Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 411 ให้ข้าเจ็ดวัน
คำพูดนี้ของหลินสวินมีความหมายยั่วยุเต็มเปี่ยม!เอาฉู่ไห่ตงที่กลายเป็นตัวตลกมาเป็นตัวอย่าง ใช้ยั่วยุฉู่ซานเหอ นี่จะต่างอะไรกับการตบหน้าอย่างไรเสียฉู่ซานเหอก็เป็นคนตระกูลฉู่ ว่าตามศักดิ์ในตระกูลแล้ว เขายังเป็นผู้อาวุโสรุ่นลุงของฉู่ไห่ตงทั้งโถงล้วนอดสูดลมหายใจเยียบเย็นไม่ได้ หลินสวินใจกล้าเกินไปแล้ว!พวกเขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เล่นงานลูกหลานตระกูลซ่งและฮวา สองตระกูลใหญ่ทรงอิทธิพล และตอนหมายจะสังหารฮวาอู๋โยว ก็มีผู้คนมากมายเห็นว่าหลินสวินใจกล้าคับฟ้ายามหลินสวินเหยียดหยามฉู่ไห่ตงและฉู่อวิ๋นคงให้อับอายที่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณก่อนหน้านี้ หลินสวินก็ถูกมองว่าใจกล้าโอหังแต่จนถึงตอนนี้ หลินสวินก็ยังคงใช้ชีวิตโลดแล่นโดยราบรื่นดังเดิมพูดอีกอย่างก็คือ ขอเพียงเป็นคนที่เข้าใจประวัติความเป็นมาของหลินสวินล้วนรู้ดีว่า หลินสวินทำเช่นนี้ต่างหากจึงจะเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ทำเช่นนี้สิ ถึงเรียกได้ว่าแปลก“เจ้า…“เผชิญหน้ากับการยั่วยุอย่างหมดเปลือกเช่นนี้ ต่อให้จิตใจฉู่ซานเหอจะหยั่งถึงยากกว่านี้ เวลานี้ก็ถูกยั่วโมโหจนหน้าตึง ดวงตาปรากฏแววเหี้ยมโหดบรรยากาศพลันตึงเครียดราวเงื้อดาบดึงธนูในชั่วพริบตา!ผู้คนมากมายล้วนหวาดกลัวไม่อาจวางใจได้ กังวลใจแทนหลินสวินแต่เพียงครู่เดียว ฉู่ซานเหอพลันหัวเราะขึ้น ทั้งยังตบไหล่หลินสวินพลางพูดอย่างอารีว่า “คนรุ่นหลังน่ากลัวดังคาด ในเมื่ออาจารย์เสี่ยวหลินมั่นใจเช่นนี้ เช่นนั้นพวกข้าจะขอใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักฝีไม้ลายมือของเจ้าเสียหน่อย!”เสียงหัวเราะสดใส วาจาอบอุ่นเหมือนเรื่องเมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น ทำให้หลินสวินต้องชื่นชมว่าเจ้าแก่นี่ไม่เพียงจอมปลอม ขนาดหน้ายังหนาเกินธรรมดาแต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วทุกคนกลับหนักใจ รู้ว่าฉู่ซานเหอหมายใจไว้แล้วว่าจะให้หลินสวินรับเผือกร้อนก้อนนี้หากหลินสวินทำไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าได้คาดคิดถึงผลที่ตามมาเลย“รองหัวหน้าสาขาฉู่ นี่ท่านไม่ใช่บีบให้เขาตกที่นั่งลำบากหรือ”“นั่นสิ”“เช่นนี้จะได้เห็นฝีมือของอาจารย์เสี่ยวหลินเสียที่ไหน เห็นชัดว่าต้องการทำให้เขาอับอาย”เหล่าศิษย์ระดับค. ห้องเก้าอย่างไรเสียก็เป็นคนหนุ่มสาวมุทะลุ ควบคุมโทสะเช่นนี้ไม่อยู่ ต่างพากันส่งเสียงขัดเคืองสีหน้าฉู่ซานเหอนิ่งขึง แต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปาก หลินสวินก็ชิงปรามศิษย์เหล่านั้น “หุบปากให้หมด พวกเจ้าจะรู้อะไร นี่เป็นเจตนาดีของรองหัวหน้าสาขาฉู่ ที่ต้องการให้โอกาสข้าได้พิสูจน์ตัวเองสักครั้ง!”