Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 413 ความย่ามใจของฉู่ซานเหอ
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”ระหว่างเดินฉู่ซานเหอถามขึ้นทันควัน“เรียนรองหัวหน้าสาขา เด็กนั่นหนีเคราะห์ไม่พ้นแล้ว!”ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างๆ กล่าวเสียงเบา สีหน้าดูตื่นเต้น“หืม? เล่ามาให้ละเอียด”หว่างคิ้วของฉู่ซานเหอเองก็เผยความดีใจ“สามวันก่อนเด็กนั่นซ่อมกระบี่เบิกฟ้ามาตลอด แต่วันที่สี่เขาเหมือนจะทำอะไรพลาด จู่ๆ ก็ดูเหมือนหมดอาลัยตายอยาก นั่งสมาธิอยู่บนพื้น จนวันนี้ยังไม่ฟื้นจากสมาธิเลยขอรับ!”ผู้คุ้มกันรีบพูดต่อว่า “เสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าไปบนชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณได้ ได้แต่ดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากข้างนอก”ได้ยินเช่นนี้จังหวะหายใจของฉู่ซานเหอเปลี่ยนเป็นถี่ขึ้นเล็กน้อย ในใจรู้สึกตื่นเต้น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามข่มกลั้นความตื่นเต้นในใจเอาไว้แล้วพูดว่า “แล้วกระบี่เบิกฟ้าล่ะ”“แตกไปแล้ว!”ผู้คุ้มกันยิ้มอย่างย่ามใจ“แตกไปแล้วงั้นหรือ”แม้เดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าผลลัพธ์ต้องเป็นเช่นนี้ แต่ตอนนี้ได้รู้คำตอบ ในใจก็ยังคงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง“เจ้าแน่ใจนะ”ฉู่ซานเป็นคนรอบคอบ จึงถามเพื่อความแน่ใจ“ข้าน้อยกล้าเอาหัวเป็นประกัน กระบี่เบิกฟ้านั่นแตกเป็นเก้าชิ้น สองวันนี้ถูกวางทิ้งอยู่อย่างนั้น ไม่ได้รับการซ่อมเลย”ผู้คุ้มกันสาบานอย่างจริงจัง“ดี! ดี! ดี!”ฉู่ซานเหอควบคุมความตื่นเต้นดีใจไม่อยู่แล้ว เรื่องนี้สำเร็จสักที อีกเดี๋ยวยามเจอหลินสวิน ดูซิเด็กนั่นจะสิ้นหวังและหวาดกลัวมากเพียงใด!“รองหัวหน้าสาขา จะแจ้งทางราชวงศ์เลยหรือไม่”ผู้คุ้มกันถามฉู่ซานเหอชะงักไป สุดท้ายก็สกัดกั้นความวู่วามในใจไว้แล้วกล่าวว่า “รอดูสถานการณ์ให้แน่ชัดก่อนค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย”ในขณะที่พูด ฉู่ซานเหอก็ได้นำอาจารย์และศิษย์กลุ่มใหญ่เข้าไปถึงชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณแล้วภายในโถงอันกว้างใหญ่เงียบสงัดฉู่ซานเหอตาเป็นประกาย เป็นอย่างที่ผู้คุ้มกันพูดไม่มีผิด หลินสวินนั่งขัดสมาธินิ่งไม่ขยับเด็กนี่ยอมแพ้แล้วดังคาดใช่หรือไม่เขากวาดสายตา พลันเห็นบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ มีกระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าชิ้นวางอยู่ แสงประกายสีม่วงแพร่กระจายไปทั่วแตกแล้วจริงๆ!นัยน์ตาของฉู่ซานเหอยิ่งเปล่งประกายวาวใกล้ๆ โต๊ะ ปรมาจารย์สลักวิญญาณอาวุโสสี่ท่านกำลังพินิจพิเคราะห์อะไรสักอย่าง แต่ละคนต่างขมวดคิ้วแน่น จ้องกระบี่เบิกฟ้าที่แตกไปแล้ว โดยไม่รู้เลยว่าฉู่ซานเหอได้นำอาจารย์และศิษย์กลุ่มใหญ่มาถึงแล้ว“นี่มัน…”“กระบี่เบิกฟ้าแตกไปแล้วงั้นหรือ”“นั่นก็หมายความว่าการซ่อมของอาจารย์เสี่ยวหลิน…ล้มเหลวแล้วจริงๆ หรือ”“สวรรค์! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ กระบี่เบิกฟ้าถูกทำลาย ราชวงศ์มีหรือจะปล่อยอาจารย์เสี่ยวหลินไว้ และจักรพรรดินีจะยอมได้อย่างไรที่สมบัติอันล้ำค่าที่สุดของตนถูกทำลาย?”“แย่แล้ว คราวนี้อาจารย์เสี่ยวหลินเขา…ก่อภัยพิบัติครั้งใหญ่แล้ว!”ไม่นานกลุ่มอาจารย์ศิษย์ต่างอุทานอย่างตกใจ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไปเสิ่นทั่วที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนยังอดเผยสีหน้าตกใจไม่ได้ เดิมเขาคิดว่า ในเมื่อหลินสวินกล้ารับปากเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าอาจสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงแต่ความจริง…โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า!บรรดาศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้ายิ่งใบหน้าหม่นแสง รู้สึกหนักใจอย่างที่สุด อาจารย์เสี่ยวหลินที่พวกเขาเคารพนับถือกลับตกหลุมพราง ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย นี่เป็นสิ่งที่พวกเขายากจะรับได้“ทุกท่าน แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่จำเป็นต้องตกใจขนาดนั้น”ฉู่ซานเหอแค่นเสียงไอแห้งๆ คราหนึ่งก่อนพูดเสียงขรึม “เพียงแต่ไม่ได้เห็นความสามารถของอาจารย์เสี่ยวหลิน ช่างน่าเสียดาย”หลายคนต่างเผยสีหน้าขึ้งโกรธ แม้แต่เหล่าอาจารย์และศิษย์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังรู้สึกว่าฉู่ซานเหอทำเกินไปการซ่อมกระบี่ในครั้งนี้เดิมเป็นสถานการณ์ที่ฉู่ซานเหอจงใจสร้างขึ้น ยามนี้ยังเอาแต่พูดแดกดัน ดูต้องการแก้แค้นชัดเจนมาก“รองหัวหน้าสาขาฉู่ กระบี่เบิกฟ้าเคยเสียหายอย่างรุนแรง แทบไม่มีหวังที่จะถูกซ่อมแล้ว การถูกทำลายเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น” เสิ่นทั่วพูดเสียงขรึม “เรื่องนี้…จะโทษหลินสวินคนเดียวไม่ได้”“ใช่แล้ว ปัญหาที่ปรมาจารย์สลักวิญญาณมากมายในนครต้องห้ามยังจนปัญญา อาจารย์เสี่ยวหลินทำพลาดก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”อาจารย์และศิษย์คนอื่นๆ ต่างเสริมขึ้นฉู่ซานเหอคิดไม่ถึงเลยว่าในสถานการณ์แบบนี้จะมีคนโต้แย้งเขาเขาหน้าขรึมลงเอ่ยว่า “ถ้ารู้แต่แรกว่าทำไม่ได้ เหตุใดอาจารย์เสี่ยวหลินไม่รีบปฏิเสธเล่า ในเมื่อเขารับปาก เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียว”เขาหยุดไปครู่ ค่อยถอนหายใจยาวพูด “เฮ้อ ความจริงข้าก็ไม่อยากเห็นอาจารย์เสี่ยวหลินล้มเหลวเช่นกัน แต่กระบี่เบิกฟ้าสำคัญมาก ตอนนี้ถูกทำลายไปแล้ว ผลลัพธ์ต้องรุนแรงมากแน่”เห็นว่าจนขนาดนี้แล้วฉู่ซานเหอก็ยังจะแสแสร้ง หลายคนจึงอดรู้สึกโมโหไม่ได้ ลอบก่นด่าในใจไม่หยุดตาแก่นี่เห็นได้ชัดว่าต้องการเล่นงานหลินสวินให้ตายในครั้งเดียว ไม่เหลือทางรอดให้หลินสวินอีกแล้ว!“รองหัวหน้าสาขาฉู่…”เสิ่นทั่วอยากพูดอะไรต่อแต่กลับถูกฉู่ซานเหอโบกมือตัดบท “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ในเมื่อเรื่องมันเกิดแล้ว หาข้ออ้างไปก็ไม่มีประโยชน์ วิธีเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือต้องรีบรายงานเรื่องนี้กับราชวงศ์อย่างเร็วที่สุด เพื่อขอความเห็นใจสูงสุด”เหี้ยมมาก!