Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 426 อย่างไรเรียกได้ว่าโอหัง
ก่อนหลินสวินเหยียบย่างเข้านครต้องห้ามครั้งแรก ยังเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าที่แม้แต่เหาะเหินยังทำไม่ได้ผู้หนึ่ง ก็เหมือนมดบนพื้นดินที่จะถูกเหยียบตายเมื่อไรก็ได้ฉือฉางเฟิงในตอนนั้นย่อมคิดและทำเช่นนี้ ที่น่าเสียดายก็คือตอนนั้นมีคนยื่นมือมาช่วยหลินสวินได้ทันเวลาพอดี ทำให้เขาไม่อาจสมหวังได้ถึงกระนั้น เวลาเพิ่งผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี หลินสวินที่เดิมทีฉือฉางเฟิงมองว่าเป็นมดตัวหนึ่งนี้ กลับมีความสามารถในการต่อสู้ที่สามารถต้านรับเขาได้ ในใจของฉือฉางเฟิงจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไรเพิ่งครึ่งปีกว่าเองนะ!กลับเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งน่ากลัวถึงขั้นนี้แล้ว ใครจะกล้าคาดคิดกันฉือฉางเฟิงก่อนหน้านี้ เพราะพรสวรรค์โดดเด่นเหนือใครมาโดยตลอด จึงมีความโอหังดูแคลนผู้กล้าในใต้หล้า คิดว่ารอยามตนรุ่งเรือง ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้กล้าในรุ่นเดียวกันต้องพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือตน กลายเป็นหินรองเท้าแน่แต่เมื่อเทียบกับหลินสวินที่อยู่ตรงหน้า ฉือฉางเฟิงกลับพบว่า พรสวรรค์ หน่วยก้านและพลังที่ตนเคยถือเป็นความภาคภูมิใจ กลับดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด!สำหรับฉือฉางเฟิงแล้ว ย่อมเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจที่ยากยอมรับได้เขาเป็นถึงปีศาจที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดของตระกูลฉือ ปีนี้เพิ่งอายุสิบสี่ปี ทั้งเชื่อมั่นว่าภายในสามปีต้องได้ก้าวเท้าเข้าสู่ระดับหยั่งสัจจะ!แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินที่ภูมิหลังไม่ดีเท่าเขา ฐานะไม่เทียบเท่าเขา ขนาดพรสวรรค์ยังมีไม่เท่าเขาตามทัน นี่พาให้ฉือฉางเฟิงแทบไม่อยากเชื่อ“ฆ่า!”เขาตะคอกดังลั่น วิชาลับไหลเวียน ไอพลังสีม่วงทองพลุ่งพล่านทั่วร่าง กระบี่วิญญาณวสันต์กลืนกิน นำวิชาลับกระบี่นภาไพศาลที่สืบทอดในตระกูลสำแดงออกมาอย่างสุดพลังก็เห็นว่าในลานปรากฏคมกระบี่ราวทินกรวงแล้ววงเล่า พลานุภาพเกรียงไกร ยิงพุ่งไปเก้าชั้นฟ้าสิบชั้นดิน น่าพรั่นพรึงยิ่งตู้มๆๆ!