Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 474
คะแนนสะสมห้าพัน!เพียงแค่เงื่อนไขนี้หลินสวินก็ปวดหัวแล้วคะแนนสะสมของสำนักศึกษามฤคมรกตมีค่าสูงยิ่ง อย่างตอนแรกที่หลินสวินสอนไปเป็นเวลาหนึ่งเดือน ยังได้คะแนนสะสมแค่หนึ่งพันคะแนนเท่านั้นโดยในนี้ยังรวมคะแนนรางวัลที่ได้จากการซ่อมกระบี่เบิกฟ้าให้จักรพรรดินีด้วย!จะเห็นได้ว่าถ้าอยากได้คะแนนสะสมห้าพันคะแนนภายในระยะเวลาอันสั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากเพียงใดนอกจากนี้ยังมี ‘การทดสอบบันไดสวรรค์’!แม้ไม่รู้ว่าการทดสอบบันไดสวรรค์หมายถึงอะไร แต่เมื่อได้ยินว่าต้องมีห้าพันคะแนนจึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วม ก็รู้เลยว่าการทดสอบบันไดสวรรค์นี้น่ากลัวเพียงใด“เขาวัวขุยนี้ไม่สามารถเรียกว่าเป็นวัตถุดิบวิญญาณได้ แต่เป็นวัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์ ถือกำเนิดตั้งแต่โบราณกาล ตอนนี้ได้สาบสูญไปนานแล้ว ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสำนักเดินทางไปท่องเที่ยวที่ทะเลกลืนวิญญาณและบังเอิญเข้าไปในดินแดนลี้ลับแห่งหนึ่งจึงได้มา”เสิ่นทั่วค่อยๆ กล่าว “เพราะสมบัติชิ้นนี้มีความพิเศษมาก เจ้าสำนักจึงออกคำสั่งด้วยตัวเองว่า มีเพียงผู้ที่ผ่านการทดสอบบันไดสวรรค์เท่านั้นจึงจะสามารถเป็นเจ้าของสมบัตินี้ได้”“การทดสอบบันไดสวรรค์คืออะไรหรือขอรับ”หลินสวินอดถามไม่ได้“เป็นบททดสอบสำหรับผู้ฝึกปราณ”เสิ่นทั่วกล่าว “ข้าไม่รู้รายละเอียดมากนัก เพียงได้ยินว่าในสาขายุทธ์วิถีมักมีลูกศิษย์ไปเข้าร่วมการทดสอบ แต่หลายพันปีมานี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ” เสิ่นทั่วกล่าว“พูดง่ายๆ ก็คือมีเพียงบุคคลชั้นยอดที่พรสวรรค์โดดเด่นพลิกฟ้าเท่านั้น จึงจะมีความสามารถในการเข้าร่วมการทดสอบบันไดสวรรค์ คนอื่นๆ แม้จะไปร่วมก็ต้องแพ้”“ข้าจำได้ว่าในช่วงสองสามร้อยปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ามีเพียงสองคนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบบันไดสวรรค์ คนหนึ่งชื่อฉินจื่อฮวนและอีกคนชื่อเชอชิงอวี่ ล้วนเป็นคนโดดเด่นแห่งยุคทั้งคู่”“ได้ยินว่าเชอชิงอวี่ได้เดินทางไปฝึกปราณที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลึกลับนอกอาณาเขตแล้ว ส่วนฉินจื่อฮวนยามนี้ศึกษาเพิ่มเติมอยู่ในสาขายอดยุทธศาสตร์ ได้ข่าวว่าอีกไม่นานเขาก็จะออกเดินทางไปยังดินแดนลี้ลับนอกอาณาเขตแห่งหนึ่งเช่นกัน”……พูดคุยกันอยู่นาน เสิ่นทั่วจึงค่อยจากไปพร้อมหญ้ากระบี่เกล็ดเงินสิบต้น