Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 462 ลายแทงสมบัติเสวียนจี
หลอมวิถี!ชื่อของบททดสอบด่านที่ห้าของทางเดินเมฆาหยก!ที่ห้องฝึกชั้นสามของตำหนักชำระจิต หลินสวินฟื้นขึ้นมาอย่างช้าๆ ในห้วงนิมิตมีเสียงเย็นเยียบราวน้ำแข็งดังขึ้นฟู่!มองไปยังห้องโถงว่างเปล่าเงียบเชียบ หลินสวินพ่นลมหายใจเฮือกยาวออกมากลับมาแล้วบททดสอบครั้งนี้กินเวลาหนึ่งเดือนกว่า ผ่านการเคี่ยวกรำอย่างเอาเป็นเอาตายในเทือกเขาราหูที่แดนวิญญาณโบราณ ตอนนี้กลับมายังภูเขาชำระจิตอีกครั้ง กลับมายังสภาพแวดล้อมที่ตนคุ้นเคย เขาอดมีความรู้สึกเลื่อนลอยราวฝันไม่ได้‘หากตาแก่พวกนั้นรู้ว่าข้าไม่ใช่คนของแดนวิญญาณโบราณ ก็ไม่รู้จะโมโหจนเป็นอย่างไรแล้ว…’เมื่อเขานึกถึงท่าทางโมโหเดือดดาลของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นก่อนตนจากมา มุมปากก็อดระบายยิ้มไม่ได้ไม่นานเขาก็เก็บงำความรู้สึกนึกคิด เริ่มสรุปสิ่งที่ได้รับจากด่านทดสอบครั้งนี้ฉัวะๆๆ!ห้วงนิมิตพลันแปรปรวน ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีดำดุดันเล็กละเอียดราวขนวัวเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาจากรูจมูกของเขาเมื่อพินิจดู นั่นก็คือหนอนที่รูปร่างเหมือนเข็มสีดำสนิทตัวแล้วตัวเล่า กลิ่นอายเย็นยะเยือกน่าหวาดหวั่นหาใดเทียบพวกมันเล็กกว่าเมล็ดข้าวเสียอีก ประหนึ่งภาพนิมิตไม่สะดุดตา แต่กลับมีชื่อที่สามารถทำให้ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งใดก็ล้วนพรั่นพรึง…หนอนกินเทพ!รวมทั้งสิ้นเจ็ดสิบสามตัว ล้วนถูกพลังจิตวิญญาณของหลินสวินผนึกไว้ เวลานี้ถูกนำออกมาบรรจุในขวดหยกมันแพะยามเขาอยู่ในเขตต้องห้ามของแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น หลินสวินโดนโจมตีกะทันหัน ถูกหนอนกินเทพพุ่งเข้าห้วงนิมิต เหลียนเตี๋ยอีเข้าใจว่าเขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเพียงแต่นางไม่รู้เลยว่า เมื่อหนอนน่ากลัวหาใดเปรียบเหล่านี้เข้าไปในห้วงนิมิตของหลินสวิน ก็ล้วนถูกกระบวนท่าดาราจักรโคจรที่มาถึงขั้นสมบูรณ์ปราบผนึก!นี่ถือเป็นคุณประโยชน์อัศจรรย์ของเคล็ดเวทบริกรรม ไม่เพียงเพิ่มพูนพลังหยั่งรู้และการรับรู้ ในด้านการโจมตีทางจิตวิญญาณก็มีประโยชน์ที่ไม่อาจคาดคิดได้ เคยช่วยให้หลินสวินคลี่คลายภยันตรายมาหลายครั้งแล้ว“นี่เป็นของดีเชียว ทำให้ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะล้วนรับมือได้ยาก เพียงตัวเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้จิตวิญญาณระดับหยั่งสัจจะ เกิดผลลัพธ์น่าหวาดหวั่น”เขาเก็บหนอนกินเทพที่ปิดผนึกไว้อย่างดีแล้วอย่างระมัดระวัง ของเล่นนี้ภายหลังสามารถใช้เป็นอาวุธสังหารได้ ต้องมีประโยชน์อย่างดีแน่เขาเคยได้ยินเหลียนเตี๋ยอีพูดว่า แม้แต่ในยุคโบราณหนอนกินเทพก็เป็นหนอนประหลาดที่น่าสยดสยอง เคยกลืนกินจิตวิญญาณเทพ น่ากลัวถึงที่สุดในแดนวิญญาณโบราณ หนอนกินเทพสูญพันธุ์ไม่มีอยู่บนโลกไปนานแล้ว นางคิดไม่ถึงว่าจะพบเข้ากับหนอนร้ายยุคบรรพกาลเช่นนี้ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นได้พอคิดถึงสตรีที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย รอบจัดดังจิ้งจอกอย่างเหลียนเตี๋ยอี หลินสวินก็อัดอั้นใจขึ้นมา เขาระวังตัวรอบด้าน แต่สุดท้ายก็ยังถูกหญิงผู้นี้ใส่ร้ายเสียรอบหนึ่งแต่เหตุผลที่ใส่ร้ายเขา กลับเป็นเพราะเขาเคยปฏิเสธไม่ร่วมมือกับนาง…ผู้หญิงยิ่งงดงามยิ่งแค้นฝังหุ่นหรือหลินสวินไม่เชื่อเหตุผลบ้าๆ พรรค์นี้“ร่างเดิมของหญิงคนนี้เป็นบัวห้าสีต้นหนึ่ง หากมีโอกาสได้พบกันอีก จะต้องหลอมนางให้เป็นยาลูกกลอนให้ได้!”เขาลอบเข่นเขี้ยว ก่อนหน้านี้ที่ตนถูกผู้กล้ามากมายขนาดนั้นล้อมโจมตี ถึงขนาดมีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะกลุ่มหนึ่งมองด้วยสายตาปองร้าย หากเขาไม่มีวิธีหนีเอาตัวรอด คงพ้นเคราะห์นี้ได้ยากแน่และทั้งหมดนี้ก็ต้องโทษเหลียนเตี๋ยอี!พรึ่บ!ไม่นานนักเขาก็นำเขาสัตว์สีขาวเรืองแสงเขาหนึ่ง ดาบแตกสีดำสนิทเล่มหนึ่ง และน้ำเต้าสีแดงสดราวเปลวเพลิงออกมาพวกนี้คือของชิ้นใหญ่ที่สุดที่ได้รับหลังจากเข้าแดนวิญญาณโบราณครั้งนี้เขาสีขาวเรืองแสง ลือกันว่าเป็นของราชาอสูรมารราหูในยุคบรรพกาล เชื่อว่าเก็บซ่อนมรดกชั้นยอดของราชาอสูรมารราหูแต่หลินสวินได้รู้จากปากของเหลียนเตี๋ยอีแล้วว่า เขาเดี่ยวนี้ไม่ใช่วิชาลับราหูอะไร แต่เป็นลายแทงสมบัติลึกลับผืนหนึ่งตัวเขาในตอนนี้ถือเขาสัตว์ไว้ในมือและประเมินโดยละเอียด เพียงเห็นว่ามันยาวแค่ครึ่งฉื่อ ขาวเรืองสว่าง ลายกระดูกเต็มไปด้วยท่วงทำนองมรรคโบราณ มีกลิ่นอายแห่งกาลเวลาที่น่าสะพรึงมหามรรคสลักประทับอยู่ด้านบน กาลเวลาไม่อาจกร่อนเซาะ!