Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 327
เดินเล่นอยู่ครึ่งยาม หลินสวินก็ทราบที่อยู่ของเรือนพญาแร้ง จากนั้นจึงจ่ายหนึ่งเหรียญทองจ้างให้รถม้าไปส่งที่นั่นหนึ่งเหรียญทอง หากเป็นที่อื่นสามารถจ้างรถม้าได้เจ็ดแปดคัน แต่ค่าครองชีพในนครต้องห้ามสูงยิ่งนัก หากไม่ได้เกิดมาในตระกูลใหญ่โตร่ำรวย คงยากที่จะตั้งรกรากที่นี่เขตตะวันตกเฉียงเหนือของนครต้องห้ามที่นี่เป็นเขตพลเรือนของราชวงศ์ ผู้อยู่อาศัยเป็นผู้ฝึกปราณที่มาจากทั่วสารทิศ ความเจริญนั้นย่อมไม่สู้เขตอื่นของนครต้องห้าม แม้จะเป็นเช่นนั้น เขตนี้ก็ยังครึกครื้นอยู่มาก หอสุรา โรงเตี๊ยม ร้านค้า หอนางโลม ล้วนมากมายละลานตาเรือนพญาแร้งก็เป็นหนึ่งในหอสุราในเขตนี้ที่ตั้งของมันลับตาคน หลังจากลงจากรถม้าแล้ว หลินสวินตามหาอยู่นานจนมาเจออาคารสองชั้นธรรมดาไม่สะดุดตาอยู่มุมหนึ่งในตรอกเล็กๆเวลาใกล้เที่ยงแล้ว แต่เรือนพญาแร้งมีลูกค้าเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น ดูท่ากิจการคงไม่ค่อยดีเท่าไร“เพื่อนของครูฝึกสวี่ซานชีคงจะเป็นเจ้าของหอสุราแห่งนี้สินะ”หลินสวินเงยหน้ามองป้ายเรือนพญาแร้งตัวใหญ่ สายตาฉายแววประหลาดใจเดิมทีเขาคิดว่าเจ้าของเรือนพญาแร้ง สหายสวีซานชีจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งมากแน่ ใครจะคิดว่าเรือนพญาแร้งกลับเป็นเพียงหอสุราธรรมดาในเขตพลเรือนเท่านั้นหลินสวินไม่ได้ดูถูก เพราะบนโลกนี้มีผู้เก่งกาจมากมายต้องซ่อนตัวอยู่ตามจุดเล็กๆ ไม่สะดุดตาในเมืองที่ครึกครื้นเมื่อหลินสวินกำลังจะก้าวเข้าไปในเรือนพญาแร้งนั้น ถนนไกลออกไปมีเสียงกีบเท้าสัตว์วิ่งสะเทือนเหมือนยกมาทั้งกองทัพ ก่อนจะเห็นกลุ่มผู้ฝึกปราณขี่บังคับสัตว์ปีศาจมุ่งหน้ามาทางนี้เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!ผู้ฝึกปราณใช้แส้ฟาดคนเดินถนนที่ขวางหน้า ท่าท่างอวดดียิ่งนัก“ถอยไป! พวกไม่ดูตาม้าตาเรือ ไสหัวไป!”“ไม่อยากตายก็รีบหลบไป!”คนเดินเท้าร้องระงม วิ่งหลบทางกันจ้าละหวั่นบางคนหลบไม่ทัน ถูกผู้ฝึกตนเหล่านั้นฟาดด้วยแส้จนล้มลงกับพื้น บางคนหลบพ้นแล้วก็ไม่วายถูกคนเหล่านั้นฟาดแส้ใส่จนเนื้อปริอยู่ดีโอหัง ไม่เห็นหัวผู้อื่นนี่เป็นความคิดของหลินสวินที่มีต่อคนเหล่านี้กลางเมืองวุ่นวาย สัตว์พาหนะวิ่งด้วยความเร็วที่ทำให้คนโกรธแค้นก็คือ คนเหล่านั้นทำเรื่องไร้คุณธรรมแล้วยังได้ใจ หัวเราะร่าอยู่หลินสวินหรี่ตาลง ห่างจากเขาไปไม่ไกล เด็กน้อยคนหนึ่งคล้ายกำลังตกใจยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นลืมหลบหลีกเพี๊ยะ!ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งบังคับสัตว์ปีศาจใกล้เข้ามา บนใบหน้าปรากฏยิ้มเหี้ยม ก่อนจะฟาดแส้ใส่เด็กชาย หากแส้นี้ฟาดลงมา เด็กคนนั้นต้องหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่ เสียงร้องดังระงมดังทั่วถนน หลายคนปิดตาไม่กล้ามอง เด็กชายน่าสงสารคนนี้ไม่รอดแน่ๆในตอนนั้นเอง หลินสวินพุ่งตัวเข้าไปกระโดดกอดเด็กชายคนนั้น ก่อนจะพลิกตัวหลบเข้าไปริมถนน แส้ที่ฟาดลงมาโดนหลังของเด็กหนุ่มเข้าอย่างจังจนเสื้อของเขาขาดวิ่น ผิวหนังเลือดไหลเป็นรอย แสบร้อนโชคดีที่เด็กคนนั้นไม่เป็นอะไร เพียงตกใจร้องไห้เท่านั้น“เอ๋”พลันผู้ฝึกตนคนนั้นก็มองหลินสวินด้วยความประหลาดใจ ก่อนแสยะยิ้มละสายตากลับมาไม่สนใจครืนเวลานี้ผู้ฝึกปราณขี่สัตว์ปีศาจหยุดอยู่ข้างหน้าประตูเรือนพญาแร้งอย่างเป็นระเบียบข้างหลังมีม้าเกล็ดทมิฬสี่ตัวลากรถม้าทองแดงมาด้วย แม้ไม่ได้ประดับสิ่งของ แต่กลับให้ความรู้สึกกดดัน เพียงเห็นม้าเกล็ดทมิฬนิสัยดุร้ายสี่ตัวนั้นกับผู้ฝึกปราณนำทาง ก็รู้แล้วว่าเจ้าของรถม้านี้มีฐานะไม่ธรรมดาหลินสวินเลิกคิ้ว ส่งเด็กในอ้อมกอดคืนให้พ่อแม่ของเขา โดยไม่สนใจรอยเลือดบนแผ่นหลัง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองรถม้าคันนั้น ไม่นานก็มีชายหนุ่มในชุดแดง สวมเกราะสีดำทับลงมาจากรถม้า ท่าทางของเขาเลือดเย็น ทั้งร่างคลุ้งกลิ่นเลือดพาให้คนหวาดกลัวหลังจากชายหนุ่มลงมาจากรถม้าแล้ว เขาก็ตรงเข้าไปในเรือนพญาแร้ง โดยมีองครักษ์ตามหลังไปด้วย“ฉือเจ๋อคนนี้อีกแล้ว”บนถนนมีเสียงก่นด่า “ครึ่งปีมานี้เขามาที่เรือนพญาแร้งวันเว้นวัน ก่อเรื่องชวนปวดหัว เลวทรามที่สุด!”“เหอะ เจ้าคนนี้เดิมทีก็ไม่ได้แซ่ฉือหรอก น้องสาวของเขาแต่งเข้าตระกูลฉือ เขาก็เลยพลอยได้ใช้แซ่ฉือด้วย ไม่อย่างนั้นจะกล้าอวดดีอย่างนี้หรือ” มีคนดูแคลน“เจ้าพูดผิดแล้ว ฉือเจ๋อคนนี้แม้จะยากจนแต่พรสวรรค์ไม่เลว ตอนเด็กเคยเข้าไปอยู่ในกองทัพหลายปี สร้างความดีมากมาย หากไม่เช่นนั้นแล้วแค่อาศัยน้องสาวของเขา ก็ไม่มีทางได้ใช้แซ่ฉือหรอก”“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าคนนี้ก็บ้าระห้ำนัก คิดว่าเปลี่ยนไปใช้แซ่ฉือแล้วจะไม่เกรงกลัวอะไรในนครต้องห้ามเลยหรือ คนอย่างนี้จะต้องได้รับการสั่งสอนในสักวัน”“เหอะ ถึงข้าจะอยากเห็นภาพนั้น แต่แค่แซ่ฉือก็พอทำให้ฉือเจ๋อได้ในทุกสิ่งที่ต้องการแล้ว”เสียงพูดคุย ก่นด่า สาปแช่งเซ็งแซ่ตามท้องถนนฉือเจ๋ออย่างนั้นหรือหลินสวินพลันนึกไปถึงสองพี่น้องฉือฉางเหมยและฉือฉางเฟิง คิดถึงการถูกล้อมโจมตีก่อนเข้ามาที่นครต้องห้ามรอยแส้ข้างหลังแม้ไม่ได้บาดถึงเอ็นกระดูก แต่ก็แสบร้อนอยู่มาก ทำให้นัยน์ตาสีดำของหลินสวินทอประกายเย็นเยือก เขาสังหารผู้ฝึกปราณของตระกูลฉือไปไม่รู้เท่าไร วันนี้ก็ถูกคนรับใช้ของคนที่เปลี่ยนแซ่เป็นฉือฟาดแส้ใส่ จะไม่ให้เด็กหนุ่มโมโหได้อย่างไร“สหาย เหตุใดฉือเจ๋อคนนี้ถึงมาที่เรือนพญาแร้งบ่อยๆ” หลินสวินถามคนแถวนั้น“เหอะ ก็สาวงามในเรือนพญาแร้งคนนั้นอย่างไรเล่า”คนผู้นั้นยิ้มเย็น “ฉือเจ๋อหน้าไม่อาย สาวงามคนนั้นไม่สนใจเขาแท้ๆ เขากลับมาวุ่นวายครั้งแล้วครั้งเล่า นิสัยโจรเช่นนี้ แม้จะเปลี่ยนแซ่เป็นฉือก็ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยเลวร้ายของเขาหรอก”“สาวงามหรือ” หลินสวินชะงัก“พี่ชาย