เขาจำเป็นต้องไปแลกวัตถุดิบวิญญาณที่หลินสวินต้องการทั้งยังรับปากหลินสวินแล้วว่า ก่อนที่จะเตรียมวัตถุดิบวิญญาณครบถ้วน จะไม่เปิดเผยเรื่องที่หลินสวินปรารถนาจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ จนทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรหลินสวินครุ่นคิดเพียงลำพังอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่งไม่มีอะไรมาแทนที่เขาวัวขุยได้ ถ้าไม่สามารถหามาได้ ก็ไม่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณที่เขาคิดไว้“ดูเหมือนว่า คงทำได้เพียงรีบทำคะแนน”ความหนักแน่นแวบผ่านดวงตาหลินสวินก่อนไปเสิ่นทั่วได้บอกวิธีมากมายในการทำคะแนนให้กับหลินสวิน เรียกได้ว่าหลากหลาย เช่นการคลี่คลายข้อสงสัย ออกไปหาประสบการณ์นอกสถานที่ การประเมินและการทดสอบ… ทุกคนที่อุทิศเพื่อสำนักศึกษา ล้วนจะได้รับรางวัลเป็นคะแนนที่สอดคล้องกันหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ หลินสวินก็ตัดสินใจจะไปเยือน ‘หอกิจวิญญาณ’ สักรอบหอกิจวิญญาณมีหน้าที่แจกจ่ายงานต่างๆ และวางแผนเรื่องทั่วไปในสำนักศึกษาโดยเฉพาะ เรียกง่ายๆ ก็คือ เป็นสถานที่ที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องจุกจิก“อาจารย์เสี่ยวหลิน ท่านกลับมาแล้ว!”“ดีจังเลย พวกเรารอท่านมานานแล้ว”ตอนที่หลินสวินเดินออกจากหอพักอาจารย์ ก็เห็นเด็กหนุ่มสาวหลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พอเห็นหลินสวินพวกเขาก็ส่งเสียงร้องเรียก แต่ละคนต่างตื่นเต้นดีใจอย่างควบคุมไม่อยู่หลินสวินอึ้งงัน มองออกอย่างรวดเร็วว่าส่วนใหญ่เป็นศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้า อย่างเจ้าอ้วนหลิวฮุย ฟ่านจือชิว หยางจิ้งเหยาเป็นต้น“อาจารย์เสี่ยวหลิน ท่านกลับมาคราวนี้คงไม่ไปไหนแล้วใช่ไหม”“อาจารย์เสี่ยวหลิน ได้ยินว่าท่านล่วงเกินเชื้อพระวงศ์ มีคนมากมายจะทำร้ายท่าน แต่อาจารย์เสิ่นทั่วบอกว่า ขอเพียงแค่อยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกตก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรท่าน”“อาจารย์เสี่ยวหลิน ท่านจะเริ่มสอนต่อเมื่อไหร่ พวกข้าต่างรอคอยให้ท่านกลับมา”ลูกศิษย์เหล่านั้นส่งเสียงจ้อกแจ้กไม่หยุด แม้จะมีเสียงดังเอะอะ แต่พอได้ยินคำพูดห่วงใยจากใจของพวกเขา ทำให้หลินสวินรู้สึกอุ่นใจยามนี้เขาถึงขั้นคิดว่า หากไม่ใช่เพราะภาระมากมายรัดตัว การเป็นครูอย่างสันติสุขไปทั้งชีวิตก็ไม่เลว“รีบไปเข้าเรียนกันเถอะ ไม่เห็นหรือว่าอาจารย์เสี่ยวหลินยังมีธุระมากมายต้องจัดการ”เจ้าอ้วนหลิวฮุยตะโกนหลินสวินอึ้งไปทันที กล่าวว่า “พวกเจ้ากลับไปเรียนก่อนเถอะ ในช่วงนี้ข้าไม่ไปจากสำนักศึกษาแน่”เพิ่งจะพูดถึงตรงนี้เสียงที่แหลมเหมือนฆ้องแตกก็ดังมาแต่ไกล…“หลินสวิน หลินสวินอยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้!”