เพียงดูลักษณะก็รู้ว่าเขาสัตว์นี้ไม่ธรรมดาขนาดไหนพลังรับรู้ของหลินสวินแทรกซึมเข้าไป ในชั่วพริบตาก็เห็นโลกาไพศาล สมุทรสีคราม นภาสีฟ้า แสงอุษาเทพเคลื่อนคล้อย แสงเมฆพวยพุ่งมีปักษาดุร้ายโฉบขึ้นเหนือเก้าชั้นฟ้า มีอสูรประหลาดเคลื่อนตัวไประหว่างภูผาธารา กว้างขวางสุดลูกหูลูกตาราวไม่มีขอบเขต รุ่มรวยไปด้วยกลิ่นอายดึกดำบรรพ์บนภูเขาเทพสูงตระหง่านลูกหนึ่ง เถาวัลย์เก่าแก่ห้อยย้อยลงมา ต้นไม้โบราณขึ้นครึ้ม สมุนไพรเทพส่องแสงสว่างไสวไปทั่ว ไอสมบัติพวยพุ่งราวเป็นสถานที่ล้ำค่าของเซียนเงาร่างผอมแห้งร่างหนึ่งนั่งหลังตรงอยู่หน้าเพิงหิน เค้าร่างปกคลุมไปด้วยแสงเทพราวภาพนิมิต ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจนส่วนในมือเขากลับถือลายแทงสมบัติชิ้นหนึ่ง‘โลหิตร้าง…เป็นที่ฝังมรรคหรือเข้าถึงมรรคกันแน่ ภาพเสวียนจีปรากฏ การเปลี่ยนแปลงใหญ่ใกล้มาเยือน จะไปหรือไม่ไป…’ในความเลือนรางนั้น เสียงทอดถอนใจเสียงหนึ่งดังขึ้น เต็มไปด้วยน้ำเสียงดิ้นรน เยียบเย็น คลุมเครือทันใดนั้นภาพนิมิตทั้งหมดก็แตกสลายแปรสภาพเป็นลายแทงสมบัติภาพหนึ่ง บนลายแทงเขียนอักษรประหลาดเก่าแก่ไว้สองคำว่า ‘เสวียนจี’ ลายเมฆในนั้นหนาแน่น เกี่ยวกระหวัดไปทั่ว แสงวิญญาณเรืองรอง ราวกับเป็นภาพเส้นทางอาณาเขตลึกลับสักภาพหนึ่ง“อย่างที่คิด ในเขาสัตว์นี้เป็นเพียงลายแทงสมบัติ…”หลินสวินเก็บพลังรับรู้ อารมณ์ความรู้สึกแปลกไปบ้าง ภาพทิวทัศน์ทั้งหมดที่เห็นเมื่อครู่นี้ช่างกว้างใหญ่และสะเทือนใจภูเขาเซียน ปักษาร้าย อสูรประหลาด สมุนไพรเทพ… ทั้งหมดล้วนดูไม่ธรรมดา ส่วนชายชราผอมแห้งผู้นั้น น่ากลัวจะเป็นราชาอสูรมารราหูบรรพกาล!จนกระทั่งอารมณ์สงบลง หลินสวินจึงคาดเดาตัดสินออกมาได้อย่างรวดเร็วว่า ภาพสมบัติที่มีนามว่า ‘เสวียนจี’ นี้ เกรงว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการที่ตนเคยเข้าไปในแดนโบราณโลหิตร้าง!หรือพูดได้ว่า ราชาอสูรมารราหูในตอนแรกก็อาศัยแผนที่นี้มายังแดนโบราณโลหิตร้าง แต่สุดท้ายกลับโชคร้ายสิ้นชีพอยู่ที่นั่น!หลินสวินนึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแดนโบราณโลหิตร้าง นึกถึงแม่น้ำโลหิตที่ไหลรินเงียบเชียบ ศพโบราณแต่ละศพที่ลอยอยู่ในแม่น้ำโลหิต สุสานโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง ป้ายหินผุกร่อนแผ่นหนึ่ง…คิดถึงยามก่อนที่ตนจะออกมา ไอกระบี่ทะลุฟ้าที่พุ่งขึ้นกลางละอองเลือดซัดสาด กลองศึกลั่นดัง ธงศึกโบกสะบัดขาดวิ่นไม่หยุดหย่อนที่นั่น…คือเขตต้องห้ามโลหิตร้าง!แต่ว่าที่นั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เป็นสถานที่ที่ฝังศพเทพทั้งหลาย ทำให้ราชาอสูรมารราหูหลั่งเลือดอยู่ในนั้นจริงๆ หรือหลินสวินนิ่งเหม่อไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ส่ายหัว เก็บเขาราหูเขานี้ไว้ ภายหลังหากมีโอกาสไปยังแดนวิญญาณโบราณอาจจะไปสืบดูอีกรอบเพียงแต่ตอนนี้ไม่ได้เขานำน้ำเต้าสีแดงสดราวเปลวเพลิงนั้นขึ้นมา สมบัตินี้มีนามว่าน้ำเต้าหลอมวิญญาณ ลึกลับเช่นกัน อาจจะมาจากสำนักโบราณแห่งหนึ่งนามว่าแดนพิสุทธิ์ยอดยุทธ์ในนั้นผนึกโลหิตม่วงไว้หยดหนึ่ง เก็บงำมรรควิถีที่ผู้ยิ่งใหญ่สมับโบราณกาลผู้หนึ่งทิ้งไว้!