Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 468 เป้าหมายเดียวกัน
ชายหนุ่มชุดคลุมม่วงกล้าหาญองอาจ บุคลิกโดดเด่น พลังรอบตัวเขาเหมือนเดือดพล่าน ราวกับเตาเผาที่ลุกไหม้อย่างดุเดือด ดูน่ากลัวยิ่งนั่นคือสิ่งที่จะปรากฏหลังจากเลือดลมผ่านการหลอมจนอยู่ในระดับที่น่ากลัวแล้วผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งตามอยู่ข้างหลังชายหนุ่ม มีทั้งหญิงทั้งชาย ราวกับหมู่ดาวที่ชื่นชมพระจันทร์ ยิ่งทำให้เขาดูไม่ธรรมดาจั่วหยาง!ในบริเวณนั้นคนมามายต่างรู้ฐานะของชายหนุ่มชุดคลุมม่วง เป็นอัจฉริยะโดดเด่นในรุ่นหนุ่มสาวของตระกูลจั่ว พรสวรรค์ล้ำเลิศ ราวกับมังกรในหมู่มวลมนุษย์ผู้คุ้มกันที่ตามอยู่ข้างหลังจั่วหยางก็เป็นคนตระกูลจั่วอย่างไม่ต้องสงสัย!ตระกูลจั่ว เป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งเจ็ด อำนนาจล้นฟ้า รากฐานแข็งแกร่ง ปัจจุบันในตระกูลยังมีราชันระดับสังสารวัฏเป็นแกนหลัก!พอเห็นกลุ่มพวกเขาปรากฏตัวขึ้น พวกเสี่ยวเคอและพญาแร้งต่างเผยสีหน้าหนักใจ ตัวบงการที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังมาแล้ว“อาหก หยุดก่อน!”ทันทีที่จั่วหยางมาถึงก็เงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมออกคำสั่งตูม!ชายชราร่างผอมที่กำลังสู้กับหลินจงอย่างดุเดือดพลันคำราม ปลีกตัวออกจากการต่อสู้ กลับไปอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มชุดม่วงเห็นชัดว่าชายชราร่างผอมเป็นอาหกของจั่วหยาง“ฉินอัน เจ้าก็กลับมา”ในอีกฝั่งหนึ่ง มีเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นราวกับเหล็กดังขึ้น พร้อมกันนั้นชายหนุ่มที่บุคลิกสง่างามคนหนึ่งก็ก้าวเท้าเข้ามารอบตัวเขากำจายกลิ่นอายราวกับโลหะ ดวงตาสาดประกายดั่งดวงดาว ย่างก้าวหนักแน่นมั่นคง มีความสงบเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ข้างหลังชายหนุ่มก็มีผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งคอยติดตามเช่นเดียวกับจั่วหยางฉินซิง!ทายาทรุ่นหลังของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงตระกูลฉิน เป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งนครต้องห้ามมาเนิ่นนานแล้ว มีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘กายพรตกระดูกทอง’ พลังแฝงยากคาดเดาสีหน้าของพวกพญาแร้ง เสี่ยวเคอยิ่งหนักใจขึ้นไม่น้อย กำลังของตระกูลฉินก็ปรากฏตัวแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะเกิดคลื่นลมใหญ่เสียแล้ว“ลุงจง จูเหล่าซาน พวกเจ้าก็กลับมาเถอะ”หลินสวินพูดขึ้น สีหน้าสงบราบเรียบ เขาไม่รู้จักจั่วหยางและฉินซิง แต่ก็สามารถคาดการได้ว่าอีกฝ่ายมาจากตระกูลจั่วและตระกูลฉิน!ศึกกลางอากาศจบลง จูเหล่าซานและหลินจงยืนอยู่ด้านหลังหลินสวินสีหน้าของหลินจงแฝงความกังวลจูเหล่าซานยังคงเงียบดังเดิมแต่ฝั่งตรงข้าม คนกลุ่มหนึ่งของตระกูลจั่วและคนอีกกลุ่มของตระกูลฉินได้เข้ามาอยู่ในบริเวณนี้แล้ว พลันกลายเป็นภาพที่ยืนประชันหน้ากันสามฝ่ายทว่าทุกคนต่างรู้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจั่วและตระกูลฉินว่าเป็นพันธมิตรกัน จะเล่นงานหลินสวินฝ่ายเดียว!