Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 425 อย่างไรเรียกได้ว่าแข็งกร้าว
เมื่อได้ยินหลินสวินด่าคำก็สวะสองคำก็สวะ เหล่าคนรุ่นเยาว์อย่างฮวาอู๋โยว ฮวาอู๋เหินสีหน้าล้วนเปลี่ยนไปไม่น่าดูเจ้าเด็กนี่…สมควรตายนัก!และก็มีคนที่ชื่นชมจิตใจกล้าหาญของหลินสวิน อย่างเด็กสาวอ่อนต่อโลกคนหนึ่งก็รู้สึกว่าหลินสวินในตอนนี้ช่างโอหังนัก ทำให้พวกนางมีความรู้สึกเร้าใจแปลกใหม่มีเพียงหลิ่วชิงเยียนที่ลอบยิ้มขื่น หลินสวินขณะนี้ผิดใจกับคนเหล่านั้นถึงที่สุดแล้ว“หลินสวิน เชิญเลือก!”หัวหน้าเผิงเตือนเสียงขรึม น้ำเสียงแฝงนัยไม่ยินยอมให้สงสัย นี่เป็นถึงการประลองที่จักรพรรดินีและบุคคลชั้นสูงจากดินแดนรกร้างโบราณหลายท่านจับตามอง ทั้งยังอยู่หน้าตำหนักกลาง หากแพร่งพรายออกไป จะให้คนใต้หล้ามองเกียรติภูมิของพระราชวงศ์อย่างไร“ฉือฉางเฟิง เจ้าเพิ่งพูดว่าจะส่งข้าไปตายหรือ มาสิ ข้าก็อยากดูว่าวันนี้เจ้าจะมีความสามารถทำได้หรือไม่”หลินสวินยิ้มบางๆ ดวงตาสีดำกลับจ้องฉือฉางเฟิงที่อยู่ไกลออกไปเขม็ง ชั่วพริบตาท่าทางของเขาก็พลันเปลี่ยนไป ราวห้วงน้ำใหญ่โตห้วงหนึ่งไหลเวียน มีพลังกลืนกินสวรรค์ ดูแข็งแกร่งเกินธรรมดา“หึ!”ฉือฉางเฟิงสีหน้าถมึงทึง เมื่อเสียงสวบดังขึ้น เงาร่างก็หายไปในห้วงอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนปรากฏตัวบนลานแสดงยุทธ์“หลินสวิน หรือเจ้าลืมการเดิมพันกับข้าไปแล้ว!?”เห็นเช่นนี้กลับเห็นหลิงเทียนโหวตะโกนออกมาสีหน้านิ่งขึงเขานึกว่าหลินสวินหวาดกลัว ไม่กล้าประลองกับตน จึงเลือกฉือฉางเฟิงเป็นคู่ต่อสู้“วางใจได้ รอสะสางกับฉือฉางเฟิงแล้ว ค่อยมาเก็บเจ้าก็ยังไม่สาย”ทั้งร่างของหลินสวินอบอวลไปด้วยแสงสีฟ้าอ่อน ผมยาวดำขลับปลิวไสว ท่าทางยิ่งแข็งแกร่งรุ่งโรจน์ ทั้งยังลอบฉายแววโอหังอยู่ในทีในที่นั้นพลันร้องอื้ออึงตะลึงพรึงเพริดหลินสวินผู้นี้ช่างไม่รู้ดีชั่วเสียจริง ถึงกับยังจะประลองกับหลิงเทียนโหว ความหมายในถ้อยคำนี้ เห็นได้ชัดว่าคิดว่าฉือฉางเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!‘เจ้าหมอนี่ วันนี้ก่อเรื่องร้ายแรงเอาเรื่อง หรือคิดจะดึงดูดความสนใจจากบุคคลชั้นสูงในดินแดนลี้ลับเหล่านั้นด้วย’ไป๋หลิงซีเลิกคิ้วคล้ายกับมีความคิด“เขา…”หลิ่วชิงเยียนตะลึงงัน ดวงตาสุกใสฉายแววประหลาด นางเพิ่งเคยเห็นโฉมหน้าจองหองแข็งกร้าวเช่นนี้ของหลินสวินเป็นครั้งแรก ท่าทีโอหัง ท่าทางยิ้มมองคนใต้หล้านั้น ดูต่างจากเขาในสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง“เฮอะ! เช่นนั้นข้าจะรอแล้วกัน จำไว้ หากเจ้าแพ้ล่ะก็ การเดิมพันครั้งนี้ยังอยู่ดังเดิม อย่าคิดเบี้ยว!”