Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 442 แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น
ทันใดนั้นความหนาวสะท้านพลันถาโถมขึ้นในใจเหวยจวิ้นจนขนลุกขนตั้งเขาเงยหน้าขึ้นกะทันหัน และมองเห็นว่ากลางอากาศในบริเวณที่ห่างออกไป สายตาของหลินสวินไม่รู้หันมองมาตั้งแต่เมื่อไหร่สายตานั้นลึกล้ำและเย็นเยียบ โหมคลั่งราวกับเหวลึก ประหนึ่งสามารถกลืนกินสรรพสิ่งได้!ส่วนในมือหลินสวินถือคันธนูขนาดใหญ่ดุร้ายซึ่งประกอบขึ้นจากกระดูกขาว สายธนูราวกับจุ่มเลือด เป็นสีแดงสดน่าสยดสยอง!ไม่ได้การแล้ว!สีหน้าของเหวยจวิ้นเปลี่ยนไปฉับพลันเขาตะโกนออกมาตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะสละกระดูกสัตว์สีเงินอร่ามชิ้นหนึ่ง ให้แสงที่เปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้วิ้ง!ทันใดนั้นพลันเกิดเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นกลางอากาศ เสี้ยววินาทีนั้นแสงสีเงินอร่ามพลันระเบิดออกและหายไปพร้อมกับเงาร่างของเหวยจวิ้นฟุ่บ!และในเวลานั้น ลูกศรวิญญาณที่ราวกับล่องหนกวาดผ่านอากาศเข้ามา ปักใส่จุดที่เหวยจวิ้นยืนอยู่เมื่อครู่จนกลายเป็นหลุมใหญ่มองไม่เห็นก้นหลุม!อีกเพียงนิดเดียวก็จะฆ่าเหวยจวิ้นได้แล้ว แต่กลับถูกเขารู้ตัวล่วงหน้า ใช้สมบัติลับกระดูกสัตว์หนีหายไปกลางอากาศหญิงกระโปรงม่วงที่อยู่ด้านข้างมาตลอดเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ตอนที่เห็นเหวยจวิ้นหายตัวไป รวมทั้งหลุมลึกที่ปรากฏอย่างน่าตกใจ สีหน้าของนางก็ซีดเซียวลงฉับพลัน เหงื่อไหลท่วมถ้าเมื่อครู่นี้ธนูนี้ยิงมาทางตน…หญิงกระโปรงม่วงแทบไม่กล้าคิดต่อ“เขามาแล้ว!”“หรือเขายังจะกล้าเปิดฉากฆ่าฟันขนาดใหญ่”“หนีเร็ว!”เสียงร้องแตกตื่นตกใจดังขึ้นจากบริเวณที่ห่างออกไป พลันเห็นเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ตามดูการต่อสู้มาโดยตลอดสีหน้าลนลาน หนีกระเจิงไปทั่วทุกสารทิศและทั้งหมดนี้ เพียงเพราะหลินสวินพุ่งตัวลงจากอากาศมาทางนี้เท่านั้น!พรึ่บ!หญิงกระโปรงม่วงหันหลังหนีออกไปโดยไม่ลังเลเด็กหนุ่มคนนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว แม้แต่ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะอย่างนักพรตสยงยังทำอะไรเขาไม่ได้ สุดท้ายต้องกลับไปมือเปล่ายามนี้หากเขาโจมตีต่อ ใครเล่าจะต้านทานไหวโครม!เพียงแต่หญิงกระโปรงม่วงเพิ่งจะหนีได้ไม่นาน พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งมาจากด้านหลัง กดทับนางจนล้มลงพื้น ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตระหนก“นี่มันสถานที่บ้าอะไรกัน”เสียงราบเรียบเย็นชาดังขึ้น ราวกับเสียงสอบสวนของปีศาจ ทำให้หญิงกระโปรงม่วงสั่นไปทั้งตัว แทบจะตอบกลับตามจิตใต้สำนึกทันที “อย่าฆ่าข้า…เจ้าอยากรู้อะไร ข้าจะบอกเจ้าทั้งหมด!”“ได้”เงาร่างของหลินสวินปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียง เสื้อของเขายังเปื้อนเลือดสด แผลจากกระบี่ตามเนื้อตัวยังคงไม่ประสานกัน สภาพน่าสยดสยองมาก“เจ้า…”หญิงกระโปรงม่วงตะลึง ไม่คิดเลยว่าหลินสวินจะตอบรับอย่างว่องไวเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกเหนือความคาดหมายเพียงแต่ไม่ทันที่นางจะครุ่นคิด วินาทีต่อมานางก็ถูกหลินสวินหิ้วตัวขึ้น พุ่งตัวออกไปท่ามกลางท้องฟ้าสีรัตติกาล……การต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเพราะ ‘ปรากฏการณ์ประหลาดจากฟากฟ้า’ ปิดฉากลงเพียงเท่านี้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นเพราะศึกนี้กลับยังไม่จบ“พวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าในดินแดนวิญญาณโบราณมีเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบกว่าปีคนหนึ่ง สามารถข้ามระดับไปสู้กับระดับสัจจะได้โดยไม่พ่ายแพ้?”