Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 337
เขา?ตาของสืออวี่มองไปยังจูเหล่าซาน ก็เห็นร่างสูงใหญ่กำยำ หนวดเครารุงรัง กล้ามเนื้อสีทองแดงที่เปลือยออกมาบึกบึนราวหินผา เปี่ยมด้วยความรู้สึกราวพลังปะทุสีหน้าเขาเย็นชาไร้อารมณ์ เขามีท่าทางสงบนิ่งราวบรรพตไม่อาจสั่นคลอนชิ้ง!ทว่าขณะนี้ จูเหล่าซานเก็บมีด ลุกขึ้นย่างสามขุมออกไปภายนอก“จูเหล่าซาน เจ้าไม่พูดสักคำก็จะไปแล้วหรือ”เทพเศรษฐีสือพูดเสียงค่อยแต่กลับพบว่าจูเหล่าซานเอ่ยขึ้นโดยไม่หันหน้ามามองว่า “ถ้าไม่ตาย กลับมาจะย่างเนื้อวัวให้เจ้ากิน”เทพเศรษฐีพลันหัวเราะ “เช่นนั้นข้าจะรอเจ้ากลับมา!”สืออวี่ลนลาน “ท่านพ่อ ท่านพูดว่าจะช่วยหลินสวินมิใช่หรือ ทำไมถึงมองเขาจากไปอย่างนี้ล่ะ”เทพเศรษฐีเอ็ดว่า “เจ้าโง่ ไม่เห็นรึว่าเขาไปหาเพื่อนคนนั้นของเจ้าเองแล้ว”สืออวี่พ่นน้ำออกมา “อะไรกันนี่”เทพเศรษฐีลุกยืน ยันร่างอ้วนท้วนใหญ่โตขึ้นแล้วหันหน้าไปข้างนอก สีหน้าแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก“นี่ก็คงเป็นเรื่องที่ชะตาลิขิตเอาไว้แล้วกระมัง ช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน…” เทพเศรษฐีทอดถอนใจทันใดนั้น ก็อธิบายที่มาที่ไปแก่สืออวี่แท้จริงแล้วหลินเต้าเฉินทวดของหลินสวิน เป็นผู้มีพระคุณของจูเหล่าซานนั่นเอง!หลายร้อยปีก่อน ขณะนั้นจูเหล่าซานยังเป็นทหารสู้ใหม่แรกเข้าสนามรบ เขาถูกเผ่ามืดซุ่มโจมตี ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังตอนนั้นหลินเต้าเฉินเองไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเขา เพียงบังเอิญผ่านทาง เลยถือโอกาสกำราบเผ่ามืดพวกนั้น จึงเท่ากับพลอยช่วยชีวิตจูเหล่าซานไปด้วยแต่ไม่ว่าอย่างไร จูเหล่าซานก็จดจำเรื่องนี้ไว้ ทั้งสาบานว่าถ้าชีวิตนี้มีโอกาสรอดกลับไปจากสนามรบ จะตอบแทนบุญคุณที่หลินเต้าเฉินช่วยชีวิตตนแน่ทว่าน่าเสียดาย เมื่อจูเหล่าซานกลับมาจากสนามรบ หลินเต้าเฉินก็ร่างสลายสิ้นลมปราณเสียแล้ว สำหรับเขา นี่ไม่ต่างกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆหลังจากนั้นหลายปี จูเหล่าซานก็อยู่ที่ชายแดนสนามรบโดยตลอด หมกมุ่นกับการออกศึก ดำรงชีพด้วยการต่อสู้ พลังจึงทวีความแข็งแกร่งด้วยเหตุนี้ต่อมาเมื่อรู้ว่าครอบครัวสายตรงของหลินเต้าเฉินถูกฆ่าล้างตระกูลไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนเข้า จูเหล่าซานก็กลับมาเมืองต้องห้ามอย่างโกรธแค้น แต่พอเขากลับมาถึง ศัตรูก็สาบสูญไปนานแล้ว ยังให้ความแค้นของเขาไม่มีที่ระบายออก ในที่สุดเขาจึงหมดอาลัยตายอยาก แล้วกลายเป็นพ่อครัวไร้นามอยู่ที่เรือนรู้รสแห่งนี้สืออวี่เมื่อรู้เรื่องราวทุกอย่างเข้าพลันเกิดความเคารพขึ้นในใจ “จูเหล่าซานผู้นี้เป็นชายชาตรีที่ยึดมั่นในคำสัญญาโดยแท้”เทพเศรษฐีพยักหน้า “จูเหล่าซานในตอนนั้นเป็นเพียงทหารเล็กๆ ไร้ความสำคัญ ขนาดท่านเต้าเฉินคงยังไม่น่ารู้ว่าจะมีทหารผู้น้อยสาบานว่าจะตอบแทนบุญคุณที่บังเอิญช่วยชีวิตไว้ครั้งหนึ่ง