Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 469 มหาเพลิงผลาญสวรรค์
ในฐานะลูกหลานผู้กล้าจากตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง ไม่เคยขาดทรัพยากรในการฝึกปราณ แต่การจะพิสูจน์ตัวเอง ได้รับชื่อเสียงที่คู่ควรกลับไม่ง่ายเหมือนพูดปากเปล่าเพราะบนโลกนี้มียอดฝีมือมากมาย ไม่เคยขาดอัจฉริยะ อยากจะต่อสู้จนได้รับชื่อเสียงท่ามกลางเหล่ายอดฝีมือ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆแต่ถ้าคว้าโอกาสเอาไว้ได้ กลับสามารถมีชื่อเสียงโด่งดังได้ภายในการประลองเดียว!ก็เหมือนกับหลินสวินเอาชนะฮวาอู๋โยว ทำให้ชื่อเสียงของเขาสะเทือนไปทั่วทั้งนครต้องห้าม การชนะฉือฉางเฟิงและบีบให้หลิงเทียนโหวต้องคุกเข่ายิ่งเป็นการตอกย้ำความดุดันของเขา ทำให้ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาคนรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นจั่วหยางหรือฉินซิงล้วนมีชื่อเสียงมาตั้งนานแล้ว แต่เพราะสาเหตุบางอย่างทำให้พวกเขาพลาดงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี แน่นอนว่าได้เสียโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงในงานเลี้ยงไปด้วยตอนนี้ในนครต้องห้าม ไม่ว่าใครก็คงคิดว่าจั่วหยางและฉิงซิงสู้เหล่าผู้กล้าอย่างไป๋หลิงซี ซ่งอี้และเว่ยฉือเจ๋อไม่ได้นี่ก็คือผลกระทบของชื่อเสียงแม้ว่าจั่วหยางและฉินซิงจะมั่นใจว่าพวกเขาไม่ด้อยไปกว่าผู้กล้าคนไหนๆ แต่ก็หาโอกาสยากมากที่จะยืนยันเรื่องนี้ทว่าตอนนี้โอกาสมาแล้วขอเพียงแค่เอาชนะหลินสวินก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังขึ้นมาในคราเดียว!เพราะหลินสวินเคยไปร่วมงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี เคยชนะฮวาอู๋โยว ฉือฉางเฟิงและหลิงเทียนโหว ถ้าสามารถเอาชนะหลินสวินได้ ก็เท่ากับยืนยันว่าความสามารถของพวกเขาอยู่เหนือผู้กล้าเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย!เพราะฉะนั้นจั่วหยางและฉินซิงย่อมพลาดโอกาสนี้ไม่ได้เด็ดขาดในใจพวกเขาเห็นหลินสวินเป็นเหยื่อ เป็นหินรองเท้าที่จะช่วยให้โด่งดังขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย“ฉินซิง เจ้ากดดันกันเพียงนี้ คิดจะแย่งเหยื่อกับข้า ไม่กลัวว่าเราสองตระกูลจะเกิดความขัดแย้งหรือ”สีหน้าของจั่วหยางเย็นเยียบ ข่มขู่ฉินซิง“น่าขัน! เจ้าเนี่ยนะจะเป็นตัวแทนของตระกูลจั่วของพวกเจ้าได้ ข้าพูดตรงนี้เลยว่า วันนี้คนที่จะชนะหลินสวินคือข้า ไม่ใช่เจ้าแน่นอน!”ฉินซิงหัวเราะลั่น กำเริบเสิบสานอย่างที่สุดคราวนี้ไม่ว่าจะเป็นเหล่าคนตระกูลจั่วหรือคนตระกูลฉิน สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าผู้กล้าของพวกเขาสองตระกูลจะมาทะเลาะกันเองแม้แต่เหล่าคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรที่ยืนอยู่หน้าประตูภูเขาชำระจิตในระยะไกล ต่างมองหน้ากันไปมา สองคนนี้บ้าคลั่งจริงๆ! มองหลินสวินเป็นเหยื่อ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ถามความเห็นชอบจากหลินสวินแม้แต่น้อย ท่าทีแบบนี้อวดดีเกินไปแล้ว!