หลิงเทียนโหวหัวเราะหยันหลินสวินไม่สนใจเขาอีก สายตามองไปยังฉือฉางเฟิงที่อยู่ตรงข้ามกลับเห็นว่าเด็กหนุ่มที่ครอบครองเส้นปราณ ‘ดอกบัวม่วงกลางทะเลทอง’ เวลานี้สีหน้าเย็นชาหาใดเปรียบ ในดวงตามีเพียงความโกรธเคืองเห็นได้ชัดว่าเขาถูกคำพูดเมื่อครู่ของหลินสวินยั่วโมโห ยังจะไปประลองกับหลิงเทียนโหวหรือ นี่แสดงชัดเจนว่าไม่เห็นเขาในสายตา!“หลินสวิน ขอเพียงมีโอกาสฆ่าเข้า ข้าไม่มีทางออมมือใดๆ ทั้งสิ้น”เสียงฉือฉางเฟิงเย็นชาหยิ่งผยอง ดูโหดเหี้ยมไม่มีที่สิ้นสุด“อ้อ คำพูดหมาๆ ที่พ่นออกมา หากทำไม่ได้ก็คงขายหน้านัก!”หลินสวินหัวเราะเนิบๆ“ตายเสียเถอะ!”ฉือฉางเฟิงไม่ชักช้าอีก เสียงโครมดังขึ้น แสงแวววาวกลุ่มหนึ่งระเบิดออก นั่นคือกระบี่เล่มหนึ่ง มันส่งเสียงหวีดร้องออกมา ทลายห้วงอากาศฟันไปที่หลินสวินพลังนั้นดุดันหาใดเปรียบ น่าหวั่นกลัวจนทำให้ลานแสดงยุทธ์ที่ปูด้วนกระบวนรอยสลักวิญญาณไหวสะเทือนเล็กน้อยผู้คนมากมายตื่นตระหนก ในใจเกิดความหวาดผวา ความเย็นเยียบแล่นปราดทั่วร่าง‘สมบัติวิญญาณหรือ’หลินสวินหรี่ตาลงนี่เป็นกระบี่วิญญาณเล่มหนึ่ง แวววาวราวสุริยันจันทรา ปลดปล่อยแรงกดดันคุกคามที่น่ากลัวออกมา เกลียวคลื่นมโหฬารราวมหาสมุทร เฉียบคมหาใดเทียบสวบ!แสงกระบี่รวดเร็วดั่งรุ้งพาดผ่าน แต่หลินสวินไวกว่า เงาร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างว่องไว เบื้องหลังราวกับมีเงามังกรชือน้ำแข็งใหญ่ตัวหนึ่งปรากฏขึ้น ในชั่วพริบตา ตัวคนก็หายลับไปจากจุดเดิมแล้วก้าวย่างชือน้ำแข็ง!เสียงดังโครมใหญ่ ตำแหน่งที่หลินสวินเคยอยู่เกิดเสียงสั่นสะเทือนดัง แสงกระบี่สาดออกมา จินตนาการได้ว่าหากเมื่อกี้เขาหลบช้าไปนิดเดียวต้องถูกฟันตายแน่“กระบี่วิญญาณวสันต์!”เสียงร้องตื่นตะหนกดังขึ้นในลานแสดงยุทธ์ ในที่สุดก็เห็นสิ่งที่ฉือฉางเฟิงใช้ชัดเจนแล้วกระบี่นี้เป็นสีเขียวสว่างทั้งเล่ม ปกคลุมด้วยลายสลับซับซ้อนนานาชนิด แผ่แสงมหัศจรรย์ไม่มีที่สิ้นสุด แยงตาราวทินกรกลางนภากว้าง แข็งแกร่งน่าหวั่นกลัวมันมีนามว่าวสันต์ เป็นสมบัติวิญญาณที่ตกทอดมาในตระกูลฉือ มีพลานุภาพของระดับปฐพีชั้นสูง เคยกำราบผู้แข็งแกร่งมากมาย อาบโลหิตนับไม่ถ้วน อานุภาพถึงกับเทียบชั้นได้กับอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์!โครม!