ในลานแสดงยุทธ์เกิดเสียงดังลั่นราวอัสนีบาต สั่นคลอนสภาพอากาศ ฉีกกระชากห้วงนภา หากไม่ได้กระบวนรอยสลักวิญญาณมหัศจรรย์ป้องกันไว้ น่ากลัวว่าลานแสดงยุทธ์คงแหลกสลายไปนานแล้วฉือฉางเฟิงและหลินสวินประลองอยู่ในนั้น เดี๋ยวก็พุ่งทะลวงชั้นฟ้า เดี๋ยวก็ขึ้นลงทั่วทั้งลาน จิตกระบี่ส่องสว่าง ลมหมัดพุ่งแรง พาให้สภาพฟ้าดินแปรผัน เกิดเป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่น่าหวาดหวั่นหลายแบบทุกคนจับจ้องด้วยใจสั่นระรัว มองภาพตามไม่ทันความสามารถที่ฉือฉางเฟิงแสดงออกมาสมกับที่ได้คะแนนอันดับสองในการทดสอบระดับอาณาจักร ดุดันสะดุดตา เผยคมออกมาจนหมด หากไม่เกินความคาดหมาย วันหน้าต้องเป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งในศาสตร์กระบี่นี่เป็นเรื่องธรรมดา เขาครอบครองเส้นปราณ ‘ดอกบัวม่วงกลางทะเลทอง’ พรสวรรค์เกินใครในโลกา ทั้งได้รับการอบรมบ่มเพาะอย่างใส่ใจจากตระกูลฉือที่มีฐานะเป็นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง คิดจะไม่โดดเด่นเกินผู้อื่นคงยากที่ทำให้ฝูงชนประหลาดใจคือความสามารถของหลินสวิน!ตอนเพิ่งเริ่มต่อสู้ หลินสวินหลบหลีกโดยตลอด หลายคนยังนึกว่าเขาหวั่นกลัวอานุภาพของฉือฉางเฟิง ไม่กล้าสู้ตรงๆแต่ไม่นานนักพวกเขาก็พบว่า หลินสวินมีหรือจะกลัว เห็นชัดว่าคอยหยั่งเชิงไพ่ตายของฉือฉางเฟิงมาโดยตลอด!จนถึงตอนนี้หลินสวินประจัญหน้ากับฉือฉางเฟิง เพียงอาศัยพลังจากหมัดเปล่า กลับสู้กับฉือฉางเฟิงได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ นี่จะไม่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกได้อย่างไรช่วงนี้ทั่วนครต้องห้ามล้วนเลื่องลือกันว่าหลินสวินเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่โดดเด่นเกินคนธรรมดาผู้หนึ่ง จนเกือบทำให้ทุกคนลืมไปแล้วว่า เจ้านี่ยังเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ด้านศาสตร์การยุทธ์ด้วย!ก่อนหน้านี้ใช้พลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นต้นเอาชนะฮวาอู๋โยวได้ก็พิสูจน์จุดนี้ได้แล้วแต่ตอนนี้ การประลองชั้นยอดระหว่างเขากับฉือฉางเฟิง ยิ่งพิสูจน์ความสามารถด้านการยุทธ์ที่น่ากลัวของหลินสวินได้อย่างไม่ต้องสงสัย“เจ้านี่มันเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่นี่!”คนใหญ่คนโตหลายคนล้วนใจสะท้าน ไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ว่า หลินสวินในฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยที่สามารถชักนำปรากฏการณ์เสียงร้องเก้ามังกรได้ ก็เรียกว่าเย้ยฟ้าได้แล้ว แต่หลินสวินผู้นี้ กลับยังเป็นผู้มีพรสวรรค์เกินธรรมดาในศาสตร์การยุทธ์ด้วย นี่ช่างเกินคาดไปแล้ว“แปลก เจ้าไม่อยากฆ่าข้าหรือ เหตุใดจนถึงตอนนี้ยังทำไม่ได้เล่า”บนลานแสดงยุทธ์หลินสวินหัวเราะเบาๆ สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ที่มีลมหมัดราวมังกรห้อทะยานทั่วแปดทิศอย่างครบถ้วนกระบวนความใต้เท้าเขามีก้าวย่างชือน้ำแข็งเข้าคู่กับการประจัญบาน ทั่วทั้งตัวช่างดูโอหังอย่างที่สุด“เจ้าเลิกสามหาวได้แล้ว! ตอนนั้นหากไม่มีคนช่วยเจ้า เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้ที่ไหน”ฉือฉางเฟิงกัดฟันกรอด ถูกวาจาเย้ยเยาะของหลินสวินยั่วโมโห บนใบหน้าเย่อหยิ่งเต็มไปด้วยความเย็นชาตูม!