“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าสู้กันก่อน ใครชนะ ข้าจะให้สิทธิ์คนนั้นท้าทายข้าเป็นอย่างไร”กลับเห็นว่าหลินสวินไม่โกรธเลยสักนิด กลับยังเผยรอยยิ้มสดใน เสนอความคิดเห็นด้วยรอยยิ้ม“บังอาจ!”“หุบปาก!”จั่วหยางและฉินซิงต่างกราดเกรี้ยว ผรุสวาทหลินสวิน“จั่วหยาง คราวนี้เจ้าถอยสักก้าว ให้ข้าชนะหลินสวินก่อน แล้วจะให้โอกาสเจ้าท้าทายข้า ตัดสินแพ้ชนะระหว่างเราเป็นอย่างไร”ฉินซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ“หากเจ้าถอยก้าวหนึ่ง ข้าก็สามารถให้โอกาสเจ้าท้าทายข้าเช่นกัน”จั่วหยางสายตาเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียวเห็นสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หลินสวินกลับยิ้มสดใสกว่าเดิม พลันพูดว่า “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าต้องสู้กันก่อน งั้นเอาเลย ข้ารับรองว่าจะไม่ยุ่ง ให้โอกาสพวกเจ้าได้แสดงฝีมืออย่างอิสระ”“เจ้ารนหาที่ตาย!”จั่วหยางเดือดดาล“นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไปรออยู่ดีๆ อีกเดี๋ยวข้าจะจัดการเจ้าด้วยตัวเอง!”เสียงของฉินซิงเย็นเยียบเห็นได้ชัดว่าสำหรับพวกเขาทั้งสอง หลินสวินไม่มีโอกาสเลือก ถูกมองว่าเป็นเหยื่อที่จะแย่งชิงกัน ทำได้เพียงงอมืองอเท้ารอวันตายหลินสวินหุบยิ้ม สองมือไขว้หลัง เอ่ยเสียงขรึม “เอาอย่างนี้ ในเมื่อพวกเจ้าใจร้อนแย่งกันรนหาที่ตาย งั้นก็เข้ามาพร้อมกันเลย เช่นนี้ก็พอจะมีคุณสมบัติสู้กับข้าแล้ว”ทุกคนตะลึงท่าทีของจั่วหยางและฉินซิงเดิมทีก็ดูหยิ่งผยองมากพอแล้ว แต่หลินสวินกลับเหนือกว่า คำพูดแข็งกร้าวกว่าพวกเขาเสียอีก จะสู้กับพวกเขาสองคนพร้อมกัน!“น่าชังนัก ไอ้เด็กนี่สมควรฆ่า!”เหล่าคนตระกูลจั่วและตระกูลฉินต่างโกรธจนร้องตะโกน มองหลินสวินด้วยสายตาโมโห“ข้าจะฆ่าเจ้า!”ยามนี้จั่วหยางเองก็หมดความอดทน โจมตีอย่างอุกอาจ ชิงลงมือก่อนสวบ!จั่วหยางทิ้งภาพเงาร่างอันเลือนรางไว้กับที่ หายตัวไปราวกับเป็นเงาแสงมายา ก่อนจะปรากฏตัวตรงหน้าหลินสวินกะทันหันตูม!เขายกมือขวาขึ้น แข็งแกร่งอย่างที่สุด กลายเป็นหินโม่สีเลือดขนาดใหญ่ เกิดเสียงดังสนั่น ราวกับมังกรกำลังคำราม นี่คือ ‘ผนึกมังกรเลือด’ เป็นหนึ่งในวิชาลับของตระกูลจั่วที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ มีชื่อเสียงอย่างมากทันทีที่โจมตีก็บดขยี้ห้วงอากาศระเบิด ทั่วบริเวณนี้ต่างสั่นสะเทือนรุนแรง!แม้จะรู้อยู่แล้วว่าจั่วหยางไม่ธรรมดา แต่ตอนที่เห็นภาพนี้ก็ยังอดตะลึงไม่ได้ พลังนี้องอาจมาก ไอสังหารพุ่งขึ้นฟ้าผนึกมังกรเลือดดูเหมือนเป็นการโจมตีธรรมดาๆ แต่ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ คงถูกซัดจนร่างแหลกละเอียด ไม่เหลือแม้แต่ซากไปนานแล้ว!จั่วหยางยิ้มอย่างดูแคลน ผนึกมังกรเลือดมหัศจรรย์มาก เขาเคยใช้มันกำราบผู้กล้ามาไม่น้อย อานุภาพยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานแน่นอนว่าเขารู้ว่าหลินสวินแข็งแกร่งมาก มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเอาชนะหลิงเทียนโหวได้ แต่จั่วหยางกลับมั่นใจมากว่า หลินสวินจะต้องพ่ายแพ้ให้เขา!