Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 404 กำราบ
“จากสถานการณ์นี้ ดูเหมือน…เขาดูจุดแข็งและจุดอ่อนของศิษย์คนนั้นออกจริงๆ?”ในบริเวณที่ห่างออกไป อาจารย์ท่านหนึ่งแปลกใจ“เหมือนจะใช่”อาจารย์ท่านอื่นๆ ก็ประหลาดใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงจะน่าทึ่งมากจากรอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรเพียงลายเดียว ก็สามารถตัดสินความสามารถ วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนในการสลักวิญญาณของศิษย์คนหนึ่งได้ เหลือเชื่อจริงๆ“หึ เหลวไหล ศิษย์คนนั้นเป็นแค่นักสลักวิญญาณระดับต้น ทั้งยังเกรงกลัวหลินสวิน จะแยกแยะจริงแท้ดีเลวได้อย่างไร”ฟางจงเจียนแค่นเสียงอย่างเยียบเย็น“ถ้าอย่างนั้นก็รอดูต่อไป คนเดียวยังตัดสินอะไรไม่ได้ รอให้ครบทุกคนก่อนคงเพียงพอที่จะแยกแยะจริงเท็จได้แล้ว”เสิ่นทั่วพูดเสียงขรึมอาจารย์ท่านอื่นๆ ลอบพยักหน้าขณะนี้พวกเขาเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา วิธีการทดสอบของหลินสวินพิเศษมาก เป็นความรู้ใหม่สำหรับพวกเขาทีเดียวถ้าวิธีนี้ใช้ได้จริง นั่นหมายความว่า วิธีทดสอบนักสลักวิญญาณระดับต้นได้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวิธี ซึ่งถือเป็นการค้นพบใหม่……“เจ้าชื่ออะไร”“หยางจิ้งเหยา”“ถือรอยสลักวิญญาณของเจ้าเอาไว้แล้วฟังให้ดี รอยสลักวิญญาณรอยที่เจ็ดสิบสามน้ำหนักไม่คงที่ รอยที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ ช่องไฟระยะห่างขาดความสมดุล…”ในชั้นเรียน เสียงของหลินสวินดังขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นขั้นเป็นตอนสีหน้าของเด็กสาวที่ชื่อหยางจิ้งเหยาซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาเปลี่ยนไปแล้ว เห็นได้ชัดว่านางก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า รอยสลักวิญญาณที่ตนวาดขึ้นจะมีความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ซ่อนอยู่มากขนาดนี้เมื่อพูดถึงตอนท้าย เด็กสาวอายุสิบกว่าปีคนนั้นน้ำตานอง ดวงหน้าเล็กขาวผ่องเห่อแดงขึ้นมาด้วยความอับอายนางเม้มริมฝีปากเล็กรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ชวนให้คนรู้สึกสงสารศิษย์ชายหลายคนทนดูไม่ได้ รู้สึกว่าคำพูดของหลินสวินไร้ความปรานี ต่อหน้าเด็กสาวคนหนึ่งจะเปิดเผยข้อผิดพลาดมากขนาดนี้ได้อย่างไร ไม่รู้จักทะนุถนอมสตรีเอาซะเลยหลินสวินเองก็อึ้งงันไป ในใจกำลังคิดว่าตัวเองทำเกินไปหรือเปล่า กลับเห็นหยางจิ้งเหยาสูดหายใจแล้วมองหลินสวินอย่างจริงจัง “อาจารย์หลิน โปรดชี้แนะข้าต่อด้วย”เสียงกังวานหนักแน่นเห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กสาวที่เข้มแข็งมากหลินสวินจึงวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งทั้งหมดในการสลักวิญญาณของนางอย่างไม่ลังเลอีกต่อไปได้ยินเช่นนี้ หยางจิ้งเหยาอึ้งงันไปครู่ ดวงหน้าเล็กเปี่ยมไปด้วยความขอบคุณและเคารพนับถือ พลันโค้งคำนับ “ขอบคุณอาจารย์หลินเป็นอย่างสูง โปรดอภัยที่เมื่อครู่นี้ไม่รู้จักหนักเบา ทำให้อาจารย์เคืองใจ”เป็นเด็กดีมีมารยาทจริงๆ!