Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 503 ปิดฉากความโกลาหล
ถึงกับมีคนลอบใช้แผนการ จะทำลายการหลอมอาวุธก่อนหน้านี้ของหลินสวิน!ได้ยินดังนี้ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ล้วนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ใครช่างมีความแค้นใหญ่หลวงกับหลินสวินขนาดนั้น ถึงกับทำเช่นนี้ออกมาไม่คำนึงถึงอะไรวิธีนี้เลวทรามต่ำช้าเกินไปแล้ว!“คำพูดนี้เป็นเรื่องจริงหรือ”เสิ่นทั่วหน้าเขียวคล้ำ แค้นเสียจนกัดฟันเกือบแตก ที่นี่คือสาขาสลักวิญญาณ ถึงกับมีคนกล้าทำเช่นนี้ ไม่เกรงกลัวฟ้าดินจริงๆ“เตาหลอมสามขาเขียวคล้ำอยู่บนชั้นเก้าหอหลอมวิญญาณ หากทุกท่านไม่เชื่อไปดูด้วยตนเองก็จะทราบ”สายตาหลินสวินกวาดมองไปยังฉู่ซานเหออย่างเย็นชา“ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”เสิ่นทั่วมีปฏิกิริยาทันที กระทู้ถามเสียงกร้าว“บังอาจนัก! มีแต่ลมปากเชื่อถือไม่ได้ อย่ามาใส่ร้ายป้ายสี!”ฉู่ซานเหอตวาดลั่น ทำใจดีสู้เสือ เขาไม่ยอมรับความผิดนี้เด็ดขาด มิฉะนั้นวันนี้ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงพังทลายย่อยยับ อาจถึงขั้นได้รับการลงโทษที่โหดเหี้ยมหาใดเปรียบ“มีแต่ลมปากเชื่อไม่ได้? เหอะๆ ฉู่ซานเหอ เจ้ากล้าทำไม่กล้ารับงั้นรึ หากไม่ใช่เจ้าลอบทำลายเตาหลอมสามขาเขียวคล้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าการหลอมอาวุธครั้งนี้ของข้าต้องล้มเหลว ไหนเลยจะกล้าร่วมมือกับคนอื่น กระโดดออกมาในวันที่ข้าหลอมอาวุธวันแรกเพื่อกดดันข้า”หลินสวินยิ้มอย่างเย็นชาทุกคนต่างอดสงสัยไม่ได้ สายตาค่อยๆ มองไปยังฉู่ซานเหอ เป็นจริงดังนั้น ในวันแรกที่หลินสวินหลอมอาวุธ การแสดงออกของพวกเขาฉู่ซานเหอผิดปกติเกินไป ตั้งท่าราวคาดเดาไว้แล้วว่าการหลอมอาวุธครานี้ของหลินสวินต้องล้มเหลวแน่นอน ท่าทีเหิมเกริมมั่นใจถึงที่สุดเวลานั้นพวกเขาต่างแคลงใจ เพิ่งจะเริ่มหลอมอาวุธยังไม่อาจยืนยันได้ว่าจะล้มเหลวหรือไม่ เหตุใดพวกฉู่ซานเหอจึงไม่มีความหวาดหวั่นเกรงกลัวอันใดใครจะคิด ที่แท้ก็มีสาเหตุจริงดังว่า!หากเป็นจริงอย่างที่หลินสวินกล่าว ฉู่ซานเหอก็ต่ำช้าเกินไปแล้ว เป็นถึงรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณ แต่กลับทำลายการหลอมอาวุธของเด็กรุ่นหลัง นี่เป็นความไร้ยางอายอย่างถึงที่สุดจริงๆ“มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ตาแก่นี่ถึงกำเริบเสิบสานซะขนาดนั้น ที่แท้เขาก็แอบวางหมากไว้ก่อนนี่เอง!”หนิงเหมิงโกรธจัดพวกสืออวี่ต่างก็มีสีหน้าไม่เป็นมิตร การกระทำนี้ของฉู่ซานเหอเกือบจะทำหลินสวินต้องตาย นี่จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไรพอคิดถึงว่าหากหลินสวินล้มเหลวในครั้งนี้ ผลที่ตามมาก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิด!“หลินสวิน หากข้าวางหมากเช่นนั้นจริง เจ้ายังจะสามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นนั้นออกมาอย่างราบรื่นได้อย่างไร”ฉู่ซานเหอหน้าเขียว กล่าวกราดเกรี้ยว“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่พิสูจน์ได้ว่าเจ้าบริสุทธิ์ ที่ข้าทำสำเร็จ ก็เป็นเพราะข้าคลี่คลายวิกฤตินี้ได้ทันเวลา!”หลินสวินสีหน้าเย็นเยียบ“แต่เจ้ากล้าพิสูจน์ได้อย่างไรว่าข้าเป็นคนทำ”ฉู่ซานเหอสีหน้าอึมครึมเขายืนกรานว่าหลินสวินไม่มีหลักฐาน ด้วยเหตุนี้จึงกล้ายืนหยัดอยู่เช่นนี้“พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องถกเถียงกันอีก ข้าไปตรวจสอบดูก็รู้”เวลานี้เจ้าสำนักที่สังเกตอยู่ข้างๆ พลันเปล่งเสียงราบเรียบออกมา ขณะพูดร่างเขาก็แวบหาย พลันโฉบเข้าไปในชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณที่อยู่ไม่ไกลเห็นชัดว่าเจ้าสำนักก็ไม่พอใจเช่นกัน จึงต้องไปตรวจสอบความจริงด้วยตนเอง จับตัวคนร้ายที่ซ่อนอยู่ออกมา!ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เลวร้ายเกินไปแล้ว ในสำนักศึกษามฤคมรกตถึงกับมีคนกล้าวางกับดักใส่ปรมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นเยาว์ที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้เช่นนี้ นี่ช่างชั่วร้ายนัก!ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าสำนักใช้วิธีการใดสืบหาความจริง แต่ทุกคนต่างรู้สึกได้อย่างหนึ่งว่า เพียงแค่เจ้าสำนักจัดการด้วยตนเอง จะต้องสืบหาความจริงให้ปรากฏออกมาได้อย่างแน่นอน!ฉู่ซานเหอเองก็ขลาดกลัว ภายในใจกระสับกระส่ายถึงขีดสุด เขาคิดว่าตนทำได้อย่างเรียบร้อยไร้ช่องโหว่ ไม่มีทางทิ้งเบาะแสร่องรอยอันใดไว้แน่แต่เมื่อเห็นเจ้าสำนักจัดการด้วยตนเอง เขากลับรู้สึกถึงความกดดันที่ยากจะบรรยายอย่างหนึ่ง แทบจะยืนหยัดไว้ไม่อยู่ร่างกายเขาแข็งทื่อตามเวลาที่ล่วงเลย ในใจตึงเครียดกังวลถึงขีดสุด ราวกับนักโทษที่กำลังจะรับการตัดสินโทษคนหนึ่ง รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว“หึ ประเดี๋ยวรอเจ้าสำนักแน่ใจแล้วว่าคนร้ายคือใคร ไม่ว่าเขาจะอยู่ในฐานะอะไร จะต้องโดนลงโทษอย่างสาหัสแน่นอน!”เสิ่นทั่วส่งเสียงเย็นเยียบยามนี้เขาคิดไปแล้วก็ยังอดหวาดกลัวไม่ได้ หากครั้งนี้หลินสวินล้มเหลวเพราะถูกคนอื่นให้ร้าย นั่นต้องเป็นฉากโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่นอน“ใช่ ความต่ำทรามไร้ยางอายเช่นนี้ พันมีดหมื่นแล่ ทำลายกระดูกโปรยเถ้าถ่านก็ยังไม่สาแก่ใจ!”