ทุกคนหัวใจสะท้าน ถ้าราชวงศ์รู้เรื่องก็จะไม่เหลือโอกาสรอดอีกเลย“ใครก็ได้” ไม่ทันที่ทุกคนจะตอบสนอง ฉู่ซานเหอก็ได้ออกคำสั่ง “ไปรายงานเรื่องที่อาจารย์เสี่ยวหลินซ่อมกระบี่เบิกฟ้าล้มเหลว จนทำให้กระบี่เบิกฟ้าถูกทำลายกับราชวงศ์ตามความจริง”“ขอรับ”ผู้คุ้มกันนายหนึ่งเดินออกมารับคำสั่งแล้วจากไปใจของทุกคนหนาวเยือกฉู่ซานเหอกลับระบายยิ้ม พยายามสกัดกั้นความตื่นเต้นในใจ กล่าวอย่างทอดถอนใจ “ทุกท่านอย่าได้เสียใจกับอาจารย์เสี่ยวหลิน เชื่อว่าราชวงศ์จะต้องจัดการเรื่องนี้ตามความเหมาะสมแน่นอน”ฉู่ซานเหอในตอนนี้ แม้ภายนอกจะดูไม่ออก แต่ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าตอนนี้เขาต้องพอใจและได้ใจอย่างมากแน่!“ใครบอกว่าข้าล้มเหลว”และในขณะนั้นเองจู่ๆ หลินสวินที่นั่งสมาธิอยู่ก็ลุกขึ้นและลืมตามองมาไม่ได้เจอเพียงเจ็ดวัน ใบหน้าของหลินสวินดูผอมซูบไปไม่น้อย หนวดเครารุงรัง หว่างคิ้วแฝงความเหนื่อยล้าเห็นได้ชัดว่าการซ่อมกระบี่เบิกฟ้าในช่วงหลายวันนี้ ทำให้เขาเสียแรงกายและแรงใจไปมากทุกคนต่างเห็นใจหลินสวิน คิดว่าที่เขาส่งเสียงขึ้นตอนนี้เพราะรับผลของความล้มเหลวไม่ไหว“อาจารย์เสี่ยวหลิน กระบี่เบิกฟ้าถูกทำลาย แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากเห็น หวังว่าท่านจะไม่เสียใจเกินไป”ฉู่ซานเหอแสร้งทำเป็นพูดอย่างเห็นใจหลินสวินกลับยิ้ม “ขอบคุณรองหัวหน้าสาขาฉู่ที่เป็นห่วง แต่…ข้าขอถามหน่อยเถิด ตาข้างใดของท่านที่เห็นว่าข้าล้มเหลว”คำพูดนี้เห็นชัดว่าไม่มีความเกรงใจสักนิด เจือเค้าลางระบายโทสะกลายๆ“อาจารย์เสี่ยวหลิน ข้ารู้ว่าท่านรู้สึกไม่ดี แต่ข้าหวังว่าท่านจะระวังคำพูด อย่าได้พูดเพ้อเจ้ออีก!”ฉู่ซานเหอหน้าขรึม พูดอย่างไม่พอใจ“ระวังคำพูดงั้นหรือ ก็ได้”หลินสวินหัวเราะเบาๆ “รองหัวหน้าสาขาฉู่ จำฉู่ไห่ตงได้หรือไม่ ข้ารู้สึกว่าท่านกับเขาช่างสมกับที่มาจากตระกูลเดียวกัน”คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรหลายคนต่างตะลึงงัน และมีบางคนที่ตระหนักได้ในทันที ต่างเผยสีหน้าแปลกๆ ฉู่ไห่ตง นั่นมันคนที่ถูกหลินสวินพิสูจน์ว่าเป็น ‘ไอ้โง่’ อย่างไรเล่าตอนนี้หลินสวินพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าจะจัดฉู่ซานเหออยู่ในประเภท ‘ไอ้โง่’ ด้วยอีกคนคำพูดนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แต่พอคิดทบทวนดูแล้ว ฉู่ซานเหอกลั่นแกล้งหลินสวินขนาดนี้ เขาจะรู้สึกโกรธเกลียดบ้างก็ไม่แปลก เสียดสีฉู่ซานเหอสักหน่อยก็พอจะเข้าใจได้เห็นได้ชัดว่าฉู่ซานเหอเองก็เข้าใจแล้ว สีหน้าพลันอึมครึมทันตาเห็น ประกายเย็นเยียบทะลักท่วมในดวงตา จ้องหลินสวินเขม็ง “อาจารย์เสี่ยวหลินหมายความว่าอย่างไร”บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันทีหลินสวินไม่สะทกสะท้าน ยิ้มน้อยๆ กล่าว “หมายความอย่างไร? รองหัวหน้าสาขาฉู่ย่อมรู้ดีแก่ใจ แต่ว่าเมื่อครู่นี้ท่านกล่าวโทษข้าผิดแล้ว กระบี่เบิกฟ้านี้ข้าซ่อมเสร็จตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว จะเรียกว่าล้มเหลวได้อย่างไร”ทุกคนอึ้งงัน เหล่าอาจารย์และเหล่าศิษย์มองเศษกระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าเสี่ยงบนโต๊ะ สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจฉู่ซานเหอหัวเราะลั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ ส่ายหน้าพูด “อาจารย์เสี่ยวหลิน ข้าว่าท่านสับสนหมดแล้ว พูดจาเพ้อเจ้ออยู่ได้ กระบี่เบิกฟ้าแตกขนาดนั้นก็เรียกว่าซ่อมเสร็จหรือ”พูดถึงประโยคสุดท้าย เขาพลันอดหัวเราะลั่นอีกครั้งไม่ได้ รู้สึกสะใจที่สามารถเล่นงานจนหลินสวินพูดจาเพี้ยนๆ ทำให้เขารู้สึกย่ามใจอย่างบอกไม่ถูก“รองหัวหน้าสาขาฉู่ ท่าน…หยุดหัวเราะเถอะ”ยามนั้นเองปรมาจารย์สลักวิญญาณอาวุโสสี่ท่านนั้นก็เดินเข้ามาและอดเตือนเสียงเบาไม่ได้ สีหน้าต่างแฝงความเวทนาใช่แล้ว คือความเวทนา!ไม่ได้เวทนาหลินสวิน แต่เวทนาฉู่ซานเหอ!พาให้ทุกคนแปลกใจ และรู้สึกลางๆ ว่าสถานการณ์กำลังจะพลิกผันส่วนฉู่ซานเหอขมวดคิ้วพูดเสียงเย็น “พวกท่านหมายความว่าอย่างไร หรือว่าเมื่อครู่นี้ข้าทำอะไรผิด…”พูดไม่ทันจบเสียงของเขาก็หยุดไปกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้าง ตัวแข็งค้างอยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่าพลันเห็นหลินสวินยื่นมือออกไป จู่ๆ บนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ตัวนั้นก็มีแสงประกายม่วงปรากฏขึ้นวงแล้ววงเล่า เห็นได้ชัดว่าแผ่กระจายออกมาจากกระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าเสี่ยงยามนี้เศษกระบี่ทั้งเก้าเสี่ยงราวกับมีจิตวิญญาณ ได้ยินเพียงเสียงดังกราวอันมีจังหวะเป็นเอกลักษณ์ ดอกจื่อเย่าอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เบ่งบานออกมาดอกแล้วดอกเล่าดอกจื่อเย่าทั้งเก้าดอกนี้พลิ้วไหวอยู่กลางอากาศ แผ่ประกายแสงแสบตา เพียงพริบตาก็กลายเป็นกระบี่วิญญาณขนาดยาวสามฉื่อที่ปลดปล่อยกลิ่นอายเก่าแก่ น่าเกรงขามและศักดิ์สิทธิ์!มันลอยอยู่กลางอากาศ ตัวกระบี่สาดประกายสีม่วงแรงกล้า บีบอัดจนความว่างเปล่าตรงหน้าทรุดตัวลง อากาศเปลี่ยนเป็นแปรปรวน ส่งเสียงกึกก้องราวครวญคร่ำอาจารย์และศิษย์หลายคนถึงขั้นอุทานอย่างตะลึง รู้สึกเพียงแสบตาไปชั่วขณะ หัวใจสั่นสะท้าน ถึงกับไม่กล้ามองแสงประกายจากตัวกระบี่!ถึงขนาดที่ศิษย์บางส่วนรู้สึกกลัว ขนลุกซู่ไปทั่วร่าง จิตวิญญาณสะท้านไหว สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาวขึ้นมานี่มัน…กระบี่เบิกฟ้ากลับไปเป็นเหมือนเดิมในพริบตาเดียว!อีกทั้งเพียงแค่พลังที่ปลดปล่อยออกมาก็ต่างจากเจ็ดวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ดูศักดิ์สิทธิ์กว่า น่าเกรงขามกว่า และน่ากลัวยิ่งขึ้นราวกับปลุกวิญญาณและชีวิตใหญ่ขึ้นมา!ทุกคนล้วนตะลึงงัน และเห็นหลินสวินยิ้มน้อยๆ มองฉู่ซานเหอที่อยู่ห่างออกไปพลางพูดว่า “รองหัวหน้าสาขาฉู่ สีหน้าของท่านตอนนี้เหมือนฉู่ไห่ตงตอนที่อยู่ที่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณไม่มีผิด ราวกับมาจากพิมพ์เดียวกันอย่างไรอย่างนั้น สมแล้วที่พวกท่านมาจากตระกูลเดียวกัน”——
คอมเม้นต์