กลิ่นอายของโลหิตหยดนั้นแข็งแกร่งเกินไป ตอนแรกหลินสวินพยายามสุดฝีมือก็รู้เพียงข้อมูลคลุมเครือบางประการ รู้ว่าเจ้าของโลหิตม่วงนี้เคยครอบครองสามพันมรรค ฝีมือล้ำเลิศ พลังที่แท้จริงสามารถผ่านทะลุฟ้า!แต่ในที่สุดเขากลับถูกคิดบัญชีจนตายอนาถ เลือดหัวใจสามพันหยดถูกกรีดเอาไป และในเลือดทุกหยดเก็บมรรควิถีไว้โลหิตม่วงที่ผนึกอยู่ในน้ำเต้าหลอมวิญญาณก็เป็นหนึ่งในนั้นหลินสวินเคยลองดูว่าจะสามารถหลอมโลหิตม่วงหยดนี้ได้หรือไม่ เพื่อไปหยั่งรู้และทำความเข้าใจมรรถวิถีที่เก็บงำอยู่ในนั้น แต่ผลที่ได้กลับเกือบนำภัยมาสู่ตนสาเหตุก็เพราะพลังโลหิตสีม่วงอหังการ์น่าหวาดกลัวเกินไป อย่ามองว่าเป็นแค่เลือดหยดเดียว มันกลับเหมือนมีพลังสูงส่งที่ไม่อาจละเมิดได้ เพียงแตะต้องก็จะเกิดแสงมรรคสายฟ้าน่าสะพรึงระเบิดออกมา!พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินในตอนนี้จะหลอมออกมาได้“น่าเสียดาย สมบัตินี้ยังใช้ไม่ได้ชั่วคราว…”เขาจนใจ น้ำเต้าหลอมวิญญาณก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน มีขึ้นเพื่อผนึกโลหิตม่วง ย่อมไม่มีทางที่หลินสวินจะนำมาใช้ได้เว้นแต่จะมีวันที่เขาสามารถหลอมโลหิตม่วงหยดนั้นได้“ยังดี ยังมีดาบแตกเล่มนี้!”สายตาหลินสวินทอดไปยังดาบแตกหักเล่มนั้น ตัวดาบดำสนิททั้งเล่ม ไม่รู้ว่าใช้สิ่งใดหลอมขึ้น หนักถึงหลักหมื่นจินด้ามดาบย้อมรอยเลือดสีแดงคล้ำ ผ่านกาลเวลากัดเซาะก็ไม่ได้ซีดจางลง เหมือนเทพกระหายเลือดชโลมโลหิตเทพ อวลไปด้วยพลังน่าหวาดหวั่นส่วนบนตัวดาบกลับมีลวดลายโบราณสลักอยู่ คลุมเครือยิ่งนัก ไม่เหมือนรอยสลักวิญญาณ แต่ก็ไม่เหมือนท่วงทำนองมรรค ดูที่มาที่ไปไม่ออกเลยแต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งดูลึกลับยอดเยี่ยมขึ้นไปอีกหลินสวินยังจำได้ว่าตอนแรกที่ตนพบดาบแตกเล่มนี้ มันหวีดร้องอยู่ใต้เวิ้งฟ้า แสงดาวสีเงินแวววาวพลุ่งพล่าน ราวกับธารดาราพลิ้วไหวกลางท้องนภา สังหารผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนจนหมดท่า ทิ้งชีวิตหลบหนีกระจาย ไม่มีใครปราบมันได้!อีกทั้งนี่ยังเป็นเพียงดาบแตกเล่มหนึ่ง!