Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 378
ตระกูลหลินในอดีต ทั้งตระกูลรองและตระกูลหลักต่างอยู่ร่วมกันบนภูเขาชำระจิต สถานที่อย่างหอแสงอุดร เดิมเป็นที่พำนักของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรในขณะเดียวกัน ภูเขาชำระจิตยังมีที่พำนักที่ใช้ชื่อว่า ‘ธารประจิม’ ‘คานเมฆา’ ‘ยอดวายุ’ ซึ่งเป็นที่พำนักของตระกูลรองอื่นๆ อีกสามตระกูลหอแสงอุดรนี่เป็นอาคารโบราณหลายหลังที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ส่วนใหญ่ล้วนถูกทิ้งร้าง แต่จากขนาดก็ดูออกได้ไม่ยากว่า ในอดีตที่นี่เคยคึกคักมากเพียงใดและมีคนในตระกูลอาศัยอยู่มากเพียงใดตอนที่หลินสวินไปถึง กลับพบอย่างแปลกใจว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาที่หอแสงอุดรอย่างตื่นเต้นดีใจเช่นกันคนเหล่านี้เป็นคนในตระกูลที่ผู้อาวุโสเป่ยกวงส่งตัวมาก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ล้วนยังหนุ่มสาวและดูอันธพาลเสเพลอย่างมากหลายวันก่อนหน้านี้ ชื่อเซวี่ยยังมาเอาผิดกับหลินสวินเรื่องที่คนพวกนี้ไปทำลายโอสถวิญญาณในสวนโอสถอยู่เลยตอนนั้นหลินสวินใช้พลังยุทธ์กำราบพวกเสเพลพวกนั้นทันทีโดยไม่เสียเวลาพูดอะไร ทั้งยังจัดให้พวกเขาไปทำงานของข้ารับใช้ตามส่วนต่างๆ ของภูเขาชำระจิตหลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นจนเก็บไม่อยู่แบบนี้พอเห็นหลินสวิน บางคนถึงกับอดร้องโวยไม่ได้ “หลินสวิน เจ้าให้พวกข้าไปทำงานของข้ารับใช้ คราวนี้จะต้องให้พี่เสวี่ยเฟิงคืนความเป็นธรรมให้พวกข้า!”“ใช่ เจ้าไม่เห็นพวกเราเป็นคนในตระกูลเลยสักนิด!”หนุ่มสาวกลุ่มนั้นเดือดดาล เป็นคนตระกูลหลินแท้ๆ แต่กลับถูกใช้ให้ไปเป็นข้ารับใช้ทั่วภูเขาชำระจิต ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายยิ่งนักก่อนหน้านี้เพราะเกรงบารมีหลินสวิน และมีเสี่ยวเคอคอยจับตาอยู่ พวกเขาไม่สามารถหนีออกจากภูเขาชำระจิตได้ จึงจำต้องทนต่อไปแต่วันนี้กลับแตกต่าง เพราะพวกเขาได้ยินว่าหลินเสวี่ยเฟิงจะมา จึงดีใจจนเก็บไม่อยู่ คิดว่ามีตัวช่วยแล้ว มีหรือที่จะยอมทนต่อไปพวกเขาจึงรวมตัวกันและรีบมาหาอย่างตื่นเต้นหลินสวินอึ้งงันไป ก่อนจะระบายยิ้ม พวกนี้หาเรื่องจริงๆ ที่ให้พวกเขาไปทำงานหนักก็เพราะต้องการปราบนิสัยแย่ๆ ในตัวพวกเขาไงเล่า“หืม พวกเจ้าทำอะไรกัน”ขณะนั้นเอง เงาร่างหนึ่งพลันเดินออกจากเรือนหลักของหอแสงอุดร เป็นหลินเสวี่ยเฟิงนั่นเอง“พี่เสวี่ยเฟิง เจ้าเด็กนี่รังแกกันเกินไปแล้ว ไม่ได้เห็นพวกเราเป็นคนในตระกูลเลยสักนิด!”“พวกเรามาที่ภูเขาชำระจิตเพื่อทำการใหญ่ แต่เจ้าหมอนี่กลับบีบให้พวกเราทำงานของข้ารับใช้ ทั้งยังส่งหญิงดุร้ายคนหนึ่งมาจับตาดูพวกเรา ต่อต้านเพียงเล็กน้อยก็โดนเฆี่ยนตี พี่ต้องทวงคืนความเป็นธรรมให้พวกเรานะ!”หนุ่มสาวกลุ่มนั้นร้องโหวกเหวก ท่าทางดูเคียดแค้นอย่างที่สุดแต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาคือ หลังจากฟังจบ หลินเสวี่ยเฟิงไม่เพียงไม่ออกโรงช่วยพวกเขา แต่สีหน้าตอนที่มองพวกเขากลับไม่น่าดูอย่างมาก“คุกเข่า!”ไม่รอให้พวกเขาตระหนักได้ หลินเสวี่ยเฟิงพลันแผดเสียงเย็นขึ้นมา ทำเอาหนุ่มสาวกลุ่มนั้นต่างขนลุกซู่ไปทั้งตัวราวกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองนี่ นี่…นี่มันอะไรกัน?บางคนคิดว่าตัวเองหูฟาดไป “พี่เสวี่ยเฟิง พี่ให้หลินสวินคุกเข่าลง หรือว่า…”เพี๊ยะ!หลินเสวี่ยเฟิงฟาดฝ่ามือลงไปกลางอากาศอย่างแรง ตบจนคนผู้นั้นร้องด้วยความตกใจ กระเด็นออกไปไกลถึงสิบกว่าจั้ง ก่อนจะร้องโอดครวญไม่ขาดสายทุกคนพลันลนลานขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ“คุกเข่า!”หลินเสวี่ยเฟิงย้ำอีกครั้ง คราวนี้หนุ่มสาวกลุ่มนั้นไม่กล้าต่อต้าน พลันคุกเข่าลง ใบหน้ามู่ทู่ราวกับมะเขือยาวเหี่ยวไปตามๆ กัน“พวกไร้ประโยชน์ ที่ส่งพวกเจ้ามาก็เพื่อทำงานให้ภูเขาชำระจิตอยู่แล้ว พวกเจ้ากลับเกี่ยงงาน บ่นไม่หยุด ช่างเป็นความอับอายของตระกูลหลิน!”หลินเสวี่ยเฟิงไฟสุมอกโดยแท้ เขาไม่คิดเลยว่าคนในตระกูลตัวเองจะแย่ได้ถึงขนาดนี้“เรื่องนี้เจ้าจัดการแล้วกัน ข้ารอเจ้าข้างใน”หลินสวินคิดว่าไม่เหมาะที่จะยืนเป็นผู้ชม เพราะนี่ถือเป็นเรื่องภายในของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ให้หลินเสวี่ยเฟิงจัดการก็พอแล้ว หากเขายืนดูอยู่ข้างๆ เกรงว่าจะสร้างความกระอักกระอ่วน“ได้ รอข้าสักครู่” หลินเสวี่ยเฝิงพยักหน้าหลินสวินเพิ่งเดินออกไป สีหน้าของหลินเสวี่ยเฟิงพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขากวาดสายตามองคนในตระกูลที่คุกเข่าอยู่ ทั้งโกรธทั้งปวดหัว“พี่เสวี่ยเฟิง ทำไม…ทำไมพี่ถึงไม่สั่งสอนเขาให้พวกเรา แบบนี้มัน…เกินไปหรือเปล่า หลินสวินนั่นไม่เห็นเราเป็นคนในตระกูลเลยนะ!”ขณะนั้นเอง มีคนรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นถาม“เจ้าโง่!”หลินเสวี่ยเฟิงก่นด่าชุดใหญ่อย่างไม่คิดเกรงใจ “หากไม่เห็นพวกเจ้าเป็นคนในตระกูล คิดว่าพวกเจ้าจะมีสิทธิ์เข้ามาเหยียบในภูเขาชำระจิตหรือ เพียงแค่การกระทำอย่างเมื่อครู่ของพวกเจ้า คงตายแล้วเกิดใหม่นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว!”ทุกคนตัวแข็งค้างอยู่กับที่ ท่าทางดูสับสน ดูออกว่าคงไม่เชื่อนักหลินเสวี่ยเฟิงเห็นแบบนี้ สีหน้ายิ่งทวีความเย็นเยียบ “จะบอกอะไรให้นะ เมื่อวานขนาดนี้ฮวาอู๋โยวยังเกือบตายคามือหลินสวินมาแล้ว หรือพวกเจ้าคิดว่าชีวิตของตัวเองสูงค่ากว่าฮวาอู๋โยว”ได้ยินแบบนี้คนเหล่านั้นต่างหัวใจสะท้านราวกับถูกฟ้าผ่า ตกตะลึงกันถ้วนหน้า กล้าฆ่าแม้กระทั่งฮวาอู๋โยวงั้นหรือเจ้าหลินสวินนี่อวดดีเกินไปหรือเปล่าเห็นสีหน้าพวกเขา หลินเสวี่ยเฟิงก็รู้ว่าเจ้าพวกนี้ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในนครต้องห้ามในช่วงหลายวันนี้มิเช่นนั้น ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหนก็คงไม่กล้าเสียมารยาทกับหลินสวิน!“จะบอกพวกเจ้าไว้ นับตั้งแต่วันนี้ ใครกล้าเสียมารยาทกับหลินสวินอีก ข้าไม่ปล่อยมันไว้แน่! พวกเจ้าคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ตรงนี้แหละ!”