Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 498 ถกเถียงถึงผลลัพธ์
ทันทีที่เจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียวปรากฏตัวขึ้น ก็ทำให้บุคคลสำคัญในลานต่างหยัดกายลุกไปต้อนรับ พลังอำนาจนั้นประดุจสุริยันจันทราสาดส่องใต้หล้า ทำให้ทั้งลานล้วนสั่นสะเทือนถึงตอนนี้ข้อพิพาทในลานถูกสยบลงอย่างไร้สุ้มเสียงสีหน้าพวกจ้าวจั้นเย่ ฉู่ซานเหอต่างดูมีท่าทีผ่อนคลาย เนื่องจากจ้าวจิ่วเซียวก็มาจากราชวงศ์เช่นเดียวกัน นั่นเท่ากับว่าอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพวกเขาส่วนพวกราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยและเทพเศรษฐีต่างมุ่นคิ้ว นิ่งเงียบไม่เอ่ยคำต่อมาก็มีคนใหญ่คนโตจำนวนหนึ่งมาเยือนอีกไม่ขาดสาย อาทิเช่นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฮวา ตระกูลซ่ง และตระกูลฉือเป็นต้นครั้นพวกเขามาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นจากพวกจ้าวจั้นเย่ ฉู่ซานเหอ เนื่องจากตอนนี้ต่างรู้ดีว่า ในตอนแรกหลินสวินก็เคยล่วงเกินตระกูลเหล่านี้ ศัตรูของศัตรูก็คือสหายของตน พวกจ้าวจั้นเย่ย่อมไม่อาจพลาดโอกาสที่จะดึง ‘สหาย’ ระดับนี้มาเข้าพวกด้วยอยู่แล้วสำหรับเรื่องนี้ ฝั่งของหนิงปู้กุยและเทพเศรษฐียังคงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำตามเดิม เพียงแต่ใครต่างก็พอมองออกว่าหากพวกเขาคิดจะปกป้องหลินสวินเอาไว้ แรงต้านทานรังแต่จะมากขึ้นทุกทีอันที่จริงเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้ ก็แทบจะเกินความคาดหมายของผู้คนส่วนใหญ่ในลานโดยสิ้นเชิงเนื่องจากหลินสวินเพิ่งจะเริ่มหลอมอาวุธวันแรก ต่อให้ทุกคนต่างคิดว่าความหวังที่จะประสบความสำเร็จในคราวนี้แสนริบหรี่ยิ่ง ทว่าผู้ใดก็ไม่กล้าฟันธงว่าหลินสวินจะล้มเหลวอย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน!ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ บรรดาคนใหญ่คนโตอย่างพวกจ้าวจั้นเย่ ฉู่ซานเหอ จั่วฝูกวง ฉินเป่าจี้กลับเคลื่อนไหวอย่างอุกอาจ หมายจะพุ่งเป้ากำราบหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าผิดปกติมากพวกเขาไม่กังวลใจว่าพอหลินสวินประสบความสำเร็จแล้วจะทำให้พวกเขาต้องตกที่นั่งลำบากหรือหรือกล่าวอีกนัยคือพวกเขามั่นใจอย่างเต็มที่ว่าการหลอมอาวุธครั้งนี้ของหลินสวินจะต้องลงเอยด้วยความล้มเหลวอย่างแน่นอน?สิ่งนี้ไม่อาจไม่ทำให้ผู้คนตกตะลึง หากเป็นอย่างกรณีที่สองจริงๆ เช่นนั้นก็พิสูจน์แล้วว่าครั้งนี้พวกจ้าวจั้นเย่มาแบบมีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว!และนี่ก็เป็นสิ่งที่พวกหนิงปู้กุย เทพเศรษฐีต่างเป็นกังวลใจกันอยู่ พวกจ้าวจั้นเย่มั่นใจเกินไป มีท่าทางเหมือนกำชัยชนะ หากหลินสวินล้มเหลวขึ้นมา เช่นนั้นผลที่ตามมาก็อาจร้ายแรงยิ่งยวด‘ปรมาจารย์เสิ่นทั่ว ท่านคิดว่าครั้งนี้หลินสวินมีความมั่นใจมากเท่าใด’เทพเศรษฐีสื่อจิตกับเสิ่นทั่ว‘เอ่อ…ข้าก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้เหมือนกัน’เสิ่นทั่วยิ้มเจื่อนในทันที เป็นคำถามนี้อีกแล้ว จะให้เขากล้าตอบกลับไปอย่างมั่นอกมั่นใจได้อย่างไรเล่า‘ดูเหมือนสถานการณ์ออกจะไม่ชอบมาพลกล’เทพเศรษฐีพึมพำกับตัวเอง‘ดูไปเรื่อยๆ เถิด จากที่ข้ารู้มา หากคิดจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณสักชุก อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน ไม่ว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ครั้งนี้แม้ว่าข้าต้องเสียค่าตอบแทนสูง ก็ต้องปกป้องต้นกล้าต้นเดียวที่ท่านเต้าเฉินเหลือทิ้งไว้ให้จงได้!’ราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยกล่าวเสียงชัด ท่วงท่าเด็ดเดี่ยวแน่นอน เขาสื่อจิตกับพวกสือไฉเสิน เย่ฉิงเทียน กงปู้พั่ว ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกผู้อื่นได้ยินเข้าส่วนอีกด้านหนึ่ง จ้าวจั้นเย่ก็กำลังสื่อจิตอยู่เช่นกัน ‘ครั้งนี้พวกเราระดมพลกันมาก็ได้รับความสนใจจากทั่วทิศ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องอยู่ที่พวกเรา ข้าไม่หวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นอีก’ฉู่ซานเหอพลันหัวเราะน้อยๆ ทันควัน ท่าทีเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ‘พี่จ้าววางใจเถิด ต่อให้เจ้าเด็กนี่มีความสามารถในการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ ก็ต้องพ่ายแพ้อยู่วันยังค่ำ!’จ้าวจั้นเย่เหลือบมองฉู่ซานเหอปราดหนึ่ง พยักหน้ากล่าว ‘เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว เจ้าเด็กหลินสวินนี่มีฐานะพิเศษ ไม่อาจปล่อยให้เขาเติบโตขึ้นมาได้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นจะเป็นผลร้ายต่อจักรวรรดิของเราอย่างแน่นอน!’……เวลาเคลื่อนคล้อย พริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบวันกว่าวันในหอหลอมวิญญาณชั้นเก้า เตาหลอมส่งเสียงคำรามสนั่นไม่ขาดสาย แผ่คลื่นกระเพื่อมออกไปเป็นระยะๆ บางครั้งก็มองเห็นแสงหลายหลาก เปล่งประกายพราวตา เปรียบดั่งสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรู ดูมหัศจรรย์ยิ่งนักภาพนี้ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาจำนวนมากกลางลานในช่วงหลายวันมานี้ ต่างถกเรื่องนี้กันไม่จบสิ้น แม้แต่ปรมาจารย์สลักวิญญาณบางท่านก็เข้ามาผสมโรง ดำเนินการวิเคราะห์และอธิบายปรากฏการณ์เช่นนี้ด้วยเช่นกัน“ท่านทั้งหลายดูเอาเถิด ภาพเบื้องหน้านี้คือขั้นตอนการหลอม คิดจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณสักชิ้น การหลอมวัตถุดิบวิญญาณเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญยิ่งยวด เนื่องจากเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าวัตถุดิบวิญญาณแต่ละชนิดล้วนเรียกได้ว่าหาที่เปรียบมิได้ จิตวิญญาณเต็มเปี่ยม หมายจะหลอมพวกมันเป็นหนึ่งเดียวกัน แปลงเป็นโครงอาวุธนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”“ถูกต้อง ปรมาจารย์สลักวิญญาณจำนวนมากในประวัติศาสตร์ต่างล้มเหลวในขั้นตอนนี้กันทั้งนั้น