วาจาของเขาเข้มงวดศิษย์เหล่านั้นแม้ไม่เข้าใจ แต่เห็นว่าอาจารย์เสี่ยวหลินโกรธ พวกเขาก็ทำได้เพียงข่มความโกรธเคืองที่อยู่ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรอีกมุมปากของฉู่ซานเหอกระตุกขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกเสมอว่าคำพูดนี้ของหลินสวินเหมือนกำลังเสียดสีตนอยู่ ในใจอดโมโหไม่ได้ รอดูเรื่องสนุกของหลินสวินตั้งแต่วันแรกที่หลินสวินเข้ามาในสาขาสลักวิญญาณ เขาก็ใคร่ครวญว่าจะลงโทษเจ้าหนุ่มที่นำพาข่าวลือมากมายมาให้ตระกูลฉู่ผู้นี้อย่างสาสมอย่างไรดีและเวลานี้ในที่สุดเขาก็พบโอกาสแล้ว ฉู่ซานเหอจะไม่ยอมถูกยั่วโมโหโดยง่ายแน่กลับกัน เขาวางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงรอให้หลินสวินล้มเหลวก็จะเคลื่อนไหวอีกก้าวหนึ่ง ทำให้ชื่อเสียงของหลินสวินป่นปี้ นำพาความยุ่งยากมาสู่ตัวในคราวเดียว!กระบี่เบิกฟ้าเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งที่อยู่ในมือของจักรพรรดินี หากหลินสวินไม่อาจซ่อมแซมได้ เช่นนั้นผู้ที่ล่วงเกินไปก็จะเป็นราชวงศ์ปัจจุบัน!ความรุนแรงของผลที่ตามมา แค่คิดดูก็ทำให้ในใจของฉู่ซานเหอตื่นเต้นไม่หยุดหย่อน“อาจารย์เสี่ยวหลิน เช่นนี้ก็เริ่มเลยไหม”ฉู่ซานเหอพูดพลางยิ้มหลินสวินพยักหน้ารับ หันกายเดินไปกลางโถงเมื่อเห็นเขาจะทำเรื่องนี้จริง ไม่ว่าพวกเสิ่นทั่ว หรือกลุ่มศิษย์ที่ตามมาเหล่านั้น สีหน้าต่างปรากฏความอดรนทนมาไหวพวกเขาเห็นว่าการเคลื่อนไหวนี้ของหลินสวิน เท่ากับตกลงไปในกับดักที่ฉู่ซานเหอบรรจงวางไว้ สถานการณ์ดูเลวร้ายมากกว่าดี!ไยเขาไม่ปฏิเสธกันนะในใจทุกคนสงสัย กังวลใจไม่ว่างเว้น ถึงกับรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง เสียใจว่าไม่ควรคล้อยตามความคิดที่ฉู่ซานเหอเสนอขึ้นเสียแต่แรก เพียงเพื่อดูฝีมือของหลินสวิน กลับทำร้ายเขาจนตกอยู่ในจุดนี้แต่ไม่ว่าจะเสียใจอย่างไร ตอนนี้พูดอะไรไปก็สายไปเสียแล้ว…กระบี่เบิกฟ้าเล่มนั้นมหัศจรรย์ขนาดไหนน่ะหรือ ก็เป็นชุดศึกสลักวิญญาณที่ทรงพลังหาใดเปรียบชุดหนึ่ง ขนาดปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์กลุ่มหนึ่งยังอับจนหนทาง อาจารย์เสี่ยวหลินที่เพิ่งผ่านการรับรองคุณสมบัติปรมาจารย์สลักวิญญาณ…จะทำได้หรือ…….