Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 356
หลินเสวี่ยเฟิงลุกขึ้นอย่างเคืองแค้นราวบ้าคลั่งเด็กหนุ่มผู้นี้ลำพองใจว่าตลอดการฝึกปราณนั้นตนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลหลินแห่งแสงอุดร การทดสอบระดับอาณาจักรเมื่อไม่นานนี้ก็ได้อับดับที่เจ็ดสิบเก้า และถูกรับเข้าศึกษาในสำนักศึกษามฤคมรกตโดยราบรื่นคนเช่นนี้ เป็นที่ยอมรับโดยกว้างขวางอยู่ก่อนแล้วว่าเป็นผู้สืบทอดตระกูลหลินแห่งแสงอุดรแต่เพียงผู้เดียวแต่ตอนนี้เมื่อได้ประลองกับหลินสวิน เขาไม่เพียงกำราบคู่ต่อสู้ไม่ได้ หนำซ้ำยังถูกโจมตีกลับจนได้รับบาดเจ็บ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นการเหยียดหยามดูหมิ่นอย่างยิ่งเด็กหนุ่มขั้นผสานฟ้า อายุอานามหรือก็น้อยกว่าเขา กลับโจมตีให้เขาบาดเจ็บในการประลองได้ เช่นนี้แล้วหลินเสวี่ยเฟิงจะไม่ขัดเคืองได้หรือ“ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเจ้าไว้ต่ำไปจริงๆ แต่ว่าการประลองนี้ยังไม่จบ!” ดวงตาหลินเสวี่ยเฟิงฉายแววเย็นชาราวคมดาบ เย็นเยียบดูน่ากลัว เขาถูกยั่วให้โมโหจริงๆ แล้วแต่หลินสวินที่อยู่ตรงข้ามกลับยิ้มน้อยๆ ร่างเขาอาบไปด้วยเลือด รอยแผลนับไม่ถ้วน เลือดยังหยดติ๋งลงบนพื้นไม่ขาดสาย ดูน่าสะพรึงถึงที่สุดนี่ทำให้คนมากมายคิดว่าถ้าการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป หลินสวินที่ใช้พลังทั้งหมดแล้วต้องปราชัยแน่นอนทว่าตอนนี้ ในช่วงเวลาที่โหดร้ายสาหัสเช่นนี้ เขากลับยิ้มออกมาอย่างผิดคาด!เหตุใดถึงยิ้มออกมาได้เล่าผู้คนโกรธเคืองหน้าเสีย คิดในใจว่า หรือเจ้าเด็กนี่จะยิ้มเยาะพวกเขาอยู่“เสวี่ยเฟิง ถอยไปเถอะ เกินร้อยกระบวนท่าแล้ว การประลองนี้…ไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินต่อไปอีกแล้ว”ทันใดนั้นเสียงเคร่งขรึมทรงอำนาจดังขึ้นจากที่ไกลๆ เป็นหลินไหวหย่วนเอ่ยปากแล้วทั้งลานพลันตกตะลึง ทำสีหน้าไม่ถูก ครั้นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตั้งแต่เริ่มประลองจนถึงตอนนี้ก็เกินข้อตกลงร้อยกระบวนท่ามาแล้วจริงและตามกฎแล้ว เพียงหลินสวินทนได้ถึงร้อยกระบวนท่าโดยไม่ล้มลงไปก็ถือว่าชนะชั่วขณะนั้นเอง แม้แต่สีหน้าของหลินเสวี่ยเฟิงยังแย่ลงไปอย่างหาใดเปรียบ ดวงตาเต็มไปด้วยไฟขัดเคือง เขากลับลืมจุดนี้ไปได้!หรือว่า…ตนต้องยอมแพ้เจ้าเด็กขั้นผสานฟ้านี่จริงๆหลินเสวี่ยเฟิงรู้สึกลำบากใจ ทรมานใจราวต้องกินแมลงวัน เกียรติยศและความภาคภูมิของเขาไม่อาจทำให้เขายอมก้มหัวในเวลานี้ได้!