Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 361

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 361 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

หอสรวลทรัพย์ เป็นสถานที่ที่สืออวี่จัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ และเป็นสถานที่นัดรวมตัวสังสรรค์ชั้นนำของนครต้องห้าม
ระหว่างทางหลินสวินอดคิดถึงคืนวันเวลาที่ฝึกในค่ายกระหายเลือดไม่ได้ เดิมทีเขาตั้งใจชวนเสี่ยวเคอมาด้วย แต่เสียดายที่เสี่ยวเคอปฏิเสธโดยไม่หยุดคิดด้วยซ้ำ
ในขณะที่หลินสวินกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด เสียงฮือฮาพลันดังแว่วขึ้น
“ดูสิ ใช่คุณชายฮวาจริงๆ ด้วย! เขาเป็นบุคคลผู้โดดเด่นในบรรดาคนรุ่นใหม่ของตระกูลฮวาที่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลมหาอำนาจเชียวนะ ได้อันดับที่เจ็ดสิบสามจากการทดสอบระดับอาณาจักรที่เพิ่งจบไปเมื่อหลายวันก่อน!”
“เป็นถึงลูกหลานตระกูลฮวาเชียวหรือนี่!”
“เหอะๆ หลินเสวี่ยเฟิงซวยแล้ว หาเรื่องใครไม่หา ดันไปหาเรื่องฮวาอู๋เหิน นี่ไม่ใช่หาเรื่องใส่หรอกหรือ”
“หลินเสวี่ยเฟิงก็ไม่เลวนะ”
“ความสามารถของหลินเสวี่ยเฟิงเองก็ไม่เลว แต่ฐานะของเขาจะสู้ฮวาอู๋เหินได้อย่างไร? เจ้าเชื่อไหมว่า แม้ฮวาอู๋เหินฆ่าเขาตาย ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรนั่นก็ไม่กล้าทำอะไรหรอก!”
หลินสวินตะลึงงัน เอ่ยขึ้นว่า “จูเหล่าซาน หยุด”
พูดจบ เขาก็ลงจากเกี้ยวสมบัติ
เห็นผู้คนมากมายบนถนนที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และกลางฝูงชนกำลังมีการประลองกัน!
สองฝ่ายที่ประลองกันนั้น ฝ่ายหนึ่งเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวในชุดคลุมแขนกว้างสีดำ ศีรษะสวมเกี้ยวครอบผมหยกทอง นัยน์ตาเจือสีทองจางๆ อานุภาพน่าเกรงขามยิ่ง
คู่กรณีของเขาอยู่ในชุดขาวทั้งตัว เส้นผมสีดำขลับพลิ้วไหว แสงวิญญาณหมอกพิรุณแพร่กระจายทั่วร่าง แน่นอนว่าต้องเป็นหลินเสวี่ยเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย
การประลองของทั้งสองดุเดือดอย่างมาก ชี้ฟ้ากระแทกดิน ประกายพลังวิ่งว่อนสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน
ที่นี่คือถนนใหญ่ที่คึกคักของนครต้องห้าม และทั้งสองล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่นในบรรดาผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณรุ่นหนุ่มสาว ทำให้จินตนาการได้ว่าพลังทำลายล้างที่สร้างขึ้นนั้นจะรุนแรงเพียงใด
แต่สิ่งที่ทุกคนแปลกใจก็คือ ในบริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กันกลับมีพลังป้องกันล่องหนที่แผ่ลงมาจากฟ้า กั้นสิ่งก่อสร้าง ถนนหนทางรวมทั้งผู้คนออกไปทั้งหมด
แบบนี้แม้ทั้งสองจะประลองกันดุเดือดแค่ไหน ก็ไม่กระทบต่อทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเลยสักนิด
นี่ก็คือนครต้องห้าม!