เสี่ยวเคอ พญาแร้งรวมทั้งตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา รู้ว่าภัยคุกคามที่แท้จริงมาเยือนแล้วหลินจือและตระกูลสายรองของตระกูลหลินก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ฆ่าไปแล้วก็เป็นความขัดแย้งภายในของตระกูลหลินแต่การปรากฏตัวของขุมอำนาจอย่างตระกูลจั่วและฉิน หมายถึงศึกในครั้งนี้ได้ยกระดับไปถึงสถานการณ์ที่เริ่มขัดแย้งกับศัตรูภายนอกแล้วตระกูลจั่วและตระกูลฉิน!ทั้งสองตระกูลล้วนอยู่ในอันดับของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง หยั่งรากมายาวนานล้นฟ้า มียอดฝีมือนับไม่ถ้วน อิทธิพลครอบคลุมไปทั่วนครต้องห้าม เป็นขุมอำนาจหนึ่งที่ทั้งจักรวรรดิยำเกรงดุจดั่งสัตว์มหึมาภูเขาชำระจิตใจตอนนี้ แม้แต่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นล่างยังเป็นไม่ได้ เทียบเพียงแค่นี้ก็ชวนให้รู้สึกสิ้นหวังและหมดกำลังใจแล้ว“เจ้าก็คือหลินสวินหรือ เดิมคิดว่าเจ้าจะเป็นเต่าหดหัวอยู่ในภูเขาชำระจิตไม่กล้าออกมา ไม่คิดเลยว่าทันทีที่ปรากฏตัวก็ฆ่าคนในตระกูลหลินของพวกเจ้าเองซะแล้ว วิธีนี้ถือว่าเปิดโลกทัศน์ของข้าจริงๆ”จั่วหยางพูดขึ้น มือทั้งคู่ไขว้หลัง สีหน้าราบเรียบเผยความมั่นใจ น้ำเสียงหยอกล้อเหมือนกำลังเสียดสี“นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลหลิน เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้ายุ่งเรื่องของตระกูลหลิน ไม่กลัวโดนฆ่าหรือไง”หลินสวินย้อนถาม สีหน้าของเขาเรียบเฉย คำพูดยิ่งไม่มีความเกรงใจทำให้พวกเสี่ยวเคอ พญาแร้งต่างหัวใจสะท้าน ตระหนักได้ว่าวันนี้หลินสวินหมดความอดทนแล้วจริงๆ ไม่ว่าอะไรก็ไม่สนทั้งสิ้น ต้องการระบายความโกรธเท่านั้น“แบบนี้…จะดีหรือ”เสี่ยวเคออดถามไม่ได้“ก่อนหน้านี้ก็อยู่ในสถานการณ์จนมุมแล้ว ยามนี้หลินสวินจะใช้พลังพลิกสถานการณ์ ถือเป็นวิธีอย่างหนึ่ง เพียงแต่ความเสี่ยงค่อนข้างสูง”พญาแร้งสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตากระจ่างฉายประกายแห่งปัญญา“บังอาจ! กล้าเสียมารยาทกับนายน้อยตระกูลข้า ยังไม่รีบขอโทษอีก อยากตายหรือไง”ตอนที่ได้ยินคำพูดของหลินสวิน ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลังจั่วหยางล้วนเดือดดาล พลันตะเบ็งเสียงด่าทอนี่คือหน้าภูเขาชำระจิต เป็นอาณาเขตของตระกูลหลิน ทว่าแม้แต่ผู้คุ้มกันเหล่านี้ยังกล้าส่งเสียงด่าว่าหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าตระกูลจั่วจองหองเพียงใด“เป็นแค่หมารับใช้ฝูงหนึ่ง ถ้ายังกล้าเห่าอีก วันนี้พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากที่นี่”หลินสวินพูดเรียบๆ ทำให้เหล่าผู้คุ้มกันโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี เด็กนี่บ้าคลั่งเกินไปแล้ว หรือเขาไม่มีตา ดูสถานการณ์ไม่ออก“เด็กเมื่อวานซืน เจ้ารนหาที่ตาย!”อาหกของจั่วหยางเองก็โมโห แผ่อานุภาพชวนกดดัน“หมาแก่ คนที่รนหาที่ตายคือเจ้า”ดวงตาสีดำขลับของหลินสวินเย็นเยียบ “ยุ่งเรื่องภายในตระกูลหลินไม่เท่าไร ยังกล้ามาอวดดีกับข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตัดลิ้นเจ้า”เฮือก!หลายคนต่างสูดหายใจด้วยความตกใจ ชายชราร่างผอมคนนี้มีชื่อว่าจั่วเซิงจิน เป็นอาหกของจั่วหยาง ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะรุ่นอาวุโสแต่หลินสวินกลับไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ด่าเขาว่าหมาแก่ บอกว่าจะตัดลิ้นเขา!