Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 324
หลินจงสีหน้าภูมิใจ “คุณชาย ตอนนี้นอกจากท่านแล้ว ในตระกูลหลินก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ครอบครองภูเขาชำระจิต”หลินสวินเข้าใจในทันที นี่เป็นการดูแลแบบพิเศษของทางราซวงศ์หลายร้อยปีก่อน หลินเต้าเฉิน บรรพบุรุษตระกูลหลินระดับสังสารวัฏรบเพื่อจักรวรรดิ แม้สุดท้ายจะเสียชีวิต แต่ก็ช่วยเหลือประเทศชาติให้รอดพ้นจากภัย ดังนั้นราชวงศ์จึงมีราชโองการยกภูเขาชำระจิตให้บุตรหลานของหลินเต้าเฉินหลินเฟยถิง ท่านปู่ของหลินสวินเป็นบุตรชายคนโตของหลินเต้าเฉิน ส่วนหลินเหวินจิ้ง บิดาของเขาก็คือหลานคนโตของหลินเต้าเฉินหากนับตามอายุ หลินสวินก็คือเหลนของหลินเต้าเฉินนั่นเองในเหตุการณ์นองเลือดเมื่อสิบปีก่อน สายเลือดตรงของหลินเต้าเฉินถูกสังหารจนเกือบหมด ดังนั้นหากยึดตามราชโองการนั้นแล้ว หลินสวินคือผู้เดียวที่มีสิทธิ์ครอบครองภูเขาชำระจิตส่วนทายาทสายรองของตระกูลหลิน เนื่องด้วยไม่มีสิทธิ์ แม้พวกเขาจะไม่ยินยอม แต่ก็ต้องย้ายออกจากภูเขาชำระจิตไปหลังจากเหตุการณ์นองเลือดจบลงตามเหตุผลแล้ว สายเลือดตรงของหลินเต้าเฉินเสียชีวิตไปจนหมด แม้แต่ทารกแบเบาะอย่างหลินสวินก็มีคนเข้าใจว่าตายตกไปแล้ว ภูเขาชำระจิตควรได้รับการเวนคืน แต่แปลกตรงที่ราชวงศ์ไม่ได้มีราชโองการใด ทำให้ภูเขาชำระจิตยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้“หรือตอนนั้นพวกเขารู้ว่าข้าไม่ได้ตาย” หลินสวินตั้งข้อสังเกตหลินจงที่หลายปีมานี้อยู่ในภูเขาชำระจิตมาโดยตลอดก็สงสัยเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินหลินสวินว่าอย่างนั้น เขาไม่วายพึมพำ “อาจจะเป็นไปได้ หลายปีมานี้ข้ากังวลมาโดยตลอด ว่าภูเขาชำระจิตจะถูกเวนคืน แต่ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นเลย จนกระทั่งคุณชายกลับมา หากคาดการณ์เช่นนี้ ทางราชวงศ์คงคาดเดาว่าสักวันท่านจะกลับมา”หลินสวินพลันนึกถึงท่านคนนั้นในวัง จะใช่เขาหรือไม่ เด็กหนุ่มรีบสะบัดหัวคำถามนี้ไม่สำคัญในตอนนี้ ที่สำคัญคือภูเขาชำระจิตยังเป็นของตระกูลหลิน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว“ลุงจง ข้าอยากถามอะไรท่านหน่อย” หลินสวินท่าทางหนักแน่นหลินจงนั่งหลังตรงว่า “คุณชายเชิญถามได้เลย บ่าวตอบตอบได้ก็จะไม่ปิดบัง”เด็กหนุ่มยืดตัวเข้าไปหา นัยน์ตาสีดำล้ำลึกจ้องหลินจงนิ่ง “หากข้าจะฟื้นฟูตระกูลหลิน ท่านคิดว่าควรเริ่มลงมือจากที่ใด”บ่าวชราพลันตื่นเต้น แต่ไม่นานก็สงบท่าที กล่าวอย่างขมขื่น “คุณชาย ตอนนี้ภูเขาชำระจิตมีแต่ท่านกับข้าเพียงสองคน