ถึงขนาดที่เขาไม่อยากรามือเช่นนี้ในเวลานี้เลยถ้าเป็นเช่นนี้จริง จะไม่เป็นการพิสูจน์ว่าหลินเสวี่ยเฟิงพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มขั้นผสานฟ้าผู้หนึ่งหรอกหรือ หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป คงได้กลายเป็นเรื่องขบขันในนครต้องห้ามแน่!บรรยากาศเงียบเชียบเวลานี้เองฝูงชนรู้แล้วว่าเหตุใดหลินสวินจึงพลันยิ้มขึ้น นั่นคือรอยยิ้มของผู้ชนะ ดูช่างบาดตานักหลินจงที่อยู่ไกลออกไปก็หัวเราะขึ้น ยินดีราวเสียสติ พูดกับหลินต้าหงที่อยู่ด้านข้างว่า “ไง ท่านคิดว่านายน้อยบ้านข้าเป็นอย่างไร”หลินต้าหงสีหน้าหม่นหมอง มาถามเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า เขาคับแค้นใจ ทำได้เพียงส่งเสียงหึเจื่อนๆ ออกมาหลินจงยิ่งหัวเราะชอบใจ ฝีมือของนายน้อยในวันนี้ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตา อดเปลี่ยนความคิดไม่ได้เขาถึงกับคิดว่า ถ้านายน้อยไม่พลาดการทดสอบระดับอาณาจักร ด้วยความสามารถในการต่อสู้เช่นนี้ น่ากลัวจะผ่านการทดสอบได้โดยราบรื่นแล้ว!ไม่ทันให้หลินจงได้ดีใจ หลินสวินที่อยู่ในลานฝึกยุทธ์พลันพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ยอมแพ้หรือ”หืม?ฝูงชนล้วนตกตะลึง สีหน้าหลายคนพลันนิ่งขึงขึ้น การประลองก็จบลงแล้ว ใยเจ้าเด็กนี่ยังเอาสถานะผู้ชนะเข้าข่มอีกเล่าหลินเสวี่ยเฟิงส่งเสียงหึหยัน ใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาราววารี เขาสาบานไว้ในใจ ถ้าหลินสวินกล้าเอ่ยวาจาลบหลู่เขา เขาจะละเมิดกฎอย่างไม่ถือสา พุ่งเข้าต่อยอีกฝ่ายให้เต็มแรงหนึ่งหมัด!ที่เกินคาดคือหลินสวินหุบยิ้มลง พูดเสียงเรียบว่า “ถ้าไม่พอใจ อีกหนึ่งถ้วยชาข้าจะให้โอกาสเจ้าประลองอีกครั้งหนึ่ง”อะไรนะ?ทั้งลานส่งเสียงอื้ออึง แทบไม่เชื่อหูตัวเองเจ้าเด็กนี่มันบ้าไปแล้วหรือ ตอนนี้เขาเจ็บหนักแบบนี้แล้ว ยังกล้าท้าหลินเสวี่ยเฟิงประลองต่ออีกหนึ่งถ้วยชาเนี่ยนะ!ให้เวลาเท่านี้ น่ากลัวจะฟื้นร่างกายกลับมาไม่ได้หรอก!“นายน้อยบ้านเจ้านี่ใจกล้าเอาเรื่องเลยนะ” หลินต้าหงที่อยู่ไกลออกไปพลันยิ้มคราวนี้เป็นหลินจงที่สีหน้าเคร่งเครียดเสียแล้ว ใจเขาร่ำร้องอย่างเจ็บปวดไม่หยุดหย่อน ไม่เข้าใจว่าในเมื่อหลินสวินได้รับชัยชนะแล้ว เหตุใดจึงต้องสู้อีกยกหนึ่งขนาดหลินไหวหย่วนที่อยู่ไกลออกไปยังอดตะลึงไม่ได้ หลินสวินผู้นี้…คิดอะไรอยู่กันแน่“เจ้าแน่ใจนะ?”. หลินเสวี่ยเฟิงสงสัย“สัตบุรุษไม่อาจพูดเล่น ในเมื่อต่อไปข้าจะควบคุมตระกูลหลินทั้งหมด ย่อมไม่อาจนำเรื่องพรรค์นี้มาล้อเล่นได้” หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบควบคุมตระกูลหลิน!ใจหลินเสวี่ยเฟิงบังเกิดไฟแค้นที่ไม่อาจควบคุมได้ขึ้น กัดฟันพูดว่า “ไม่ต้องเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชาหรอก ให้เจ้าพักฟื้นฟูเต็มที่ เจ้าพร้อมสู้อีกเมื่อไร ข้าจะสู้กับเจ้าจนถึงที่สุด!”คำพูดนี้ดูเอ่ยออกมาอย่างงดงาม แต่ด้านอำนาจนั้นอ่อนด้อยกว่าหลินสวินไปขั้นหนึ่งด้วยอย่างไรเสียตามเงื่อนไขก่อนหน้านี้หลินเสวี่ยเฟิงก็พ่ายแพ้ไปแล้ว เวลานี้เขายังยืนยันจะสู้อีก เห็นชัดว่าไม่โสภาเท่าไรแต่ที่นี่คือตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าหัวเราะเย้ยหยันหลินเสวี่ยเฟิงในทางกลับกัน เพราะหลินสวินพูดขึ้นมาเช่นนี้ ทำให้ผู้คนในลานไม่น้อยเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อหลินสวิน เห็นว่าต่อให้เขาจะโอหังเช่นไร แต่ความกล้าเช่นนี้ก็หาคนเทียบเทียมได้ยากทั้งลานเงียบสงบ ดวงตาทุกคู่มองไปยังหลินสวินที่ยืนอยู่โดดเดี่ยวตรงนั้นต่างกับที่ฝูงชนคาดไว้ หลินสวินไม่ได้นั่งขัดสมาธิฟื้นปราณ ไม่ได้กลืนยาวิญญาณเพื่อรักษาตน เพียงยืนนิ่งเช่นนั้นเลือดย้อมสาบเสื้อ มือยันดาบกับพื้นยืนมั่น!สายลมพัดมา ผมยาวปลิวสยาย บนใบหน้าคมสันหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาตอนนี้เพียงแสดงสีหน้ายากบรรยายออกมาตึง!ทันใดนั้น พลังแข็งแกร่งหาใดเทียบพลันเอ่อล้นออกมาจากร่างของเขา พุ่งทะยานขึ้นไปยังท้องนภา สั่นสะเทือนเมฆา!เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ราวพื้นราบเกิดพายุหมุน แปรผันสภาพอากาศ เปลี่ยนสภาพฟ้าดินโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง“นี่…” ผู้คนมากมายร้องออกมาอย่างตื่นตะลึงบุคคลเช่นหลินไหวหย่วน หลินจง จูเหล่าซานประหนึ่งรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง ดวงตาเปล่งประกายน่าหวั่นใจทันใดนั้นหลินสวินเงยหน้าเล็กน้อย ดวงตาสีดำล้ำลึกมองไกลออกไปยังเวิ้งฟ้าชั่วพริบตา ฝูงชนก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นในใจ หลินสวินคล้ายรออะไรบางอย่าง บนเวิ้งฟ้านั้น ราวกับกำลังจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจริงดังคาด!พลันได้ยินเสียงโครมดังกระหึ่มขึ้นราวกับเทพสายฟ้าคำรามโกรธแค้น ครั่นครืนสะท้อนเวิ้งฟ้า สะเทือนฟ้าดิน ทำให้ผู้คนทั้งลานสะเทือนขวัญนี่มันเกิดอะไรขึ้นไม่นานนักก็เห็นว่าบนเวิ้งฟ้านั้นมีสายรุ้งวิเศษสีฟ้าอ่อนรวมกลุ่มกันอยู่ ราวกลับเป็นแสงเทพมายา ตกลงมาจากจักรวาลกว้างใหญ่สู่โลกมนุษย์พวกมันถักทอเข้าหากัน ลอยอยู่กลางห้วงอากาศ แสดงพลังโดดเด่นยากบรรยายออกมา อาบชโลมไปทั่วร่างของหลินสวินร่างของหลินสวินเวลานี้ราวพายุสูงใหญ่ กลืนกินสายรุ้งวิเศษสีฟ้าอ่อนที่ทอลงมาเป็นสายอย่างบ้าคลั่ง พลังปราณที่ออกมาจากกายเขาเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุด…“ปรากฏการณ์ประหลาดจากฟากฟ้า?”