Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 341
สีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินต้าหงถูกหลินสวินจับได้เต็มตา ในใจจึงมีคำตอบรางๆ ไว้แล้วเขาไม่ซักไซ้อีก ด้วยจะให้หลินต้าหงแสดงจุดยืนคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักกลับกัน ท่าทีของหลินต้าหงในขณะนี้จัดว่าดีมากแล้ว อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรไม่ได้คิดเห็นไปในทางเดียวกับอีกสามตระกูลที่เหลือ“เจ้าหนุ่ม อย่าถ่วงเวลาอีกเลย พวกข้าหมดความอดทนกับเจ้าแล้ว” เซียวเฟิ่งหรูส่งเสียงหึ“ถ้าเจ้าฉลาดก็จะรู้ดีว่าเงื่อนไขที่พวกข้าเสนอถือว่ามีน้ำใจมากพอแล้ว เจ้าอย่าได้ทำเรื่องโง่เง่าเลย” สือจั่นสีหน้าเรียบเฉย“เด็กน้อย ถ้าตอบรับเงื่อนไขนี้ ก็ลงนามยอมรับในหนังสือสัญญาเสียเถอะ”อีกด้านหนึ่ง ฉางจื่อเหิงก็โยนหนังสือสัญญาออกมาอย่างเบามือลงไปที่เท้าของหลินสวินเหมือนโปรยเงินให้ขอทาน ท่าทางดูถูกเหยียดหยามเป็นที่สุด“บังอาจ!”หลินจงโกรธจนเบิกตาโพลง ทนต่อไปไม่ไหวจึงตวาดออกไป “พวกเจ้า… ท่าทีเช่นนี้มันอะไร”“ตาเฒ่าจง เจ้าเป็นเพียงหมาเฝ้าประตู มีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่ด้วยหรือ”เซียวเฟิ่งหรูดูถูก“อย่าโวยวายเลย เห็นว่าเจ้าเป็นผู้คุ้มครองภูเขาชำระจิตแห่งนี้ให้ตระกูลหลินมานานปี เมื่อพวกข้าสี่ตระกูลย้ายกลับมา ไม่แน่จะมอบกระดูกตอบแทนเจ้าเสียหน่อย” ฉางจื่อหงเหยียดยิ้มร้ายกาจแต่สือจั่นกลับพูดอย่างเหี้ยมเกรียมออกไปว่า “เจ้าบ่าวรับใช้นี่ยังกล้าพูดจาไร้สาระ ระวังข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”หลินสวินหรี่ตาลง อดมองไปที่หลินจงไม่ได้ กลับเห็นว่าฝ่ายหลังใบหน้าพลันเปลี่ยนสี เส้นเลือดบนศีรษะปริแตก โกรธจนหน้าดำหน้าแดงทว่าที่เกินคาดคือ สุดท้ายหลินจงกลับไม่ระเบิดออกไป เพียงแต่ใบหน้าหม่นหมองลงไปมาก อ้างว้างและเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกหลินสวินนึกทอดถอนใจ ทั่นฮวาม้าขาวเสิ่นจิงหลุนผู้มีชื่อสะเทือนเมืองต้องห้ามเมื่อหกสิบปีก่อน…เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้หนอ?เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว เซียวเฟิ่งหรู ฉางจื่อเหิง สือจั่นแสดงสีหน้าได้ใจขึ้นไปอีก“แหม ไม่คิดว่าบ่าวรับใช้ผู้นี้จะอดทนเสียจริง”“อย่างนี้สิถึงเป็นหมาเฝ้าประตูที่เข้าท่า”เมื่อได้ยินคำพูดร้ายกาจหาใดเปรียบเช่นนี้ หลินต้าหงที่อยู่ไกลออกไปกลับใจกระตุกวูบ สีหน้าแปลกประหลาดถึงที่สุดประหนึ่งทั้งสงสาร ทั้งขัดเคือง“เจ้าหนู สุดท้ายขอถามเจ้าคำเดียว จะรับปากหรือไม่รับปาก”ทันใดนั้น เซียวเฟิ่งหรูหมดความอดทนแล้ว ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาหยาบคายสือจั่นกับฉางจื่อเหิงก็ทอดสายตามองมาบรรยากาศในโถงน่าเงียบสงัด ที่อยู่ใต้เท้าหลินสวินคือหนังสือสัญญา ดูแล้วหากเขาพยักหน้า ความวุ่นวายนี้ก็จะจบลงได้พยักหน้าช่างเป็นเรื่องง่ายดาย แต่หลินสวินจะรับปากจริงหรือหลินต้าหงเวลานี้ในใจหดเกร็งไม่หยุด มองไปที่หลินสวินเวลาราวหยุดนิ่งไปโดยพลันบนที่นั่งประธานกลางโถง หลินสวินที่ปีนี้อายุสิบห้าปีดูสุขุมมาโดยตลอด กระทั่งตอนนี้ เขายังคงไม่แสดงความหวั่นไหวออกมาบนใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม มีความสุขุมเยือกเย็นที่ไม่สมกับอายุแต้มอยู่แต่ในสายตาของพวกเซียวเฟิ่งหรูนั้น ความสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้คือการนั่งรอความตายหลังถูกบีบจนอับจนหนทางพวกเขานึกย่ามใจแล้วว่า เมื่อหลินสวินยอมลงนามบนหนังสือสัญญา ก็เท่ากับได้ทำประโยชน์ยิ่งใหญ่ ยามพวกเขากลับไปจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างงาม!ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งรีบร้อนจนทนไม่ไหวเห็นหลินสวินไม่ไหวติงเลยสักนิด เซียวเฟิ่งหรูก็อดไม่ไหวถามขึ้นเสียงแหลม “เจ้าหนู เจ้า…”ไม่ทันพูดจบ ก็พลันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น! พวกเขาเห็นเพียงหลินสวินเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากระบายยิ้มบางๆ จากนั้นเขาก็โบกมือเบาๆกริยาพยักหน้านั้นง่ายมากกริยาโบกมือก็เรียบง่ายเช่นกันแต่ความหมายของสองสิ่งนี้กลับไม่เหมือนกันเลยเซียวเฟิ่งหรู ฉางจื่อเหิง สือจั่นอดตะลึงไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าหลินสวินโบกมือเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรแต่ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็แข็งทื่อไปทั้งตัว สัมผัสได้ถึงจิตสังหารเย็นเยียบน่ากลัวเกินสิ่งใดปกคลุมพวกเขาโดยฉับพลันจิตสังหารที่น่ากลัวปานนี้ ราวทะลุตรงเข้าไปถึงส่วนลึกของจิตใจ ทำให้เลือดในกายพวกเขาเหมือนถูกแช่แข็ง สะท้านขวัญสั่นประสาท ภายในใจตื่นกลัวและสิ้นหวังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แทบขาดอากาศหายใจ!สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปฉับพลัน เพิ่งรู้สึกตัวว่าชายร่างสูงใหญ่กำยำดั่งภูผาที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของหลินสวินนั้น ไม่รู้ลืมตาที่หลุบลงเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อไรเดิมทีเขาสงบนิ่งราวรูปปั้น ทำให้คนมองผ่านไปโดยง่ายดาย แต่ชั่วขณะที่ลืมตาขึ้นมานั้น ก็เหมือนอสูรร้ายโบราณที่ตื่นขึ้นจากนิทรา โอบล้อมไปด้วยจิตสังหารร้ายกาจ!จิตสังหารน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับพันพลหมื่นม้าฝ่าภูเขาศพทะเลเลือดออกมา พาให้ฟ้าถล่มดินถลาย เกิดเสียงครั่นครืน“นี่…”“ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะ!”“จิตสังหารน่าสะพรึงนัก!”เซียวเฟิ่งหรู ฉางจื่อเหิง สือจั่นร้องเสียงหลง ตามข่าวที่พวกตนไปสืบมาได้นั้น ภูเขาชำระจิตแห่งนี้มีเพียงหลินสวินกับหลินจงอยู่แค่สองคน ใครจะคาดคิดว่าชายร่างกำยำที่ยืนนิ่งเงียบราวหินผา จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะที่น่ากลัวหาใดเทียมไปได้โครม!จิตสังหารนั้นเหมือนกระแสคลื่นเกราะเหล็กทำลายล้าง พุ่งชนร่างของพวกเซียวเฟิ่งหรูอย่างโหดร้ายเพียงพริบตา พวกเขาก็รู้สึกเหมือนวิญญาณถูกทิ่มแทงจนเจ็บปวด จิตใจคล้ายแหลกสลาย ดั่งภูเขาเทพไร้รูปกดทับอยู่เหนือร่าง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ้บขึ้น พวกเซียวเฟิ่งหรูทั้งสามพลันถูกจิตสังหารน่าเกรงกลัวนั้นกดดันให้คุกเข่าลงไปตั้งแต่ต้นจนจบ จูเหล่าซานยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว เพียงลืมตาขึ้น ปลดปล่อยจิตสังหารที่ตนมีอยู่แล้วเท่านั้น!