“ให้ตาย ใครมันเสียมารยาทแบบนี้!”เจ้าอ้วนหลิวฮุยขัดเคืองใจขึ้นมาทันที เงยหน้าขึ้นมองไปก็เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาอย่างดุดันคนเหล่านี้เป็นกลุ่มชายหญิงในชุดเครื่องแบบสีเขียวอ่อน ตรงไหล่ปักลายกวางเขียวที่มีเมฆหมอกเคลียคลอ นี่เป็นสัญลักษณ์ของสาขายุทธ์วิถี“หืม ทำไมถึงเป็นพวกเจ้า”เจ้าอ้วนหลิวฮุยแปลกใจสีหน้าของคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไป จำได้ว่านั่นเป็นกลุ่มศิษย์จากสาขายุทธ์วิถี!ในสำนักศึกษามฤคมรกต สาขามังกรเร้นเป็นสาขาที่รับศิษย์มากที่สุด เป็นศูนย์รวมของศิษย์ใหม่ ดังจะเห็นได้จากคำว่า ‘มังกรซ่อน’แต่สาขายุทธ์วิถีกลับแตกต่าง ผู้ที่สามารถเข้าไปฝึกในสาขายุทธ์วิถีได้ แต่ละคนล้วนเป็นหัวกะทิที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด และเป็นบุคคลชั้นยอดในระดับมหาสมุทรวิญญาณ ไม่ขาดแคลนผู้กล้าอัจฉริยะ เป็นศูนย์รวมของผู้โดดเด่นอย่างศิษย์ร้อยอันดับแรกในกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ ยามนี้ล้วนฝึกปราณอยู่ในสาขายุทธ์วิถี!สำหรับสาขายอดยุทธศาสตร์ นั่นเป็นที่ฝึกสำหรับผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะ ยิ่งเก็บตัวและลึกลับ ปกติน้อยมากที่จะได้เห็นพวกเขาส่วนสาขาสลักวิญญาณและสาขากลยุทธ์เทพ เป็นสถานที่ที่เตรียมไว้เพื่อนักสลักวิญญาณและนักกลศึกจากตรงนี้จะเห็นได้ว่า แม้จะเรียนอยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกตเหมือนกัน แต่เพราะเส้นทางที่เดินไม่เหมือนกัน ลูกศิษย์สาขาสลักวิญญาณและสาขายุทธ์วิถีจึงมีปฏิสัมพันธ์กันน้อยนักเพียงแต่วันนี้กลับดูพิเศษ กลุ่มหัวกะทิจากสาขายุทธ์วิถีเข้ามาในสาขาสลักวิญญาณด้วยท่าทางดุดัน ทั้งยังประกาศกร้าวว่าต้องการหาตัวหลินสวิน เห็นได้ชัดว่ามาหาเรื่องหลินสวิน!แม้ว่าพวกเจ้าอ้วนหลิวฮุยจะเชื่องช้าเพียงใด แต่ก็เคยได้ยินว่ายามนี้ในสำนักศึกษามีคนมากมายประกาศว่าจะสั่งสอนหลินสวิน เพื่อล้างความอับอายให้กับราชวงศ์“อยู่ตรงนั้น!”