Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 440 ต่อสู้ดุเดือดทั่วฟ้าดิน
ฟุ่บ!แสงแววาวแผ่ลงมาจากฟากฟ้าพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น ส่องสว่างท้องฟ้าในยามรัตติกาล แสบตาอย่างที่สุด เข้าปกคลุมหลินสวินที่อยู่บนพื้นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะลงมือแล้ว!ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปต่างตกตะลึงหลินสวินเงยหน้าขึ้นโดยพลัน ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉย มีเพียงในดวงตาสีดำขลับที่ราวกับลมพายุกำลังโหมกระหน่ำ สาดประกายอันน่าสะพรึงกลัวเขากวัดแกว่งหอกเป็นแนวนอน เป็นการโจมตีง่ายๆ แต่กลับเหมือนเต็มไปด้วยพลังมหาศาล เสียงครืนโครมดังสนั่น ทำให้แสงสว่างนั่นกระจายหายไปพรึ่บ!เงาร่างของหลินสวินหายไปจากจุดเดิม ในมือถือหอกไว้ ก้าวเท้าเหยียบย่างขึ้นกลางอากาศ เงาร่างดุจชือน้ำแข็งพุ่งแทงอากาศในตำแหน่งหนึ่งอย่างรุนแรง“เอ๋!”อากาศตรงบริเวณนั้นเกิดเสียงร้องประหลาด เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าตำแหน่งที่ซ่อนของตัวเองจะถูกหลินสวินจับได้ในทันทีแทบจะในเวลาเดียวกัน ตรงบริเวณนั้นปรากฏเงาร่างกำยำดั่งภูผา กระแทกหมัดออกมาตูม!หอกสำริดส่งเสียงร้องครวญ สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงเสียดหูที่ดังไปทั่วฟ้าดินนั่นทำให้ทุกคนต่างใจสั่น สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแค่อานุภาพเสียงนี้ก็รู้แล้วว่า ความสามารถของร่างล่ำสันนั่นน่าสะพรึงกลัวเพียงใดตึกๆๆ~เงาร่างของหลินสวินถอยกลางอากาศไปหลายก้าว แต่เพียงชั่วขณะเขาก็ถือหอกเข้ามาสังหารอีกครั้ง ท่าทางเหยียดมองเย่อหยิ่งนั่นเหนือความคาดหมายของทุกคนเด็กหนุ่มที่อายุเพียงสิบกว่าปี ทั้งยังเปื้อนเลือดไปทั้งตัว มีแผลกระบี่นับไม่ถ้วน แม้พลังต่อสู้จะพลิกฟ้าเพียงใด แต่อย่างมากก็เป็นแค่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายเท่านั้นแต่เมื่อเผชิญหน้ากับการลงมือของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะ เขาไม่เพียงไม่กลัว แต่ยังเป็นฝ่ายลงมือสังหารก่อนโดยไม่มีความลังเลเลย นี่ทำให้ทุกคนตะลึงมากเด็กนี่ไม่กลัวตายหรือไรศึกใหญ่ปะทุขึ้นกลางอากาศ หลินสวินกวัดแกว่งหอก เงาร่างราวกับแสงหมอกสีฟ้าอ่อนที่กำลังลุกโหม ให้ความรู้สึกเหมือนจะกลืนกินสรรพสิ่งสีหน้าของเขาเรียบเฉย แม้จะถูกโจมตีจนเซถอย แต่ไม่เพียงไม่บาดเจ็บ กลับยิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ ทำให้ทุกคนอึ้งจนอ้าปากค้างคู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ร่างกายแข็งแกร่งปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทองหนาแน่น ราวกับประกอบขึ้นจากทองคำ เปล่งแสงสีทองสุกใส พลังนั้นชวนให้รู้สึกกดดันเหมือนภูเขาลูกใหญ่ กลิ่นเลือดคละคลุ้ง ชวนให้รู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ“นักพรตสยงผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะแห่งตำหนักหมื่นอสูร!”มีคนจำที่มาของชายชราได้ จึงอดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจไม่ได้นักพรตสยงเป็นผู้ฝึกตนสายอสูรอย่างแท้จริง ร่างเดิมยังเป็นหมีทองที่แข็งแกร่ง จนถึงตอนนี้ฝึกปราณมาพันปีแล้ว!