ทุกพื้นที่ในนครล้วนถูกปกคลุมด้วยผนึกต้องห้ามอันลึกลับ ตัวอย่างเช่นแสงป้องกันชั้นนี้ที่จะไม่ถูกทำลายจากการต่อสู้
เพราะในนครมีผู้ฝึกปราณมากมาย เกิดการต่อสู้และฆ่าฟันวันละไม่รู้กี่รอบ ถ้าไม่มีมาตรการป้องกัน ทั่วทั้งนครต้องห้ามคงถูกทำลายอย่างรุนแรงจนเหลือแต่ซากแล้ว
“หลินเสวี่ยเฟิง ความสามารถแค่นี้ของเจ้า ก็คิดจะแย่งผู้หญิงกับข้า?”
ทันใดนั้นฮวาอู๋เหินในชุดคลุมสีดำก็หัวเราะเยาะ รอบกายมีสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์สีทองนับหมื่นพุ่งออกมาพาดขวางกลางอากาศ ฟาดใส่หลินเสวี่ยเฟิงอย่างรุนแรงราวกับสายโซ่
เสียงโครมดังสนั่นขึ้น หลินเสวี่ยเฟิงถูกสยบลงกับพื้น กระอักเลือดออกจากปาก
หลายคนอดอุทานด้วยความตะลึงไม่ได้
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ในการทดสอบระดับอาณาจักร ฮวาอู๋เหินและหลินเสวี่ยเฟิงได้อันดับที่เจ็ดสิบสามและเจ็ดสิบเก้าตามลำดับ ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่อันดับเท่านั้น
แต่ความสามารถของฮวาอู๋เหินเหนือกว่าหลินเสวี่ยเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย!
“คนที่อวิ๋นเอ๋อร์ชอบคือข้า!”
หลินเสวี่ยเฟิงพยายามลุกขึ้น สีหน้าอึมครึม สายตาเต็มไปด้วยความดุดัน หนึ่งกระบี่ดุจสายฟ้าจู่โจมออกไปกลางอากาศ
โครม!
กลับเห็นฮวาอู๋เหินยื่นมือออกไปคว้า ผนึกสีทองอันใหญ่ตกลู่ลงมา บดขยี้อากาศจนแหลกละเอียด และทำลายประกายดาบจนเป็นฝุ่นผง
จากนั้นก็กระแทกเข้าตัวหลินเสวี่ยเฟิงด้วยพลังที่ไม่แผ่วไปจากเดิมเลย
เสียงปังดังลั่น หลินเสวี่ยเฟิงถูกกดจนทรุดลงพื้นอีกครั้ง ใบหน้าไร้สีเลือด ดิ้นรนอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น
เหตุผลเพราะผนึกสีทองอันใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของหลินเสวี่ยเฟิง มันสาดประกายแสงสีทองระยิบระยับ เกิดเป็นพลังคุมขังอันน่ากลัว
“สมบัติที่สืบทอดกันมานับตั้งแต่บรรพบุรุษของตระกูลฮวา…ผนึกประกายทอง! ว่ากันว่าได้รวบรวมพลังแห่งแสงอาทิตย์เอาไว้ สามารถสยบมารได้ทุกชนิด!”
มีคนอุทานอย่างตะลึงด้วยจำที่มาของสมบัติลึกลับชิ้นนี้ได้
“คนไร้ค่าอย่างเจ้าน่ะหรือจะคู่ควรกับอวิ๋นเอ๋อร์”
ฮวาอู๋เหินพลิ้วตัวลงสู่พื้นดิน มองเหยียดไปทางหลินเสวี่ยเฟิง สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก “พูดอย่างไม่เกรงใจ ตระกูลหลินในตอนนี้เป็นตัวตลกในนครต้องห้าม ล่มจมขนาดนี้แล้ว ข้าสงสัยจริงๆ เลยว่า เจ้าไปเอาความกล้าที่ไหนมาคิดไม่ซื่อกับอวิ๋นเอ๋อร์?”