แต่จูเหล่าซานก็ทำเช่นนี้แล้ว”เทพเศรษฐีพูดพลางทอดถอนใจ “ตอนที่รู้เรื่องเหตุนองเลือดที่เกิดกับตระกูลท่านเต้าเฉินเข้า จูเหล่าซานกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะนั่งจะนอนก็กระวนกระวายใจ ตกอยู่ในความรู้สึกโทษตัวเอง ไม่สามารถดึงกลับมาได้ ผู้ที่มีใจสัตย์ซื่อเช่นนี้ปัจจุบันใต้หล้าหายากนัก”สืออวี่อดตื้นตันใจไม่ได้ ไม่คิดว่าขนาดบิดาของตนยังยกย่องจูเหล่าซานอย่างนี้ ทันใดนั้นเขาก็โพล่งขึ้น “ถ้าอย่างนี้ ครั้งนี้ข้าก็มาได้พอดีจริงๆ”“นี่เป็นกงเกวียนกำเกวียนที่เบื้องบนลิขิตน่ะสิ เหตุที่ท่านเต้าเฉินยื่นมือช่วยเหลือโดยไม่ตั้งใจในคราวนั้น พันผูกให้เกิดผลในวันนี้ กงเกวียนกำเกวียน บุญทำกรรมแต่ง น่าอัศจรรย์เกินบรรยาย” เทพเศรษฐีถอนใจสืออวี่ส่งเสียงรับเบาๆ พลางรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้เต็มไปด้วยความบังเอิญหากไม่ใช่ตนนำข่าวหลินสวินเหลนของหลินเต้าเฉินมาบอกจูเหล่าซาน จูเหล่าซานคงอยู่ที่เรือนรู้รสไปทั้งชีวิต จมอยู่กับห้วงความรู้สึกโทษตัวเองไม่อาจออกมาได้ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเต้าเฉินบังเอิญให้ความช่วยเหลือ จูเหล่าซานก็คงไม่มีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ทั้งหมดล้วนเป็นบุญทำกรรมแต่งโดยแท้ ไม่อาจลิขิตล่วงหน้าได้“ระดับมหาสมุทรวิญญาณมีอายุขัยสามร้อยปี ระดับหยั่งสัจจะมีอายุขัยหกร้อยปี ระดับกระบวนแปรจุติมีอายุขัยเก้าร้อยปี จูเหล่าซานในปัจจุบันเหลืออายุขัยจากระดับหยั่งสัจจะอยู่น้อยนิด ถ้าคราวนี้เขาได้ทดแทนบุญคุณ คลายปมในใจ อาจมีโอกาสเลื่อนเข้าระดับกระบวนแปรจุติ ยืดอายุขัยออกไปได้อีก”ไม่รู้ว่าเทพเศรษฐีนึกอะไรได้ พึมพำขึ้นมา “ถ้าไม่เช่นนั้น การแทนคุณครั้งนี้ ก็จะกลายเป็นช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตผู้ฝึกปราณของเขา”“จริงสิท่านพ่อ ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่าน” สืออวี่รีบพูดขึ้นเทพเศรษฐีตื่นจากภวังค์ความคิด พลันพูดว่า “ถ้าเป็นเรื่องยุ่งยากก็อย่าได้ยกขึ้นมาเลย พ่อวุ่นวายใจเหลือเกิน”สืออวี่พูดพลางหัวเราะ “เป็นเรื่องดีที่ใหญ่ราวฟ้าต่างหากขอรับ”พูดจบก็เล่าเรื่องตนจะประมูลสมบัติมหาศาลเกินคนรุ่นเดียวกันแทนหลินสวินให้ฟัง“ทำดีมาก! ข้าเพิ่งมารู้เอาตอนนี้ว่าสิ่งที่ชอบที่สุดก็คือการหาเงิน แล้วก็ตอนคิดเรื่องหาเงินนี่ล่ะ ข้าถึงมีความสุขขึ้นมาได้”เทพเศรษฐีพลันหัวเราะเสียงดัง เอามือตบไหล่สืออวี่จนฝ่ายหลังเสียการทรงตัวเกือบล้มไปกับพื้นสืออวี่ยิงฟันอย่างเจ็บปวดพลางลูบไหล่ ดีใจอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับและคำชมจากบิดา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!