“นักพรตสยงงั้นหรือ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือลูกศิษย์ของตำหนักหมื่นอสูรก็มาเทือกเขาราหูด้วย”หลายคนต่างสงสัยตำหนักหมื่นอสูรคือขุมอำนาจขนาดใหญ่ที่รวบรวมผู้ฝึกตนสายอสูรเอาไว้ มีชื่อเสียงมากในดินแดนวิญญาณโบราณสำหรับนักพรตสยง แม้จะมีพลังปราณในระดับหยั่งสัจจะขั้นต้น แต่ร่างต้นของเขาคือหมีทอง พลังแห่งเส้นปราณโลหิตแข็งแกร่ง พลังต่อสู้ก็ทรงพลังมากกว่าผู้ฝึกปราณในระดับเดียวกันอยู่มาก!ยามนี้เห็นหลินสวินสามารถประลองกับนักพรตสยงได้ ทุกคนต่างตื่นตะลึงขึ้นมาทันที ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเขาทำได้อย่างไรตูม!บนท้องฟ้า นักพรตสยงใช้วิชาลับ แสงสีทองสาดส่องไปทั่ว แม้จะใช้มือเปล่า แต่ทุกครั้งที่โจมตีออกมากลับเกิดเสียงฟ้าร้องอันน่าตกใจปัง! ปัง! ปัง!เงาร่างของหลินสวินราวกับชือน้ำแข็ง หอกสำริดมีแสงสีฟ้าอ่อนแผ่ลอยเผาผลาญ กวาดวาดฟาดฟันเสียงดังสนั่นสุดท้ายเขาถูกโจมตีจนตกสู่พื้น กระแทกเป็นหลุมใหญ่ เศษฝุ่นคละคลุ้ง“สามารถประมือกับข้าได้ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะจำนวนน้อยในเผ่ามนุษย์แล้ว ส่งสมบัติล้ำค่าในมือมา แล้วคุกเข่ายอมรับข้าเป็นนาย ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”เสียงของนักพรตสยงราวกับฟ้าร้อง ย่างสามขุมเข้ามา ประหนึ่งภูเขาลูกใหญ่แผ่คลุม อานุภาพน่าพรั่นพรึงฟุ่บ!เพียงแต่ไม่รอให้เขาเข้าใกล้ เงาร่างของหลินสวินก็พุ่งออกไปทันที หอกแทงเข้าลำคอของนักพรตสยงราวกับสายฟ้าเฮือกทุกคนที่อยู่ห่างออกไปต่างสูดหายใจเย็นเยียบด้วยความตะลึง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หลินสวินเป็นฝ่ายถูกกดดันชัดๆ เดิมคิดว่าจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา แต่ใครจะคิดว่าเขากลับพุ่งตัวออกมาอีกครั้ง!เขาเป็นอมตะหรืออย่างไรเหลือเชื่อจริงๆ ทำให้ทุกคนยากจะจินตนาการ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้หลินสวินก็บาดเจ็บหนักและมีรอยแผลกระบี่ทั่วตัวยามนี้ถูกนักพรตสยงกำราบด้วยพลังอันยิ่งใหญ่สะเทือนฟ้าดินระลอกแล้วระลอกเล่า ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นเกรงว่าคงตายไปนานแล้ว แต่หลินสวิน…ยังคงมีกำลังต่อสู้!เขาทำได้อย่างไร“หืม”ยามนี้แม้แต่นักพรตสยงเองก็แปลกใจ วินาทีต่อมาสีหน้าพลันทวีความเคร่งขรึม รอบตัวเดือดพล่านด้วยแสงสีทองท่วมท้นในฐานะผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ หากไม่สามารถฆ่าเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณได้ ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากเขาใช้พลังที่แท้จริงของตัวเองสำแดงวิชาลับ พลานุภาพแห่งระดับหยั่งสัจจะแผ่กระจาย ราวกับเทพอสูรทองคำสะท้านจักรวาลครืนโครม~ท้องฟ้าปริแตก แผ่นดินแยกเปิด กลิ่นคาวเลือดพัดม้วนเข้ามา เศษหินทรายบินว่อน สับสนอลหม่านไปทั่วไม่นานก็แทบจะปกคลุมท่วมร่างของหลินสวิน ราวกับเรือที่ถูกพายุโหมกระหน่ำกลางมหาสมุทรเพียงลำพัง สถานการณ์อันตรายอย่างมาก ไม่ทันไรก็สะเทือนจนเซถอยไปหลายต่อหลายครั้ง น่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าเขาสามารถถูกฆ่าได้ทุกเมื่อแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือ แม้จะเป็นเช่นนั้นหลินสวินก็ยังยืนหยัด ทั้งที่ดูเหมือนกำลังจะแพ้แล้วชัดๆ แต่กลับรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์นี่…นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อและน่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว!“พวกเจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ พลังของเด็กนั่นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าทุกครั้งที่ถูกกำราบ ก็สามารถยกระดับพลังต่อสู้ของเขาให้สูงขึ้นหนึ่งส่วน”มีคนสีหน้าหนักใจ ตกตะลึงอย่างที่สุดหลังจากคำเตือนนี้ ผู้ฝึกปราณหลายคนก็ตระหนักได้ทันที เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง!“เป็นไปได้อย่างไร”“หรือจะมีผนึกพลังบางอย่างซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา ต้องต่อสู้จึงจะเปิดทีละชั้น?”“เหลือเชื่อจริงๆ!”ทุกคนตกตะลึง ความสามารถพลิกฟ้าของหลินสวินทำให้พวกเขาหวั่นไหว หัวใจสั่นสะท้านขึ้นมา มองไปทั่วหล้า ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณที่สามารถสู้กับระดับหยั่งสัจจะได้ ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่น้อยจนนับนิ้วได้!แต่กรณีของหลินสวินนั้นพิเศษยิ่งกว่า เขาบาดเจ็บหนักอยู่ก่อนแล้ว แต่กลับยิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ ยิ่งสู้ยิ่งเก่งกาจ ราวกับเป็นร่างอมตะ น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่อาจจินตนาการได้!“ตาย!”นักพรตสยงตะคอก แสงสีทองโหมคลั่งส่องประกายทั่วเรือนร่าง ทำลายห้วงอากาศในหมัดเดียวทันใดนั้นหอกในมือหลินสวินก็แตกละเอียด ส่วนตัวเขาถูกแรงสะเทือนกระแทกออกไปอย่างแรง กระอักเลือดไม่หยุดทว่าเพียงไม่นานบนร่างเขาก็ระเบิดพลังน่าพรั่นพรึงขึ้นอีกครั้ง ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อครู่ เขาพลันเคลื่อนตัวเข้าสังหารด้วยมือเปล่า!“นี่มัน…”นักพรตสยงอดตะลึงไม่ได้ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ถูกกำราบไปนับครั้งไม่ถ้วน แต่จนยามนี้ก็ยังไม่ตาย“เจ้าหนู บอกชื่อเจ้ามา!”นักพรตสยงตะโกน เขารู้สึกได้รางๆ ว่า พลังของเด็กหนุ่มคนนี้พลิกฟ้าปานนี้ น่ากลัวว่าจะมีที่มายิ่งใหญ่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นผู้สืบทอดของเซียนปลีกวิเวกท่านใดตูม!หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย ใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์พุ่งสังหารโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือเรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่มสู้จนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยปริปากพูดอะไรเลย ดูเย็นชาและเคร่งขรึมอย่างที่สุด“รนหาที่ตาย!”นักพรตสยงเดือดดาล ท่าทางเฉยเมยของหลินสวินทำให้เขาไม่ลังเลอีกต่อไป สะบัดแขนเสื้อ ดาบจันทร์เสี้ยวทองอร่ามพลันปรากฏ ทอแสงระยิบระยับ ฟันเข้าใส่หลินสวินโครม!ลมหมัดและดาบจันทร์เสี้ยวปะทะกันตรงๆ ไม่มีหลบหลีก ทำให้เกิดเสียงเลื่อนลั่นสะเทือนฟ้าดินท่าทางทรงพลังของหลินสวินทำให้บรรดาผู้แข็งแกร่งที่อยู่ห่างออกไปตื่นตะลึงนักพรตสยงใช้สมบัติวิญญาณแล้วนะ!แต่หลินสวินกลับใช้หมัดเปล่าเข้าสู้ นี่มัน…นี่มันดุดันทารุณถึงขีดสุด!กลางฟ้าดิน ลมเมฆปั่นป่วน ท้องฟ้ารัตติกาลราวกับถูกบดขยี้ มีเสียงจากการต่อสู้ดังก้องไม่หยุดนักพรตสยงสำแดงพลัง ฟันดาบทองผ่าอากาศ ทำให้ทุกคนขวัญหนีดีฝ่อ หลายคนถอยหนีออกไปไกลจากสนามรบอันน่าพรั่นพรึงนี้การต่อสู้ระดับนี้สะเทือนออกไปเป็นวงกว้าง ใช่ว่าทุกคนจะต้านทานพลังของผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะได้ตูม! ตูม! ตูม!