“หยุดพูดจาไร้สาระซะที แน่จริงก็ฆ่าข้าเสีย!” หลินเสวี่ยเฟิงกัดฟันกรอด โกรธจนเส้นเลือดฝอยนัยน์แตก
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ?”
ประกายทองวงหนึ่งพุ่งวาบในนัยน์ตาของฮวาอู๋เหิน เผยไอสังหารเต็มประดา
โครม!
พลันเห็นผนึกประกายทองนั่นสงเสียงครวญ ส่องสว่างเจิดจ้า บีบอัดอากาศทุกพื้นที่ลงมาบนตัวของหลินเสวี่ยเฟิง
กร๊อบๆ
หลินเสวี่ยเฟิงอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส เอ็นกระดูกทั่วร่างเกิดเสียงปะทุอย่างรับไม่ไหว
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างสูดหายใจอย่างอดไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าฮวาอู๋เหินคิดอยากจะฆ่าหลินเสวี่ยเฟิงจริงๆ กล้าเกินไปแล้ว!
“ให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ก้มหัวยอมแพ้แต่โดยดี แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า มิเช่นนั้นวันนี้ของปีหน้าจะเป็นวันครอบรอบวันตายของเจ้า!”
ฮวาอู๋เหินกล่าวเสียงเย็น
“ฝันไปเถอะ!”
หลินเสวี่ยเฟิงตะเบ็งเสียงอย่างเดือดดาล
“เหอะๆ คนตระกูลหลินของพวกเจ้าช่างไร้ยางอาย ปีนั้นถูกไล่ออกจากภูเขาชำระจิต ก็ขายหน้าบรรพบุรุษในตระกูลจนไม่เหลือซากแล้ว ตอนนี้กลับยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ขอบอกไว้เลยนะ แม้ฆ่าเจ้าตายแล้ว ด้วยความขี้ขลาดตาขาวของตระกูลหลินอย่างพวกเจ้า อย่างไรก็ไม่กล้ามาแก้แค้นกับข้าหรอก!”
คำพูดนี้เย่อหยิ่งมาก เหมือนไม่เห็นตระกูลหลินอยู่ในสายตา ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างอดตะลึงไม่ได้
มีแค่คนที่เกิดในตระกูลทรงอิทธิพลอย่างฮวาอู๋เหินเท่านั้นที่กล้าพูดแบบนี้
“ผู้ชายตระกูลหลิน ยอมตายก็ไม่ยอมก้มหัว! ฮวาอู๋เหิน เจ้าหยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว บอกว่าอยากทำให้ข้าขายหน้าหรือ? ข้าจะบอกเจ้าให้ แม้วันนี้ข้าต้องตาย ก็ไม่มีทางยอมให้เจ้าสมหวังแน่!”
หลินเสวี่ยเฟิงยิ้มเยาะ
สีหน้าของเขาขาวซีด เจ็บไปทั้งตัว แต่ความเด็ดเดี่ยวนั้นกลับทำให้หลายคนอดหวั่นไหวไม่ได้
“เหอะๆ เจ้ารนหาที่เอง!”
มุมปากฮวาอู๋เหินผลิยิ้มอำมหิต ผนึกประกายทองส่งเสียงคำรามโดยพลัน กดทับลงมาอย่างแรง
เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะฆ่าจริงๆ แล้ว!
คนรอบข้างต่างกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ในใจตื่นตะลึง ถ้าหลินเสวี่ยเฟิงถูกฆ่าจริงๆ ไม่นานต้องเกิดคลื่นลมครั้งใหญ่ในนครต้องห้ามอย่างแน่นอน!
เพราะต่อให้ตระกูลเบื้องหลังหลินเสวี่ยเฟิงจะตกต่ำแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาก็ผ่านการทดสอบระดับอาณาจักร และได้เป็นศิษย์ในสำนักศึกษามฤคมรกตแล้ว ฐานะย่อมแตกต่างไป
แต่เห็นได้ชัดว่าฮวาอู๋เหินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้!