สาเหตุก็อยู่ที่ไม่สามารถหลอมโครงอาวุธออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ”บุคคลสำคัญหลายท่านรับฟังอย่างออกรสออกชาติ บางคนก็อดถามไม่ได้ “ปรมาจารย์ทุกท่านมองออกหรือไม่ว่า ครั้งนี้หลินสวินจะหลอมโครงอาวุธออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือไม่”“ดูจากรูปการณ์คล้ายว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ค่อยดูในช่วงถัดไปว่าเขาจะสามารถควบคุมขั้นตอนการหลอมได้หรือไม่ ลำพังแค่จุดนี้เพียงอย่างเดียว ความสามารถของหลินสวินก็เหนือกว่าการคาดคะเนของข้าไปเรียบร้อยแล้ว”ผู้ที่เอ่ยคำคืออวี๋เป่ยโต้วปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์จากภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดความประหลาดใจมากมาย และเพิ่มความเชื่อมั่นต่อการหลอมอาวุธในครั้งนี้ของหลินสวินอย่างไรเสียอิงจากคำพูดของอวี๋เป่ยโต้ว ปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยอย่างหลินสวินสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ก็เรียกได้ว่าน่าทึ่งและไม่ธรรมดาแล้วเพียงแต่ท่ามกลางเสียงร้องอุทานระลอกนี้ ฉู่ซานเหอกลับเปล่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา “ฮ่าๆ ข้าไม่คิดว่าเป็นนเช่นนั้น หากข้าเดาไม่ผิด ขั้นตอนการหลอมนี้ของหลินสวินไม่มีทางหลอมโครงอาวุธที่สมบูรณ์แบบออกมาได้แน่”สิ่งนี้ทำให้ทั่วลานรู้สึกประหลาดใจ ฉู่ซานเหอมาจากตระกูลฉู่ซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่นักสลักวิญญาณ ทั้งยังมีฐานะเป็นรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณ เป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์คนหนึ่ง ยามนี้เขากล้าแสดงท่าทีชัดเจนเพียงนี้ หรือว่าจะเห็นร่องรอยบางอย่างเข้าให้แล้ว“เจ้าแก่คนนี้ปากเสียได้ที่จริงๆ!”หนิงเหมิงฮึดฮัด“ครั้งก่อนหลินสวินซ่อมกระบี่เบิกฟ้าให้จักรพรรดินี ทำให้เจ้าแก่นี่อับอายยับเยิน ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขาย่อมต้องการให้การหลอมครั้งนี้ของหลินสวินล้มเหลวอย่างแน่นอน”สืออวี่มุ่นคิ้วพลางเอ่ย“เจ้าแก่พรรค์นี้ขาดการเก็บกวาด ตอนนั้นทั้งสาขาสลักวิญญาณก็หาคนมาซ่อมกระบี่เบิกฟ้าไม่ได้สักคน มีแค่หลินสวินที่ทำได้ เท่ากับเป็นการช่วยงานใหญ่ให้เขาครั้งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เขากลับไม่รู้จักซาบซึ้ง ยังร่วมมือกับคนอื่นๆ จงใจพุ่งเป้าและกดดันหลินสวิน ช่างเป็นเรื่องน่ารังเกียจจริงๆ!”เย่เสี่ยวชีมีสีหน้าอึมครึม“พี่ฉู่ ไม่รู้ที่ท่านพูดมามีหลักฐานหรือไม่”แม้แต่เสิ่นทั่วก็เริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว จึงเอ่ยวาจาไถ่ถามฉู่ซานเหอ“เฮอะ ในเมื่อข้ากล้าพูดขนาดนี้ย่อมต้องสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างอยู่แล้ว หากเจ้าไม่เชื่อแค่รอดูก็สิ้นเรื่อง”ฉู่ซานเหอแค่นเสียงเย็น คร้านจะอธิบายเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยี่หระ มั่นใจในตัวเองหาใดเปรียบ ทำให้ผู้คนในลานอดสงสัยไม่ได้ การหลอมอาวุธครั้งนี้ของหลินสวินจะล้มเหลวในขั้นตอนการหลอมโครงอาวุธกระนั้นหรือนี่มันออกจะทะแม่งๆ แล้วนะ!