“พ่อหนุ่ม ถ้าตอนนี้ยอมแพ้เสียเองก็ยังทันนะ”เมื่อหลินสวินมาถึงด้านข้างกระบี่เบิกฟ้าเล่มนั้น ชายสูงวัยผู้หนึ่งก็อดเตือนขึ้นประโยคหนึ่งไม่ได้ชายสูงวัยคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ก็เผยสีหน้าเห็นใจเช่นกันพวกเขาล้วนเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์ รู้ดีว่าความเสียหายที่กระบี่เบิกฟ้าได้รับนั้นรุนแรงเพียงใด ความเป็นไปได้ที่จะซ่อมแซมได้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยหากหลินสวินดึงดันไปซ่อมเข้า อาจถึงขั้นสามารถทำให้กระบี่เบิกฟ้าสลายสิ้นได้เลย!ก็เพราะกังวลว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จนถึงตอนนี้ชายสูงวัยเหล่านี้ถึงยังไม่กล้าลองโดยง่าย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระบี่เบิกฟ้าสลายไปในมือของตนเพราะหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับล่วงเกินราชวงศ์อย่างที่สุด ล่วงเกินจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน!ผลลัพธ์เช่นนี้ใครจะรับไหวก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่พอใจอยู่บ้างที่หลินสวินยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เมื่อได้เห็นเรื่องทั้งหมดเมื่อครู่กับตา ก็รู้ได้ทันทีว่าหลินสวินถูกต้อนเหมือนเป็ดเข้าเล้า ติดกับแผนของฉู่ซานเหอ ในใจจึงไม่เหลือความไม่พอใจ เหลือเพียงความเห็นใจ“ลองดูก่อนค่อยว่ากันเถิด”หลินสวินยิ้มให้ ดวงตากลับมองไปที่กระบี่เบิกฟ้ากระบี่นี้พิเศษมหัศจรรย์ยิ่ง ยาวราวสามฉื่อ กว้างราวหนึ่งฝ่ามือ ตัวกระบี่ไหลเอ่อไปด้วยไอปราณม่วง ปรากฏดอกจื่อเย่าที่งดงามบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกพลังของมันไพศาล เก่าแก่ ทรงอำนาจ ราวดำรงอยู่ผ่านกาลเวลามาถึงปัจจุบัน ไม่ผุกร่อนแต่สุกสว่าง ราวกับหลุบตามองมายังโลกา!ไม่ต้องสงสัยเลย เพียงดูจากพลังก็รู้ว่านี่ต้องเป็นอาวุธเทพที่มีตำนานโดดเด่นชิ้นหนึ่ง!แต่ในสายตาหลินสวิน ต่อให้ไอพลังของกระบี่นี้มหัศจรรย์เพียงใด เมื่อคิดให้ถึงแก่นแล้ว ก็เป็นชุดศึกสลักวิญญาณชุดหนึ่งที่หลอมขึ้นมาโดยนักสลักวิญญาณถ้าถูกหลอมขึ้นมาได้ก็ย่อมซ่อมแซมได้ เป็นเพียงปัญหาเรื่องวิธีการเท่านั้นหลินสวินหยุดยืนอยู่ตรงนั้น มองนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จิตใจแปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งราวบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น บนใบหน้าเกลี้ยงเกลาคมสันถูกสีหน้าจดจ่อและจริงจังเข้าแทนที่เขาในเวลานี้ทั่วร่างกำจายกลิ่นอายสงบนิ่งยากบรรยาย แม้เงียบเชียบไม่พูดจา แต่กลับมีพลังที่พาให้คนสงบใจบรรยากาศในโถงเงียบสงบ ดวงตาทุกคู่ล้วนจ้องอยู่บนร่างหลินสวิน อากาศราวกับหยุดนิ่งไปในเวลานี้ไม่มีคนรบกวนหลินสวินแต่ใบหน้าของทุกคนกลับเต็มไปด้วยความกังวลใจแน่นอน