เมื่อโจมตีไม่โดน เงาร่างฉือฉางเฟิงพลันไหววูบ ควบคุมกระบี่วิญญาณวสันต์โจมตีอีกครั้ง รอบกายเขามีแสงเรืองสีม่วงโอบล้อม ราวกับเทพกระบี่วัยเยาว์องค์หนึ่ง มีแต่ความหยิ่งทระนงซัดออกมารอบทิศฟึ่บๆๆหลินสวินกระโจนขึ้น เงาเลือนรางของชือน้ำแข็งแปรเปลี่ยน ทะยานเมฆขี่หมอก ในชั่วขณะสั้นๆ ก็วาดรอยเงาเป็นเส้นๆ บนลานแสดงยุทธ์ว่องไวเกินไปแล้ว!ก้าวย่างที่คลุมเครือยากคาดเดาได้นั้นราวกับแอบซ่อนพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ เคลื่อนไหวเกินความคาดหมาย ไปมาไร้ร่องรอย ถึงกับหลบหนีคมกระบี่จากฉือฉางเฟิงได้ครั้งแล้วครั้งเล่า“นี่มันก้าวย่างอะไรกัน”หลายคนตกตะลึง ดูจากไกลๆ ราวกับว่าหลินสวินไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นชือน้ำแข็งตนหนึ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วในเมฆหมอก หลบเร้นในฝุ่นละอองเล็กจิ๋ว บางเวลาแปลงร่างเป็นควัน บางเวลาเคลื่อนไหวราวสายฟ้าปราณกระบี่ของฉือฉางเฟิงสาดออกมาอย่างดุร้ายปานใด กลับถูกหลินสวินหลบพ้น นี่ช่างเกินคาดนักขนาดฮวาอู๋โยวที่เคยประลองกับหลินสวินยังอดตะลึงไม่ได้ นางจำได้อย่างชัดเจนว่า หลินสวินในตอนนั้นไม่เคยใช้ก้าวย่างอัศจรรย์ชั้นนี้มาก่อนเลย“ข้าจะดูว่าเจ้าจะหลบไปถึงเมื่อไร!”ทันใดนั้นฉือฉางเฟิงแผดเสียงแข็ง กระบี่วิญญาณวสันต์วาดเงากระบี่เต็มนภาดั่งน้ำเชี่ยว ปกคลุมไปทั่วฟ้าดินในชั่วพริบตา ทุกคนก็ดูออกว่าหลินสวินไม่มีทางหลบพ้น!กระบี่นี้น่ากลัวนัก ปกคลุมไปสิบด้านจองจำแปดระดับ ทาบทับฟ้าดิน นอกเสียจากหลินสวินจะถอยออกไปจากลานแสดงยุทธ์ มิเช่นนั้นต้องถูกต้อนจนมุมอย่างแน่นอน!ฮูม!กลับเห็นว่าหลินสวินย่างก้าวเหยียบย่างขึ้นไปในห้วงอากาศ เงาชือน้ำแข็งที่อยู่เบื้องหลังพลันพุ่งออกมา แหงนหน้าสู่ห้วงฟ้า เกิดเป็นเสียงสั่นสะเทือนราวมังกรครวญเงากระบี่เต็มฟ้านั้นพลันสลายลงสิ้น ส่วนหลินสวินอาศัยโอกาสนี้สลัดพ้นจากสถานการณ์ยากลำบากอย่างปลอดภัยหลายคนอดขยี้ตาไม่ได้ ไม่อยากเชื่อเรื่องทุกอย่างนี้ ล้วนคิดไม่ถึงเลยว่าก้าวย่างประหลาดยากคาดเดาของหลินสวินนั้น กลับยังมีพลังโจมตีอีกด้วยนี่ก็คือความแข็งแกร่งของก้าวย่างชือน้ำแข็ง!ครั้นฝึกปรือจนถึงขั้นสมบูรณ์ ยามสำแดงออกมา ใต้เท้าราวมีชือน้ำแข็งแผ้วทาง ขึ้นสู่ฟ้าลงสู่ดิน ท่องไปสิบด้าน พลานุภาพหาใดเทียบ“หลบหนีได้อย่างเดียว ช่างขี้ขลาดเสียจริง!”