ฉับพลันทันใด พลังกระบี่ที่เขาสำแดงออกมาถูกขยี้สิ้น กระบี่วิญญาณวสันต์หวีดร้องโหยหวนแทบควบคุมไม่ได้นี่ทำให้ฉือฉางเฟิงหน้าเปลี่ยนสีทันใด ความสามารถในการต่อสู้ของหลินสวินยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว หรือว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด“เจ้ายังมีหน้าพูดถึงเรื่องนี้หรือ เหอะๆ บอกเจ้าให้เอาบุญ ตอนนั้นหากผู้อาวุโสคนนั้นไม่ได้ยื่นมือเข้ามา เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะรอดถึงตอนนี้”อานุภาพของหลินสวินยิ่งแข็งกร้าว เงาร่างราวชือน้ำแข็งเหาะเหินในอากาศ ก้าวมาข้างหน้าบีบใกล้ฉือฉางเฟิงไม่ยกเรื่องตอนนั้นมาพูดยังดี แต่เมื่อยกขึ้นมาก็ทำให้ไฟโทสะของหลินสวินพุ่งขึ้นในใจ ตอนนั้นเขาถูกฉือฉางเฟิงเข้าพุ่งสังหารจนเกือบประสบเคราะห์“น่าขัน! เจ้าในตอนนั้นเป็นเพียงมดปลวกขั้นผสานฟ้า ยังเพ้อเจ้อคิดฆ่าข้าหรือ น่าตลกยิ่งนัก!”ฉือฉางเฟิงเกรี้ยวกราดแต่ไม่ว่าเขาจะสำแดงฝีมืออย่างไร ทว่าในตอนนี้กลับต้านรับการเข้าประชิดของหลินสวินไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ตัวเขาถูกกดดันจนเริ่มถอยหลังหลินสวินในเวลานี้เริ่มกำราบไม่ออมแรงอีก ฉือฉางเฟิงเริ่มหมดพิษสง ไม่เป็นภัยต่อเขาแล้วตูม!แสงมหัศจรรย์สีครามพวยพุ่งไปทั่วร่าง เขาพุ่งไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง ราวห้วงน้ำใหญ่ไหลเคลื่อนแฝงพลังกลืนสวรรค์กระบวนท่าทลายภูผามหาสมุทร!กระบวนท่าทลายวิญญาณอากาศ!กระบวนท่าทลายมังกรปักษาเพลิง!……พลานุภาพทบทวีของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ผนวกกับก้าวย่างชือน้ำแข็ง ทำให้หลินสวินดูทรงพลังยิ่ง มากไปด้วยอานุภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ทันใดนั้นฉือฉางเฟิงก็เริ่มปรากฏท่าทีล่าถอยขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าซีดขาว หอบหายใจเฮือกใหญ่ โกรธจนหน้าเขียว ไม่กล้าเชื่อทุกอย่างนี้หลินสวินเพิ่งมีปราณระดับมหาสมุรวิญญาณขั้นกลางเท่านั้น อีกทั้งยังใช้หมัดเปล่าๆ ทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้‘เจ้าคนนี้ เดิมทีนึกว่าช่วงนี้เขาหมกมุ่นในศาสตร์สลักรอยวิญญาณ ใครจะคิดว่าเขาไม่ได้ว่างเว้นจากการฝึกยุทธ์เลย!’ดวงตาสุกใสของไป๋หลิงซีเต็มไปด้วยแววตาประหลาดใจ ฉือฉางเฟิงน่ากลัวนัก ด้วยอายุเพียงสิบสี่ปีก็ก้าวเข้ามาคว้าอันดับสองในการทดสอบระดับอาณาจักรได้แล้ว เพียงพอที่จะพิสูจน์ความเก่งกาจของเขาได้แต่เมื่อเทียบกับหลินสวิน ก็เห็นได้ชัดว่าด้อยกว่าขั้นหนึ่ง!“เขาฝึกฝนอย่างไรกันแน่!”