กลับเห็นหลินสวินระบายยิ้ม ตวัดหมัดออกไปลวกๆ“เหิมเกริม! กล้าดูถูกข้า รนหาที่ตายจริงๆ” จั่วหยางยิ้มเยาะ รู้สึกว่าหลินสวินผยองอย่างที่สุด เห็นได้ชัดว่ากำลังหาเรื่องใส่ตัวเขาผรุสวาท ในขณะฝ่ามือซึ่งประดุจหินโม่สีเลือดยิ่งเป็นประกาย ได้ยินเสียงมังกรคำรามอยู่รางๆ เป็นระลอก หมายจะสร้างความสะเทือนไปทั่วทั้งใต้หล้าเห็นได้ชัดว่าจั่วหยางคิดจะตัดสินแพ้ชนะภายในการโจมตีเดียว สร้างชื่อเสียงไว้ที่นี่โดยไม่เปิดโอกาสให้ฉินซิงเข้ามายุ่งด้วยเหตุนี้เขาจึงโคจรพลังขนานใหญ่ ใช้พลังที่ซ่อนเร้นไว้อย่างไม่เสียดายเขาเองก็รอบคอบมาก รู้ว่าหลินสวินเก่งกาจไม่อาจดูถูก แต่ท่าทางสบายๆ หยิ่งผยองของหลินสวินทำให้เขามั่นใจเต็มประดา คิดว่าหลินสวินจะต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบเพราะความประมาทตูม!เร็วเกินไปแล้ว เพียงพริบตาเดียวพื้นที่แถบนั้นก็เกิดแรงสะเทือนรุนแรง แสงเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศพร้อมกับเสียงระเบิดร่างหนึ่งซึ่งมีเลือดพุ่งออกจากจมูกปากปลิวออกไปเดิมทีเห็นว่าจั่วหยางพุ่งเข้าไป เป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน ทำให้ฉินซิงโมโห จึงคิดจะโจมตีจากอีกด้านอย่างเหิมหาญ เขาไม่อยากให้โอกาสจั่วหยางเอาชนะหลินสวินหรอกนะแต่พอเห็นภาพนี้เงาร่างของฉินซิงก็ชะงัก มุมปากกระตุกอย่างยากสังเกต รู้สึกเจ็บแทนจั่วหยางเพราะจั่วหยางถูกหมัดหนึ่งกระแทกออกไป เหมือนเพียงตบแมลงวันเท่านั้น พลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบพาให้รู้สึกใจสะท้าน“อ๊าก…”จั่วหยางร้องลั่น กระแทกใส่บนหินที่อยู่ไกลๆ อย่างแรง เศษหินกระเด็นไปทั่ว ฝุ่นควันคละคลุ้ง เขารู้สึกเจ็บไปทั้งตัวและงุนงงไม่น้อยนี่มันเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเหมือนโดนกระทิงป่าเถื่อนโบราณชน เอ็นกระดูกแทบหัก หน้าอกมีอาการจุก อยากจะกระอักเลือดเป็นไปได้อย่างไรผนึกมังกรเลือดถูกทำลายแตกหรือคนอื่นๆ ในลานต่างอึ้งงันร เดิมพวกคนตระกูลจั่วกำลังจะกล่าววาจาเสริมส่งอานุภาพให้คุณชายของพวกเขา แต่ใครจะคิดว่าเพิ่งประมือกันก็เกิดฉากเช่นนี้ขึ้นแล้วจั่วหยางเป็นถึงผู้กล้ารุ่นหนุ่มสาวของตระกูลจั่ว ใช้วิชาลับผนึกมังกรเลือด อานุภาพยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเพียงนี้ สุดท้ายกลับถูกหนึ่งหมัดกระแทกจนปลิว…อย่าว่าแต่จั่วหยางเลยที่งุนงง คนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ยังตั้งสติไม่ได้อีกด้านฉินซิงที่เดิมพุ่งเข้ามาก็ถอยทัพ เขาตระหนักได้ถึงความอันตราย ตัดสินใจติดตามสถานการณ์เงียบๆ ยืมมือจั่วหยางหยั่งเชิงความสามารถที่แท้จริงของหลินสวินบางทีทำเช่นนี้อาจเสียโอกาสที่จะสยบหลินสวินให้ได้ในครั้งเดียว แต่นี่เป็นวิธีที่ฉลาดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย“บอกแล้วว่าคุณสมบัติของเจ้าไม่ถึง”หลินสวินยิ้มสดใสมาก แต่ในสายตาของพวกคนตระกูลจั่ว นี่กลับเป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกชังจนกัดฟัน“เจ้าก็เข้ามาสิ อย่าหลบ มิเช่นนั้นจะทำให้ข้าดูถูกเจ้า”หลินสวินเหลือบมองฉินซิงสีหน้าของฉินซิงดูสับสน เด็กนี่อวดดีเกินไปแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็อดทน รู้สึกว่าหลินสวินกล้าทำเช่นนี้เพราะมีท่าไม้ตายอะไร“อ๊าก…”ขณะนั้นจั่วหยางพลันตะเบ็งเสียงอย่างกราดเกรี้ยว เลือดลมทั้งร่างเดือดพล่านราวกับเพลิงโหม เขายืนขึ้นจากก้อนหิน พลังยิ่งใหญ่กว่าเดิมอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้ตนประมาณเกินไป แต่ตอนนี้เขาจะไม่ให้โอกาสหลินสวินอีกแล้วโครม!