ผู้คนมากมายในลานร้องเสียงหลงอย่างตกใจ ไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าจะได้รับแรงกดดันน่ากลัวที่มาจากฟากฟ้า ทำให้จิตใจพวกเขาไหวระรัวบุคคลระดับหลินไหวหย่วน หลินจง จูเหล่าซานทั้งสามต่างก็ประทับใจ ในความรับรู้ของพวกเขา พลังที่อยู่รอบหลินสวินนั้นกำลังถูกพลังยิ่งใหญ่จากฟากฟ้าชำระล้าง!ตึง! ตึง! ตึง!พายุหมุนราวคลุ้มคลั่ง ใช้หลินสวินเป็นศูนย์กลาง กลืนกินฟ้าดิน!ภาพเช่นนี้เรียกได้ว่าสะท้านโลกาหลินสวินยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ดวงตาปิดลงตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ พายุรอบกายทะยานขึ้นไปบนฟ้า ร่างกลับถูกสายรุ้งสีฟ้าอ่อนเกี่ยวกระหวัดไว้ สว่างจ้าราวตะวัน แสบตาหาใดเปรียบผู้คนมากมายมองเห็นไม่ชัดเจน เพียงเห็นว่าบนเวิ้งฟ้ามีรุ้งวิเศษเกี่ยวกระหวัดกัน กลางฟ้าดินนั้นมีพายุใหญ่หมุนคว้างอยู่ลึกไปในพายุ เงาร่างหลินสวินจมอยู่ในแสงวาววับโดยสมบูรณ์แล้วเวลาเดียวกันนั้น เลือดเนื้อ กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะภายในของหลินสวิน…ทุกกระเบียดนิ้วล้วนราวกับอาบไล้ด้วยเพลิงนิพพาน ถูกพลังมหึมาหล่อหลอมชำระล้าง เกิดความเปลี่ยนแปลงราวเกิดใหม่โครม!ในกายหลินสวิน พลังวิญญาณพุ่งพล่านราวกระแสน้ำเชี่ยวคลั่ง ท่วมทะลัก และถูก ‘หินโม่พายุ’ ลับคมกดอัดอย่างบ้าคลั่งในที่สุดก็รวมกันอยู่เป็นทะเลปราณ‘เปิด!’ หลินสวินเอ่ยเสียงเบาในใจในทะเลปราณที่ปั่นป่วนอยู่นั้นเกิดเสียงระเบิดเปรี๊ยะดังขึ้น ราวเกราะป้องกันไร้รูปร่างถูกตีแตก ประหนึ่งตรวนที่มองไม่เห็นสลายไป เผยให้เห็นโลกใบใหม่ครืน~พลังมหาศาลที่เดิมรวมตัวในทะเลปราณ เวลานี้ดูราวกับพบทางระบายออก ส่งเสียงโครมพลางอาบท่วมกลางทะเลปราณฉับพลัน แม่น้ำพลังวิญญาณสายยาวก่อรูปร่างขึ้นไม่นานนักก็เกิดแม่น้ำพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นหลายสาย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นร้อยเป็นพันสายภายหลัง แม่น้ำพลังวิญญาณที่หนาแน่นนี้ซัดสาดไหลบ่า รวมกันที่จุดเดียว เปลี่ยนรูปเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่!ประหนึ่งมหาสมุทร!