หลินสวินแอบชื่นชม เขากลับลืมไปว่า ถ้านับตามอายุ เขาก็รุ่นราวคราวเดียวกับหยางจิ้งเหยา…แต่ในด้านของจิตใจ เขาเหมือนเริ่มอยู่ในฐานะของอาจารย์ที่มองศิษย์เป็นเด็ก โดยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคยเลยสักนิดความจริงก็เป็นเช่นนั้น หลินสวินไม่เพียงแค่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่ตอนนี้ยังเป็นถึงเจ้าแห่งภูเขาชำระจิต ควบคุมลูกน้องมากมาย ทั้งฐานะและจิตใจถูกเคี่ยวกรำให้ฉลาดหลักแหลมหนักแน่น แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่คนวัยเดียวกันทั่วไปจะเทียบได้หลังจากหยางจิ้งเหยาลงไป ศิษย์ทุกคนต่างตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่า อาจารย์หลินสวินที่อยู่ตรงหน้าเป็นบุคคลที่มีความสามารถอย่างแท้จริง!คนประเภทนี้ไม่สามารถวัดกันด้วยอายุได้ วิธีที่เขาแสดงออกมาตามใจดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่กลับได้ผลอย่างเหลือเชื่อ ทำให้เหล่าศิษย์ได้เปิดโลกทัศน์ความรู้สึกของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัวหลังจากนั้นศิษย์แต่ละคนผลัดกันขึ้นไปหน้าชั้นเรียน ปฏิกิริยาหลังจากถูกหลินสวินชี้แนะก็ไม่ต่างจากฟ่านจือชิวและหยางจิ้งเหยามากนักแรกๆ คือละอายใจ หลังจากได้รับคำชี้แนะจากหลินสวินก็ดูตื่นเต้นดีใจ แต่ไม่มีใครไม่พอใจเลยแม้แต่คนเดียวทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของเหล่าอาจารย์ที่รอดูอยู่ ตอนนี้พวกเขาไม่สงสัยในวิธีการสอนของหลินสวินอีกต่อไป ภาพแต่ละภาพที่เห็นก็เพียงพอยืนยันความสามารถในการสอนของหลินสวินแล้วทำให้พวกเขาอดถอนหายใจไม่ได้ สมแล้วที่เป็นเด็กหนุ่มปรมาจารย์สลักวิญญาณที่ทำให้เกิด ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ แสดงฝีมือเพียงเล็กน้อย ก็สร้างความตกตะลึงกับความสามารถอันโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ และยากที่จะไม่นับถือแต่พวกเขาแปลกใจว่า จาก ‘รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปร’ เพียงลายเดียว เหตุใดหลินสวินจึงทำได้ขนาดนี้หรือในรอยสลักวิญญาณนี้ยังมีความเร้นลับที่พวกเขาไม่เคยค้นพบมาก่อน?อาจารย์เหล่านั้นล้วนเป็นนักสลักวิญญาณที่มีประสบการณ์ของสาขาสลักวิญญาณ ทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณเหมือนกับเสิ่นทั่ว หลงใหลในศาสตร์การสลักวิญญาณ พอได้เห็นวิธีแปลกใหม่จากหลินสวิน พวกเขาย่อมอยากรู้อยากลอง ต้องการศึกษาให้กระจ่างแจ้งเพื่อคลี่คลายความเร้นลับนี้มีเพียงฟางจงเจียนที่ใบหน้าปั้นยากหม่นแสงเหมือนคนเสียบุพการี ท่าทางดูไม่จำยอมอย่างที่สุด“เท่าที่ข้ารู้ ในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า ศิษย์หลายคนไม่มีความสามารถมากพอที่จะวาดรอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรได้ด้วยซ้ำ ในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินจะใช้อะไรมาทดสอบความสามารถในการสลักวิญญาณของศิษย์”ฟางจงเจียนพูดขึ้นเป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้าย“ถ้าอย่างนั้นก็รอดูต่อไป”เสิ่นทั่วคร้านจะกล่าวไร้สาระด้วย