หนิงเหมิงตะโกนตามทุกคนล้วนดูออก ฉู่ซานเหอตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุดในที่นั้น รอดูว่าท้ายที่สุดความจริงที่เจ้าสำนักค้นพบจะเป็นอะไรกันแน่ไม่นานนักเจ้าสำนักปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง สีหน้านิ่งสงบดูความรู้สึกไม่ออกสักนิด ทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาพบเบาะแสอะไรหรือไม่แม้แต่หลินสวินในใจก็ตื่นเต้นอยู่บ้าง ว่ากันตามตรงเขาเองก็ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าฉู่ซานเหอเป็นคนทำหากเจ้าสำนักตรวจสอบไม่พบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเท่ากับทำให้ฉู่ซานเหอหนีพ้นเคราะห์ร้ายนี้ไปได้ นั่นเป็นสิ่งที่หลินสวินยากจะรับได้ที่จริงแล้วเขาเกลียดชังตาแก่นี่จริงๆ ตั้งแต่เข้ามายังสาขาสลักวิญญาณครั้งแรก ก็เคยจงใจมุ่งเป้าทำให้ตนลำบากมาวันนี้ยังร่วมมือกับตาแก่พวกนั้นทำร้ายตนอีก ครั้งนี้หากไม่ให้บทเรียนที่เจ้าหมอนี่จะต้องจดจำไปตลอดชีวิต หลินสวินคงไม่อาจระงับความชิงชังนี้ลงได้บรรยากาศเงียบสงัด ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังเจ้าสำนักแต่แววตาเจ้าสำนักกลับมองไปที่ฉู่ซานเหอ พริบตานั้นทั้งร่างฉู่ซานเหอสั่นระริกขึ้นมาอย่างยากจะสังเกตเห็น สีหน้าแข็งทื่อ“ตามข้ามา”เจ้าสำนักมิได้พูดมากความ หันหลังแล้วจากไปสีหน้าฉู่ซานเหอพลันแปรเปลี่ยน ท้ายที่สุดก็กัดฟันกรอด ยังคงเดินตามไป ก่อนหายไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว“นี่มันอะไรกัน คนร้ายคือเขาใช่หรือไม่”“น่าจะเป็นเขา เจ้าสำนักเรียกตัวเขาไป เพียงแค่คิดจะไว้หน้าเขาเสียหน่อย อันที่จริงนี่เป็นเรื่องฉาวโฉ่เรื่องหนึ่ง หากแพร่ออกไปจะต้องเกิดผลกระทบต่อชื่อเสียงของสำนักศึกษามฤคมรกตเป็นแน่”“ถ้าพูดอย่างนั้นล่ะก็ ครั้งนี้ฉู่ซานเหอก็จบเห่แล้ว”ในลานเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่หลินสวินก็ไม่วายขมวดคิ้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาเชื่อว่าเจ้าสำนักจะต้องให้คำตอบที่เขาพอใจแน่นอน“ยินดีด้วยสหายน้อย ที่หลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้สำเร็จ!”“สหายน้อย ขอถามหน่อยว่าชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นนั้นจะขายหรือไม่”“น้องหลินสวิน ให้พวกข้าได้เปิดหูเปิดตา รับรู้ถึงความน่าเกรงขามแสนวิเศษของทวนยาวเล่มนั้นอีกครั้งได้หรือไม่”เจ้าสำนักเพิ่งจะจากไป เพียงประเดี๋ยวเดียวคนใหญ่คนโตมากมายต่างพุ่งเข้ามา สายตาจ้องมองหลินสวินอย่างเร่าร้อน เปิดปากพูดกันไม่หยุดก่อนหน้านี้พวกเขาก็ใจเต้นโครมครามอยู่ก่อนแล้ว จ้องทวนยาวที่ก้าวข้ามด่านเคราะห์อสนีได้เล่มนั้นจนตาลุก น้ำลายหกไม่หยุด มาตอนนี้เจ้าสำนักเพิ่งจะจากไป พวกเขาต่างอดรนทนไม่ไหวชุดศึกสลักวิญญาณเชียวนะ!