หลินเสวี่ยเฟิงคร้านจะอธิบายให้มากความ หลังจากทิ้งประโยคเยียบเย็นนี้ไว้ก็หมุนตัวเดินเข้าหอแสงอุดรไปหนุ่มสามกลุ่มนั้นต่างมองตาค้างไปทันที……เรือนหลักหอแสงอุดร“ต้องขออภัยที่คนในตระกูลพวกนี้ไม่เอาไหน ทำให้เจ้าต้องหัวเราะเยาะ”หลินเสวี่ยเฟิงประสานมือกล่าวขอโทษทันทีที่เข้ามา“ไม่เป็นไร อย่างไรก็คนในตระกูลเดียวกัน สั่งสอนพวกเขาสักหน่อยก็พอ”หลินสวินโบกมือพร้อมรอยยิ้มหลินเสวี่ยเฟิงพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงอีกฝั่งพลางยิ้มพูด “ที่ข้ามาคราวนี้ เพราะได้รับการไหว้วานจากท่านพ่อและท่านปู่ ตัดสินใจจะคืนของบางส่วนที่อยู่ในความดูแลของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรสู่ภูเขาชำระจิต”หลินสวินตะลึงงัน พลันพูดอย่างดีใจ “เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก”หลินเสวี่ยเฟิงยิ้มพูด “ของพวกนั้นเป็นของภูเขาชำระจิตอยู่แล้ว เพียงแค่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ตกอยู่ในความดูแลของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ตอนนี้เจ้าเป็นเจ้าของภูเขาชำระจิต ย่อมต้องส่งคืนตามเดิม”ในขณะที่พูด เขาก็หยิบกำไลเก็บของวงหนึ่งออกมายื่นให้หลินสวิน“ในนี้มีตำราทั้งหมดหนึ่งพันเจ็ดร้อยสามสิบสามเล่น มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฝึกปราณ การฝึกยุทธ์ เม็ดโอสถ ตำรายาและอื่นๆ”“นอกจากนี้ยังมีเตาโอสถระดับสวรรค์สามใบ เมล็ดโอสถวิญญาณระดับหนึ่งสามสิบหกขวด อาวุธวิญญาณระดับมนุษย์หนึ่งพันเจ็ดสิบเจ็ดชิ้น อาวุธวิญญาณระดับปฐพีหกร้อยห้าสิบชิ้น อาวุธวิญญาณระดับสวรรค์หนึ่งร้อยสิบชิ้น…”ได้ยินถึงตรงนี้ สายตาของหลินสวินพลันค่อยๆ ทอประกายขึ้น คราวนี้ ‘ความจริงใจ’ ของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรถือว่ามากพอแล้ว!เห็นได้ชัดว่าหลังจากประลองกับฮวาอู๋โยวเมื่อวาน ทำให้ท่าทีของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! จากที่รักษาท่าที พวกเขาเริ่มมีแนวโน้มสนับสนุนตนแล้ว!หลินเสวี่ยเฟิงพูดต่อว่า “นอกจากนี้ยังมีของมีค่าหายากหลายแบบอีกสิบหีบ สัตว์วิญญาณเจ็ดสิบเจ็ดตัว อสูรวิญญาณสี่สิบสองตัว…”และร่ายรายการมาอีกยาวเหยียด หลินเสวี่ยเฟิงจึงตบท้ายว่า “พวกสัตว์วิญญาณและอสูรวิญญาณไม่สามารถพกมาได้ แต่ช่วงบ่ายท่านพ่อของข้าจะให้คนเอามาให้”วินาทีนี้หลินสวินไม่เพียงดีใจ แต่ตะลึงงัน ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรใจป้ำจริงๆ!เขาเคยให้หลินจงคำนวณสมบัติที่ภูเขาชำระจิตถูกปล้นไป จึงรู้ดีว่าสมบัติที่ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรคืนมาคราวนี้ คือสมบัติส่วนใหญ่ที่พวกเขาเอาออกไปจากภูเขาชำระจิต!หลินสวินลุกขึ้นยืน ก่อนจะยกมือประสานคารวะอย่างจริงจัง “ท่านพี่ ฝากขอบคุณท่านปู่ห้าและท่านอาไหวหย่วนแทนข้าด้วย และฝากบอกว่าภูเขาชำระจิตมีที่ว่างสำหรับตระกูลหลินแห่งแสงอุดรเสมอ!”