Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 367
“หลิน…หลินสวิน เจ้า…เจ้าไม่กลัวตระกูลซ่งของข้ากลับมาแก้แค้นรึ” ซ่งเจ๋อพูดเสียงสั่น ดูหวาดกลัวไร้ที่พึ่งนี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรอกหรือทุกคนกลั้นยิ้มไม่อยู่ หลินสวินเล่นงานพวกเขาสองพี่น้องหนักขนาดนี้แล้ว คิดว่าเขาจะมาเสียใจในภายหลังอีกหรือตอนนี้ความโกรธของหลินสวินบรรเทาลงแล้ว เขาหยุดคิดอยู่ครู่ ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก กลับเห็นสืออวี่ก้าวเข้ามาพร้อมสีหน้านิ่งขรึมเย็นชา “หลินสวิน ที่เหลือปล่อยให้ข้าจัดการเถิด”พูดจบก็นั่งยองๆ ลงตรงหน้าซ่งเจ๋อ แววตาเผยความเห็นใจ “ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้า แต่เจ้ากลับเลือกที่จะออกหน้าแทนซ่งชงเฮ่อ เหตุใดต้องหาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้”“คุณชายสามสือ…เจ้า!”ซ่งเจ๋อคิดไม่ถึงเลยว่า ยามนี้ท่าทางของสืออวี่จะเปลี่ยนเป็นไร้ซึ่งความเกรงใจขนาดนี้ จึงเดือดดาลขึ้นมาพลัน“อย่าโกรธเลย ความจริงข้าเห็นใจเจ้านัก ข้าขอถามเจ้าหน่อย คู่หมั้นของเจ้าชื่อจินหรงใช่หรือไม่” สืออวี่ถามเสียงแผ่วเบาซ่งเจ๋ออึ้งงั้นไปครู่ค่อยพูดอย่างขึ้งโกรธ “เจ้าจะพูดอะไรกันแน่”คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ต่างงงเป็นไก่ตาแตกกลับเห็นสืออวี่ชี้ไปที่ซ่งชงเฮ่อที่อยู่ห่างออกไป “หลังจากจบงานเลี้ยงงานหนึ่งเมื่อหลายวันก่อน เขาหลุดพูดว่าเขาครอบครองจินหรงคู่หมั้นของเจ้าไปแล้ว”ทุกคนต่างตะลึงงัน สิ่งที่สืออวี่พูดร้ายแรงมาก ถึงขนาดบอกว่าคู่หมั้นของซ่งเจ๋อสวมเขาให้เขา อีกทั้งคู่กรณียังเป็นพี่ชายร่วมตระกูลอย่างซ่งชงเฮ่อ!ซ่งเจ๋อโกรธจนถลึงตาใส่ ตะคอกเสียงกร้าว “เจ้าสารเลวอย่ามาใส่ร้ายผู้อื่น!”พอเห็นว่าเขาใกล้จะสติหลุด สืออวี่พลันกดเสียงต่ำกระซิบข้างหูเขาประโยคหนึ่ง ก่อนจะตบไหล่ซ่งเจ๋อพลางพูดอย่างเห็นใจ “ระวังตัวให้ดี”สิ่งที่ทุกคนแปลกใจคือ ไม่รู้ว่าสืออวี่พูดอะไรกับซ่งเจ๋อถึงได้ทำให้เขาเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนตัวแข็งค้างอยู่กับที่ประหนึ่งคนถูกสูบวิญญาณออกจากร่าง“ซ่งเจ๋อ อย่าไปฟังเขาพูดซี้ซั้ว! เขาโกหกเจ้า ข้าจะทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร?” ซ่งชงเฮ่อที่อยู่ห่างออกไปตวาดเสียงลั่น“ข้า…” สีหน้าของซ่งเจ๋อหม่นแสงยากจะคาดเดาทุกคนเห็นเช่นนี้ ก็พอจะมั่นใจว่าสิ่งที่สืออวี่พูดเมื่อครู่นี้ต้องเป็นประเด็นสำคัญอย่างแน่นอน ถึงได้ทำให้ซ่งเจ๋อเริ่มสงสัยทุกสิ่งนี่ทำให้ทุกคนอดตะลึงไม่ได้ หรือที่สืออวี่พูดจะเป็นความจริง ซ่งชงเฮ่อต่ำช้าถึงขนาดเล่นสนุกกับคู่หมั้นของซ่งเจ๋อจริงๆ งั้นเหรอ?ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายยิ่งนัก ซ่งเจ๋อเป็นน้องชายร่วมตระกูลเดียวกับเขาเชียวนะ เขาทำแบบนั้นได้อย่างไรสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดที่สุดคือ เมื่อครู่นี้ซ่งเจ๋อยังเป็นคนแรกที่ออกหน้าแทนซ่งชงเฮ่ออย่างเคียดแค้น…ซ่งเจ๋อผู้นี้ ช่างน่าเวทนานัก“สืออวี่ เราได้เห็นดีกันแน่!”ซ่งชงเฮ่อโกรธจนกระอักเลือด ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดช่างน่าอับอายยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ต้องหัวเสียเพราะหลินสวิน ยังต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีก ทำเขาขายหน้าไม่เหลือชิ้นดี ถ้าเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เขาซ่งชงเฮ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนส่วนสีหน้าของซ่งเจ๋อนั้นหม่นแสงเกินบรรยาย ท่าทางเลื่อนลอย เห็นชัดว่าในใจดูทรมานกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า“เหอะๆ”สืออวี่หัวเราะเสียงเย็นทันควัน ก่อนพูดอย่างหมางเมิน “เห็นดีก็เห็นดีสิ คิดว่าข้ากลัวพวกเจ้าหรือ ถ้าเป็นซ่งอี้ข้าอาจจะเกรงใจสักสามส่วน แต่ถ้าเป็นพวกเจ้าทั้งสอง เหอะๆ…นับเป็นอะไรได้”“เจ้า…”ใบหน้าของซ่งชงเฮ่อทั้งเขียวคล้ำบิดเบี้ยว ดูน่ากลัวอย่างที่สุด“ไม่ต้องพูดให้มากความ อยากแก้แค้นเมื่อไหร่ข้ายินดีเสมอ” สืออวี่พูดเสียงเย็นชาเขาเองก็โกรธแล้วจริงๆ ซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อพากันหาเรื่องหลินสวินสหายของเขาไม่หยุดตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยงแล้วขนาดนี้แล้ว ถ้าเขาสืออวี่ไม่ทำอะไรเพื่อหลินสวินบ้าง คงไม่สมกับที่เป็นเพื่อนกันมา!ที่เขาพูดแบบนี้ก็เพื่อแบกรับความกดดันแทนหลินสวิน เลี่ยงไม่ให้ถูกตระกูลซ่งคิดแค้น ถึงอย่างไรจากที่เขารู้มา สถานการณ์ในตอนนี้ของหลินสวินก็มิได้ดีนัก“ดี! ดีมาก! ข้าจะจำไว้!”ซ่งชงเฮ่อกัดฟันกรอด ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนตะเกียกตะกายลุกขึ้น แววตาเคียดแค้นกวาดมองสืออวี่และหลินสวินแวบหนึ่ง ก่อนจะพาซ่งเจ๋อหมุนตัวจากไปช่วยไม่ได้ วันนี้ขายหน้ามามากพอแล้ว ขืนอยู่ต่อมีแต่จะยิ่งอับอาย“เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของข้าด้วย”แต่ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ไป๋หลิงซีที่วางตัวประหนึ่งคนนอกมาตลอดกลับส่งเสียงขึ้น น้ำเสียงไพเราะเสนาะหูราวกับเสียงสวรรค์ทุกคนต่างอึ้งงัน แม้แต่หลินสวินและสืออวี่ยังอดประหลาดใจไม่ได้ ทำไมไป๋หลิงซีต้องเข้ามาแทรกในจังหวะนี้?