พลันเห็นว่าจั่วเซิงจินโกรธจัดจนกลายเป็นยิ้ม “ไอ้หนู เจ้าช่างไม่กลัวตายจริงๆ หรือคิดว่าด้วยกำลังแค่นี้ของภูเขาชำระจิต จะมาอวดดีกับตระกูลจั่วของข้าได้”ทันใดนั้นสีหน้าของเขาเคร่งขรึม พูดอย่างอึมครึม “ข้าจะบอกเจ้าให้ อีกไม่นานตระกูลหลินของเจ้าต้องถูกถอนรากถอนโคน!”“หมาแก่ หรือเจ้าเก่งแต่ปาก”หลินสวินเหล่มองเขาคราหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิดเหล่าคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรลอบจุ๊ปาก ก่อนหน้านี้แม้จะเคยได้ยินเรื่องที่หลินสวินบังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่า แต่อย่างไรก็ไม่ได้เห็นกับตา ทว่ายามนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นความเย่อหยิ่งและแข็งแกร่งของหลินสวินแล้วจั่วเซิงจินโกรธจนเกือบกระอักเลือด เด็กนี่ด่าเขาว่าหมาแก่ไม่ขาดปาก ใครจะทนได้อีก“ฮ่าๆๆ”อีกด้านหนึ่งมีเสียงหัวเราะดังขึ้น แต่กลับเป็นเหล่าผู้ฝึกปราณตระกูลฉินซึ่งกำลังเฝ้าดูสถานการณ์ที่กลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่ทำให้สีหน้าของผู้ฝึกปราณฝั่งตระกูลจั่วยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ อยากจะเข้าไปตัดลิ้นหลินสวินและป่นกระดูกให้แหลกละเอียดเสียเดี๋ยวนี้จั่วเซิงจินกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับถูกจั่วหยางขวางเอาไว้ “อาหก ท่านถอยไปเถอะ หลินสวินคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”ในขณะที่พูดสีหน้าของเขาเย็นเยียบ ก้าวเท้าออกไป ร่างกายราวกับเตาไฟที่ลุกโหม แผ่แสงวิญญาณน่าสะพรึงกลัวจั่วหยางไม่ธรรมดาจริงๆ ลมปราณเพียงโคจรไปตามธรรมชาติ ก็สามารถปลดปล่อยพลานุภาพระดับนี้ได้แล้ว ในบรรดาระดับมหาสมุทรวิญญาณเรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดอย่างแน่นอนเรื่องนี้ทำให้หลินสวินเองก็อดหรี่ตาไม่ได้ ภายในใจจำต้องยอมรับว่า ตระกูลจั่วที่เป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง สามารถสร้างบุคคลชั้นยอดอย่างจั่วหยางได้ รากฐานย่อมต้องยิ่งใหญ่จนน่ากลัว“หลินสวิน กล้าสู้กับข้าสักตั้งมั้ย”จั่วหยางเอ่ยปาก สายตาที่ราวกับคมมีดจ้องหลินสวินเขม็ง เสียงพูดราวกับฟ้าผ่า สะท้านไปทั่วทิศ“เจ้าอยากประลองกับข้าหรือ”หลินสวินประหลาดใจเล็กน้อย“ไม่ผิด”สายตาของจั่วหยางคบกริบ เยวาจาบีบคั้น “ได้ยินมาว่าเจ้าเคยชนะฉือฉางเฟิง บีบให้หลิงเทียนโหวต้องคุกเข่า ข้าแปลกใจมากว่าข่าวลือเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ จึงอยากลองดูด้วยตัวเอง”จั่วหยางทะนงตนอย่างไม่ต้องสงสัย หมายจะใช้พลังของตัวเองกำราบหลินสวิน นี่ก็เพียงพอที่จะยืนยันว่าเขามั่นใจในความสามารถของตัวเองอย่างที่สุดฝั่งภูเขาชำระจิต สีหน้าของหลายคนต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าจั่วหยางเตรียมตัวมาก่อนกลับเห็นหลินสวินส่ายหน้าพูด “ไม่ได้ เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอ”น้ำเสียงสบายๆ เหมือนกำลังพูดถึงเรื่องเล็กที่ไม่มีความสำคัญทุกคนอึ้งงันจั่วหยางเป็นถึงผู้กล้าคนหนึ่ง มีชื่อเสียงสะเทือนไปทั้งนครต้องห้ามมานานแล้ว แต่หลินสวินกลับเห็นว่าจั่วหยางไม่คู่ควรมาท้าทายเขา ปากดีจริงๆ“ไอ้หนู หรือเจ้ากลัว ไม่กล้าสู้กับนายน้อยของข้า” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งของตระกูลจั่วตะโกน“ข้าว่าเด็กนี่ดีแต่ปาก ใจปลาซิว!”