ในขณะที่ผนึกประกายทองกำลังจะบดทับบนตัวหลินเสวี่ยเฟิง จู่ๆ ก็มีฝ่ามือเรียวยาวข้างหนึ่งยื่นเข้ามา ตบเบาๆ หนึ่งคราด้วยความเร็วปานสายฟ้า
พลันเห็นว่าผนึกประกายทองนั่นราวกับถูกฟ้าผ่า ทรุดตัวกระแทกลงพื้นอย่างแรง เกิดเสียงครืนครัน
หืม?
ใบหน้าดุจคมมีดของฮวาอู๋เหินหันขวับไปโดยพลัน เห็นเด็กหนุ่มดูหล่อเหล่าสะอาดสะอ้านที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่คนหนึ่ง
ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างตั้งสติได้ในยามนี้ พากันส่งเสียงด้วยความตกตะลึงอย่างควบคุมไม่อยู่ นี่เป็นใครกันอีก ถึงได้กล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้?
“หลิน…หลินสวิน…ทำไมถึงเป็นเจ้า?”
บนพื้นดิน หลินเสวี่ยเฟิงที่หลับตารอความตายอยู่พลันลืมตาขึ้น ตอนที่เห็นว่าเป็นหลินสวินก็อึ้งค้างอยู่กับที่
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินสวินจะปรากฏตัวในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้
“รนหาที่ตาย!” ฮวาอู๋เหินสะบัดแขนเสื้อ ผนึกประกายทองส่องแสงจ้าทันที ระเบิดพลังออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พุ่งเข้าไปหมายสังหารหลินสวินให้สิ้น
เห็นเพียงหลินสวินไม่ได้หลบ แต่ก้าวเท้าขึ้นหน้า พลังสีฟ้าอ่อนวิ่งพล่านอยู่ทั่วร่างกาย ปล่อยหมัดหนึ่งออกไป ผนึกประกายทองนั่นพลันถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป
ภาพอันทรงพลังน่าสะพรึงกลัวนั่น ทำให้หลายคนตกใจจนหนังหัวชาวาบ
นั่นมันสมบัติลับที่บรรพบุรุษตระกูลฮวาสืบทอดต่อกันมาเชียวนะ ทรงพลังอย่างไม่อาจปฏิเสธ แต่ตอนนี้กลับประหนึ่งไม่อาจต้านทานการโจมตีเดียวได้ กระเด็นออกไปง่ายๆ แบบนี้ มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าฮวาอู๋เหินได้รับแรงสะท้อนกลับ เขากระอักเลือดอย่างกลั้นไม่อยู่ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยามนี้ถึงค่อยตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มที่ปรากฏตัวออกมากะทันหันผู้นี้ไม่ธรรมดา
“เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมายุ่งเรื่องของข้าฮวาอู๋เหิน? ข้าว่าเจ้าอย่ารนหาที่เลยดีกว่า ไสหัวออกไปซะ!” ฮวาอู๋เหินถามเสียงเย็น
โครม!
แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็เห็นหลินสวินปล่อยหมัด ประกายแสงสีฟ้าอ่อนกวาดผ่านฟ้า กลายเป็นปักษาตัวใหญ่ที่กู่ร้องสะเทือนเก้าสวรรค์ พุ่งออกไปสังหาร
กระบวนท่าทลายปักษาเพลิง!