ความจริงทำแบบนี้สามารถทำให้ตระกูลทรงอิทธิพลอย่างตระกูลซ่งไม่พอใจได้ง่ายนัก!ซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อเองก็มีท่าทางไม่อยากจะเชื่อ“ข้าเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจนิ่งดูดาย”ไป๋หลิงซีพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยอย่างที่สุด “ยิ่งกว่านั้น ครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของศิษย์จากค่ายกระหายเลือด เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น ข้าย่อมต้องอยู่ข้างค่ายกระหายเลือด”ประโยคเรียบง่ายนี้ทำให้คนส่วนใหญ่ตระหนักโดยพลัน ทว่าในใจกลับรู้สึกอยู่ตลอดว่าจุดประสงค์ที่ไป๋หลิงซีทำเช่นนี้ไม่ได้เรียบง่ายเพียงนั้นแน่ได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากไป๋หลิงซี สองพี่น้องร่วมตระกูลอย่างซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อต่างอึ้งงันอย่างสิ้นเชิง เดิมทีท่าทีเด็ดเดี่ยวของสืออวี่ก็ทำให้พวกเขาอึดอัดใจยิ่งอยู่แล้วแต่ตอนนี้แม้กระทั่งไป๋หลิงซียังเข้าข้างหลินสวิน ทำให้ทั้งสองรู้สึกหมดหวังอย่างบอกไม่ถูกสิ่งที่เหนือความคาดหมายที่สุดคือ ในยามนี้จ้าวหยินก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบเคร่งขรึมขึ้นมาเช่นกัน “เรื่องนี้พวกเจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หากภายหน้าพวกเจ้าคิดแก้แค้น ก็นับรวมข้าเข้าไปด้วย”คราวนี้ซ่งเจ๋อและซ่งชงเฮ่อสิ้นหวังอย่างแท้จริง ในใจกระสับกระส่ายขวัญหนีดีฝ่อ ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหลินสวินน่ะไม่เท่าไหร่ แม้จะเก่งกาจเพียงใด แต่สำหรับตระกูลทรงอิทธิพลอย่างตระกูลซ่งก็เป็นเพียงแค่มดปลวกที่สามารถบี้ให้ตายได้ตลอดเวลาแต่สืออวี่ ไป๋หลิงซี จ้าวหยินกลับแตกต่าง!สืออวี่มีอำนาจของอัครการค้าที่ไม่ด้อยไปกว่าตระกูลทรงอิทธิพลอย่างตระกูลซ่งคอยหนุนหลัง! อีกทั้งสืออวี่ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเทพเศรษฐีสือ ฐานะนี้สำคัญยิ่ง ต่อให้ภายหน้าคิดจะแก้แค้น ซ่งชงเฮ่อก็ไม่มั่นใจว่าจะกล้าเล่นงานสืออวี่ส่วนฐานะของไป๋หลิงซียิ่งชวนตะลึง จิ้งไห่โหวปู่ของนางเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่มากในจักรวรรดิ อีกทั้งในหมู่เครือญาติยังเป็นเชื้อพระวงศ์ไม่น้อย ฐานะไม่ธรรมดาเลยจริงๆไม่ว่าซ่งชงเฮ่อจะมีความกล้ามาจากไหน ก็ไม่กล้าล่วงเกินไป๋หลิงซีง่ายๆ!