หลายคนทำใจเชื่อได้ยาก ไม่อาจจินตนาการได้เลย พวกเขายังจำได้ว่า ตอนหลินสวินเอาชนะฮวาอู๋โยวยังไม่ทรงพลังเช่นวันนี้!“วิชาเคลื่อนกาย วิชาหมัด พื้นฐานพลังปราณ ทักษะการต่อสู้…ไม่มีด้านไหนที่ไม่เป็นชั้นยอดของโลก เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ นะ”คนใหญ่คนโตรุ่นอาวุโสหลายคนมองที่มาที่ไปบางอย่างจากพลังวิชายุทธ์ที่หลินสวินแสดงออกมาได้ บังเกิดสีหน้าอ่านยากตระกูลหลินที่ตกต่ำอย่างหาใดเทียบไปนานแล้วนั้น กลับมีอัจฉริยะที่น่าตื่นตาเช่นนี้เพิ่มมาคนหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อาจคาดเดาได้“ท่านภาไพศาล!”ทันใดนั้น ฉือฉางเฟิงที่ถูกบีบให้เข้าตาจนในลานแสดงยุทธ์ก็คำรามเกรี้ยวกราด คมกระบี่แล่นปราดออกไปอย่างรวดเร็วยิ่งราวตะวันสาดแสงสว่างจ้ารัศมีแสงในดวงตาหลินสวินไหวระยับ แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาสูดหายใจลึก กลางฝ่ามือมีแสงสีฟ้าอ่อนหนักแน่นไหววน ก่อนจะกระแทกออกไปอย่างรุนแรงกระบวนท่าทลายอเวจีสวรรค์!ตู้ม!เสียงตูมดังสะเทือนฟ้าดิน แสงอัศจรรย์กระเซ็นกระสายไปทั่วทิศกระบี่วิญญาณวสันต์ส่งเสียงครวญดังวิ้ง ถูกโต้กลับเข้าอย่างจัง ในเวลาเดียวกันฉือฉางเฟิงก็ถูกกำราบลงกับพื้น กระอักเลือดอึกใหญ่หลินสวินตวัดเท้าลงไป เหยียบลงบนร่างฉือฉางเฟิงกร๊อบ!เสียงกระดูกหักดังขึ้น อย่าว่าแต่ฉือฉางเฟิง ต่อให้เป็นฝูงชนในที่นั้นเมื่อได้ยินก็รู้สึกเจ็บปวด“เจ้ารนหาที่ตาย!”ฉือฉางเฟิงคำรามเดือดดาล ดิ้นรนลุกขึ้นจะโต้กลับนี่เป็นการเหยียดหยามอย่างหนึ่ง ทำให้เขาโกรธจนคลุ้มคลั่ง เป็นถึงอนุชนตระกูลฉือ ผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่มีชื่อลือลั่นนครต้องห้าม กลับถูกหลินสวินเหยียบย่ำต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย ต่อไปจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน“เจ้าไม่ได้จะฆ่าข้าหรอกหรือ ทำไมถึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้ คนหนุ่มนั้น ทำตามที่คุยโวไว้ไม่ได้น่าขายหน้านะ”ในดวงตาดำของหลินสวินวาบไปด้วยจิตสังหาร ยกมือขึ้นจะโจมตีให้ถึงตายแต่ในเวลานี้เอง บังเกิดพลังไร้รูปขึ้น ทำให้หลินสวินไม่ทันได้มีปฏิกิริยา ร่างถูกซัดออกไปสิบกว่าจั้งในเวลาเดียวกันหัวหน้าเผิงที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งของลานแสดงยุทธ์โบกมือ นำฉือฉางเฟิงออกจากลาน“วันนี้เป็นวันฉลองพระชนมพรรษาขององค์จักรพรรดินี ประลองได้แต่เอาชีวิตคนไม่ได้”หัวหน้าเผิงเอ่ยเตือนหลินสวินเสียงเรียบหลินสวินแม้ไม่พอใจ แต่พอคิดแล้วก็ยิ้มพูดว่า “ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่เตือน”ถึงตรงนี้ การประลองยกแรกก็จบลงฉือฉางเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งอายทั้งโกรธอย่างหาใดเทียบ ถูกคนตระกูลฉือรีบร้อนนำตัวจากไป ไม่มีหน้าจะอยู่ต่ออีกทุกคนในลานเห็นเช่นนี้ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ สายตาที่มองไปยังหลินสวินล้วนเปลี่ยนแปลงไป ต่างคาดไม่ถึงว่าผู้ที่พ่ายแพ้ในท้ายที่สุดจะเป็นฉือฉางเฟิงและคาดไม่ถึงเช่นกันว่าหลินสวินจะแข็งแกร่งผิดธรรมดาเช่นนี้ ไม่ได้ใช้สมบัติวิญญาณก็กำราบฉือฉางเฟิงได้ในหมัดเดียว ช่างน่าตระหนกยิ่งนักหลินสวินไม่มีสมบัติวิญญาณหรือตลกน่า!เขาเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณเชียวนะ เคยช่วยจักรพรรดินีซ่อมกระบี่เบิกฟ้า จะไม่มีสมบัติวิญญาณคู่มือสักชิ้นได้อย่างไรเช่นนั้นเหตุใดเขาถึงไม่ใช้สมบัติวิญญาณคำตอบก็ง่ายดายนัก เพราะเขาไม่เคยเห็นฉือฉางเฟิงอยู่ในสายตา ไม่ควรค่าให้ใช้สมบัติวิญญาณ!ความพ่ายแพ้ของฉือฉางเฟิงตรงหน้า พิสูจน์จุดนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย!“เจ้านี่แข็งแกร่งนัก จริงด้วย เขามีคู่หมายหรือยัง”“เฮอะ ถอดใจแต่เนิ่นๆ เถอะ คนพรรค์นี้ไม่ใช่คนที่เจ้าจะคิดถึงได้หรอก”“สงสารฉือฉางเฟิงผู้นั้น เป็นถึงอันดับสองในการทดสอบระดับอาณาจักร กลับถูกหลินสวินที่ไม่เคยเข้าร่วมการทดสอบระดับอาณาจักรเล่นงานจนเป็นแบบนั้น ชื่อเสียงผู้กล้าตอนนี้ถูกทำลายเสียแล้ว”“หลินสวินคนนี้ ก่อนหน้านี้กำเริบเสิบสานก็จริง แต่เขาก็มีความสามารถนะ”หลายคนวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ในถ้อยวาจา ท่าทีต่อหลินสวินเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดแต่คนเช่นฮวาอู๋โยว ฮวาอู๋เหิน ซ่งเจ๋อ กลับสีหน้าอึมครึม ขัดเคืองจนกัดฟันกรอด ขนาดฉือฉางเฟิงลงมือยังกำราบหลินสวินไม่ได้ นี่ทำให้พวกเขาทำใจเชื่อได้ยาก“ด้วยการต่อสู้ครั้งนี้ ความสามารถที่เจ้าหนูนี่แสดงออกมาต้องเข้าตาจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันกับพวกบุคคลชั้นสูงที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณแน่…”คนใหญ่คนโตหลายคนความรู้สึกซับซ้อนที่เกินความคาดหมายก็คือ หลินสวินไม่ได้ออกจากลานฝึกยุทธ์ เขากวาดสายตาไปยังหลิงเทียนโหวที่อยู่ไกลออกไป“ถึงตาเจ้าแล้ว”ประโยคอันราบเรียบประโยคนี้ประหนึ่งอัสนีบาตรฟาดผ่า ทำให้ทั้งลานเงียบงัน ทุกคนนิ่งไป เจ้านี่พูดอะไรน่ะ ไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม!เขาถึงกับจะประลองกับหลิงเทียนโหวหลังสะสางฉือฉางเฟิงเรียบร้อยแล้วจริงหรืออย่างไรเรียกได้ว่าโอหังก็อย่างนี้อย่างไรเล่า!ไม่เพียงบ้าระห่ำ ยังกล้าทำตามสัญญา ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แค่จิตวิญญาณเช่นนี้ก็เพียงพอให้คนมากมายรู้สึกด้อยกว่าแล้ว——
คอมเม้นต์