เห็นได้ชัดว่าฟางจงเจียนกำลังหาเรื่อง ไม่พอใจอย่างมากที่หลินสวินแย่งตำแหน่งของเขา ในสถานการณ์เช่นนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์“อาจารย์หลิน ข้า…ข้ายังวาดไม่เสร็จ…”ในห้องเรียนเด็กอ้วนหูกางหลิวฮุยเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล ท่าทางดูหวาดกลัวอย่างมาก“เอามาให้ข้าดู”หลินสวินพูดลวกๆหลิวฮุยยื่นกระดาษออกไป หลินสวินกวาดสายตามองรอบหนึ่งแล้วคืนเขาไปและในขณะที่หลิวฮุยคิดว่าหลินสวินจะด่าทอและลงโทษตนนั้น กลับเห็นหลินสวินพูดขึ้นอย่างตะลึง “คิดไม่ถึงว่าความสามารถด้านการสลักวิญญาณของเจ้าจะมั่นคงขนาดนี้ หาที่ติไม่ได้เลย”ทุกคนตะลึงงันความสามารถของหลิวฮุยในชั้นเรียนอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางต่ำ อีกทั้งเขายังนิสัยดื้อรั้น ไม่เป็นที่ชื่นชอบของอาจารย์ ทำให้ศิษย์หลายคนคิดไปว่าคราวนี้หลิวฮุยต้องแย่แน่ใครจะคิดว่าหลินสวินกลับชมตั้งแต่คำแรก ใครเล่าจะกล้าเชื่อ“อาจารย์หลิน ที่…ที่ข้าเป็นแกนนำหาเรื่องท่านเมื่อครู่ เป็นความผิดของข้าเอง ท่าน… ท่านอย่าล้อข้าเล่นอีกเลย”หลิวฮุยหน้ามู่ทู่ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าหลินสวินพูดคำตรงข้ามเป็นการเยาะเย้ยเขาหลินสวินอึ้งไปทันที “ข้าพูดความจริง แม้เจ้าจะวาดรอยสลักวิญญาณได้เพียงครึ่ง แต่ทุกๆ รอยเรียกได้ว่าได้มาตรฐาน ไม่มีที่ติ”หลิวฮุยตะลึง หรืออาจารย์จะไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ?หลินสวินพูดต่อ “รู้หรือไม่ว่าอะไรคือคำว่าสมบูรณ์แบบ ก็คือระดับที่ได้มาตรฐานที่สุด จนไม่ว่าใครก็หาที่ติไม่ได้ นั่นแหละที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ!”ทุกคนอึ้งงัน ไม่คิดว่าหลินสวินจะประเมินหลิวฮุยสูงขนาดนี้!แม้แต่หลิวฮุยเองยังตกตะลึงที่ได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึง ยืนยิ้มโง่ๆ อยู่อย่างนั้นหลินสวินครุ่นคิดแล้วพูดว่า “แต่จุดอ่อนของเจ้าก็ชัดเจนมากเช่นกัน นั่นคือช้าเกินไป อาจจะเพราะเจ้าขาดการฝึกฝน หรือควรพูดว่าที่ผ่านมาเจ้าฝึกการสลักวิญญาณน้อยมากอย่างแท้จริง ต่อไปข้าแนะนำให้เจ้าทุ่มเทเวลากว่านี้อีกหลายๆ เท่า ตั้งใจสั่งสมประสบการณ์ในการวาด”หลิวฮุยยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ครู่ใหญ่ก็เผยความนับถือ กล่าวเสียงดัง “อาจารย์หลิน ข้าหลิวฮุยเลื่อมใสในตัวท่านอย่างยิ่ง!”เห็นเช่นนี้สายตาของศิษย์ทุกคนที่มองหลินสวินต่างเผยความเคารพนับถือ ไม่หลงเหลือความดูถูกเหยียดหยาม สงสัยในความสามารถ ขัดเคืองและไม่เลื่อมใสเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้วตอนนี้ในใจพวกเขา หลินสวินมีคุณสมบัติเป็นอาจารย์อย่างแท้จริง ทั้งยังดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำให้พวกเขาอดเลื่อมใสไม่ได้มนุษย์เรามักบูชาคนเก่งในศาสตร์การสลักวิญญาณก็เช่นกันขณะนี้บรรดาอาจารย์ที่อยู่ห่างไปถอนหายใจอย่างไร้ข้อกังขา ชั้นเรียนแรกนี้หลินสวินสอนได้อย่างงดงาม!