เพียงชิ้นเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงยกระดับอิทธิพลได้ ใครเล่าจะไม่อยากมีไว้ในครอบครองเดิมทีพวกหนิงเหมิงและสืออวี่ต่างก็อยากจะพุ่งตัวเข้าไป แต่เมื่อเห็นหลินสวินถูกตาเฒ่ากลุ่มนั้นโอบล้อมจนแม้แต่น้ำยังไหลออกมาไม่ได้ ก็ตะลึงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ“ทุกท่าน โปรดฟังข้าพูดสักประโยค”หลินสวินเอ่ยปาก หยุดเสียงวุ่นวายต่างๆ ลงได้ แล้วกล่าวว่า “สิบวันหลังจากนี้ ข้าจะจัดงานแถลงเกี่ยวกับชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นนี้ขึ้นที่อัครการค้า ถึงเวลานั้นจะให้ทุกท่านได้เข้าใจความอัศจรรย์ของสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้อย่างชัดเจนทุกประการ”สืออวี่ที่อยู่ไกลๆ ได้ยินดังนั้นดวงตาก็ส่องประกายขึ้นทันที รู้ว่าหลินสวินทำเช่นนี้ มีความหมายว่าเขาต้องการตอบแทนน้ำใจถึงอย่างไรวันนี้แม้แต่ท่านพ่อของเขาเทพเศรษฐีสือไฉเสินก็ปรากฏตัว เพื่อมาสนับสนุนหลินสวิน“ฮึ เจ้าหมอนี่ใจลำเอียง เอะอะก็คิดถึงแต่อัครการค้า ไม่รู้จักคิดถึงข้าบ้างหรือไง”หนิงเหมิงพึมพำไม่พอใจป้าบ! มือข้างหนึ่งของราชันเลือดเหล็กตบลงไปที่หน้าผากของหนิงเหมิง หัวเราะด่าว่า “เจ้าเด็กเลว หลังจากนี้มีหลินสวินอยู่ทั้งคน เจ้ายังเป็นห่วงว่าจะขาดชุดศึกสลักวิญญาณไปสักชิ้นอีกหรือ”เทพเศรษฐี เย่ฉิงเทียน และกงปู้พั่วที่อยู่ข้างๆ ต่างหัวเราะ เดิมทีพวกเขาถูกลากมาเพื่อสนับสนุนหลินสวินเท่านั้น ไม่ได้รู้จักมักคุ้นหลินสวินมากนักแต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่พวกเขาต่างก็อดพึงพอใจไม่ได้ รู้สึกว่าหลินสวินคนนี้ที่ลูกหลานของตนคบค้าสมาคมด้วย เป็นอัจฉริยะซึ่งยากจะได้พบเห็นอย่างแท้จริง คุ้มค่าที่จะดูแลให้ความสำคัญอย่างดี“สหายน้อยหลินสวิน ขอถามว่าวันงานแถลงมีความคิดจะขายของล้ำค่านี้หรือไม่”มีคนใหญ่คนโตถามด้วยสายตาที่จ้องมองมาอย่างแรงกล้า“สมบัตินี้ไม่สามารถขายได้”หลินสวินตอบกลับโดยไม่ลังเล นั่นทำให้ผู้คนมากมายอดผิดหวังไม่ได้แต่ประโยคต่อมาของหลินสวินกลับทำให้พวกเขาตื่นเต้นฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง…“แต่ว่า หากผู้อาวุโสทุกท่านในที่นี้สามารถหาวิธีแก้ ‘มารพบเคราะห์’ ได้ ข้าหลินสวินรับประกันว่าจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งเพื่อท่านด้วยมือตนเอง!”ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างฮือฮาทันทีคนใหญ่คนโตมากมายต่างเริ่มพิจารณาใคร่ครวญ รอหลังจากแยกย้ายไปแล้ว ก็จะค้นหารวบรวมวิธีแก้ ‘มารพบเคราะห์’ อย่างเต็มกำลัง“แน่นอนว่าในวันงานแถลง ข้าก็จะประกาศเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณส่วนหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้นขอผู้อาวุโสทุกท่านชี้แนะข้าด้วย”เมื่อคำพูดนี้ของหลินสวินกล่าวออกไป