวกม่านบดบัง ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ทั้งร่างอวลไปด้วยพลังปราณราวรัตติกาลวังเวงคลุมเครือเป็นชั้นๆ“คำนวณเวลาดูก็ควรฟื้นได้แล้ว” ใบหน้าอ่อนโยนของชายชราปรากฏแววพึงพอใจ ทั้งตื่นเต้นอย่างยากปกปิดซย่าจื้อนิ่งอยู่เช่นนั้นราวไม่รับรู้อะไรส่วนหลินสวินเวลานี้อึ้งงันไปแล้ว ปากต้องการจะเรียกชื่อซย่าจื้อ แต่กลับกลัวว่าอีกฝ่ายจะจำตนไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้นต้องกระทบกระเทือนจิตใจทุกข์ตรมหาใดเปรียบแน่ในใจเขาสับสน สีหน้าอึมครึมไม่สงบ หากเสียความทรงจำไป เช่นนั้นแล้วซย่าจื้อที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นซย่าจื้อที่ตนคุ้นเคยไหมบรรยากาศในกระท่อมเงียบเชียบไปครู่หนึ่งชายชราถอนใจเสียงดัง ราวกับเข้าถึงจิตใจของหลินสวินในเวลานี้ จึงถามไปอย่างอดไม่ได้ว่า “เจ้าไม่ต้องผิดหวังเสียใจไป ตามที่ข้ารู้ หลังจากผ่านการจุติเก้าครั้ง ความทรงจำในอดีตก็จะถูกเปิดออกอีกครั้ง แปรเปลี่ยนเป็นประสบการณ์และการรับรู้ต่างๆ และนางจะได้รับสิ่งเหล่านั้นกลับมา”หลินสวินสีหน้าเศร้าหมอง จุติและกำเนิดใหม่เก้าครั้งหรือ เช่นนั้นจะต้องรอถึงเมื่อไรที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หากซย่าจื้อฝึกปราณล้มเหลวกลางทางเล่า นางจะยังจำตนได้อยู่ไหมหลินสวินแข็งทื่อไปทั้งตัวอย่างเฉียบพลัน รับรู้ว่าซย่าจื้อที่อยู่ไม่ไกลทอดสายตามายังตน จากนั้นก็เอ่ยว่า “หลินสวิน ข้าหิวแล้ว”เสียงนั้นกังวาน สงบนิ่งและล่องลอยเหมือนแต่ก่อนแต่ก็เพราะคำพูดไม่กี่คำนี้ กลับทำให้หลินสวินและชายชราล้วนอึ้งงันอยู่เช่นนั้นในทันใด มีท่าทางไม่เชื่อหูตัวเอง ซย่าจื้อนาง…เรียกชื่อหลินสวินออกมา!นี่ไม่ได้หมายความว่านางยังจำหลินสวินได้หรือความกระวนกระวาย ผิดหวังและขัดเคืองในใจหลินสวินก่อนหน้านี้ เวลานี้ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจโดยสมบูรณ์ พูดเสียวสั่นเครือว่า “ซย่าจื้อ เจ้ายังจำข้าได้หรือ”ซย่าจื้ออึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยอย่างสงสัยว่า “ข้าไปลืมเจ้าตอนไหน”หลินสวินคลี่ยิ้มแล้ว เป็นยิ้มสดใสกว่าปกติ ในใจถูกความปรีดาแทนที่ ผุดลุกขึ้นกอดซย่าจื้อไว้แล้วพูดพลางหัวเราะร่าว่า “ฮ่าๆ เจ้ายังจำข้าได้! สวรรค์มีตาแล้ว ทำเอาข้ากังวลใจเสียเปล่าเลย ฮ่าๆๆ…”ชายชรากลับยังฉงนอยู่บ้าง สีหน้าเคร่งขรึม หรือว่าการจุติล้มเหลวเสียแล้ว เหตุใดซย่าจื้อยังรักษาความทรงจำเกี่ยวกับหลินสวินไว้ได้ซย่าจื้อเมื่อถูกหลินสวินกอดไว้และเห็นเขายิ้มอย่างดีอกดีใจราวคนบ้าเช่นนั้น ก็อดขมวดคิ้วงดงามของนางไม่ได้ ยิ่งสงสัยจึงถามว่า “หลินสวิน เหตุใดเจ้าถึงได้ทำตัวเป็นเด็กน้อยเช่นนี้”ทำตัวเป็นเด็กน้อย…หลินสวินชะงักไป พลันยิ่งยินดีขึ้นไปอีก นี่ไม่ใช่วิธีการพูดของซย่าจื้อหรือ นางโดดเด่นและสุขุมเช่นนี้เสมอ ไม่เหมือนกับคนรุ่นราวคราวเดียวกันเอาเสียเลย“ซย่าจื้อ เจ้าไม่ได้ทำพลาดตอนฝึกคัมภีร์จุตินพชาติใช่ไหม” ชายชราอดไม่ได้จึงเอ่ยถามเสียงของซย่าจื้อพลันเย็นชา “หลินสวิน เขาเป็นใคร”ชายชรางงงัน หลินสวินเองก็ด้วย “เจ้า…จำเขาไม่ได้หรือ”ซย่าจื้อส่ายหัว “จำไม่ได้”เวลานี้หลินสวินและชายชราก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเสียแล้วหลินสวินปล่อยซย่าจื้อแล้วเอ่ยเสียงค่อยว่า “ซย่าจื้อ เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าตอนนี้ยังจำอะไรได้บ้าง”ซย่าจื้อนิ่งคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้า อย่างอื่นข้าก็ลืมไปหมดแล้ว”น้ำเสียงนางเรียบเฉย เสียงพูดเลื่อนลอย เหมือนไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ ไม่แน่บางทีสำหรับนางแล้ว ขอแค่จำหลินสวินได้ ต่อให้ลืมสรรพสิ่งในโลกนี้ก็ไม่เป็นไรหลินสวินอดไม่ไหวหัวเราะออกมา เขาพลันพบว่าขอเพียงซย่าจื้อจำเขาได้ เรื่องอื่นก็ไม่สลักสำคัญแล้ว“ให้ข้าตรวจสอบดูหน่อย”ชายชรายื่นมือออกมาจับข้อมือของซย่าจื้อไว้ แต่เขาไม่ทันได้คว้ามือ ก็ถูกซย่าจื้อใช้นิ้วมืออ่อนนุ่มขาวสะอาดทิ่มไปยังดวงตาของชายชราอย่างรวดเร็วรุนแรงเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ร้ายกาจ!ทำให้หลินสวินเหมือกลับไปสมัยอยู่ที่หมู่บ้านเฟยอวิ๋น ตอนนั้นฝีมือยามนางจู่โจมสัตว์ร้ายและประมือกับตนก็เป็นเช่นเดียวกันนี้นี่แทบจะเป็นสัญชาตญาณ ทว่าแม่นยำจนน่ากลัว!เห็นได้ชัดว่านางลืมชายชรา มองเขาเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว เมื่อเขาเข้าใกล้ ก็ทำให้นางโต้กลับอย่างดุดันไร้ความปรานีทันที!เพียงแต่การโต้กลับของซย่าจื้อโต้เสียแรงเปล่า ถูกชายชราผนึกลงอย่างง่ายดาย ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็รีบเอ่ยปากว่า “ท่านลุงผู้นี้ไม่ใช่คนไม่ดี เขาเพียงจะตรวจร่างกายให้เจ้า”ท่านลุง?ชายชราอดกลอกตาไม่ได้ แต่หลังเห็นซย่าจื้อสงบลงไม่ตอบโต้ เขาก็หน่ายจะมากความแล้วผ่านไปครู่หนึ่งชายชราก็ปล่อยมือด้วยความงงงวย“ผู้อาวุโสเป็นอย่างไรบ้าง” หลินสวินถาม“ไม่มีปัญหาอะไร การแปรสภาพครั้งแรกสมบูรณ์มาก คัมภีร์จุตินพชาติกลายเป็นสัญชาตญาณหนึ่งในการฝึกปราณของนางแล้ว ไม่หลงเหลือข้อบกพร่องแม้แต่น้อย ทว่า…”ชายชรานิ่วหน้า “เหตุใดนางถึงยังจำเจ้าได้”“เป็นเช่นนี้ไม่ยิ่งดีหรือ” หลินสวินยิ้มอย่างดีใจ“เฮ้อ” ชายชราถอนใจเบาๆ เขาก็ไม่เข้าใจ ไม่แน่บางทีอาจทำได้เพียงรอให้ราชินีรัตติกาลฟื้นจากการจำศีลถึงจะให้คำอธิบายที่แน่ชัดได้“หลินสวิน ข้าหิวแล้ว” ซย่าจื้อเอ่ยปากอีกครั้ง เสียงกังวานน่าฟังเหมือนเสียงสวรรค์หลินสวินพลันไม่คิดถึงสิ่งอื่น พูดขึ้นอย่างดีอกดีใจว่า “ข้าจะไปย่างปลาให้เจ้ากิน!”