ร่างกายของเขาราวกับเตาเผา กระดูกทั่วทั้งร่างกายเกิดเสียงลั่นดัง ขับเคลื่อนพลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์เต็มกำลัง“หลินสวิน วันนี้เจ้าต้องแพ้ เจ้าจะต้องเป็นก้อนหินก้อนหนึ่งบนเส้นทางที่สร้างชื่อเสียงให้ข้า!”ผมยาวของจั่วหยางแผ่สยาย รอบกายแผ่กลิ่นอายเลือดโหมคลั่งดุจดั่งไฟสงครามปะทะ แปรเป็นพลังเผาผลาญอันน่าสะพรึงกลัววิชามหาเพลิงผลาญสวรรค์!พวกคนตระกูลจั่วต่างตื่นเต้น นี่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่โบราณของตระกูลจั่ว หากไม่ใช่ทายาทสายตรงไม่มีทางมีโอกาสได้สัมผัส“ไร้สาระ เจ้าดีแต่ปากหรือไง”หลินสวินต่อว่า“ฆ่า!”จั่วหยางโกรธจนตาแดงแล้ว จึงใช้ท่าไม้ตายของตัวเอง อับอายต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้ เขาจะทนได้อย่างไรตูม! โครม! โครม!แสงเลือดถูกปล่อยออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า ปรากฏออกมาราวกับเตาไฟหลายเตาล้อมรอบจั่วหยางเอาไว้ เปลวเพลิงกระจายตัวประหนึ่งจะเผาผลาญท้องฟ้า แม้แต่อากาศยังบิดเบี้ยวเป็นภาพที่น่าทึ่งมาก เจือพลังแห่งสัจจะไว้รางๆ อย่างพบเห็นได้ยาก เพียงพอที่จะดูออกว่าวิชามหาเพลิงผลาญสวรรค์นี้ สมกับที่เป็นวิชาเฉพาะของตระกูลจั่วนัยน์ตาของหลินสวินสาดประกายเย็นเยียบ เขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งสัจจะ เป็นท่วงทำนองมรรคธาตุไฟ น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด“ไปตายซะ!”จั่วหยางพุ่งขึ้นฟ้า เตาไฟแต่ละเตาบีบอัดห้วงอากาศ ปล่อยคลื่นไฟไปทั่วเวิ้งฟ้า คิดจะเผาผลาญพื้นที่แห่งนี้ให้สิ้นซากเหมือนดั่งภูเขาไฟระเบิด“เจ้าหมอนี่ ที่แท้พลังก็เก่งกาจถึงเพียงนี้แล้ว มิน่าเมื่อครู่นี้ถึงกล้าแย่งข้าลงมือ” อีกด้านฉินซิงสายตาวูบไหวกลับเห็นหลินสวินยิ้ม แล้วปล่อยแรงหมัดหนึ่งออกไปตูม!แสงสีฟ้าอ่อนเจิดจ้าส่องสว่างใต้หล้า ราวกับเป็นมังกรที่มาจากส่วนลึกของเหวน้ำ แสบตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ที่ซ้อนพลังไว้หกชั้น!ตอนที่อยู่ในแดนวิญญาณโบราณ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะยังถูกซัดเพราะหมัดนี้ของเขา เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!ทันใดนั้นประกายแสงพุ่งออกไป แรงลมหอบ แสงวิญญาณอันแรงกล้าเข้าปกคลุมเตาไฟเหล่านั้นสถานการณ์นี้สะเทือนโลกเกินไปแล้ว ทำให้ทุกคนหัวใจสะท้าน ขวัญหนีดีฝ่อไม่นานเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นในลาน จั่วหยางถูกซัดจนปลิวลอยออกไป คราวนี้เขาบาดเจ็บสาหัส เลือดอาบตัว กล้ามเนื้อฉีกขาด เพราะเจ็บหนักร่างกายจึงกระตุกไม่หยุดเขาใช้ความเร้นลับของวิชามหาเพลิงผลาญสวรรค์ นี่เป็นวิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เดิมคิดว่าจะสามารถสยบหลินสวินได้ ไม่คิดไม่ถึงว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้นพลังของเขาก็ถูกกระแทกจนแหลกละเอียด เกือบจะถูกสังหาร!——
คอมเม้นต์