เจ้าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกสินะ เจ้าไม่รู้อะไร เมื่อหนึ่งปีก่อน ไม่รู้ผู้จัดการเรือนพญาแร้งไปหาสาวงามมาจากทีใด รูปร่างหน้าตาของนางสวยสดงดงาม ท่าทางเย็นชาสูงส่งอย่างกับภูเขาน้ำแข็ง ไม่นานก็มีขื่อเสียงสะเทือนไปทั่วถนนสายนี้ ดึงดูดลูกค้ามามากมาย”คนผู้นั้นหน้าตาเคลิบเคลิ้ม “ข้าก็เคยเห็นสาวงามคนนั้น รูปร่างกับใบหน้าของนางล้ำเลิศจนอธิบายไม่ได้ หากได้หลับนอนกับนางสักคืน…”หลินสวินมุ่นคิ้วรีบขัดคำ “แต่ข้าว่ากิจการของเรือนพญาแร้งไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เพราะเหตุใดหรือ”ชายคนนั้นเหลือบมองหลินสวินด้วยไม่พอใจ “ยังจะถามอีก ครึ่งปีมานี้ฉือเจ๋อตัวซวยกับพวกคนรับใช้ดุร้ายนั่นมาที่นี่บ่อยๆ ใครจะกล้าไปอุดหนุนเรือนพญาแร้งกันเล่า” ว่าจบก็กรอกตาใส่แล้วเดินจากไปเด็กหนุ่มยืนใคร่ครวญอยู่สักพัก หากเขาเดาไม่ผิด สาวงามที่ฉือเจ๋อตามวุ่นวายนั้นคงจะเป็นครูฝึกเสี่ยวเคอแน่นอนหน้าตาสะสวย ท่าทางเย็นชาราวหิมะ ไม่ใช่นางแล้วจะเป็นใครหนึ่งปีก่อนครูฝึกเสี่ยวเคอออกมาจากค่ายกระหายเลือด เวลาก็ไล่เลี่ยกันพอดี“ฉือเจ๋อเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้าหวังครอบครองความงามของครูฝึกเสี่ยวเคอ เขาไม่กลัวถูกตีตายหรือ” หลินสวินคิดถึงตรงนี้ก็ส่ายหัว ไม่ถูกต้อง หากเป็นครูฝึกเสี่ยวเคอจริงๆ ถูกตามวุ่นวายเช่นนี้แล้ว มีหรือจะไม่ลงมือทำอะไรตุบตับในตอนนั้นเอง เสียงกระทบกระทั่งก็แว่วออกมาจากเรือนพญาแร้ง ลูกค้านับสิบคนถูกโยนออกมาจากในร้าน“รีบไสหัวไปเสีย! ไม่เห็นหรือว่านายของข้าจะทำธุระ หากพวกเจ้ายังโผล่หน้ามามีเรือนพญาแร้งอีก ข้าจะฆ่าทิ้งเสียให้หมด!”ลูกสมุนคนหนึ่งของฉือเจ๋อเอ่ยเตือนลูกค้าหลินสวินขมวดคิ้ว เข้าไปประคองลูกค้าพลางถามไถ่ “ข้างในเกิดอะไรขึ้นหรือ”คนผู้นั้นร้องโอดโอย “ก็ฉือเจ๋อคนนั้นถูกสาวงามปฏิเสธอีกครั้งแล้วน่ะสิ พอเสียสติก็มาทำร้ายพวกข้า”เด็กหนุ่มไม่พอใจแล้ว พุ่งเข้าไปในเรือนพญาแร้งโดยไม่ลังเลเขาไม่ได้ห่วงว่าเสี่ยวเคอจะถูกรังแก แต่กังวลว่าเสี่ยวเคอจะทำร้ายฉือเจ๋อจนถูกตระกูลฉือหมายหัวต่างหากในยามนี้หลินสวินรู้ถึงความขัดแย้งระหว่างตระกูลใหญ่กับชาวบ้านยากจนเป็นอย่างดี หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แม้ฉือเจ๋อจะไม่ใช่ใช่เหตุผลหลัก แต่เพื่อรักษาเกียรติตระกูลฉือ ก็ไม่เป็นผลดีกับเสี่ยวเคอนัก“วันนี้เรือนพญาแร้งปิด รีบไสหัวไป!” ผู้ติดตามฉือเจ๋อสองคนเฝ้าที่หน้าประตูตะคอกบอกเมื่อเห็นหลินสวินบังเอิญหนึ่งในนั้นเป็นคนที่ใช้แส้ฟาดหลินสวินพอดี เมื่อเห็นท่าทางของหลินสวินชัดๆ เขาก็ยิ้มอำมหิตขึ้นมา “เจ้านี่เอง กินแส้เมื่อครู่ยังไม่พอหรือ”ว่าพลางเงื้อแส้ในมือขึ้นจะฟาดหลินสวินเพี๊ยะ!หลินสวินไม่หลบ แต่พุ่งเข้าไปตบหน้าชายคนนั้นจนเลือดออกปากและจมูก ฟันร่วงเกรียว ร่างกายม้วนต้วนลงกับพื้นจนหมดสติลงไปในที่สุด
คอมเม้นต์