เขาพุ่งออกไปจากกระท่อม หาวัตถุดิบจากที่นั่น ตรงเข้าจับปลาตัวใหญ่อวบอ้วนหาใดเทียบสิบกว่าตัวจากริมธาร ก่อกองไฟ หลังจากชำแหละและล้างปลาก็ใช้กระบี่วิญญาณเสียบเข้าไปแล้วเริ่มย่างไฟแม้ไม่มีเครื่องปรุง แต่ในตัวปลาเหล่านี้มีพลังวิญญาณเล็กละเอียด หลังย่างเสร็จจึงมีกลิ่นหอมสดใหม่ มีรสชาติดีเป็นพิเศษซย่าจื้อตามออกมา นั่งนิ่งอยู่ข้างกายหลินสวิน สองมือเนียนละเอียดกอดเข่า ตอนนี้พลบค่ำแล้ว แสงอัสดงบนขอบฟ้าราวเปลวเพลิง สาดแสงสายัณห์สีส้มแดงย้อมภูเขาเขียวที่ริมธารน้ำใสกระจ่าง กองไฟลุกโชน ปลาย่างสีน้ำตาลทองมีมันไหลออกมาส่งกลิ่นหอมยั่วยวน หลินสวินกับซย่าจื้อนั่งตรงนั้น ช่างเป็นภาพที่งดงามนักตรงหน้ากระท่อม ชายชราจ้องมองภาพนี้ หลังจากผ่านไปนานในที่สุดก็ยิ้มอย่างวางใจ ไม่แน่บางที ให้นางฝึกปราณอยู่ข้างกายหลินสวินก็จะมีการรับรู้ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงกระมัง…“จะไปแล้วหรือ” ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักปรากฏตัวหน้ากระท่อมตั้งแต่เมื่อไรชายชราพยักหน้า “ก่อนคุณหนูจะจำศีล เคยมีลางบอกเหตุรับรู้ล่วงหน้าว่ามหามรรคฟ้าดินเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว ไม่แน่ว่าใช้เวลาไม่นาน มหาสงครามครั้งใหญ่จะเปิดฉาก หากเจ้าสนใจก็เตรียมตัวไว้ก่อนได้ จักรวรรดิจื่อเย่านี้ ท้ายที่สุดแล้วก็จะเป็นสิ่งที่จะถูกมหามรรค…ละทิ้ง”“ไม่ต้องรีบร้อนไป อีกนานกว่าจะเกิดมหาสงคราม ที่แห่งนี้แม้จะเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับดินแดนรกร้าง แต่ที่นี่ก็ไม่ได้เรียบง่ายอย่างภาพลักษณ์ภายนอก หาไม่แล้วคุณหนูตระกูลเจ้าก็คงแผลงฤทธิ์ที่นี่ไม่ได้นานขนาดนี้หรอก”เจ้าสำนักมีวาจาเนิบสบายเหมือนสายลมแผ่วเบา“ก็อาจจะนะ ก่อนไป มีคำขอร้องไร้เหตุผลอย่างหนึ่ง ขอให้สหายยุทธ์อย่าได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งมรรควิถีของนาง” สายตาของชายชรามองไปยังซย่าจื้อที่อยู่ข้างกองไฟ“เคราะห์กรรมของนางผูกโยงกับตำหนักรัตติกาลของพวกเจ้ามากเกินไป ข้าไม่เข้าไปแทรกแซงสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว” เจ้าสำนักรับปากอย่างรวดเร็ว“ขอบคุณยิ่ง”เวลานี้เงาร่างชายชราเลือนรางขึ้น แปรสภาพเป็นละอองแสงแล้วหายไปภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว แม้หลังจากซย่าจื้อแปรสภาพจุติครั้งแรก จะยังรักษาความทรงจำเกี่ยวกับหลินสวินไว้ได้ แต่นี่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อมรรควิถีของนางนี่ก็เพียงพอแล้ว“สหายยุทธ์รักษาตัวด้วย”เจ้าสำนักประสานมืออยู่นาน ดวงตากร้านโลกบังเกิดแววลุ่มลึก เหมือนมองปริศนาของเก้าชั้นฟ้าสิบชั้นดินได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ทอดมองไปยังร่างของหลินสวินและซย่าจื้อ ก่อนจมสู่ห้วงความคิดในที่สุดเขาก็ส่ายหน้าอย่างเงียบเชียบ แล้วถอนหายใจไม่เพียงแต่ซย่าจื้อ แม้แต่เส้นทางของหลินสวินเขาก็ไม่สามารถยื่นมือเข้าไปได้ง่ายๆ ตั้งแต่ได้เห็นความพิเศษของหลินสวินในกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ เขาก็รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีหนทางเป็นของตนเอง ไม่อาจแทรกแซงได้ที่เขาพอจะทำได้ ก็คงเป็นการปกป้องอย่างเงียบๆ ในสำนักศึกษามฤคมรกตแห่งนี้ อย่างไรเสียตอนนี้หลินสวินก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจแยกขาดจากสำนักศึกษาได้ เขาไม่อาจนิ่งดูดาย……ท่าทางยามซย่าจื้อกินอาหารละเมียดละไมนัก เหมือนกลิ่นอายเยือกเย็นไม่ทุกข์ไม่ร้อนที่นางมอบให้ผู้อื่น แต่นี่ไม่ได้หมายความว่านางจะกินช้าเห็นว่ามือน้อยของนางกำลังฉีกเนื้อปลาเปล่งปลั่งราวหิมะ ปากเล็กๆ ก็เคี้ยวงุบงับ ทุกครั้งที่กินปลาหมดตัวหนึ่ง จะเป็นเวลาที่หลินสวินย่างปลาอีกตัวหนึ่งเสร็จพอดี ควบคุมเวลาได้แม่นยำยิ่งนักท้องเล็กๆ ของนางเหมือนหลุมดำหลุมหนึ่ง สามารถกินปลาสิบกว่าตัวจนเกลี้ยง เวลานี้ถึงเช็ดปากอย่างระมัดระวังแล้วเอ่ยวิจารณ์ว่า “หลินสวิน รสออกจะจืดไปนะ ครั้งหน้าอย่าลืมใส่เกลือเยอะหน่อย”หลินสวินพลันกลั้นอึ้งไป ซย่าจื้อพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้เสมอทันใดนั้นเขาก็ตบหน้าผากแล้วผุดลุกขึ้น “ข้าลืมไปเรื่องหนึ่ง”ราตรีมาเยือนในห้องโถง จ้าวไท่ไหลพึมพำอย่างไม่พอใจยิ่งว่า “ดื่มชาจนรากจะงอกจากปากแล้ว เจ้าหนูนั่นยังไม่โผล่หัวมา ช่างเหิมเกริมนัก!”จ้าวจิ่งเซวียนกลับไม่ทุกข์ไม่ร้อน พูดพลางยิ้มบางๆ ว่า “ท่านอาเก้า รากจะงอกมาจากปากได้อย่างไรเล่า”จ้าวไท่ไหลพลันรู้สึกเก้อกระดาก ถลึงตาแล้วพูดว่า “ไร้สาระ นี่มันคำหยาบ ถามเช่นนี้ได้หรือ”จ้าวจิ่งเซวียนพูดพลางหัวเราะคิกคัก “รู้แล้วยังพูดคำหยาบต่อหน้าข้า ท่านไม่กังวลว่าข้าจะทูลเสด็จพ่อหรือ”ในเวลานี้เองหลินสวินก็ปรากฏตัวแล้ว จ้าวไท่ไหลพลันเปลี่ยนเรื่อง พูดอย่างขัดเคืองว่า “เจ้าหนู เจ้าไม่จริงใจเท่าไรนะ ทิ้งพวกเราไว้ที่นี่ไม่ถามไม่ไถ่เลยหรือ”“นี่ไม่ใช่เพราะเจ้าสำนักเชิญหรือขอรับ ข้าจะกล้าหลู่เกียรติพวกท่านทั้งสองได้อย่างไร” หลินสวินยักไหล่จ้าวไท่ไหลพลันกลอกตา หลินสวินอ้างชื่อเจ้าสำนัก ทำให้เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เขาจะกล้าไปกล่าวโทษเจ้าสำนักศึกษามฤคมรกตได้อย่างไรนั่นไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย“สหายยุทธ์หลินสวิน นี่ก็สายมากแล้ว ข้าจะพูดสั้นๆ เจ้าน่าจะรู้จุดประสงค์ที่พวกเรามาเป็นอย่างดี ไม่ทราบว่าเจ้าคิดจะเริ่มลงมือเมื่อไร”จ้าวจิ่งเซวียนลุกขึ้นพูดพลางยิ้มบาง รูปลักษณ์งดงามโดดเด่น ต่อให้ปลอมตัวเป็นชายก็ยากจะบดบังความงามผุดผ่องเช่นนั้นได้หลินสวินพูดอย่างชัดเจนว่า “อีกเจ็ดวันก็แล้วกัน ช่วงเวลานี้ข้าต้องเตรียมตัวใคร่ครวญให้ดี”“ได้!”ดวงตาของจ้าวจิ่งเซวียนฉายแววชื่นชมมีเพียงจ้าวไท่ไหลที่รู้สึกแปลกๆ เจ้าหนูเจ้าเล่ห์หาใดเทียบนี่พูดจาดีๆ เช่นนี้เป็นตั้งแต่ตอนไหน__
คอมเม้นต์