จะทำเรื่องเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้”เขาย่อมรู้ดีกว่าหลินสวิน ว่าตระกูลหลินในยามนี้เป็นเช่นไร แม้หลินสวินจะเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่มีสิทธิ์ครอบครองภูเขาชำระจิต แต่เขาก็ยังเด็กเกินไป เพิ่งอายุได้เพียงสิบกว่าปีเท่านั้น ทั้งยังตัวคนเดียวอีก จะฟื้นฟูตระกูลหลินได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหลินสายรองทั้งสี่ไม่มีทางยอมกลับคืนมาแน่กลับกัน หลินจงกล้าฟันธงว่าเมื่อสี่สายรองทราบว่าหลินสวินกลับมายึดครองภูเขาชำระจิต แล้วยังนั่งตำแหน่งเจ้าตระกูลอีก พวกเขาต้องไม่มีทางยอมแน่หลินจงรู้จักคนตระกูลรองเหล่านั้นดี หลังจากเหตุการณ์นองเลือดครั้งนั้น พวกเขาต่างก็แก่งแย่งกำนาจ คบค้ากับศัตรูทำให้เกิดการต่อสู้ภายในตระกูลหลิน อำนาจและทรัพย์สมบัติที่เคยมีก็ถูกแบ่งสรรออกไปจนหมด คนพวกนี้น่ะหรือจะยอมให้หลินสวินครอบครองภูเขาชำระจิตแต่เพียงผู้เดียวยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มอำนาจที่มาเอาสมบัติของตระกูลหลิน เกรงว่าคงไม่ยอมให้หลินสวินได้ทำตามอำเภอใจภายในน่าเป็นห่วง ภายนอกน่ากังวลหลินสวินอายุยังน้อย ตัวคนเดียว อำนาจไม่เพียงพอ หากต้องการรวบรวมกุมบังเหียนตระกูลหลิน นั่นยากกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกหลินสวินรู้ได้ทันทีว่าหลินจงไม่ได้จงใจขัดคอเขา แต่คิดว่าตัวเขาตอนนี้ยังไม่มีความสามารถจะควบคุมตระกูลหลินได้ ทำเอาเด็กหนุ่มได้แต่เงียบไม่พูดจาเขารู้ชัดว่าตอนนี้ขาดกำลังคน กำลังทรัพย์ รวมทั้งทรัพยากรในการสนับสนุน หากอยากฟื้นฟูตระกูลหลิน แน่นอนว่าต้องลำบากอย่างยิ่งยวด แต่ในเมื่อเขากลับมาแล้ว จะไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไรไม่กลัวลำบากก็ให้กลัวตัวเองยอมแพ้ตระกูลหลินในยามนี้จะตกต่ำเพียงใด สถานะอันตรายแค่ไหน สถานการณ์ไม่ดีอย่างไร เพียงเริ่มลงมือแก้ไขไปทีละขั้น สุดท้ายก็ย่อมมีหวังที่จะเปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูกลับมาใหม่อีกครั้ง แต่หากไม่ทำอะไร ยังไม่สู้ออกไปจากนครต้องห้ามเสียตั้งแต่ตอนนี้แน่นอน ตามนิสัยของหลินสวินแล้วไม่มีทางยอมแพ้ไปเช่นนี้แน่นอน“ลุงจง ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ แต่บอกข้าก่อนว่าควรจะทำอย่างไร ทำแล้วอาจจะพ่ายแพ้ แต่หากไม่ทำข้าคงเสียใจไปตลอดชีวิต” หลินสวินสายตามุ่งมั่นหลินจงคิดไม่ตก ครู่ใหญ่จึงกัดฟันว่า “ช่างเถิด บ่าวใช้ชีวิตอาภัพมานับสิบปี อยู่ไม่สู้ตาย หากไม่เพราะไม่อยากให้คนเข้ามายึดครองภูเขาชำระจิตของท่านเจ้าตระกูล ข้าคงขอมตายไปนานแล้ว ในเมื่อคุณชายอยากลองสักตั้ง