ฉือฉางเฟิงจู่โจมหลินสวินไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง สีหน้ายิ่งเย็นชา เขาคำรามลั่น พลังรอบตัวพลุ่งพล่าน พุ่งทะลุท้องฟ้า ทั้งร่างราวกระบี่เล่มหนึ่ง ประหนึ่งว่าไม่อาจมีผู้ใดเทียบเทียมได้ในชั่วขณะเดียวก็เห็นว่าในลานแสดงยุทธ์มีปราณกระบี่เกี่ยวกระหวัด พุ่งโจมตีดุจวัวกระทิง กรีดวาดแสงสีเขียวเรืองแสบตาระหว่างที่ปราณกระบี่แผ่ออกมาทุกทิศ หลินสวินก็หายตัวเคลื่อนกายราวรุ้งเผยโฉม ดุจสายฟ้าฟาด ดั่งแสงโผผิน ประหนึ่งควันอ่อนจาง เลือนลางล่องลอยอย่างบอกไม่ถูกการต่อสู้เช่นนี้ดูประหลาดนัก ตั้งแต่เริ่มจนจบ หลินสวินไม่ได้โจมตีกลับเลย เอาแต่หลบหนี ทำให้สถานการณ์การต่อสู้ตกอยู่ในสถานะติดพัน“หลินสวินผู้นี้ช่างต่ำช้าเสียจริง ไม่กล้าต่อกรตรงๆ”คนหนุ่มสาวหลายคนไม่พอใจ คิดว่าหลินสวินขี้ขลาดเหมือนหนู“ก้าวย่างนี้มหัศจรรย์จริง เหตุใดไม่เคยได้ยินมาก่อน”ทั้งมีผู้มากประสบการณ์บางคนพอมองอะไรออก รับรู้ได้ถึงความร้ายกาจของก้าวย่างชือน้ำแข็ง ในใจลอบสงสัย“คิดไม่ถึงว่าหลินสวินผู้นี้ แม้จะจองหองแต่ก็มีของอยู่จริง ทว่ารูปแบบการต่อสู้คร่ำครึเกินไป ทำให้คนดูแคลน”“เขากำลังหาโอกาสโต้กลับอยู่กระมัง”“โต้กลับหรือ น่ากลัวจะยาก ฉือฉางเฟิงยังไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายที่แท้จริง ขอแค่เขาได้โอกาส หลินสวินต้องแพ้แน่”หลายคนกำลังคาดเดาเวลานี้ทุกคนกำลังจับจ้องตาเขม็งไปยังลานแสดงยุทธ์“หึ!”ทันใดนั้นใบหน้าฉือฉางเฟิงปรากฏรอยนิ่วหน้า ไอสีม่วงที่อบอวลไปทั่วร่างกลบทับด้วยแสงสีทองเปล่งประกายรางๆและพลังของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างน่ากลัว“หลินสวิน ครั้งนี้ข้าจะดูว่าเจ้าจะตั้งรับอย่างไร”กระบี่วิญญาณวสันต์ฟันลงมาท่ามกลางเสียงตะคอก ชั่วพริบตาประหนึ่งอาทิตย์สีเขียวปรากฏ ส่องแสงไปทั่วฟ้าดิน ม้วนกลืนห้วงอากาศ!พลานุภาพนั้นน่ากลัวเกินไป พาให้ทั้งลานร้องฮือฮากระบี่นภาไพศาล!วิชาลับที่ไม่เผยแพร่ออกไปของตระกูลฉือ!แทบจะในเวลาเดียวกัน เงาร่างหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปก็ชะงัก ดวงตาสีดำฉายแววเย็นเยียบ นี่คือพลังที่แท้จริงของเจ้าหรือตู้ม!เวลานี้หลินสวินไม่หลบหนีอีกแล้ว กำหมัดในทันใด พลังทั้งร่างระเบิดปะทุ ก้าวเท้าใหญ่ข้ามห้วงอากาศ เป็นฝ่ายพุ่งตัวรับการโจมตีหนึ่งหมัดกระแทกออกไป ลมหมัดโหมใหญ่มหึมาราวจะเบิกภูเขาเทพแหวกมหาสมุทรหยก!