เฮือก!หลินต้าหงที่นั่งดูอีกฝั่ง เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเข้ากับตาก็อดสูดลมหายใจเย็นเยียบไม่ได้ ชาหนึบไปทั้งหัว เพียงใช้จิตสังหาร ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณสามคนกดดันจนคุกเข่าได้แล้วหรือ?จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!หลินต้าหงไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นฝีมือของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนอื่นมาก่อน แต่เมื่อนำมาเทียบกับจูเหล่าซานที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ก็อ่อนแอกว่าอย่างชัดเจนจิตสังหารที่หนักแน่นเช่นนั้นถูกนำมาใช้อย่างไร้ที่ติ ควบคุมพลังได้ดังใจ ในระดับหยั่งสัจจะมีน้อยคนนักที่จะทำได้!‘หลินสวินผู้นี้…ไปหาคนมีฝีมือเช่นนี้มาจากที่ใดกัน’ หลินต้าหงตกตะลึงหลินสวินเองก็อดประหลาดใจไม่ได้ เดิมทีที่เขาเรียกจูเหล่าซานมานั้น ก็เพื่อทดสอบว่าแท้จริงแล้วจูเหล่าซานจะเก่งกล้าสามารถขนาดไหนแต่เขานึกไม่ถึงว่าเพียงจูเหล่าซานใช้จิตสังหาร ก็สามารถกดดันให้พวกเซียวเฟิ่งหรูคุกเข่าลงบนพื้นได้แล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบขนาดแรงจะต้านทานยังไม่มี!ฝีมือที่ทำให้ทั้งโลกตะลึงเช่นนี้ จะไม่ทำให้หลินสวินไม่สะท้านได้อย่างไรระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง! ทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงที่ฝ่าภูเขาศพทะเลเลือด กรำศึกในสนามรบนานปี!ทั้งหมดนี้ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าพลังที่แท้ของจูเหล่าซานนั้นน่ากลัวเพียงใดแทบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินสัมผัสได้ชัดเจนว่า พริบตาที่จูเหล่าซานปล่อยจิตสังหารออกไป ร่างของหลินจงที่อยู่ด้านข้างเกร็งตัวขึ้นอย่างยากจับสังเกต เหมือนราชสีห์โต้กลับโดยสัญชาตญาณเมื่อรับรู้ได้ถึงอันตรายคล้ายหลินจงกำลังระวังจูเหล่าซาน!ทว่าเมื่อเห็นว่าจิตสังหารของจูเหล่าซานเพียงปกคลุมเหนือร่างพวกเซียวเฟิ่งหรู แต่หลินสวินไม่ได้รับผลกระทบ แม้หลินจงจะผ่อนคลายลงไม่น้อย แต่ร่างของเขาก็ยังตึงเครียดดังเดิมอยู่หลินสวินผู้หล่อหลอมประสบการณ์ต่อสู้อย่างล้นเหลืออยู่ก่อนแล้ว ย่อมสามารถจับสังเกตรายละเอียดที่รับรู้ได้ยากนี้ได้เป็นธรรมดา“สารเลว! เจ้าหนูกล้าต่อกรกับพวกเราหรือ ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรืออย่างไร”“อย่าคิดนะว่ามีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะมาช่วยแล้วจะทำตัวกำเริบเสิบสานได้ เจ้าเล่นกับไฟแล้ว!”