เช่นนั้นบ่าวก็จะสู้ถวายหัวไปกับท่านด้วย” เขาว่าน้ำเสียงแน่วแน่เด็กหนุ่มยิ้มบาง ตบบ่าหลินจง “ลุงจงไม่ต้องห่วง แม้ข้าจะตัวคนเดียว แต่นับตั้งแต่ข้าเริ่มฝึกปราณมายังไม่เคยเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้”“คุณชาย จะจัดการภายนอกต้องทำให้ภายในสงบเสียก่อน สิ่งที่ท่านต้องทำอย่างแรก ก็คือทำความเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลหลินทั้งหมด”“มีเพียงจัดการปัญหาภายในให้เรียบร้อย พวกเราถึงจะรวบรวมพลังของตระกูลต่อสู้กับศัตรูได้”นี่คือคำแนะนำของหลินจงหลินสวินใคร่ครวญสักพักก็พยักหน้าเห็นด้วยใช่แล้ว เขาเพิ่งเข้ามาในนครต้องห้าม ต้องพบเจอกับเรื่องมากมาย แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือจัดการปัญหาภายในตระกูลเสียก่อนหากจัดการได้ก็เท่ากับว่ามีรากฐานมั่นคง ให้พอจะยืนหยัดขึ้นมาได้ หากรากฐานไม่มั่นคง คิดจะแก้แค้นแทนบิดามารดานั่นก็เสียสติ เลิกคิดไปได้เลยเพื่อเป็นการทำความเข้าใจสถานการณ์ภายในของตระกูลหลิน หลินจงนำหลินสวินออกไปจากตำหนักชำระจิต…หลังภูเขาชำระจิตหอเก็บตำราตึกโบราณเจ็ดชั้นตั้งตระหง่านใต้แสงดาว ที่นี่เป็นที่เก็บตำราของตระกูลหลิน ถือเป็นพื้นที่ต้องห้าม ภายในเก็บรวบรวมวิชาฝึกฝนที่สืบทอดกันมานับพันปีของตระกูลหลินเอาไว้ ตระกูลหลินในเวลานั้นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลชั้นสูง อำนาจคับฟ้า แค่คิดก็รู้ว่าตำราที่สืบทอดกันมาจะน่าตกใจเพียงใดหอเก็บตำรานี้สามารถบ่งบอกได้ว่าตระกูลยิ่งใหญ่แค่ไหนเพียงแต่เมื่อหลินจงพาหลินสวินเข้ามาข้างในแล้ว กลับพบว่าชั้นหนังสือว่างเปล่า มีแต่หยากไย่และเศษกองฝุ่น คล้ายถูกขโมยลักไปจนหมด อย่าว่าแต่ตำราฝึกปราณ แม้เศษกระดาษสักแผ่นยังหาไม่เจอ“คุณชาย หอเก็บตำรามีทั้งหมดเจ็ดชั้น เป็นสถานที่ซึ่งบรรพบุรุษร่วมกันสร้างขึ้นมา ตอนนั้นมีตำราทุกเล่มที่อยู่ในนี้จนเต็มไปหมด”หลินจงเอ่ยเสียงเบา ท่าทางซับซ้อน พลางมองห้องว่างเปล่าเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่“เพียงชั้นแรกก็มีตำราฝึกฝนมากถึงสามพันกว่าเล่ม วิชาลับในการต่อสู้อีกหนึ่งพันเก้าร้อยกว่าเล่ม”“แต่หลังจากเหตุการณ์นองเลือดครั้งนั้น ตำรามีค่าทั้งหลายก็ถูกขโมยออกไปจนหมด” หลินจงพูดเสียงขมขื่นหลินสวินมองไปรอบๆ อยู่นาน ไม่พูดอะไร ทว่ากำหมัดแน่นไม่รู้ตัว“คุณชาย ชั้นที่สองมีตำราฝึกฝนอยู่หนึ่งพันหกร้อยเล่ม และมีวิชาลับในการต่อสู้อีกเจ็ดร้อยกว่าเล่ม”ชั้นที่สองก็มีเพียงชั้นหนังสือว่างเปล่าเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ บางที่มีร่องรอยการต่อสู้และรอยเลือดหลงเหลืออยู่“ไปเถิด