มีเพียงฉู่ซานเหอผู้เดียวที่มีรอยยิ้มระบายบนมุมปาก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นท่าทีของผู้ที่ควบคุมทุกอย่างได้ดังใจ มีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นเวลาล่วงเลย หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง ราวกับกลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้สักนิดนี่พาให้อาจารย์และลูกศิษย์หลายคนอดวิตกไม่ได้ หากทำได้ พวกเขาอยากจะเตือนหลินสวินเสียจริง ให้เขารู้ถึงความยากลำบากแล้วถอนตัวเสีย ไม่ต้องไปทะเลาะโกรธแค้นกับฉู่ซานเหออย่างโดดเดี่ยวเพียงแต่เห็นชัดว่าหลินสวินจมสู่ห้วงความคิดแล้ว ตอนนี้กำลังใคร่ครวญอะไรอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าส่งเสียงรบกวนเขาในตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปเต็มๆ เมื่อความรู้สึกของฝูงชนหนักอึ้งถึงที่สุดนั้น หลินสวินพลันเคลื่อนไหวแล้ว เขายกมือขวาขึ้นจะจับด้ามกระบี่เบิกฟ้า“ไม่ได้!”ด้านข้าง สีหน้าของชายสูงวัยผู้หนึ่งพลันแปลกไป ร้องขึ้นอย่างตกใจหยุดยั้งหลินสวินคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าประหลาด นี่หลินสวินจะทำอะไร หรือเขาจะลองซ่อมกระบี่เบิกฟ้าจริงๆหากเป็นเช่นนั้น ถ้าเกิดล้มเหลวเข้า ผลที่ตามมาย่อมร้ายแรงนัก!“ในเมื่อเป็นการซ่อมแซม จะมีเหตุผลอะไรให้แตะต้องกระบี่เบิกฟ้าไม่ได้ หลีกไปเสีย อย่าขัดขวางอาจารย์เสี่ยวหลิน!”ฉู่ซานเหอตะคอกขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้นทุกคนก็พากันลอบด่าทอในใจ เจ้าแก่นี่หมายจะผลักหลินสวินลงหลุมจริงๆ สินะ!หลินสวินไม่สนใจฉู่ซานเหอ และไม่ได้สังเกตถึงสายตาเป็นกังวลแต่ละคู่ที่ทอดมาจากข้างหลังเวลานี้เขาเหมือนไม่สนใจทุกอย่าง ดวงตาเพ่งมองกระบี่เบิกฟ้านั้นโดยตลอด มือขวาจับด้ามกระบี่ที่พันด้วยไหมเกล็ดมัจฉาทองเส้นแล้วเส้นเล่าเงียบๆจากนั้นเขาก็หลับตาลง พลังการรับรู้มหาศาลยืดขยายออกมาปกคลุมทั่วทั้งกระบี่เบิกฟ้าราวกับเส้นไหมละเอียดสามชั่วยามเต็มๆหลินสวินไม่ได้พูดจา ใช้มือขวาจับด้ามกระบี่นิ่งไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว ปราณม่วงที่พวยพุ่งทะลักเอ่อตัวกระบี่ ความสวยงามบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของดอกจื่อเย่าเก้าดอก อบอวลไปทั้งร่างสูงโปร่งเหยียดตรงของเขา ดูประหนึ่งภาพฝันในขณะที่ทุกคนรออย่างกระวนกระวายใจนี้ ในที่สุดหลินสวินก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาไม่ได้หันหน้ามา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ให้เวลาข้าเจ็ดวัน”เมื่อคำนี้เอ่ยออกมาทั้งโถงต่างตกตะลึง ล้วนไม่คิดว่าในเวลาสุดท้ายเช่นนี้ หลินสวินไม่เพียงไม่ยอมแพ้ กลับรับปาก!