ตูม!ราวกับตอบรับคำพูดของฉู่ซานเหอ ชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณพลันเกิดเสียงปะทุคล้ายกับการระเบิดดังขึ้นทันใดนั้นแสงทั่วฟ้ามัวหม่นลง รุ้งศักดิ์สิทธิ์ขาดวิ่นเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นฝนแสงแตกพลิ้วลอย ไม่นานนักทั่วทั้งชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณก็จมสู่ความเงียบสงัด ไม่มีเสียงร้องคำรามของเตาหลอม และไม่มีภาพแสงเปล่งประกายหลายหลากแน่นขนัดแล้วทั่วทั้งลานพลันสั่นสะท้าน เบิกตากว้าง“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน จะล้มเหลวในขั้นตอนนี้จริงๆ หรือ”หัวใจของเสิ่นทั่วสะท้านไหว สีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน แม้แต่เหล่าปรมาจารย์สลักวิญญาณอย่างอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งยังเผยแววตกประหม่า ไม่อยากจะเชื่อจะล้มเหลวทั้งอย่างนี้หรือ“ฮ่าๆ เมื่อกี้ข้าเพิ่งพูดว่าอย่างไรไปล่ะ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นจริงดังว่าทันทีทันใดหรือ” ฉู่ซานเหอหัวเราะลั่น “ข้าบอกแต่แรกแล้ว เจ้าเด็กหลินสวินนี่ไม่ได้มีศักยภาพในการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณเลยสักนิดเดียว!”ทั่วลานเริ่มชำเลืองมองกันแล้วเริ่มถกเถียง คนจำนวนไม่น้อยต่างกำลังนึกเสียดาย และบางคนก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น หัวเราะเยาะไม่จบสิ้นสีหน้าของพวกหนิงปู้กุย เทพเศรษฐีล้วนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม แม้ต่างรู้ว่าความหวังในการประสบความสำเร็จครั้งนี้ของหลินสวินแสนริบหรี่ ทว่าพวกเขาก็ยังไม่อาจเชื่อได้อยู่ดี เพิ่งอยู่ในขั้นตอนการหลอมเท่านั้น หลินสวินก็ล้มเหลวเสียแล้ว“เอาล่ะ ไปเชิญบุคคลสำคัญทั้งหลายมาเถอะ เด็กนี่ประสบความล้มเหลวแล้ว ก็ควรชำระบัญชีเก่าที่ด่างพร้อยเหล่านั้นกับเขาได้เสียที!”ฉู่ซานเหอมีท่าทีแห่งผู้กำชัย เอ่ยเสียงบัญชาหลายวันมานี้มีบุคคลสำคัญบางคนจากไป และบางคนก็มาเยือน จากสถานะของพวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะตรากตรำเฝ้ารออยู่ที่นี่อย่างเช่นเจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียว และจ้าวจั้นเย่รองหัวหน้าสาขายุทธ์วิถี ต่างจากไปแล้วเมื่อหลายวันก่อนบรรยากาศในลานเงียบสงัดไปชั่วขณะ หลินสวินล้มเหลวแล้ว?พวกหนิงเหมิง สืออวี่ต่างไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ แต่สำหรับบุคคลสำคัญเหล่านั้นที่เป็นปฏิปักษ์กับหลินสวิน นี่เป็นจุดจบที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเพียงแค่รอให้คนใหญ่คนโตเหล่านั้นกลับมาที่นี่อีกครั้ง หลินสวินก็ต้องเจอหายนะแน่!