ขึ้นไปชั้นสาม”หลินสวินยืนมองเงียบๆ อยู่นาน ก่อนจะสูดลดหายใจลึกเก็บสายตากลับมาหลินจงพาหลินสวินขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกชั้นท่างเปล่าไม่มีสิ่งใดเช่นเดียวกันไม่มียกเว้น จนกระทั่งถึงชั้นบนสุด หลินจงก็นิ่งงัน ท่าทางสลดเศร้าใจมากยิ่งขึ้น ความรู้สึกมากมายอัดอั้นอยู่ภายในใจ คล้ายกำลังจะระเบิดออก บนชั้นเจ็ดชั้นหนังสือไม่กี่ชั้น ด้วยความที่เป็นสถานที่ต้องห้าม หากไม่ใช่เจ้าตระกูลหลินในยามนั้น ล้วนไม่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามา“คุณชาย ชั้นเจ็ดนี้เป็นที่เก็บวิชาลับล้ำค่าของตระกูลหลิน มีทั้งสิ้นเจ็ดเล่ม นอกจากนี้ยังมีวิชาฝึกจิตอีกสี่สิบห้าเล่มที่บรรพบุรุษเก็บเอาไว้ หนึ่งในนั้นมีบันทึกการสืบทอดอำนาจที่แท้จริงอยู่ด้วย” เมื่อพูดจบหลินจงก็คล้ายหมดแรงกาย ท่าทางซึมไปหลินสวินหยุดฝีเท้าไว้แต่เพียงเท่านั้น ไฟในใจคล้ายจะปะทุออกมาจนควบคุมไม่อยู่ ท่ามกลางความสับสน เขาเหมือนมองเห็นภาพศัตรูเข้ามาหอบเอาข้าวของในนี้อย่างบ้าคลั่งนั่นเป็นตำราที่บรรพบุรุษตระกูลหลินรวบรวมมาด้วยความมุ่งมั่นทั้งหมด เป็นต้นตอของการตั้งตระกูล แต่ยามนี้ว่างเปล่าจนหมดสิ้นกรอบหลินสวินสองหมัดกำแน่นจนเสียงกระดูกดังลั่น เส้นเอ็นหลังมือปูดโปน นัยน์ตาสีดำล้ำลึกของเขาคล้ายเป็นวังวนมีไฟลุกแผดเผาผ่านไปนานทีเดียว หลินสวินถึงเก็บสายตากลับมา แล้วก้าวเดินลงไปจากหอเก็บตำรา เด็กหนุ่มไม่กล้ามองต่อไป ด้วยกลัวว่าจะควบคุมไฟแค้นในใจไม่ได้ หอสมบัติที่บรรพบุรุษร่วมกันสรรสร้าง โดนทำลายย่อยยับเพราะเหตุการณ์นองเลือดเพียงคืนเดียวแม้จะเป็นเพียงคนนอก ได้เห็นภาพเช่นนี้แล้วก็ย่อมเสียดาย แล้วหลินสวินที่เป็นบุตรหลานสายตรงของตระกูลหลินเล่า“ลุงจง ท่านรู้หรือไม่ ว่าใครบ้างที่เอาตำราพวกนี้ไป”“รู้ขอรับ”“ดี ท่านเขียนรายชื่อมาให้ข้า ห้ามตกหล่นเด็ดขาด”“คุณชายวางใจ บ่าวไม่เคยลืมคนเลวร้ายพวกนั้น”หลังจากเดินออกมาจากหอตำรา หลินสวินสูดลมหายใจลึก เริ่มสั่งการเรื่องราวให้กับหลินจง เขาพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ตอนปล้นของในหอเก็บตำรามีคนจากตระกูลรองทั้งสี่ด้วยหรือไม่”หลินจงพลันตัวแข็ง สีหน้ากระอักกระอ่วนไม่ต้องถามอีกหลินสวินก็รู้คำตอบ สายตาของเขาฉายแววเย็นชา ปากยกยิ้มบาง “ดี ดีมาก” รอยยิ้มนั้นเย็นเยือกเสียยิ่งกว่าดวงตาของเขา ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ฝ่ายหลินจงที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเย็นวาบจับขั้วหัวใจอย่างน่าประหลาด ส่งผลให้ทั้งร่างเปิดพลังวิญญาณไว้ป้องกันตัว
คอมเม้นต์