ทะเลปราณ รากฐานของปราณ ราวมหาสมุทรไร้ขอบเขตทะเลปราณก่อนหน้านี้เป็นกลุ่มก้อนไร้รูปร่างไม่อาจสัมผัสได้ ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นมหาสมุทรพลังวิญญาณกว้างใหญ่เอ่อล้นรุนแรงนี่ก็คือปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ!เมื่อถึงระดับนี้ ก็พูดได้ว่าปลดเปลื้องโซ่ตรวนที่จำกัดคนทั่วไปไว้โดยแท้ สามารถเรียกลมขอฝน เคลื่อนกายในเวิ้งฟ้า เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ ครอบพลังอำนาจที่ไม่อาจคาดคิดได้ในช่วงยี่สิบกว่าวันที่หลินสวินฝึกปราณที่ยอดภูเขาชำระจิตนั้น เขามีโอกาสจะก้าวข้ามขั้นเลื่อนระดับเมื่อใดก็ได้ แต่เขากลับอดกลั้นไว้ เพราะต้องการตั้งจิตรับพลังมหาศาลของฟ้าดินอย่างสมบูรณ์ทว่าตอนนี้ เมื่อต่อสู้กับหลินเสวี่ยเฟิง แม้ทำให้หลินสวินเจ็บหนักถึงจุดที่แทบรับมือไม่ไหว แต่ในการต่อสู้นี้เอง กลับทำให้พลังมหาศาลของฟ้าดินที่หลินสวินปลุกให้ตื่นนั้นได้รับการขัดเกลาและพิสูจน์!ในที่สุดเขาก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้ ก้าวเข้าไปยังระดับมหาสมุทรวิญญาณ!อีกทั้งยามทะลวงขั้นยังเหนี่ยวนำปรากฏการณ์ประหลาดจากฟากฟ้า!การเลื่อนขั้นนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ รุ้งวิเศษสีฟ้าอ่อนที่ตกลงมาจากเบื้องบนยังเป็นพลังโดดเด่นมหัศจรรย์ ดำเนินการชำระล้างอย่างยากจะได้เห็นแก่หลินสวินตูม!ในที่สุดพลังต่างๆ ก็เอ่อล้นทั่วทั้งภายในภายนอก ทั้งร่างกายจิตใจ เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงหลินสวินในเวลานี้รู้สึกได้ว่าร่างของตนราวกับใกล้ระเบิด อดมองฟ้าแล้วร้องออกมาไม่ได้ เสียงร้องราวมังกรและพยัคฆ์ สั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ชั้นเก้า!ปึงๆๆ!พื้นดินใต้เท้าของเขาแยกออกจมลงไป แล้วกระจายออกรอบทิศคนจำนวนมากในลานตื่นตะลึง สะท้านขวัญจนถอยร่นออกไปแต่หลินเสวี่ยเฟิงที่อยู่ตรงข้ามกับหลินสวินนั้นมีสีหน้าเหม่อลอยอยู่ก่อนแล้ว ราวกับวิญญาณหลุดลอย ถูกภาพการฟื้นพลังมหึมานี้ทำให้หวั่นไหวจนในหัวขาวโพลนไปหมดไม่รู้นานเท่าไร เวิ้งฟ้ากลับมาสงบอีกครั้งหนึ่ง พายุหมุนถูกเก็บเข้าไปรวมไว้ในกายหลินสวิน พื้นที่โดยรอบจึงค่อยๆ กลับสู่ความสงบ“เกิดปรากฏการณ์ประหลาด พลังมหาศาลจากฟากฟ้า นายน้อยบรรลุขั้นครานี้ สามารถกล่าวได้ว่าแตกต่างจากทุกผู้!”หลินจงมีสีหน้าตื่นเต้น ดวงตาวาววับ ห้ามตนไม่ให้หัวเราะเสียงดังไม่ได้ชั่วขณะนี้ใจเขาเต้นระส่ำ คิดถึงนายท่านนายหญิงที่สิ้นไป คิดถึงคนในตระกูลหลินสายตรง คิดถึงช่วงเวลามืดมนที่ตนคุ้มครองภูเขาชำระจิตเพียงลำพังสิบกว่าปีมานี้…ทว่าตอนนี้ การปรากฏตัวของนายน้อย ทำให้เขาเห็นแสงสว่างแล้ว
คอมเม้นต์