“เด็กหนุ่มที่มีพลังพลิกฟ้าเช่นนี้ เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน”“ไม่เคยได้ยิน”ท่ามกลางท้องฟ้ารัตติกาล ความคิดเห็นของยอดฝีมือระดับสัจจะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ก่อนหน้านี้พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ได้เห็นการต่อสู้อันน่าทึ่งระหว่างหลินสวินกับนักพรตสยงแล้ว ต่างตกตะลึงกับพลังอันแข็งแกร่งของหลินสวินสำหรับพวกเขาแล้ว เด็กหนุ่มระดับปีศาจแบบนี้ควรจะมีชื่อเสียงและสร้างความสะเทือนไปทั่วฟ้าดินไปตั้งนานแล้วถึงจะถูกพวกเขาจึงอดคาดเดาไม่ได้ ว่าเด็กหนุ่มคนนี้อาจจะมาจากสำนักเซียนลึกลับที่ปลีกวิเวก หรือไม่ก็มาจากดินแดนต้องห้ามโบราณที่ตัดขาดจากโลกภายนอก มิเช่นนั้นเหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน“บางทีเขาอาจจะไม่ใช่คนในดินแดนวิญญาณโบราณ แต่มาจากโลกอื่น!”มีคนกล้าคาดเดาใหญ่โต ในประวัติศาสตร์ของดินแดนวิญญาณโบราณก็ไม่ใช่ไม่เคยมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น เคยมีอัจฉริยะผู้กล้าที่เรียกได้ว่าสะท้านโลกามากมายข้ามโลกมา เปิดฉากต่อสู้กันทั่วทุกสารทิศ เพียงเพื่อแสวงหาหนทางอันสมบูรณ์แบบในการบรรลุพลังปราณถึงขั้นมีผู้ยอดเยี่ยมราวกับอริยะโดยกำเนิดไร้เทียมทาน พลังยุทธ์ยากคาดเดา ต่อสู้ไปทั่วทุกทิศเพื่อเสาะแสวงหาโชควาสนา“ระดับปีศาจอย่างเขา หรือจะ…มาเพื่อเข้าแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น?”มีคนถามขึ้นแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น!เสียงถกเงียบไปทันทีเทือกเขาราหูแห่งนี้ตั้งตระหง่านมาเนิ่นนาน ทุกคนในดินแดนวิญญาณโบราณล้วนรู้กันทั่วว่าเป็นสถานที่แห่งโชควาสนา ในนั้น ‘แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น’ ถือว่ามีชื่อเสียงที่สุดในทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่ง อย่างน้อยสามถึงห้าปี อย่างมากก็สิบปี เส้นทางสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นจะถูกเปิดออกหากสามารถคว้าโอกาสเข้าไปได้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะได้รับสมบัติโบราณมากมายที่คิดไม่ถึง!ล้วนเป็นสมบัติที่หลงเหลือจากยุคโบราณ ไม่ใช่ของที่อาวุธวิญญาณซึ่งหลอมขึ้นในปัจจุบันจะเทียบได้ ถึงขั้นที่สมบัติโบราณบางชิ้นนั้นซ่อนเคล็ดวิชาลับบางอย่างเอาไว้ด้วย!ในดินแดนวิญญาณโบราณแห่งนี้ได้รับการยืนยันมาหลายครั้งแล้ว ในอดีตก็มีตัวอย่างจริงของผู้ฝึกปราณที่เข้าไปแล้วได้รับสมบัติโบราณกลับมาโดยบังเอิญ จากนั้นก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเส้นทางยุทธ์!“หึ แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นนั่นใช่ว่าทุกคนจะมีสิทธิ์เข้าไป เท่าที่ข้ารู้มา บุคคลชั้นยอดในสำนักเก่าแก่ของแดนวิญญาณโบราณมากมายต่างรวมตัวกันมา ต่อให้เด็กหนุ่มลึกลับคนนี้อยากคว้าโอกาสไปแม้เพียงเสี้ยว ก็ยังไม่ง่ายขนาดนั้น”“จริงอย่างว่า แม้ว่าเขาจะมีความสามารถถึงขั้นสู้กับระดับหยั่งสัจจะได้ แต่อย่างไรก็หัวเดียวกระเทียมลีบ หากกล้าแย่งกับเหล่าผู้สืบทอดจากสำนักเก่าแก่เหล่านั้น จะต้องพินาศอย่างที่สุดแน่”“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เด็กหนุ่มคนนั้นหัวเดียวกระเทียมลีบก็จริง แต่อย่าลืมว่าระหว่างการต่อสู้เขายิ่งเสียเปรียบก็ยิ่งห้าวหาญ พลังมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ใครกล้าดูถูกเขา จะต้องเสียหายอย่างหนักแน่!”