สำหรับจ้าวหยิน… ท่านผู้แซ่จ้าวผู้นี้คือเชื้อพระวงศ์ตัวจริง ป๋อวั่งโหวเทียดของเขาคือพี่ชายร่วมตระกูลจักรพรรดิในปัจจุบัน!ตอนนี้ทั้งสืออวี่ ไป๋หลิงซีและจ้าวหยินต่างแสดงท่าทีอย่างชัดเจน จะไม่ให้ซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อตื่นตระหนกได้อย่างไรคนที่อัดอั้นที่สุดคือซ่งเจ๋อ ไม่เพียงโดนซัดไปยกใหญ่ ยังมารู้ว่าถูกพี่ชายร่วมตระกูลของตัวเองสวมเขา สุดท้ายยังกลายเป็นศัตรูกับสืออวี่ ไป๋หลิงซีและจ้าวหยิน นี่มัน…บนโลกนี้ยังมีใครที่น่าเวทนาเท่าเขาซ่งเจ๋ออีกหรือไม่?สุดท้าย แม้แต่ซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองออกจากหอสรวลทรัพย์มาได้อย่างไร เป็นถึงลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลอย่างตระกูลซ่ง แต่กลับตกอยู่ในสภาพแบบนี้ มันน่าอนาถนัก……พอทั้งสองจากไป บรรยากาศอันอึมครึมอึดอัดของงานเลี้ยงก็หายเป็นปลิดทิ้งหลินสวินเองก็กลับไปนั่งที่เดิม ส่วนสืออวี่สั่งให้สาวใช้จัดโต๊ะรับรองอีกครั้ง แล้วเริ่มชนจอกกับทุกคน ไม่นานบรรยากาศก็ครื้นเครงขึ้นราวกับได้ลืมเรื่องไม่สบอารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไปหมดแล้วทว่าเรื่องนี้ นับตั้งแต่ที่สืออวี่ ไป๋หลิงซีและจ้าวหยินออกหน้า ก็มั่นใจได้แล้วว่าจะไม่เกิดความวุ่นวายอันใดขึ้นอีกเพราะแม้ว่าตระกูลซ่งจะแค้นเคืองเพียงใด ก็ไม่มีทางยอมหักหน้าขุมอำนาจเบื้องหลังพวกสืออวี่เพียงเพราะซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อแน่นี่ก็คือพลังแห่งอำนาจเบื้องหลัง แม้จะมองไม่เห็น แต่กลับมีอยู่ทุกที่ ผลกระทบที่ตามมาก็ไม่อาจมองข้ามได้แน่นอนว่าเมื่อเทียบกันแล้ว การที่หลินสวินลงมือโดยไม่ลังเลก่อนหน้านี้จึงดูแข็งกร้าวและเผด็จการยิ่งสนใจไปใยว่าเจ้าจะเป็นลูกหลานตระกูลซ่งหรืออะไร ถ้าเข้ามาหาเรื่องข้า ก็ซัดก่อนสักยกค่อยว่ากัน!“หลินสวิน เมื่อครู่นี้เจ้าลงมือได้สาแก่ใจข้านัก ตอนลงมือเจ้าไม่กังวลอันใดเลยหรือ” เจ้าอ้วนเย่เสี่ยวชีอดถามไม่ได้คนอื่นๆ ก็แปลกใจไม่ต่างกันหลินสวินยิ้มน้อยๆ ยักไหล่พูด “กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าย่อมไม่อาจให้พวกเขามาวางอำนาจบาตรใหญ่บนหัวข้าได้กระมัง”คำตอบนี้เห็นชัดว่าไม่สามารถทำให้คนส่วนใหญ่พึงพอใจได้ แต่เมื่อคิดถึงท่าทีของสืออวี่ต่อพวกซ่งชงเฮ่อ คนจำนวนไม่น้อยต่างตระหนักบางอย่างขึ้นได้คิดดูแล้ว หลินสวินเองคงเดาได้ว่าสืออวี่ไม่มีทางทอดทิ้งเขาโดยไม่สนใจได้กระมังในที่นี้ บางทีอาจมีเพียงสืออวี่และหนิงเหมิงเท่านั้นที่รู้ดีว่า หลินสวินไม่ใช่คนที่คิดมากขนาดนั้นเวลาจะลงมือ!