ไม่นานเสียงที่ราวกับฆ้องแตกก็ดังขึ้นอีกหน เป็นคนหนุ่มหน้ายาวตาเล็กคนหนึ่ง มีไฝดำเม็ดใหญ่ตรงมุมปากเขาชื่อหลี่เซียวเฟย ถือเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่งในสาขายุทธ์วิถี ไม่ใช่เพราะพลังปราณแกร่งกล้า แต่เพราะไฝเม็ดใหญ่ตรงมุมปากของเขาเป็นจุดเด่นสะดุดตาอย่างมาก จึงมีฉายาโด่งดังว่า… ‘เจ้าไฝ’สายตาของเหล่าศิษย์จากสาขายุทธ์วิถีพลันมองมาทางนี้ตามเสียงนั้น และหยุดอยู่ที่หลินสวินแทบจะในเวลาเดียวกัน“เจ้าคือหลินสวินใช่ไหม ในที่สุดข้าก็เจอตัวเจ้า พวกเรารอเจ้ามานานมากแล้ว”หลี่เซียวเฟยชิงเดินนำขึ้นมาสองก้าว เชิดคางขึ้นมองหลินสวินอย่างไม่แยแสแล้วตะโกนเสียงเย็น ไฝดำตรงมุมปากยิ่งดูโดดเด่นฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าพวกเขาต้องมาหาเรื่องแน่ ทำให้เหล่าศิษย์สาขาสลักวิญญาณอย่างพวกเจ้าอ้วนหลิวฮุยต่างขมวดคิ้ว“เจ้าจะทำอะไร ที่นี่คือสาขาสลักวิญญาณนะ ไม่ใช่ที่ที่ศิษย์สาขายุทธ์วิถีจะมาเหิมเกริมได้!”หลิวฮุยตะคอกใส่“ไอ้อ้วน เหตุใดเจ้าจึงพูดจาเช่นนี้ รีบถอยไป ไม่ใช่เรื่องของเจ้าอย่ามาปากดี ระวังจะเดือดร้อน!”หลี่เซียวเฟยเหลือบมองหลิวฮุยอย่างดูถูก ก่อนจะหันมองหลินสวินแล้วกล่าวว่า “หลินสวิน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าพวกเรามาหาเจ้าทำไม ถ้าเจ้ารู้ตัวบ้างก็ไปกับพวกเราเดี๋ยวนี้!”คำพูดยโสโอหังทำให้พวกหลิวฮุยเดือดดาล เจ้าหมอนี่ถือดีเกินไปแล้ว หลินสวินเป็นอาจารย์นะ ใช่คนที่ลูกศิษย์จะมาด่าทอออกคำสั่งได้ซะที่ไหน“เจ้าไฝ เจ้าอย่ามาอวดดี ขืนยังหาเรื่องอีก ข้าจะรายงานเบื้องบนของสำนักศึกษาให้ลงโทษพวกเจ้าอย่างรุนแรง!”หยางจิ้งเหยากล่าวเสียงดัง นางดูภายนอกอ่อนโยน แต่เวลานี้กลับดุดันอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่งามถลึงจ้องหลี่เซียวเฟยนางรู้ประวัติความเป็นมาของหลี่เซียวเฟย จึงเรียกฉายาออกมาตรงๆ อย่างมั่นใจ“เอ้อ…ที่แท้ก็คุณหนูเก้าแห่งตระกูลหยาง…”ตามคาด สีหน้าของหลี่เซียวเฟยเปลี่ยนไป ด้วยจำที่มาของหยางจิ้งเหยาได้จึงเผยความกระอักกระอ่วนทันที ดูหวาดเกรงอย่างมากเรื่องนี้ทำให้หลินสวินอดแปลกใจไม่ได้ เขาดูไม่ออกเลยว่า ที่แท้ประวัติความเป็นมาของหยางจิ้งเหยาดูเหมือนจะยิ่งใหญ่มากทว่าคิดๆ ไปก็รู้สึกว่าสมควรแล้ว นี่เป็นสำนักศึกษาอันดับหนึ่งในจักรวรรดิ ผู้ที่สามารถเข้ามาเรียนในนี้ได้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา“เจ้าหยางเก้า เจ้าอยู่ข้างๆ อย่างว่าง่ายเถอะ พวกเราไม่ได้มาหาเรื่อง แต่มาเชิญหลินสวินโดยเฉพาะ”จู่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งจากฝั่งสาขายุทธ์วิถีก็เปิดปาก นางมีดวงตากระจ่าง ริมฝีปากแดง ใบหน้าละเอียดลออ เส้นผมดำขลับทิ้งตัวลงราวสายน้ำตก เผยให้เห็นลำคอระหงขาวเนียน ดูงดงามยิ่งเพียงแต่สีหน้าของนางค่อนข้างเย็นชา หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ราวกับหิมะบนภูเขาสูง ท่าทางดูกีดกันคนแปลกหน้า“เซวียอวิ้น เจ้าก็จะมาหาเรื่องอาจารย์เสี่ยวหลินหรือ”หยางจิ้งเหยามุ่นคิ้ว ดูเหมือนหวาดเกรงสาวงามที่ชื่อเซวียอวิ้นคนนี้อยู่รางๆเซวียอวิ้น!