หลินเสวี่ยเฟิงเองก็เผยรอยยิ้ม เขารอคอยที่จะได้ยินคำนี้จากหลินสวิน“เราคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ”หลินเสวี่ยเฟิงเชิญหลินสวินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วจึงพูดต่อว่า “หลินสวิน ข้าตัดสินใจแล้วว่า นับตั้งแต่วันนี้ข้าจะมาทำงานอย่างถวายชีวิตให้เจ้าที่ภูเขาชำระจิต แน่นอนว่าอีกสักระยะข้าจะต้องไปฝึกปราณที่สำนักศึกษามฤคมรกต แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่านับตั้งแต่วันนี้ ข้าจะสนับสนุนการครอบครองภูเขาชำระจิตของเจ้าอย่างเต็มที่!”หลินเสวี่ยเฟิงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ไม่ได้ล้อเล่นแน่หลินสวินอึ้งงันไปก่อนจะหัวเราะลั่น “มีพี่คอยช่วย ข้ายังต้องห่วงอันใดอีก?”หลินเสวี่ยเฟิงเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หายาก แม้ตอนนี้พลังปราณของเขาจะยังสู้ฮวาอู๋เหินหรือฮวาอู๋โยวไม่ได้ แต่อย่างไรเขาก็เป็นผู้กล้าที่ผ่านการทดสอบระดับอาณาจักรคนหนึ่ง!ในขณะเดียวกันเขายังเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร หากได้รับการสนับสนุนจากเขาอย่างเต็มที่ ย่อมเป็นผลดีอย่างมากสำหรับหลินสวินหลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่ หลินเสวี่ยเฟิงก็ขอตัวออกไปส่วนหลินสวินได้พาหลินจงไปที่หอเก็บตำรา เพื่อทำความสะอาด ปัดฝุ่นและหยากไย่ก่อนจะเรียกตำราแต่ละเล่มจากกำไลเก็บของที่หลินเสวี่ยเฟิงให้มาจัดวางไว้ที่เดิมระหว่างนี้หลินสวินเอาแต่เงียบ สีหน้านิ่งขรึม ไม่ส่งเสียงใดเขาเคยมาที่นี่ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงภูเขาชำระจิตแล้ว และสาบานกับตัวเองว่าจะทวงคืนทุกสิ่งที่เคยเป็นของตระกูลหลิน!ต้องการให้ศัตรูทั้งหมดที่เคยทำร้ายตระกูลหลินชดใช้อย่างสาสม!ตอนนี้เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จไปก้าวใหญ่แล้ว!ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็คงโกหกแต่หลินสวินที่ผ่านการฝึกมาอย่างรอบด้าน เรียนรู้ที่จะเก็บความรู้สึกภายในใจแล้ว จึงทำให้ดูสุขุมและมีวุฒิภาวะมากขึ้นที่สำคัญที่สุดคือ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น!สีหน้าของหลินจงเผยความตื่นเต้น ถ้าบอกว่าการปรากฏตัวครั้งแรกของหลินสวินที่ภูเขาชำระจิตทำให้เขามองเห็นความหวังเสี้ยวหนึ่งถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เขาก็มีเหตุผลมากพอที่จะเชื่อว่า สักวันหลินสวินจะนำพาภูเขาชำระจิตให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง!พญาแร้งและเสี่ยวเคอเองก็ได้รู้เรื่องนี้ในวันเดียวกัน และต่างอึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรแต่ฉับพลันพญาแร้งราวกับกระจ่างแจ้ง อดทอดถอนใจไม่ได้ “สรรพสิ่งยากที่การเริ่มต้น ในที่สุดหลินสวินก็กำราบหนอนในตระกูลหลินได้ตัวหนึ่งแล้ว ถ้าค่อยๆ มุ่งไปตามทิศทางนี้อย่างมั่นคง การจัดการสามตระกูลรองที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”
คอมเม้นต์