บนพื้น เซียวเฟิ่งหรู ฉางจื่อเหิง สือจั่นแสดงสีหน้าตกใจระคนโกรธ ร้องคำรามไม่หยุดหย่อน ถูกผู้อื่นบังคับให้คุกเข่ากับพื้น ทำให้พวกเขาทั้งโกรธทั้งอายอย่างที่สุด สีหน้าเปลี่ยนไปไม่น่าดูเอาเสียเลยใจพวกเขาไม่เชื่อว่าหลินสวินจะกล้าฆ่าพวกตน และเพราะเหตุนี้ ต่อให้พวกเขาถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่ ท่าทีก็ยังคงโอหังถึงที่สุดหลินสวินยิ้มพลางลุกขึ้น เอ่ยคำสั่งไปด้วยว่า “จูเหล่าซาน ท่านช่วยข้าดูให้ดี หากผู้ใดกล้าลุกขึ้น ก็สังหารผู้นั้น ไม่ต้องถามความเห็นจากข้า”จูเหล่าซานพยักหน้าอย่างเงียบงันทว่าพวกเซียวเฟิ่งหรูพลันเปลี่ยนสีหน้า เจ้าเด็กนี่…กล้าฆ่าคนอย่างนั้นหรือจังหวะที่ตกใจระคนสงสัยอยู่นั้น หลินสวินก็ย่างเท้าก้าวมาข้างหน้าเขาก้มตัวลงเล็กน้อย ตามองคนทั้งสามที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วกล่าวว่า “นัดไว้แล้วว่าจะมาเยือนยามเที่ยง พวกเจ้ากลับจงใจชักช้าร่ำไรจนมาสาย หวังใช้สิ่งนี้ท้าทายความอดทนของข้า นี่คือความผิดข้อแรก”“เข้ามาในโถง ไม่โค้งคำนับทักทาย ตนเป็นแขกแต่ทำตัวเป็นเจ้าบ้านเสียเอง ใช้วาจาร้ายกาจลบหลู่ข้าตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีการยับยั้งชั่งใจ นี่คือความผิดข้อสอง”เมื่อได้ยินหลินสวินคาดโทษเรื่องที่เสียมารยาทก่อนหน้านี้อย่างถ้วนถี่ พวกเซียวเฟิ่งหรูก็ลอบถอนใจโล่งอก ในใจยิ้มหยัน ช่างเป็นเด็กหนุ่มไร้เดียงสาเสียจริง คิดจะมาคาดโทษเอาผิดกับพวกเขาอย่างนั้นหรือน่าขัน!พวกเขามาจากกลุ่มอำนาจตระกูลหลินสายรอง ต่อให้ถูกลงโทษ ก็ไม่มีทางให้เจ้าเด็กอมมือนี่มาลงโทษเองหรอก!ในความคิดของพวกเขา ยิ่งหลินสวินนำเหตุผลงี่เง่าพรรค์นั้นมาหาเรื่อง ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าหลินสวินไม่กล้าเหิมเกริมลงมือกับพวกเขาพวกเขาคิดเคียดแค้น รอมีโอกาสจะต้องให้บทเรียนที่เจ้าเด็กนี่ยากลืมเลือนไปจนตายแต่หลินสวินกลับพูดขึ้นว่า “ข้าเป็นเจ้าของภูเขาชำระจิตแห่งนี้ เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลหลินสายตรง พวกเจ้าเป็นผู้อยู่เบื้องล่างกลับละเมิดเบื้องบน ต้องการบีบให้ข้ายอมสละกรรมสิทธิ์ของตระกูล ลงชื่อในข้อตกลงที่หักหลังบรรพชน นี่เป็นความผิดข้อสาม”“บังอาจดูหมิ่นลุงจง ท่าทีเลวทราม กำเริบเสิบสาน นี่เป็นความผิดข้อสี่”“พวกเจ้ามีฐานะเป็นหัวหน้าผู้ดูแลต่างสกุล แต่กลับท้าทายหลู่เกียรติข้า ไม่เห็นกฎตระกูลอยู่ในสายตา นี่เป็นความผิดข้อห้า”เมื่อพูดถึงตรงนี้รอยยิ้มของหลินสวินพลันหายไป ดวงตาสีดำล้ำลึกคู่นั้นกลับฉายแววเย็นชาโหดเหี้ยมถึงที่สุดออกมาเขาพลันพูดเน้นทุกพยางค์เสียงเบาว่า “ไม่ว่าจะเป็นความผิดข้อไหน ข้าก็มีเหตุผลเพียงพอจะฆ่าพวกเจ้าทุกคน”พวกเซียวเฟิ่งหรูถูกบังคับให้คุกเข่าลงบนพื้น แต่หลินสวินกลับไม่ถือโอกาสนี้ดูถูกหรือโต้กลับ และไม่ได้ใช้วิธีโหดร้ายเอาคืน เขามีท่าทีเยือกเย็น เพียงใช้กฎตระกูลสะสางเรื่องราว ไม่เหมือนโกรธเคือง ช่างผิดธรรมดายิ่งเมื่อได้เห็นทุกอย่างกับตา หลินต้าหงที่นั่งอยู่ด้านข้างก็หนาวยะเยือกไปทั้งตัว รู้สึกได้ถึงความกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อนไม่ได้กลัวคนบ้าที่เหิมเกริม แต่กลัวความผิดปกติที่เยือกเย็นราวไร้ความรู้สึก!ภาพลักษณ์ของหลินสวินที่เกิดขึ้นในใจของหลินต้าหงเป็นเช่นนี้เองทว่าพวกเซียวเฟิ่งหรูไม่รับรู้ถึงจุดนี้ เมื่อได้ฟังทุกอย่าง พวกเขายิ่งแน่ใจว่าหลินสวินไม่กล้าฆ่าพวกตน ไม่เช่นนั้นเหตุใดต้องยกเหตุผลมากมายถึงเพียงนี้พลันเซียวเฟิ่งหรูพูดพลางหัวเราะ “เจ้าหนู พูดมากไร้สาระเสียจริง เจ้าฆ่าพวกเราเสียเลยสิ ถ้าไม่กล้าก็รีบปล่อยพวกเราไปเสียดีๆ!”
คอมเม้นต์