ไม่มีผู้ใดถือครอง ไม่มีผู้ใดควบคุม ดุจดั่งมีวิญญาณ โหดเหี้ยมสะเทือนทั่วทิศ แค่คิดก็รู้ว่าตอนที่มันสมบูรณ์จะน่ากลัวขนาดไหนเมื่อแรกเริ่มที่หลินสวินต่อสู้ดุเดือดกับมัน ก็เกือบสู้ไม่ได้ หวิดถูกฆ่าตายคาที่ โชคดีที่ในที่สุดชีพจรวิญญาณก่อตัวสำเร็จ จึงกำราบมันได้ในการโจมตีเดียวแต่เขารู้ดีว่าไม่มีทางควบคุมคมดาบนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะในการต่อสู้ดาบแตกนี้ราวมีสติปัญญา ดิ้นรนหมายให้หลุดพ้นอยู่หลายครั้ง ไม่ร่วมมือกับหลินสวินเลยมิเช่นนั้นพลานุภาพที่มันสำแดงออกมาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่วิ้ง!หลินสวินถือดาบแตกหักไว้ในมือพลางกระตุ้นพลัง ก็เห็นว่าพื้นผิวใบดาบมีแสงราวดาราส่องประกาย แวววาวลุกโชนออกมา ทำให้ทั้งห้องฝึกสงบจิตย้อมไปด้วยสีเงินงดงามเหมือนภาพดารานิรมิต“ยุคโบราณกาลเก่าแก่จนยากหยั่งรู้อย่างที่คิด เต็มไปด้วยตำนานและพลังที่ไม่อาจคาดเดา ดาบแตกเล่มนี้ก็ไม่รู้ว่าใครหลอมขึ้นมาถึงได้มีพลานุภาพขั้นนี้…”เขาทอดถอนใจในใจ เขาเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่ง และเชี่ยวชาญการหลอมอาวุธวิญญาณ แต่เขากลับดูวัสดุ ระดับชั้น และที่มาที่ไปของดาบแตกนี้ไม่ออกเลย ช่างเหมือนผลงานชิ้นเอกจากสวรรค์ เรียกได้ว่าเป็นการรังสรรค์จากธรรมชาติที่ช่วงชิงฟ้าดินได้ดาบแตกหักยังคงดิ้นรนดังเดิมราวม้าพยศ ไม่ยอมโอนอ่อน นี่ทำให้หลินสวินอดยิ้มไม่ได้ ลอบเอ่ยว่ารอสักวันหนึ่งจะต้องทำให้เจ้ารับใช้อย่างเชื่อฟังให้ได้!เขาเก็บดาบหักนี้ไปแล้วจัดการของอื่นๆ ที่ได้มาเล็กน้อย อย่างผลึกวิญญาณก้อนหนึ่งที่ได้มาจากการสังหารภูตไพรไม้เขียว แหวนเก็บของวงหนึ่งที่ได้มาจากร่างผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะเฉียนไหว รวมถึงวัตถุดิบวิญญาณอย่างหนัง กระดูก เขี้ยวอสูรมารบางส่วนอยู่ในแดนวิญญาณโบราณอาจจะไม่ถือว่าโดดเด่นอะไร แต่ในจักรวรรดิจื่อเย่านี้ วัตถุดิบวิญญาณบนกายอสูรมารเหล่านั้นล้วนเป็นของล้ำค่าหายาก ราคาน่าตกใจเพียงแต่มีได้ก็ต้องมีเสีย ดาบเวทวิญญาณม่วงสมบัติวิญญาณของเขาก็ถูกทำลายด้วยดาบหักนี้เช่นเดียวกัน เพื่อทำให้ชีพจรวิญญาณเสถียร ลูกกลอนวิญญาณที่เขาเก็บสะสมไว้ กับลูกกลอนอสูรมารหลายสิบเม็ดล้วนถูกใช้จนหมดแต่เมื่อเทียบกันแล้ว การเดินทางไปยังแดนวิญญาณโบราณครั้งนี้ค่อนข้างได้กำไร การสูญเสียเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร“ไม่ได้เห็นโลกภายนอกมาหนึ่งเดือนกว่า ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว…”ในที่สุดหลินสวินก็ยืดกายขึ้น ผลักประตูเดินออกจากห้องฝึกสงบจิต——
คอมเม้นต์