ฮวาอู๋เหินเดือดดาล เคลื่อนพลังทั่วร่างกาย พลันเห็นรุ้งทองศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นพันปรากฏขึ้นอย่างร้อนแรงสะดุดตา อานุภาพไม่ธรรมดา
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิชาลับอันแข็งแกร่ง ทำให้อากาศแปรปรวน เกิดเป็นภาพอันน่ากลัว
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงก็คือ วิชาลับที่ฮวาอู๋เหินใช้นั้น เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นฝุ่นผง ลอยกระจายออกไป
ส่วนตัวเขายิ่งถูกกระบวนท่าทลายปักษาเพลิงโจมตีจนเลือดออกจมูกปาก ล้มลงไปคุกเข่ากับพื้นทั้งอย่างนั้น
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
ถูกตีจนลงไปคุกเข่ากับพื้นต่อหน้าสาธารณะ ความอับอายรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้นี้กระตุ้นให้ฮวาอู๋เหินโกรธจัด หน้าเขียวน่ากลัว
ผู้คนบริเวณนั้นต่างหัวใจสะท้าน เด็กหนุ่มคนนี้โผล่มาจากไหนกันแน่ ไม่เพียงแค่ความสามารถเก่งกาจ ถึงขนาดกล้าสยบฮวาอู๋เหินถึงเพียงนี้ เขาไม่กลัวโดนแก้แค้นหรือไง?
เพี๊ยะ!
หลินสวินไม่พูดอะไรสักคำก็สะบัดฝ่ามือกลางอากาศ ตบฮวาอู๋เหินให้โอดครวญอีกครา ร่างล้มลงไปกองกับพื้น โกรธจนเกือบจะเป็นลมพับไป
รังแกกันเกินไปแล้ว!
เขาตะเบ็งเสียงอย่างขึ้งโกรธ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”
ยามนี้เอง ในที่สุดสีหน้าอันเรียบเฉยของหลินสวินก็มีการตอบสนอง เขาระบายยิ้มเล็กน้อยพลางพูด “รู้”
เพิ่งจะสิ้นเสียง เขาก็ถีบใส่หน้าอกฮวาอู๋เหินอีกครา ฮวาอู๋เหินส่งเสียงร้องแหลมด้วยความเจ็บปวดออกมาก่อนจะกระอักเลือดคำใหญ่ ตัวงอราวกับกุ้งตัวใหญ่ที่ถูกต้มจนเดือด ท่าทางดูเจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่
ทุกคนอดรู้สึกกลัวไม่ได้ รู้ฐานะของฮวาอู๋เหินแล้วยังกล้าลงมือรุนแรงเช่นนี้ เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่?
ส่วนหลินเสวี่ยเฟิงมองจนตาค้างไปแล้ว
ต้องรู้ว่าหลินสวินเพิ่งจะบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณเมื่อสิบกว่าวันก่อน แต่ตอนนี้พลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งจนถึงขั้นเอาชนะฮวาอู๋เหินได้อย่างสิ้นเชิง!
สิ่งที่ทำให้หลินเสวี่ยเฟิงตะลึงมากที่สุดคือ หลินสวินไม่สนฐานะของฮวาอู๋เหินเลยสักนิด ลงมืออย่างไม่เกรงกลัว ภาพนั้นช่างดูสบายๆ เหมือนกำลังสั่งสอนลูกหลานของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ทำให้หลินเสวี่ยเฟิงแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
เขา…ไม่กลัวฮวาอู๋เหินแก้แค้นเลยจริงๆ หรือ?
ในที่สุดหลินสวินก็หยุดมือในยามนี้ เพราะถ้าขืนตีอีก ฮวาอู๋เหินได้พิการแน่ ซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์ของหลินสวิน
“ฟังให้ดี ข้าชื่อหลินสวิน อยู่บนภูเขาชำระจิต ถ้าอยากแก้แค้นก็มาหาข้าได้เลย”
หลินสวินจ้องฮวาอู๋เหินที่ราวกับสุนัขตายข้างถนนด้วยสายตาเฉยเมย “คราวหน้าถ้าได้ยินเจ้าดูถูกตระกูลหลินอีก ข้าเอาชีวิตเจ้าแน่!”
พูดจบเขาก็หมุนตัวพาหลินเสวี่ยเฟิงออกไป โดยไม่หันกลับมามองฮวาอู๋เหินอีกเลยแม้แต่นิดเดียว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด