Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 340
ตระกูลหลินแห่งธารประจิม หัวหน้าผู้ดูแลต่างสกุลเซียวเฟิ่งหรูตระกูลหลินแห่งคานเมฆา หัวหน้าผู้ดูแลต่างสกุลฉางจื่อเหิงตระกูลหลินแห่งยอดวายุ หัวหน้าผู้ดูแลต่างสกุลสือจั่นตระกูลหลินแห่งแสงอุดร หัวหน้าผู้ดูแลหลินต้าหงหลินจงยื่นเทียบเข้าเยี่ยมส่งให้ บนเทียบมีชื่อคนที่จะมาเยือนภูเขาชำระจิตคราวนี้เขียนอยู่น่าสนใจ!มองปราดเดียว หลินสวินก็มองนัยของรายชื่อนี้ออกตระกูลหลินสามสาขาคือ ธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุส่งหัวหน้าผู้ดูแลต่างสกุลสามคนมา แม้ตำแหน่งไม่ได้ต่ำ แต่ก็ยังเป็น ‘คนนอก’มีเพียงตระกูลหลินแห่งแสงอุดรเท่านั้นที่ส่งคนในตระกูลหลินเองออกมา เพียงเท่านี้ก็สามารถดูออกได้หลายเรื่อง‘ทั้งสามสายนี้ส่งคนนอกมาเยือนเหมือนกันหมด นี่เป็นการหมิ่นว่าข้าหลินสวินไม่มีคุณสมบัติพอให้พวกเขาส่งคนสำคัญมากระมัง’ หลินสวินครุ่นคิดเขาพลันถามขึ้น “ลุงจง ท่านคิดเห็นเช่นไร”หลินจงสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ได้มาดีขอรับ”หลินสวินส่งเสียงอืม ดวงตาฉายแววเย็นเยียบพลางพูดว่า “ลุงจง ไปเรียกจูเหล่าซานมา ถ้า ‘ผู้มาเยือน’ เหล่านี้มาก่อเรื่อง จะได้ถือโอกาสนี้ดูเสียหน่อยว่าจูเหล่าซานมีฝีมือเพียงใดกันแน่”บ่าวชราอึ้ง ก่อนพยักหน้ารับคำสั่งแล้วออกไป…ตำหนักชำระจิตชั้นหนึ่งยามเที่ยงมาถึง หลินสวินนั่งอยู่บนที่นั่งประธานกลางโถง ในใจใคร่ครวญอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อวานพญาแร้งพาตัวเสี่ยวเคอกลับไป จนตอนนี้ยังไม่กลับมา หรือว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นตอนไปเสาะหาผู้แข็งแกร่ง“นายน้อย เลยเที่ยงแล้วขอรับ” หลินจงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเตือนหลินสวินพูดไปยิ้มไป “ลุงจง นี่พวกเขากำลังทดสอบความอดทนของข้ากระมัง แน่ล่ะ ข้าไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะจงใจทำเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไร ข้าชักยิ่งตั้งหน้าตั้งตาคอยการมาเยือนของพวกเขาในครั้งนี้เสียแล้ว”เขายิ้มมุมปาก น้ำเสียงเรียบเฉย ทว่าดวงตาสีดำลุ่มลึกกลับไม่ได้ยิ้มตามเลย ใครก็ฟังออกว่าหลินสวินกำลังประชด!“จริงด้วย จูเหล่าซาน ท่านชื่อจริงว่าอะไร” หลินสวินหันหน้าไปทางจูเหล่าซานที่อยู่อีกฝั่ง“ข้าไม่มีชื่อ”จูเหล่าซานตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ เงาร่างสูงใหญ่กำยำ หนวดเครารุงรัง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อยืนอยู่นั้นดูสงบนิ่งราวรูปปั้นหลินสวินร้องอ้อ แล้วไม่พูดอะไรอีก คนอย่างจูเหล่าซาน นิ่งเงียบราวก้อนเหล็ก ถามไปก็รังแต่จะทำให้ตนเบื่อเปล่าๆเวลาผ่านไปจนเลยเที่ยงมานานแล้ว หลินสวินไม่แสดงสีหน้า แต่หลินจงที่อยู่ข้างๆ กลับขมวดคิ้วอย่างช้าๆทันใดนั้นเสียงฝีเท้าจากภายนอกโถงก็ดังขึ้น“ขออภัย มีเรื่องราวรั้งไว้ระหว่างทาง ทำให้ทุกท่านรอนานเสียแล้ว”ตัวคนยังมาไม่ถึง แต่เสียงคำขอโทษดังมาแล้ว หลินสวินเงยหน้าขึ้น ก็พบชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเผละแต่งกายเหมาะสมเดินเข้ามา“นายน้อย ผู้นี้ก็คือหลินต้าหง ถ้านับตามสาแหรกตระกูลแล้ว ถือเป็นอาของท่านขอรับ” หลินจงอธิบายเสียงเบาหลินสวินนั่งนิ่ง ดวงตามองไปทางหลินต้าหง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เชิญเข้ามานั่ง”หลินต้าหงกลับไม่นั่งลง แต่ยกมือทำท่าคารวะอย่างละอาย “ครั้งนี้มาสายเป็นเรื่องไม่บังควร เดิมทีพวกเราสายตระกูลทั้งสี่ตกลงว่าจะมาด้วยกัน แต่ใครจะคิด เหล่าตัวแทนทั้งสามสายถูกเรื่องสำคัญรั้งตัวไว้ ข้ารอพวกเขาไม่ไหวจึงรีบล่วงหน้ามาก่อนเพียงลำพัง”ท่าทีดูจริงใจนัก อดทำให้หลินสวินประหลาดใจไม่ได้ เขามีสีหน้าอ่อนลงไม่น้อย อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้เผยท่าทีปองร้ายอะไรในตอนนี้ยิ่งกว่านั้น ในเทียบเข้าเยี่ยมแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในบรรดาตัวแทนที่สี่สายตระกูลรองส่งมานั้น หลินต้าหงเป็นคนในตระกูลหลินเพียงผู้เดียว นี่ทำให้หลินสวินเปลี่ยนทัศนคติที่ตนมีต่อตระกูลหลินแห่งแสงอุดรไปไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว“ถูกเรื่องสำคัญรั้งตัวไว้หรือ ข้าคิดว่าพวกท่านจงใจเล่นแง่ ต้องการใช้โอกาสนี้ข่มข้าก็เท่านั้น” หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบหลินต้าหงได้แต่ยิ้ม ไม่ต่อความ“เชิญเข้ามานั่ง” หลินสวินจับจ้องหลินต้าหง แล้วเชิญเขาเข้ามานั่งอีกครั้งหลินต้าหงถึงยิ้มพลางยกมือคารวะ “ขอบคุณมากๆ”เขาเลือกที่นั่งที่ตนพอใจแล้วนั่งลง ครานี้จึงเคลื่อนสายตาลอบมองประเมินหลินสวินที่นั่งอยู่บนที่นั่งประธานกลางโถง“นายน้อย จะเริ่มเข้าเรื่องกันเลยหรือไม่ขอรับ” หลินจงซักถามเสียงเบา“รออีกหน่อย” หลินสวินพูดพลางโบกมือ “ขาดตัวแทนจากตระกูลสาขาอีกสามคน อย่างนั้นไม่ใช่ว่าออกจะน่าเบื่อไปหน่อยหรือ”หลินต้าหงหรี่ตาลงราวครุ่นคิดตั้งแต่เขานั่งอยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลินสวินเองก็ดูท่าไม่ยอมเปิดบทสนทนาก่อน พาให้บรรยากาศในห้องโถงกลับไปเงียบงันดังเดิมไม่นานนัก เสียงสนทนาก็ดังมาจากนอกโถง“สิบกว่าปีแล้วนะ ไม่คิดเลยว่าภูเขาชำระจิตจะรกร้างเช่นนี้ ช่างน่าเจ็บปวดใจนัก”“จะไปโทษใครได้เล่า ถ้าตอนนั้นพวกเราสามตระกูลไม่ได้ย้ายออกจากภูเขาชำระจิต สถานที่งดงามเหนือใต้หล้าอย่างภูเขาชำระจิตจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร”“พี่สือไม่ต้องถอนใจ ไม่แน่ว่าใช้เวลาไม่นาน พวกเราสามตระกูลก็ได้ย้ายกลับมาภูเขาชำระจิตแห่งนี้แล้ว”เสียงสนทนาสามหาวไม่สำรวมนั้น เมื่อดังขึ้นในบรรยากาศเงียบเชียบเช่นนี้ช่างระคายหูนักเมื่อได้ยินบทสนทนา ดวงตาหลินต้าหงพลันมองไปทางหลินสวิน คล้ายต้องการดูปฏิกิริยาของเขาแต่เห็นหลินสวินนั่งตัวตรงไม่ไหวติง สีหน้าเรียบเฉยเหมือนครู่ก่อน แม้แต่ริมฝีปากยังระบายยิ้มที่คล้ายมีแต่ไม่มีหลินต้าหงอดแปลกใจไม่ได้ เด็กหนุ่มผู้นี้… ไม่เหมือนกับที่คาดไว้เลย!ก่อนมาภูเขาชำระจิต หลินต้าหงก็พอได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหลินสวินอยู่บ้าง เช่น เรื่องหลินสวินกลับมาถึงภูเขาชำระจิตคืนแรกก็คลุ้มคลั่ง ทำร้ายกลุ่มลูกหลานวัยเยาว์ของตระกูลหลินแห่งธารประจิมอย่างโหดเหี้ยม ทั้งได้ยินเรื่องที่หลินอิงเจินผู้โดดเด่นในหมู่ลูกหลานรุ่นเด็กของตระกูลหลินแห่งธารประจิมมาทวงความยุติธรรม ก็ถูกหลินสวินฉีกเสื้อผ้าทิ้ง โป๊เปลือยล่อยจ้อนกลางฝูงชนเดิมทีหลินต้าหงนึกว่าหลินสวินผู้นี้เป็นเด็กหนุ่มนิสัยก้าวร้าว ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แต่ครานี้ได้เห็นท่าทางของหลินสวิน เขาก็พบว่าสิ่งที่ตนสันนิษฐานไว้ก่อนหน้าผิดแล้วน่าสนใจ!ในใจหลินต้าหงพลันเกิดความรู้สึกประหลาดที่มาพร้อมเสียงสนทนาน่าหนวกหูนั้น คือชายสองหญิงหนึ่งเดินวางท่าเข้ามาในตำหนักชำระจิต ฝ่ายชายแต่งกายหรูหรา ฝ่ายหญิงแต่งกายประณีตทันทีที่เข้ามา พวกเขาก็หยุดคุยกัน ดวงตารุมมองไปที่หลินสวินซึ่งนั่งอยู่บนตำแหน่งประธานกลางโถง เห็นเพียงเด็กหนุ่มผอมบางหน้าตาหล่อเหลา พวกเขาแสดงอาการดูถูกผ่านทางสายตาโดยไม่ปิดบังเวลานี้ หญิงผู้นั้นก็เอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม “เจ้าเป็นเด็กเหลือขอที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนนั่นใช่หรือไม่”นางสวมชุดสีขาว ผมยาวเกล้ามวยขึ้น บุคลิกสง่างาม แต่วาจากลับเชือดเฉือนไร้น้ำใจ ก้าวร้าวกดขี่เพิ่งเข้ามายังโถงเท่านั้น นางก็เหยียดหยามหลินสวินซึ่งหน้า มาเยี่ยมเยียนเสียที่ไหน มาหาเรื่องกันเห็นๆ!สตรีนางนี้ก็คือหัวหน้าผู้ดูแลต่างสกุลจากตระกูลหลินแห่งธารประจิมเซียวเฟิ่งหรูสีหน้าหลินสวินพลันเคร่งขรึมแต่เขาไม่ทันเอ่ยปาก ชายอีกคนก็หัวเราะพลางพูดว่า “เฟิ่งหรู อย่าไปโกรธเด็กที่อ่อนรุ่นกว่าสิ พวกเรามาที่นี่เพื่อทำธุระนะ”ร่างของชายผู้นี้ผอมสูง ดวงตาทรงสามเหลี่ยมของเขาฉายประกายสดใส เขามีนามว่าสือจั่น มาจากตระกูลหลินแห่งยอดวายุ“ถูกต้อง อย่าร่ำไรอีกเลย เวลาทุกคนมีค่านัก ตอนนี้มาจัดการธุระให้เสร็จดีกว่า”อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย ชายผู้นี้มีสีหน้าโอหังเย็นชา เสียงทุ้มพร่าราวงูพิษยามฉกลิ้น เขามีนามว่าฉางจื่อเหิง มาจากตระกูลหลินแห่งคานเมฆา“เช่นนั้นก็ดี มาเข้าเรื่องกัน” เซียวเฟิ่งหรูตอบรับตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในโถง ทุกคนล้วนไม่เห็นหลินสวินอยู่ในสายตา ขนาดพูดคุยยังไม่เอ่ยถามความเห็นของหลินสวิน ไม่แม้แต่จะให้เด็กหนุ่มได้มีโอกาสพูดแทรกถ้าคนไม่รู้คงคิดว่าพวกเขาเป็นเจ้าของภูเขาชำระจิต ส่วนหลินสวินเป็นตัววุ่นวายที่รอการสอบสวนนี่ทำให้หลินจงมีสีหน้าอึมครึมหาใดเปรียบ ขณะที่กำลังจะเอ่ยอะไรออกไป กลับถูกหลินสวินยิ้มห้ามไว้ พลางพูดว่า “ให้พวกเขาพูดต่อไป”หลินต้าหงที่นั่งนิ่งสังเกตการณ์อยู่นั้นกลับหนังตากระตุก ในใจพลันรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูกเด็กหนุ่มผู้นี้ใจเย็นเกินไปแล้ว ใจเย็นจนน่ากลัว!หลินต้าหงถามตัวเองในใจ ถ้าเปลี่ยนเป็นเขาถูกเย้ยหยันดูถูกเช่นนี้ ใจเขาคงรับไม่ได้แน่ หรือถ้าพูดให้ชัดเจนกว่านั้น ถ้าหลินสวินเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหลินเหวินจิ้งจริงๆ ด้วยศักดิ์แล้ว หลินสวินย่อมเป็นตัวเลือกเดียวที่จะได้สืบทอดภูเขาชำระจิตแน่ล่ะ ‘ตามศักดิ์แล้ว’แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหลินสวิน ไม่ว่าจะเป็นเซียวเฟิ่งหรูผู้นี้ ฉางจื่อเหิงผู้นั้น หรือสือจั่นก็ดี ล้วนเป็น ‘คนนอก’ ทั้งสิ้น!ไม่ใช่คนในตระกูลหลินเลย เป็นเพียงคนต่างสกุลที่อยู่ใต้อำนาจตระกูลสาขาเท่านั้น!นี่มันออกจะเกินไปแล้วแม้ว่าตั้งใจพุ่งเป้าไปที่หลินสวิน แต่ก็ไม่ควรให้คนนอกมาลบหลู่เขาครู่เดียวหลินต้าหงก็ตัดสินได้ว่าที่สามตระกูลหลินสาขารอง ธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ ให้ตัวแทนสามคนนี้มานั้น เห็นชัดว่ามาก่อเรื่อง!ในขณะที่หลินต้าหงจมอยู่ในความคิดนั้นเอง กลับพบว่าเซียวเฟิ่งหรูเมื่อได้ฟังคำพูดของหลินสวินก็พลันหัวเราะหยัน “เจ้าหนู เลิกปั้นท่าวางก้ามใหญ่โตต่อหน้าเราเสีย ถ้าเจ้าโอนอ่อนผ่อนตาม พวกข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ แต่ถ้าเจ้าไม่ร่วมมือ ก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”หลินสวินยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วข้าควรร่วมมืออย่างไร”เซียวเฟิ่งหรูหน้านิ่วคิ้วขมวด ถึงตอนนี้หลินสวินยังยิ้มออกมาได้ ทำให้ใจนางเกิดความรู้สึกชิงชังและรำคาญ“ง่ายมาก พวกเราตระกูลสาขาทั้งสี่ปรึกษากันแล้วว่านับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะย้ายกลับมาภูเขาชำระจิต และพร้อมกันนั้น กิจการต่างๆ ในภูเขาชำระจิตแห่งนี้ก็จะอยู่ในความรับผิดชอบของพวกเราสี่ตระกูลทั้งหมด”เซียวเฟิ่งหรูพูดแผนที่แท้จริงออกมาอย่างไม่อ้อมค้อมนี่เป็นการแข็งข้อถึงที่สุด ไม่พูดพร่ำทำเพลงกับเจ้า จะฟังหรือไม่ก็ตัดสินใจลงไปแล้ว ที่เจ้าต้องทำคือเชื่อฟัง!“แน่ล่ะ เห็นว่าเจ้าเป็นคนในตระกูลหลิน เพียงรับข้อตกลงทั้งหมดนี้อย่างสบายใจ พวกข้าสี่ตระกูลก็จะไม่มากวนใจเจ้า อนุญาตให้พำนักอยู่บนภูเขาชำระจิต ทั้งจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี รับรองว่าเจ้าจะมีกินมีใช้ไม่ทุกข์ร้อนไปตลอดชีวิต”เซียวเฟิ่งหรูเชิดคางขึ้น ท่าทีหยิ่งผยองดั่งราชินีมีบัญชา “เงื่อนไขนี้ก็ถือว่ามีน้ำใจมากแล้วนะ ไม่ได้เรียกร้องทวงบุญคุณจากเจ้า เพียงหวังให้เจ้าจำไว้ว่า ภูเขาชำระจิตนี้ เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเจ้าอย่าได้ยื่นมือมายุ่ง!”หลินจงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว คำพูดพรรค์นี้ไม่เพียงไม่เกรงใจ หนำซ้ำยังเป็นการข่มขู่และดูถูกกันเห็นๆ!พวกเขาเห็นนายน้อยเป็นอะไรพวกเขาเห็นสายเลือดตระกูลหลินสายตรงเป็นอะไรไปเสียแล้วที่เลวร้ายที่สุดคือ ถ้อยคำที่แสดงอำนาจบาตรใหญ่หมายดูหมิ่นถึงที่สุดเหล่านี้กลับออกมาจากปากคนนอก ช่างร้ายกาจนัก!หลินสวินเวลานี้ก็อดหรี่ตาเขม็งไม่ได้ตามที่หลินต้าหงคิดไว้ หลินสวินคงอดทนถึงขีดสุดแล้วเตรียมตอบโต้กลับ แต่กลับพบว่าหลินสวินพลันยิ้มบางๆ ดวงตามองมาที่เขา“ท่านก็คิดเช่นนี้หรือ”คำพูดของหลินสวินทำให้ดวงใจของหลินต้าหงกระตุกขึ้นฉับพลัน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
คอมเม้นต์