ดึงดูดให้ในที่นั้นเกิดปฏิกิริยาตอบสนองอย่างแรงกล้า ผู้คนมากมายต่างลอบตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับหลินสวินให้ได้ปรมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นเยาว์ที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณออกมาได้เช่นนี้ ผลประโยชน์หลังจากนี้จะต้องไม่อาจประมาณได้อย่างแน่นอนจนกระทั่งผ่านไปนาน ผู้คนในที่นั้นจึงแยกย้ายกันไปหลินสวินกำลังคิดจะผ่อนลมหายใจสักเฮือก ก็เห็นเหล่าปรมาจารย์สลักวิญญาณอย่างเสิ่นทั่ว อวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งมีสีหน้าเร่าร้อน รวมตัวมุ่งตรงมาทางนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีเรื่องต้องการสอบถามและขอคำชี้แนะเกี่ยวกับการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณหลินสวินรีบชิงพูดขึ้นก่อน “ทุกท่าน ให้ข้าหายใจสักประเดี๋ยว หลายวันมานี้เพื่อหลอมชุดศึกสลักวิญญาณข้าเหนื่อยมากจริงๆ ร่างกายใกล้จะทานทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”พวกเสิ่นทั่วรู้สึกเกรงใจขึ้นมาชั่วขณะ รีบร้อนพยักหน้ารับคำ แต่ละคนแสดงออกว่ารอเมื่อไหร่ที่หลินสวินมีเวลาจะต้องไม่หวงวิชาอย่างแน่นอนหลินสวินตกปากรับคำ“เจ้าหนู พักผ่อนให้เต็มที่ ผ่านไปอีกสักหลายวันข้าจะให้สืออวี่ไปรับเจ้ามาอัครการค้าด้วยตัวเอง ข้าเองก็เฝ้ารอว่างานแถลงครั้งนี้จะมีเรื่องประหลาดใจอะไรอีก”เทพเศรษฐีหัวเราะชอบใจพลางตบบ่าหลินสวิน ก่อนจากไปพร้อมพวกหนิงปู้กุย เย่ฉิงเทียน กงปู้พั่วจนกระทั่งกลับไปยังหอพักที่ตนอาศัยอยู่ หลินสวินผ่อนลมหายใจยาวเฮือกใหญ่ หว่างคิ้วปรากฏความอ่อนเพลียที่ปิดบังไว้ไม่อยู่เขาเหนื่อยมากจริงๆ เผาผลาญสติปัญญาและพละกำลังไปมาก เวลานี้พอได้ผ่อนคลาย ก็ทิ้งตัวลงบนเตียงผล็อยหลับไปเวลาเดียวกันนี้ โลกภายนอกกลับเริ่มเปิดฉากความปั่นป่วนโกลาหล สั่นสะเทือนนครต้องห้าม“หลินสวินหลอมชุดศึกสลักวิญญาณสำเร็จในวันนี้!”ข่าวนี้เสมือนลมพายุม้วนพัดทุกสิ่งอย่างออกไป ราวกับกางปีกสยายบินก็มิปาน โบยบินไปทั่วทุกหนแห่งในนครต้องห้าม สั่นสะเทือนจิตใจเหล่าผู้ฝึกปราณทุกคนไม่ว่าใครต่างก็ไม่เคยคาดคิด หลินสวินที่ถูกคนส่วนมากมองในแง่ร้าย จะประสบความสำเร็จก้าวมาถึงขั้นนี้!เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ แผ่ขยายออกมืดฟ้ามัวดิน รายละเอียดทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าที่หอหลอมวิญญาณ ล้วนถูกผู้คนขุดคุ้ยออกมากลายเป็นประเด็นสนทนาที่แพร่หลายที่สุดหลินสวิน!ชื่อนี้ประดุจดั่งมีเวทมนตร์ สั่นสะเทือนนครต้องห้ามอีกครั้ง ได้รับความสนใจจากผู้คนนับไม่ถ้วน!………………….
คอมเม้นต์