สีหน้าของเสิ่นทั่วก็พลอยเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ปากพึมพำ “เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร…จากศักยภาพของเขา…การหลอมโครงอาวุธไม่มีทางหยุดเขาได้เลยสักนิด… หรือว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันบางอย่างขึ้นหรือ…”ไม่นานนักเหล่าบุคคลสำคัญอย่างจ้าวจิ่วเซียว จ้าวจั้นเย่ จั่วฝูกวง ฉินเป่าจี้ต่างก็ทยอยมาถึง ทำให้บรรยากาศในลานยิ่งเปลี่ยนเร้นลับมากกว่าเก่า“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าจะล้มเหลวแล้ว”เจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียวถอนหายใจยาว ท่าทางของเขายากมองออกมากที่สุด คล้ายกับมาเพื่อดูการหลอมอาวุธอย่างเดียวโดยไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงทว่าขอเพียงคิดถึงฐานะของเขาก็จะรู้ว่า ในฐานะบุคคลสำคัญของราชวงศ์ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะลำเอียงเข้าข้างหลินสวินพวกจ้าวจั้นเย่ ฉู่ซานเหอสีหน้าผุดรอยยิ้มบาง ผลลัพธ์นี้ทำให้พวกเขาโล่งใจอย่างสิ้นเชิง ต่อไปก็เหลือแค่คิดว่าจะจัดการหลินสวินอย่างไรแล้ว“หลินสวิน ในเมื่อล้มเหลวแล้วก็รีบออกมาเผชิญหน้าความจริงเสียเถอะ!”ฉู่ซานเหอตะโกนลั่น เสียงดุจอสนีบาต กึกก้องทั่วฟ้าดิน“เจ้าแก่สมควรตายนี่! อยากจัดการหลินสวินจนทนรอไม่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ!?”หนิงเหมิงโกรธจัดพวกสืออวี่ต่างขมวดคิ้ว ในใจเป็นกังวล ยามนี้เป็นผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้หากคิดจะปกป้องหลินสวิน คงต้องเจอมรสุมไม่หยุดหย่อน เต็มไปด้วยความลำบากสาหัสสากรรจ์เป็นแน่จากท่าทีของพวกจ้าวจั้นเย่ ฉู่ซานเหอก็พอมองออก พวกเขาไม่มีทางปล่อยโอกาสจัดการหลินสวินครั้งนี้ไปเด็ดขาด!ทันใดนั้นบรรยากาศรอบลานตึงเครียดถึงขีดสุด ทุกคนต่างคาดเดาได้ว่าลมมรสุมที่พุ่งเป้าถล่มหลินสวินกำลังจะมาเยือนแล้ว!นับตั้งแต่เขาเข้าสู่นครต้องห้ามเป็นต้นมา ได้ล่วงเกินขุมอำนาจใหญ่ไปไม่รู้ตั้งเท่าไร อาทิตระกูลฮวา ตระกูลซ่ง ตระกูลฉือ ตระกูลจั่ว ตระกูลฉิน ตระกูลฉู่ ราชวงศ์จักรวรรดิ…และวันนี้ พลังของขุมอำนาจเหล่านี้แทบจะรวมกันอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าจะร่วมมือกันชำระบัญชีกับหลินสวิน!หลินสวินใกล้จบสิ้นแล้ว…นี่คือลางสังหรณ์ของทุกคนในลาน แม้ว่าพวกหนิงปู้กุย เทพเศรษฐีจะขัดขวาง ก็กลัวแต่ว่าจะไม่สามารถปกป้องเขาเอาไว้ได้!“หลินสวิน เจ้ากลัวแล้วหรือ หากไม่ออกมาอีก ก็อย่างโทษข้าที่ส่งคนไป ‘เชิญ’ เจ้าออกมาแล้วกัน!”ฉู่ซานเหอตะโกนลั่น สีหน้าเย็นยะเยือก คำว่า ‘เชิญ’ ถูกเขาเค้นออกมาเต็มแรง เต็มไปด้วยกลิ่นอายข่มขู่“น่ารังเกียจ!”พวกหนิงเหมิง สืออวี่ต่างลอบกัดฟันกรอด ฉู่ซานเหอรังแกผู้อื่นเกินไปชัดๆ!ผู้คนต่างมองหน้าสบสายตากัน ทว่ากลับไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงขัดขวางการกระทำเช่นนี้ของฉู่ซานเหอและท่ามกลางบรรยากาศหน้าสิ่วหน้าขวาน คลื่นลมมรสุมคุกรุ่นนี้ เสียงสงบราบเรียบของหลินสวินพลันดังขึ้นกลางลาน“เจ้าเฒ่าเลือดร้อน ตะโกนโหวกเหวกอะไร ใครบอกเจ้าว่าข้าล้มเหลวแล้ว”…………….
คอมเม้นต์