…ภูเขาชำระจิต“พญาแร้ง นี่คือเงินหกหมื่นเหรียญทอง”ทันทีที่กลับมา หลินสวินก็นำเงินก้อนโตที่เพิ่งได้รับมอบให้พญาแร้ง จากนั้นจึงนำเงินที่เหลือเพียงสี่พันเหรียญทองมอบให้หลินจงเผื่อใช้ในยามฉุกเฉินกล่าวได้ว่าเงินที่ได้มาอย่างยากลำบากจากการขายทรัพย์หลังศึกกองโตนั้น หลุดลอยไปจากกระเป๋าในชั่วพริบตา“หกหมื่นเหรียญทองก็พอจ้างผู้แข็งแกร่งดีๆ ได้หลายคนแล้วล่ะ”พญาแร้งไม่ได้ถามว่าเงินก้อนนี้มาจากไหน เขารับเป็นธุระให้เท่านั้น “แต่ข้าขอเตือนเจ้าคำหนึ่ง”หลินสวินพึมพำ “พูดสิ่งที่คิดมาเถิด”“นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ภายหน้าโอกาสที่ต้องใช้เงินมีแต่จะมากขึ้น ถ้าเงินขาดมือขึ้นมา ความพยายามที่ลงทุนลงแรงไปในอดีตคงสูญเปล่าเป็นแน่” พญาแร้งเอ่ยเสียงเบาหลินสวินพลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน ขณะนี้ภูเขาชำระจิตการเงินฝืดเคือง ทรัพย์สินที่หลินสวินเคยครอบครองตอนนั้น ไม่ถูกศัตรูจากภายนอกปล้นจนสิ้น ก็ถูกญาติ ตระกูลสาขาทั้งสี่แบ่งกันเองจนหมด ที่ทิ้งไว้ให้หลินสวินมีเพียงเปลือกหอยกลวงเปล่าๆ เท่านั้นสถานการณ์แบบนี้ หากเขาต้องการควบคุมภูเขาชำระจิต เหลียวมองรอบตัว ไม่มีเงินคงไม่ได้จริงๆยังดีที่เขามอบสมบัติหายากแก่สืออวี่ ให้สืออวี่เป็นธุระขายออกไป เชื่อว่าผ่านไปไม่นานจะนำความมั่งคั่งก้อนโตมาสู่ตนอย่างแน่นอนดังนั้นดูจากตอนนี้แล้ว มั่นใจได้ว่าช่วงเวลานี้หลินสวินไม่ต้องปวดหัวเรื่องเงินไปพักหนึ่งถึงอย่างนั้น การขายสมบัติแลกเงินก็ไม่ใช่แผนระยะยาว ภูเขาชำระจิตจำต้องฟื้นคืนความรุ่งเรืองที่เคยมีในวันวาน ปัญหาสำคัญจึงอยู่ที่จะจัดการ ‘ศึกในศึกนอก’ อย่างไร เพียงแค่ญาติตระกูลสาขาของเขายอมก้มหัวอยู่ใต้อำนาจ คายสิ่งที่แบ่งกันไปตอนนั้นมาทั้งหมดก็เพียงพอสำหรับการฟื้นคืนชีวิตให้ภูเขาชำระจิตแล้วหรือจะพูดเกินกว่านั้นอีก ถ้าชิงสมบัติที่ศัตรูภายนอกปล้นไปตอนนั้นกลับคืนมาได้ ก็สามารถนับนิ้วรอวันที่ภูเขาชำระจิตจะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งได้เลยแน่นอน ทั้งหมดนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป หนำซ้ำยังเต็มไปด้วยอันตราย ไม่อาจจัดการสิ่งเหล่านี้ได้โดยง่ายดาย“เจ้าวางใจเถอะ เรื่องเงินๆ ทองๆ ให้ข้าทำเอง”หลินสวินถอนใจเฮือกใหญ่ แม้แรงกดดันจะมีมาก ภาระจะหนักอึ้ง รอบตัวอันตราย แต่เขาต้องแบกรับต่อไป“เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว” พญาแร้งพยักหน้าทันใดนั้น หลินจงที่รอรับคำสั่งอยู่ก็เอ่ยปากถามขึ้น “ขอบังอาจถามท่านพญาแร้งว่าต้องการไปหาคนที่ตรอกหมื่นเรือนหรือไม่”ตรอกหมื่นเรือน!นั่นเป็นที่รวมผู้มีความสามารถของเมืองต้องห้าม ผู้ฝึกปราณที่มาหาเลี้ยงชีพในเมืองต้องห้ามจากทั่วสารทิศนับไม่ถ้วนล้วนหางานที่นั่นผู้มีความสามารถนานาชนิดมีครบครัน คนที่พื้นเพยากจนไม่น้อยเป็นผู้เก่งกาจ ครั้นจะให้พวกเขาทำงานให้ ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนก้อนโตในเมืองต้องห้าม ยามผู้มีอิทธิพลต้องการเสาะหาข้ารับใช้จำพวกผู้คุ้มกันก็มักเลือกไปตรอกหมื่นเรือนทว่าพญาแร้งยิ้มพลางส่ายหัว “ไม่ใช่” เขาไม่ได้อธิบาย แต่กลับมีความมั่นใจบางอย่าง เห็นชัดว่าในใจมีแผนการเตรียมไว้แล้วไม่นานนัก พญาแร้งก็ออกจากยอดเขาชำระจิต กลับออกไปกับเสี่ยวเคอหลินสวินกลับไปห้องหนังสือยอดเขาชำระจิตที่อยู่ชั้นสอง บนโต๊ะหนังสือมีบัญชีหนาเตอะเล่มหนึ่งวางไว้ ด้านบนสรุปรายการทรัพย์สินทั้งหมดที่ถูกปล้นในตอนนั้นแบ่งคร่าวๆ เป็นประเภทตำราฝึกปราณโบราณ หอเก็บยา ยาวิญญาณ สมบัติวิญญาณ สมบัติหายาก ด้านล่างของแต่ละประเภทมีการแจกแจงชื่อสิ่งของและจำนวนที่ถูกชิงไปโดยละเอียดหลินสวินเปิดอ่านทีละหน้าจนจบ ก็อดพ่นลมหายใจขัดเคืองออกมามิได้แม้จะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลังจากเหตุนองเลือดครั้งนั้น ทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดของภูเขาชำระจิตจะถูกชิงไป แต่เมื่อเห็นจำนวนกับรายการเป็นรูปธรรมของทรัพย์สินเหล่านั้น ใจหลินสวินก็ถูกความแค้นที่ไม่อาจต้านทานได้ถาโถมดังเดิม“บัญชีนี้ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะสะสางกับพวกเจ้าทุกคนอย่างแจ่มแจ้งเชียว”ดวงตาหลินสวินฉายแววตาโหดเหี้ยมเขาเก็บบัญชีเข้าไปอย่างระมัดระวัง เอนหลังลงบนเบาะนิ่มของเก้าอี้ ดวงตาพร่าลงเล็กน้อย ทอดตามองเหม่อลอยตั้งแต่เข้าเมืองต้องห้ามมาถึงบัดนี้ เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้หลินสวินรู้สึกอ่อนล้ากับการดิ้นรนเอาตัวรอดนักได้รู้ชาติกำเนิด ปีนขึ้นภูเขาชำระจิต สั่งสอนพวกลูกพี่ลูกน้องตระกูลสาขาที่ดื่มกินสังสรรค์ที่ยอดเขา วิเคราะห์สถานการณ์โดยรอบ และได้ไปที่เรือนพญาแร้ง เชิญเสี่ยวเคอกับพญาแร้งกลับมาต่อมาก็จัดการให้เสี่ยวเคอสอดแนมข้อมูลของคนในตระกูลรองทั้งสี่ มอบหมายพญาแร้งให้หาไพร่พลซื้อม้าเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ จึงจำต้องไปอัครการค้าขายทรัพย์หลังศึก…ถึงตอนนี้ที่ได้นั่งในห้องหนังสือ คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในหนึ่งวันสั้นๆ หลินสวินอดรู้สึกหนักใจไม่ได้ เป็นผู้สืบทอดตระกูลหลินนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย หลินสวินส่ายหัวไปมา จิตใจค่อยๆ สงบลง ความอ่อนแอคือความรู้สึกที่น่ากลัวที่สุด ก่อนพบจุดเปลี่ยน เขาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองแสดงความอ่อนแอสักนิดเดียว!‘เมื่อเช้าตอนออกจากภูเขาชำระจิต หลินอิงเจินจากตระกูลหลินแห่งธารประจิมถูกข้าหยามเหยียดถึงขั้นนั้น คิดว่าข่าวนี้คงกระจายไปถึงสายตระกูลสาขาทั้งสี่ พวกเขาจะตอบรับกับท่าทีแข็งกร้าวของข้าอย่างไรนะ’หลินสวินจมอยู่ในภวังค์ เขาคิดว่าศึกภายในตระกูลหลินที่ใหญ่ที่สุดก็คือตระกูลสาขาทั้งสี่ ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ฐานะผู้สืบทอดตระกูลหลินของเขาก็คงมีแต่ชื่อเวลานั้นเอง เสียงเคาะประตูห้องหนังสือดังขึ้นเสียงของหลินจงดังตามมา “นายน้อย มีผู้ฝึกนามจูเหล่าซานมาเยือน เขาว่าจะมาตอบแทนบุญคุณขอรับ…”
คอมเม้นต์