แม้อายุน้อยด้อยประสบการณ์ แต่เขามีวิธีของตัวเอง ทำให้ศิษย์เลื่อมใสและสมควรแก่การยกย่องวิธีของปรมาจารย์สลักวิญญาณที่ทำให้เกิด ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ นั้นโดดเด่นไม่เหมือนใครจริงๆ!ด้านฟางจงเจียนกลับใบหน้าหม่นแสง ตกตะลึงจนพูดไม่ออก แม้ในใจจะไม่จำยอมและเดือดดาลแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนมันลงไป“เหล่าฟาง ควรวางมือก็วางมือเถอะ แม้หลินสวินยังเด็ก แต่อย่าตัดสินคนที่ภายนอก ต่อไปเด็กคนนี้ต้องเจิดจรัสอย่างแน่นอน ขืนเจ้ายังตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา ต่อไป… เฮ้อ เจ้าลองกลับไปคิดดูให้ดีเถิด”เสิ่นทั่วตบไหล่ฟางจงเจียนฟางจงเจียนเงียบไม่เอ่ยคำในขณะที่พวกเขาคิดจะสลายตัว กลับเห็นว่าภายในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า หลินสวินลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวว่า “ในชั้นเรียนแรก ข้าพอจะจำชื่อและความสามรถในการสลักวิญญาณของทุกคนคร่าวๆ แล้ว ต่อไปข้าจะเจาะจงและให้คำชี้แนะที่แตกต่างกันตามความสามารถของพวกเจ้า แต่ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความพยายามส่วนบุคคล ดังคำที่ว่าอาจารย์ชี้ทาง การฝึกฝนขึ้นอยู่กับตัวเอง”เขาหยุดไปครู่ค่อยพูดต่อว่า “ตอนนี้ข้าจะอธิบายความเร้นลับของรอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรให้พวกเจ้า หลังจากเลิกเรียน ทุกคนจะต้องเข้าใจและควบคุมรอยสลักวิญญาณลายนี้ได้อย่างลึกซึ้ง เพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้าในการเลื่อนเป็นนักสลักวิญญาณชั้นกลางในอนาคตอย่างแน่นอน”ในขณะที่พูด หลินสวินพลิกมือไปใช้หินดินสอพองเขียนกระดานดำที่อยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันไปมองด้วยซ้ำขวับๆๆลายเส้นที่วาดไหลลื่นดุจเมฆลอยสายน้ำไหล ทุกเส้นสายอ่อนช้อยประหนึ่งควันอาหารที่ลอยล่อง ลวดลายนั้นดูเก่าแก่ หนักอึ้ง ลึกล้ำ ราวกับภูเขาที่สลับทับซ้อนอย่างเป็นระเบียบ ราวกับคลื่นทะเลที่ซัดกระหน่ำอย่างเอาแต่ใจ ให้ความรู้สึกงดงามอย่างไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้เหล่าศิษย์หันไปมอง จากแรกๆ ที่ไม่สนใจ ไม่นานก็มองจนไม่สามารถละสายตาได้ จิตใจของพวกเขาถูกกลวิธีอันคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติของหลินสวินดึงดูดอย่างสิ้นเชิงความรู้สึกแบบนั้นราวกับดอกบัวที่โผล่พ้นผิวน้ำ เป็นธรรมชาติไร้ซึ่งการแต่งเติมความตะลึงงันพลันพลุ่งพล่านขึ้นในใจเหล่าศิษย์อย่างยากจะเก็บกลั้น พลิกมือกลับไปวาดรอยสลักวิญญาณ? แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือพลั่ก!เพียงครู่เดียวหลินสวินก็โยนหินดินสอพองทิ้ง แต่บนกระดานดำได้อัดแน่นไปด้วยรอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรฉบับสมบูรณ์แล้ว“จำไว้ ก่อนชั้นเรียนหน้าข้าต้องการให้พวกเจ้าเข้าใจรอยสลักวิญญาณลายนี้ ผลการทดสอบจะนับรวมกับคะแนนสะสมของพวกเจ้า”หลินสวินพูดง่ายๆ แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องเรียนส่วนศิษย์เหล่านั้นยังคงนิ่งอยู่กับที่ จ้องรอยสลักวิญญาณบนกระดานดำราวกับโง่งมไปแล้ว ภายในห้องเรียนอันกว้างใหญ่เงียบกริบไร้เสียง…………….
คอมเม้นต์