หลินสวินถูกกำราบไปหลายครั้ง แต่เพราะความช่วยเหลือจากก้าวย่างชือน้ำแข็งอันแสนวิเศษ ทำให้ทุกการโจมตีที่เขาได้รับไม่ถึงแก่ชีวิตที่น่ากลัวที่สุดคือ เขายิ่งสู้พลังก็ยิ่งแข็งแกร่ง ทั้งร่างเหมือนหุบเหวลึกที่กำลังปะทุ อานุภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆบนทุ่งกว้างแห่งนี้ฟ้าดินแยกจาก หญ้าป่าแหลกละเอียดกลายเป็นเถ้าถ่าน อากาศปั่นป่วน เป็นภาพฉากที่น่าสะพรึง“ตาย!”นักพรตสยงคำราม คลื่นเสียงราวกับสายฟ้าระเบิด ดาบทองสาดแสงสู่ฟ้า ราวคลื่นมหาสมุทรโหมกระหน่ำปกคลุมฟ้าดิน ประหนึ่งคลื่นพายุรุนแรงซัดเข้าหาฝั่งทั้งสองพุ่งใส่กันอย่างคลุ้มคลั่ง จากท้องฟ้าเบื้องบนสู่พื้นดินเบื้องล่าง เนินเตี้ยจำนวนหนึ่งที่กระจายอยู่ในทุ่งกว้างแห่งนี้แตกกระจายไปทั่ว เศษหินบินว่อนเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มองตามตลอดทางต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน แต่ละคนตัวสั่นไปหมด พลังของระดับหยั่งสัจจะน่ากลัวเกินไปแล้วทุกครั้งที่เขาโจมตี ล้วนเกิดพลังที่ทำให้ภูเขาถล่มทะเลคลั่ง ฟ้าดินสะเทือนแต่ที่ทำให้ทุกคนตะลึงไม่ใช่นักพรตสยง แต่เป็นเด็กหนุ่มร่างอาบเลือดและมีแผลกระบี่นับไม่ถ้วน เป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ เหตุใดจึงสู้มาได้ถึงตอนนี้!ไม่เพียงแค่พวกเขา แม้แต่นักพรตสยงเองในใจยังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ยิ่งสู้ยิ่งค้นพบว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นไม่เพียงดวงแข็ง แม้แต่กำลังการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!นี่ยังใช่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณอีกหรือเป็นตัวประหลาดชัดๆ!……ฆ่า!ผมยาวของหลินสวินพลิ้วไหว ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบ ภายในนัยน์ตาดำราวกับพายุโหมเหวลึก สะท้อนภาพฟ้าดินไม่มีใครรู้ว่าพลังในร่างเขาปะทุราวกับภูเขาไฟ ทั้งพลุ่งพล่านทั้งเหิมหาญจนเขาแทบควบคุมไม่อยู่หลังจากกลืนลูกกลอนวิญญาณลึกลับที่จักรพรรดินีมอบให้ เขาก็ไม่สามารถควบคุมพลังได้ แม้จะใช้เคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกินและหินโม่พายุร่วมกันแล้ว ก็ยังไม่สามารถควบคุมพลังอันรุนแรงนั้นได้เดิมหลินสวินคิดว่า สาเหตุหลักคือลูกกลอนวิญญาณลึกลับเม็ดนั้นทว่าจนถึงยามที่เขาถูกปลุกให้ได้สติขึ้นมา เขาถึงตระหนักว่า สาเหตุหลักไม่ใช่ลูกกลอนวิญญาณเม็ดนั้น แต่เป็นจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจของเขา!ตรงนั้นมีชีพจรวิญญาณสายหนึ่งที่ราวกับภาพมายาปรากฏขึ้นรางๆ และกำลังรวมตัวทีละน้อย ดูเชื่องช้าจนไม่เป็นที่สังเกตแต่ก็เพราะการมีอยู่ของมัน ทำให้พลังทั่วร่างของเขาเพิ่มพูนขึ้นราวกับจะระเบิดก็ไม่ปานราวกับว่าชีพจรวิญญาณที่ประหนึ่งภาพมายานั้นเป็นหุบเหวลึกล้ำเกินคาดเดา ตื่นขึ้นมาจากความเงียบและแปรเปลี่ยนรูปร่าง!ลูกกลอนวิญญาณลึกลับที่จักรพรรดินีให้มา เป็นเพียงแค่สื่อนำที่ทำให้หุบเหวใหญ่ซึ่งซ่อนอยู่ในร่างเขาปรากฏออกมาชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดหุบเหวกลืนกิน!ทั้งหมดนี้ทำให้หลินสวินตระหนักได้อย่างฉับไวว่า ร่างกายและจิตวิญญาณของตนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง หากสำเร็จ บางทีอาจทำให้เขาสามารถรวบรวมชีพจรวิญญาณขึ้นใหม่ได้แต่ถ้าพลาด ร่างกายก็จะแตกสลายสิ้นชีพ สูญสิ้นพลังปราณ!นี่ก็คือวิกฤตที่หลินสวินเผชิญอยู่ตอนนี้ เต็มไปด้วยความอันตรายอย่างยิ่ง แต่ก็ซ่อนโอกาสอันสะเทือนโลกที่ยากจะจินตนาการและในตอนนี้การต่อสู้ก็คือวิธีเดียวที่เขาสามารถคลี่คลายวิกฤตได้!——
คอมเม้นต์