และตอนที่คนอื่นๆ ได้ยินชื่อนี้พลันตัวสะท้าน นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้กล้าที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในสาขายุทธ์วิถี!นางมาจากตระกูลทรงอิทธิพล ฐานะเป็นที่เคารพนับถือ อีกทั้งพรสวรรค์โดดเด่น ยามนี้รั้งอันดับสิบเก้าในกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ ชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากบรรยากาศพลันเงียบลงชั่วขณะเซวียอวิ้นเหลือบตามองหยางจิ้งเหยาอย่างเย็นชาปราดหนึ่งแล้วไม่สนใจนางอีก สายตามองไปที่หลินสวินพร้อมพูดว่า “ตามพวกข้ามา ในเมื่อเจ้าปรากฏตัวแล้ว ก็ควรชดใช้ให้กับความผิดที่ก่อไว้สักหน่อย”ตั้งแต่ต้นจนจบก็เอาแต่ปั้นหน้าเย่อหยิ่งเย็นชา คำพูดไม่ได้แสดงเจตนากดดัน แต่กลับแฝงมาดสูงส่งเต็มประดาหลินสวินนิ่งเงียบมาตลอด เขาพอจะเดาออกแล้วว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจ เอ่ยว่า “ความผิดอันใด”“หนอย หลินสวิน เจ้ายังคิดจะปฏิเสธอีกหรือ ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าเจ้ายโสโอหัง บังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่า ดูหมิ่นเกียรติยศของราชวงศ์ กระทำความผิดมหันต์!”หลี่เซียวเฟยหัวเราะเสียงเย็น กล่าวโทษหลินสวินหลินสวินพลันยิ้ม “ข้าล่วงเกินราชวงศ์แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า หรือเจ้าก็เป็นเชื้อพระวงศ์ด้วย แต่ดูจากสารรูปเจ้า หน้าตาอัปลักษณ์ ท่าทางร้ายกาจเจ้าเล่ห์ รูปลักษณ์น่าเกลียดเพียงนี้ หากเป็นเชื้อพระวงศ์จริง เช่นนั้นสวรรค์คงตาบอด จึงได้สร้างเจ้ามาสภาพนี้”พวกเจ้าอ้วนหลิวฮุยต่างกลั้นขำไม่อยู่ รู้สึกว่าหลินสวินเปรียบเทียบ ‘เจ้าไฝ’ นี้ได้เหมาะเจาะเหลือเกิน“อาจารย์เสี่ยวหลิน ว่าคนอื่นน่าเกลียดแบบนี้ดูไม่มีมารยาทเกินไปหรือเปล่า” หยางจิ้งเหยาถามเบาๆ“เชอะ เจ้าหมอนั่นท้าทายก่อน อาจารย์เสี่ยวหลินเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น จะเรียกว่าไม่มีมารยาทได้อย่างไร” เจ้าอ้วนหลิวฮุยเถียงคนอื่นๆ ต่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง เจ้าไฝคนนี้อวดดีเกินไป จึงดู…น่าเกลียดมากเป็นพิเศษ“เจ้าเจ้า…เจ้ากล้า!”หลี่เซียวเฟยเดือดดาล คนอื่นหัวเราะเยาะเขาลับหลังว่าน่าเกลียดยังพอทน เขาเองก็รู้ว่าตัวเองน่าเกลียด แต่หลินสวินด่าว่าเขาน่าเกลียดต่อหน้าทุกคน นี่ทำให้เขาทนไม่ได้จริงๆ!……………..
คอมเม้นต์