“เขาถึงกับกล้าพุ่งรับการโจมตี แถมยังใช้หมัดเปล่าด้วยหรือ”ทั้งสนามสั่นสะท้านไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง คิดว่าการเคลื่อนไหวนี้ของหลินสวินเห็นได้ชัดว่ารนหาที่ตายเสียงกระแทกครั่นครืนดังขึ้น และเห็นว่าคมกระบี่เปล่งประกายราวตะวันสีเขียวปรากฏลวดลายลึกลับหลายรูปแบบไม่หยุดหย่อนส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น ร่างของหลินสวินสั่นไหวอย่างรุนแรง ลำแสงเทพวิ่งวนบนร่าง ในที่สุดก็ถูกซัดกระเด็นถอยไปแล้วล้มลงบนพื้นยามเมื่อตกสู่พื้น พื้นดินก็สั่นสะเทือนแต่ที่เกินคาดก็คือ เขากลับไม่ถูกโจมตีถึงตาย ถึงกับไม่บาดเจ็บสาหัสด้วยซ้ำ เพียงเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ดูสะบักสะบอมอยู่บ้างเท่านั้นทุกคนสูดหายใจเยียบเย็น เจ้าหมอนี่จะร้ายกาจไปแล้ว ถึงกับใช้เพียงร่างกายก็ตั้งรับการกำราบของกระบี่นภาไพศาล วิชาลับของตระกูลฉือได้!ทั้งยังมีหลายคนที่ทำใจเชื่อไม่ได้ ตกตะลึงอ้าปากค้าง“อานุภาพนี้ก็ไม่เลว แต่ยังไม่สามารถสังหารข้าได้”หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แสงวิญญาณทั้งร่างไหววูบ ไม่นานก็ฟื้นฟูพลัง ท่าทีกลับมาโอหังดังเดิมผลลัพธ์นี้ทำให้หลายคนสั่นสะท้านในจิตใจ ล้วนมองออกแล้วว่า ในการแลกหมัดอย่างแข็งกร้าวครั้งนี้ เห็นได้ชัดหลินสวินเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าอย่ามองว่าหลินสวินถูกกำราบจนสะบักสะบอม เขายังไม่ได้ใช้อาวุธด้วยซ้ำ ทั้งไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย!เมื่อกลับมาดูฉือฉางเฟิง กลับใช้สมบัติวิญญาณกระบี่วสันต์ต่างพลทหาร สำแดงวิชาลับกระบี่นภาไพศาล ทว่ายังไม่อาจทำอะไรหลินสวินได้ นี่ย่อมสามารถตัดสินสูงต่ำ“เด็กนี่ แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ”“ยามประลองกับฮวาอู๋โยวก่อนหน้านี้ พลังของเขาไม่ได้แข็งกล้าอย่างตอนนี้!”ความสามารถที่หลินสวินแสดงออกมาเกินความคาดหมายของผู้คนมากมายโดยเฉพาะเหล่าผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่ดูถูกหลินสวินก่อนหน้านี้ เวลานี้ต่างลอบตื่นตระหนก รับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของหลินสวิน“ฉือฉางเฟิง เจ้ายังมีวิชาอะไรอีกก็ใช้ออกมาให้หมด หาไม่เมื่อข้าโต้กลับ เจ้าจะไม่มีโอกาสได้สำแดงออกมาอีกแล้ว”หลินสวินเอ่ยเสียงเนิบ วาจาแฝงความดุดันน่าหวาดหวั่นอยู่ในทีจากการสังเกตและลองเชิงก่อนหน้านี้ทำให้หลินสวินมั่นใจแล้วว่า ฉือฉางเฟิงในตอนนี้ หากไม่เก็บงำวิชาเย้ยฟ้าอะไรไว้ ก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของตนได้เลย!“หึ!”แม้ท่าทางของฉือฉางเฟิงยังดุดันดังเดิม แต่ในใจก็ฉงนอยู่บ้าง หลินสวินเปลี่ยนไปยิ่งนัก เกินความคาดหมายของเขาไปเช่นกัน——
คอมเม้นต์