“เจ้า…ทำได้จริงหรือ”ชายสูงวัยผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างอดถามไม่ได้“ตอนนี้ยังไม่ทราบขอรับ แต่ข้าลองดูได้”หลินสวินพูดพลางนั่งขัดสมาธิบนพื้น ขมวดคิ้วแน่น ตกอยู่ในห้วงความคิดผู้คนล้วนอดกระวนกระวายไม่ได้ กระทั่งความมั่นใจยังไม่มีแล้วทำไมถึงรับปาก อาจารย์เสี่ยวหลินไม่กังวลถึงผลที่จะตามมาหากล้มเหลวเลยหรือส่วนฉู่ซานเหอในใจลิงโลดหาใดเปรียบ เพียงหลินสวินรับปากและไปซ่อมแซม เช่นนั้นเขาต้องล้มเหลวแน่นอน!ด้วยฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่ง ฉู่ซานเหอก็รู้ดีว่าความเสียหายของกระบี่เบิกฟ้านั้นรุนแรงขนาดไหน ดูไม่มีความเป็นไปได้ที่จะซ่อมแซมได้ หลินสวินรับปากอย่างลวกๆ เช่นนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย!“เอาล่ะทุกท่าน เช่นนั้นตอนนี้ก็รอเจ็ดวันก่อนเถิด อาจารย์เสี่ยวหลินจะเริ่มซ่อมแซมแล้ว ไม่สามารถถูกโลกภายนอกรบกวนได้ พวกเราก็ออกไปก่อน รอเจ็ดวันให้หลังค่อยมาอีกก็ได้”ฉู่ซานเหอยิ้มเอ่ย ดูเหมือนคิดคำนึงแทนหลินสวิน แต่แท้จริงนั้นกำลังไล่คนอื่นไป ด้วยกังวลว่าอาจารย์และลูกศิษย์เหล่านั้นจะพูดมากไป พาให้หลินสวินกลับลำ“นี่…”ฝูงชนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ล้วนลังเลไม่หยุดหย่อนแต่ในที่สุดเสิ่นทั่วก็ถอนหายใจเสียงเบา มองหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิบนพื้นไม่ส่งเสียงอยู่ไกลๆ ปราดหนึ่งก็ไม่ลังเลอีก นำกลุ่มคนจากไปฉู่ซานเหอเดินปิดท้าย ยามจากไปเขาเหลือบมองหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปรอบหนึ่ง เพียงแต่ในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยมไม่นานกลางโถงชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณก็เหลือเพียงหลินสวินกับปรมาจารย์สลักวิญญาณสี่ท่าน“โธ่ พ่อหนุ่ม เจ้าจะลำบากลำบนเช่นนี้ทำไมกัน”“กระบี่เบิกฟ้าไม่มีหวังจะซ่อมแซมได้แล้ว ทันทีที่เจ้าลองซ่อม จะต้องทำให้มันสลายไปแน่ เช่นนั้นแล้วย่อมชักนำเภทภัยใหญ่โตเท่าฟ้ามาให้เจ้า!”ปรมาจารย์สลักวิญญาณเหล่านั้นทอดถอนใจทว่าหลินสวินกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่หวั่นเกรง ปากพูดอย่างว่องไวว่า “เจ็ดวันนี้ยังต้องรบกวนผู้อาวุโสทุกท่าน ช่วยข้าจัดเตรียมวัสดุวิญญาณ หมึกวิญญาณและด้ามสลัก อ้อ แล้วก็จัดเตรียมสมุนไพรวิญญาณฟื้นฟูพลังกายด้วยขอรับ”ปรมาจารย์สลักวิญญาณสี่ท่านพากันตะลึงงัน เจ้าเด็กนี่…หรือคิดจะเสี่ยงอันตรายใหญ่โตเทียมฟ้าไปทำเรื่องนี้จริงๆ?………………
คอมเม้นต์