ตอนที่ฝึกด้วยกันในค่ายกระหายเลือด ทั้งสองต่างก็รู้ใจกันแล้ว“ด้วยความสามารถของเจ้าในตอนนี้ สามารถคว้าอันดับดีๆ ในการทดสอบระดับอาณาจักรได้สบาย แล้วเหตุใดจึงไม่เข้าร่วม”จู่ๆ ไป๋หลิงซีก็ถามขึ้นมานางในชุดกระโปรงสีขาวดูงดงามโดดเด่นเป็นสง่า อีกทั้งฐานะก็ไม่ธรรมดา จึงเป็นจุดสนใจของงานอย่างไม่ต้องสงสัย พอนางอ้าปากพูดก็เรียกความสนใจจากทุกคนได้ในทันทีสายตาของคนจำนวนไม่น้อยต่างเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก แฝงนัยบางอย่างตอนที่ไป๋หลิงซีมาถึง แม้ว่าจะดูเหมือนไม่ตั้งใจ แต่กลับนั่งลงข้างๆ หลินสวินจากนั้นเมื่อครู่ไป๋หลิงซียังออกหน้า แทรกแซงเรื่องระหว่างหลินสวินและซ่งชงเฮ่อกับซ่งเจ๋อ แม้เหตุผลที่ยกมาจะดูมีเหตุมีผล แต่ทุกคนรู้สึกว่ามันไม่ใช่เพียงเท่านั้นแน่จนกระทั่งตอนนี้ ไป๋หลิงซีเป็นฝ่ายถามเรื่องของหลินสวินขึ้นมาเอง ทำให้ทุกคนใคร่ครวญขบคิดถึงบางสิ่งอย่างยากจะเลี่ยงถ้าไม่ใช่เพราะหลินสวินและไป๋หลิงซีต่างกันมากเกินไป ทุกคนคงสงสัยว่าที่ไป๋หลิงซียอมมาตามนัดในครั้งนี้ เพราะต้องการมาเจอหลินสวินเพียงคนเดียวไม่มีใครสังเกตเห็นว่าจ้าวหยินที่อยู่ข้างๆ ลอบมุ่นคิ้วขึ้น ส่วนลึกของแววตาขรึมลงทว่ากลับเห็นว่าหลินสวินเองก็คล้ายแปลกใจกับคำถามของไป๋หลิงซีอยู่บ้างเช่นกัน หลังจากชะงักไปครู่ค่อยยิ้มพูดอย่างจนปัญญา “ข้าเพิ่งจะบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณหลังการทดสอบระดับอาณาจักรสิ้นสุดลง ด้วยความสามารถก่อนหน้านั้นของข้า คงยากที่จะติดอันดับในการทดสอบครั้งนี้”ทุกคนจึงกระจ่างแจ้งทันทีหนิงเหมิงพลันร้องเสียงหลงขึ้นมา “เฮ้ย หมายความว่าเจ้าบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณได้เพียงยี่สิบกว่าวัน ก็ล้มซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อได้แล้วงั้นหรือ”ทุกคนมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้ทันใด สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างที่หลินสวินพูดจริง นั่นก็บ้าเกินไปแล้วจริงๆเพิ่งบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณก็ทำได้ขนาดนี้ พลังการต่อสู้น่าตกใจเกินไปแล้วมีเพียงหลินเสวี่ยเฟิงที่นั่งอยู่อีกข้างของหลินสวินที่ดูนิ่งมาก เขาเห็นหลินสวินบรรลุระดับมหาสมุทรวิญญาณกับตา ถึงขนาดที่ได้เป็นพยานในปรากฏการณ์ประหลาดของการบรรลุขั้นที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เขาจึงดูนิ่งสงบกว่ามากในขณะที่ทุกคนกำลังอึ้งกับความสามารถของหลินสวิน ภายนอกโถงพลันมีเสียงเย็นเยียบเอาแต่ใจดังขึ้น “ใครคือหลินสวิน ไสหัวออกมา!”
คอมเม้นต์