…เสียงถกเถียงดังขึ้นไม่ขาดสาย แม้โต้แย้งไปก็ไม่ได้ข้อสรุปอันใด แต่จากเรื่องนี้ก็จะเห็นได้ว่า หลังจากศึกที่หลินสวินสู้กับนักพรตสยง พลังต่อสู้ของเขาก็ดึงดูดสายตาระแวดระวังของผู้ฝึกปราณระดับอาวุโสมากมาย!………….สิบวันหลังจากนั้นในภูเขาอันตรายน่าสะพรึงกลัวและเต็มไปด้วยหมอกพื้นดินสั่นสะเทือน สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตัวหนึ่งพุ่งตัวออกมา ความยาวประมาณสิบกว่าจั้ง รูปร่างคล้ายตะขาบ แต่ส่วนหัวเป็นมังกรดำ ร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดหนา ดุดันและน่ากลัวเพียงแต่…ตอนนี้มันกลับกำลังหนีเอาตัวรอด!ทุกที่ที่มันผ่าน ต้นไม้ล้มหินแตกกระจาย สภาพสับสนไม่เป็นระเบียบ ดูน่าตะลึงหาที่เปรียบปัง!ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวพร้อมเสียงคำราม แรงหมัดราวกับมังกรเปล่งแสงประกายเจิดจ้า เสียงโครมดังสนั่น พลันเห็นสัตว์อสูรที่มีลักษณะคล้ายตะขาบน่ากลัวตัวนั้นหัวถูกกระแทกจนแหลกละเอียด เลือดสีแดงสดสาดกระจายออกมาจากนั้นร่างอันใหญ่โตของมันก็ล้มลงกับพื้นแล้วไม่ลุกขึ้นอีกเลยเงาร่างนั้นปรากฏขึ้น เป็นหลินสวินนั่นเอง ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ชักดาบออกมาผ่าร่างสัตว์อสูรตัวนั้นออก แล้วหยิบลูกกลอนปีศาจสีเขียวที่ส่องแสงแวววาวเม็ดหนึ่งออกมาบริเวณที่ไม่ไกลนัก หญิงกระโปรงม่วงเห็นทั้งหมดนี้แล้วแทบทำหน้าไม่ถูกสิบวันที่ผ่านมานี้นางอกสั่นขวัญผวามาโดยตลอด กลัวว่าหากทำอะไรให้หลินสวินโกรธก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตแต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจก็คือ ตลอดทางหลินสวินนอกจากต่อสู้ก็คือต่อสู้ ฆ่าสัตว์อสูรที่ดุร้ายน่ากลัวไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ราวกับเป็นคนคลั่งการต่อสู้ ในสายตานอกจากการต่อสู้ก็ไม่มีอย่างอื่นอีกเลยซึ่งก็ทำให้แม้ผ่านไปสิบวันแล้ว หลินสวินก็ยังไม่เคยสนใจนางเลยแม้แต่ครั้งเดียวสวบหลินสวินย้อนกลับมา ทำให้หญิงกระโปรงม่วงตื่นจากห้วงความคิด เดินทางตามหลินสวินต่ออย่างรู้ตัวเพียงแต่เพิ่งจะเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศได้ไม่นาน ใบหน้าอันงดงามของหญิงกระโปรงม่วงก็ขาวซีด หว่างคิ้วเผยความอ่อนแรงและเหนื่อยล้าอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ตัวก็สั่นเทาเหมือนจะล้มลงสิบวันมานี้หลินสวินไม่เคยหยุดพักเลย นอกจากเดินทางก็คือต่อสู้ ราวกับไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยนี่สร้างความลำบากให้หญิงกระโปรงม่วง เพื่อตามฝีเท้าของหลินสวินให้ทัน นางเองก็ไม่เคยหยุดพัก ทำได้เพียงกัดฟันทนต่อไปจวบจนถึงตอนนี้พลังกายของนางแห้งเหือดเต็มที และกำลังจะต้านทานไม่ไหวแล้ว‘ไอ้คนวิปริตสมควรตายคนนี้ ร่างกายทำจากเหล็กหรืออย่างไร ไม่เคยรู้จักคำว่าเหนื่อยล้าเลยหรือ’หญิงกระโปรงม่วงบ่นอุบในใจ สาปแช่งหลินสวินด้วยคำพูดโหดร้ายทั้งหมดทันใดนั้นสติของหญิงกระโปรงม่วงเริ่มเลือนราง การโคจรของพลังเปลี่ยนเป็นไม่มั่นคง ร่างเซถลาร่วงดิ่งลงพื้นแย่แล้ว!หญิงกระโปรงม่วงตกใจ รู้ว่ากำลังของตนเสื่อมทรุดอย่างถึงที่สุดและกำลังจะยืนหยัดไม่ไหวแล้ว หากร่วงลงกลางอากาศเช่นนี้ คงกลายเป็นกองเลือดเนื้อกองหนึ่งพลันนั้นพลังสายหนึ่งก็แผ่ออกมารองรับร่างนางเอาไว้ ให้ลงพื้นอย่างมั่นคง“ให้เวลาเจ้าพักหนึ่งชั่วยาม”เสียงอันราบเรียบของหลินสวินดังขึ้นข้างหู เสียงนี้สร้างความแปลกใจระคนยินดี ทำให้หญิงกระโปรงม่วงที่ใกล้จะพังทลายแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เด็กหนุ่มผู้โหดร้ายราวปีศาจคนนี้ใจอ่อนเป็นกับเขาบ้าง?หญิงกระโปรงม่วงพลันสูดหายเข้าใจลึกๆ นางไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากแล้ว อ้าปากกลืนลูกกลอนวิญญาณเม็ดหนึ่งเข้าไป แล้วเริ่มนั่งสมาธิปรับลมปราณมีเวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น นางต้องทำเวลาที่แห่งนี้คือยอดเขาเตี้ยๆ มองจากที่นี่เห็นเทือกเขาทับซ้อนเรียงราย มีหมอกปกคลุมอยู่ทุกแห่งหน เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังกึกก้องขึ้นเป็นระยะๆ สั่นสะเทือนไปทั่วหลินสวินยืนอยู่เงียบๆ ดวงตาดำขลับที่ราวกับเหวลึกกวาดมองรอบๆ แต่ในใจกลับลอบร้อนรนสิบวันก่อนหน้านี้ การต่อสู้กับนักพรตสยงช่วยกระตุ้นศักยภาพของเขา ทำให้ชีพจรวิญญาณบนจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจก่อตัวได้ครึ่งหนึ่ง เหลืออีกครึ่งก็จะก่อตัวได้อย่างสมบูรณ์แต่การที่นักพรตสยงถอยทัพไม่ยอมสู้ต่อ กลับเป็นการหยุดความคืบหน้าทั้งหมด!สิบวันนี้หลินสวินต่อสู้มาตลอดทาง หวังจะเจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกัน เพื่อเข้าสู้กระบวนการก่อตัวอีกครั้งเพียงแต่จนถึงตอนนี้ แม้ฆ่าสัตว์อสูรที่ความสามารถแข็งแกร่งมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบกว่าตัว แต่กลับยังไม่เคยทำให้หลินสวินสมปรารถนาเสียทีจุดสำคัญที่สุดคือ ถ้าชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดเส้นใหม่นี้ไม่สามารถก่อตัวได้ ก็ยากจะควบคุมพลังที่พลุ่นพล่านรุนแรงซึ่งอยู่ในร่างกายของเขา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มีแต่จะทำให้สภาพร่างกายของเขาแย่ลงเรื่อยๆก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้ว่าแผลกระบี่ทั่วร่างของเขาจะไม่มีเลือดไหลออกมาแล้ว แต่ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่ประสานกัน ก็เพราะได้รับผลกระทบจากสภาพอันย่ำแย่ภายในร่างกายต้องต่อสู้!หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ เขารู้ปัญหาร่างกายของตัวเองว่าไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าดิน แต่ต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง ต้องหล่อหลอมอย่างถึงที่สุดระหว่างการต่อสู้ จึงจะสามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้อย่างสมบูรณ์ นอกนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่าแล้วเวลาผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งชั่วยามผ่านไปโดยไม่รู้ตัวเห็นได้ชัดว่าหญิงกระโปรงม่วงเองก็กำลังนับเวลาอยู่เช่นกัน พอถึงเวลาก็ฟื้นจากสมาธิทันที แม้พลังในร่างกายยังไม่ฟื้นคืนทั้งหมด แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากแล้วหลินสวินเห็นเช่นนี้ก็เตรียมเดินทางต่อ แต่ในขณะนั้นเอง แสงเลือดเข้มข้นสวยงามก็ปรากฏขึ้นบนฟ้าในระยะไกลสุดสายตา ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด!——
คอมเม้นต์