เหล่าคนตระกูลจั่วเองก็ส่งเสียง ถากถางและเยาะเย้ยหลินสวิน“เหอะๆ พวกเจ้าช่างไม่รู้จักอาย หลินสวินกล้าบังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่าในงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน ในบรรดาพวกเจ้าใครกล้าทำเช่นนี้บ้าง”ฝั่งตระกูลหลินแห่งแสงอุดรมีคนหมดความอดทน ตะคอกเสียงดัง “อยากประลองกับหลินสวินงั้นหรือ นายน้อยบ้านพวกเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอจริงๆ นั่นล่ะ!”ประโยคเดียวเท่านั้นก็ทำให้คนตระกูลจั่วพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ตอนนี้ในนครต้องห้าม ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องที่หลิงเทียนโหวถูกบังคับให้คุกเข่า หากหลินสวินเก่งแต่ปากจริงๆ จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร“หึ หลิงเทียนโหวคือหลิงเทียนโหว นายน้อยของข้าก็คือนายน้อยของข้า หลินสวิน ถ้าเจ้ากลัวก็ยอมแพ้มาซะ!”คนตระกูลจั่วร้องโวยวายเห็นทางนี้เอะอะกันไม่หยุด คนตระกูลฉินก็อดส่งเสียงหัวเราะเยาะไม่ได้ ราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก“เป็นถึงคนตระกูลจั่ว กลับหยาบคายต่ำทราม ทะเลาะกับเด็กคนหนึ่ง เสียเกียรติจริงๆ เลย”“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าคนรุ่นนี้ของตระกูลจั่วจะไม่เอาไหนแบบนี้ ถูกหลินสวินดูถูก ตลกจริงๆ”จั่วหยางใบหน้าอึมครึมขึ้นมาทันที รวมถึงคนรอบกายเขาด้วย ต่างมองตระกูลฉินอย่างกรุ่นโกรธ เจ้าพวกนี้ชมดูเหมือนเป็นละครก็ช่างเถอะ ยังจะกล้าสุมไฟให้เรื่องขยายใหญ่โตลุกลามกว่าเดิม น่าชิงชังจริงๆ“ช่างเถอะ หลินสวินคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”ฉินซิงก้าวออกไป มุมปากแฝงรอยยิ้ม เงาร่างของเขาสูงใหญ่ กำจายกลิ่นอายราวกับโลหะ ก้าวเดินอย่างองอาจมาดมั่น บุคลิกโดดเด่น“หลินสวินคนนี้เป็นคู่ต่อสู้ของข้า!”สีหน้าของจั่วหยางเย็นเยียบ ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายร้อนเร่าแผดเผาน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมาจากรอบตัว เผชิญหน้ากับฉินซิงจากไกลๆ“น่าขัน เรื่องที่ข้าอยากทำ เจ้าจั่วหยางก็ขวางไม่ได้!”สีหน้าของฉินซิงเองก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้น เต็มไปด้วยความมาดมั่นอย่างที่สุดทันใดนั้นบรรยากาศทั่วบริเวณพลันเปลี่ยนไป ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินซิงที่เป็นผู้ชมมาตลอดจะยื่นมือเข้ามาแทรกทั่วบริเวณเงียบสงัดขึ้นมาทันทีไม่ว่าจะเป็นจั่วหยางหรือฉินซิง ล้วนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอด อีกทั้งขุมอำนาจเบื้องหลังต่างคับฟ้า บุคคลระดับนี้ ยามนี้กลับจะแย่งโอกาสที่จะประลองกับหลินสวิน จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าสามารถเอาชนะหลินสวิน ก็เท่ากับอยู่เหนือพวกฮวาอู๋โยว ฉือฉางเฟิง หลิงเทียนโหวไปหนึ่งระดับ เพราะบุคคลเหล่านี้ล้วนเคยแพ้ให้หลินสวิน!” มีคนในตระกูลหลินแห่งแสงอุดรพูดเสียงเบาขึ้นมา“ถ้าสามารถเหยียบหลินสวินได้ ชื่อเสียงก็จะโด่งดังไปทั่วหล้า!”ทุกคนต่างเข้าใจขึ้นมาทันที ตอนนี้หลินสวินเป็นเหมือนจุดสูงสุดในบรรดาคนรุ่นหนุ่มสาว ใครสามารถเหยียบเขาไว้ใต้เท้าได้ ย่อมสามารถทำให้ชื่อเสียงของตนโดดเด่นขึ้น เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งจักรวรรดิ!——
คอมเม้นต์