Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 323
ด้วยหวาดกลัวพลังของหลินสวิน ชายหญิงพวกนั้นแม้ในใจจะพร่ำบ่น แต่ปากก็ไม่กล้าว่าออกมาหลินสวินไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนพวกนี้คิดอะไร แต่เขาคร้านจะอธิบาย คำพูดวันนี้ก็ไม่ได้พูดให้พวกเขาฟัง เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นแค่พวกเจ้าสำราญ เด็กหนุ่มไม่คิดจะประกาศยืนยันตัวเองให้พวกเขารับรู้ทุกอย่างที่หลินสวินทำไป เพียงต้องการให้พวกเขาเอาเรื่องในภูเขาชำระจิตไปเล่าต่อให้ตระกูลหลินทั้งหลายได้รับรู้ เขาอยากดูว่าถึงตอนนั้นแล้ว จะมีสักกี่คนที่เป็นปรปักษ์กับตนไม่นานหลินจงก็กลับมา ครั้นเห็นคนอื่นคุกเข่ากันหมด ชายชราก็มีท่าทีเป็นกังวล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เขามองออกว่าคุณชายผู้นี้ไม่ใช่คนมุทะลุ ที่ทำเช่นนี้ บางทีอาจเพราะกำลังประกาศศักดา บางทีอาจจะเป็นความต้องการอื่น แต่ไม่ใช่ทำไปเพราะอารมณ์แน่นอน“วันนี้ข้าเพิ่งจะเข้ามาภูเขาชำระจิตครั้งแรก ข้าจะไม่รังแกพวกเจ้า แต่ หลังจากนี้หากพวกเจ้าต้องการขึ้นมาที่ภูเขาชำระจิต ก็ต้องได้รับการยินยอมจากข้าก่อน”หลินสวินโบกมือหันหลังกลับเข้าตำหนักคนเหล่านั้นไม่อยากเชื่อว่าหลินสวินจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ จนเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหายเข้าไปในตำหนักชำระจิตพวกเขาถึงแน่ใจว่าเป็นความจริง“ไป” คนพวกนี้ลุกขึ้น เก็บความแค้นแล้วรีบจากไปพวกเขาจะนำเรื่องราววันนี้ไปบอกผู้อาวุโสในตระกูล แค่ลูกกระต่ายอายุสิบกว่าปีเท่านั้น อาจหาญบอกว่าจะดูแลภูเขาชำระจิต รนหาที่ตายชัดๆจนเมื่อมาถึงชั้นล่างของภูเขาชำระจิต พลันชายคนหนึ่งก็ถามขึ้น “หลินจง เจ้าเด็กนั่นเป็นใคร”คนอื่นต่างพากันรู้สึกตัว นั่นสิ ถึงตอนนี้แล้วพวกเขายังไม่รู้เลยว่าหลินสวินเป็นใครแต่จะโทษพวกเขาไม่ได้ ก่อนหน้านั้นหลินสวินไม่พูดจา เอาแต่ลงมือจนพวกเขางุนงง ไหนเลยจะมีจิตใจคิดเรื่องอื่น“คุณชายคุณหนูทุกท่าน นั่นคือบุตรชายของหลินเหวินจิ้งกับลั่วชิงสวิน นายท่านและนายหญิงของข้า หลินสวิน” หลินจงพูดอย่างภูมิใจ“อะไรนะ”“บุตรของหลินเหวินจิ้ง เขาไม่ได้ตายตั้งแต่คลอดออกมาแล้วหรือ”“หลินจง เจ้าไม่ได้เข้าใจผิดหรอกหรือ”“มิน่าถึงคุ้นตานัก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”คนกลุ่มนั้นโวยวาย ตกใจ พวกเขาถามไถ่กับหลินจงเพื่อยืนยัน ฝ่ายชายชรายืนยันว่าหลินสวินเป็นบุตรของหลินเหวินจิ้งจริงๆก่อนหน้านี้พวกเขาคิดจะไปฟ้องผู้อาวุโสเพื่อแก้แค้นหลินสวินเท่านั้น แต่ยามนี้พวกเขารู้แล้วว่าเรื่องราวหนักหนาแค่ไหน อย่างไรก็ต้องรายงานไปให้ผู้อาวุโสรับรู้ฉับพลันพวกเขาก็รีบจากไป…ในตำหนัก พื้นห้องเละเทะ กลิ่นเหล้าคละคลุ้งหลินสวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง สายตาเหม่อลอย ท่าทางสับสน คล้ายมีเรื่องราวค้างคาเต็มไปหมดนับแต่รับรู้สถานะตัวเอง เดิมทีเขาควรจะดีใจ แต่ความจริงกลับทำให้เขาดีใจไม่ออก เรื่องราวในปีนั้นซับซ้อนเกินไปเหตุการณ์นองเลือดนั้นทำให้ผู้เป็นบิดา หลินเหวินจิ้งถูกฆ่า ผู้เป็นมารดา ลั่วชิงสวินหายตัวไป แม้กระทั่งบรรดาญาติสายเลือดตรงทั้งหมดก็ไม่มีใครมีชีวิตรอดคนร้ายมีนามว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ รู้เพียงว่าเขามาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าแห่งดินแดนลี้ลับ นอกเหนือจากนี้ ก็ไม่มีข้อมูลอื่นใดอีกหากเรื่องราวง่ายดายเพียงเท่านี้ก็ช่างเถิด แต่ความเป็นจริงมักโหดร้ายกว่านั้นมาก เพราะเหตุการณ์นองเลือดทำให้ตระกูลหลินเป็นมังกรไร้หัวตกอยู่ในความระส่ำระส่าย ท้ายที่สุดก็ถูกกลุ่มอำนาจเข้ายึดครองแบ่งสรรอำนาจและทรัพย์สิน จนตกต่ำลงในที่สุดเดิมทีทุกอย่างล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน แต่เมื่อเหยียบเข้ามาในนครต้องห้ามแล้ว เขารู้เพียงตนเป็นบุตรชายของหลินเหวินจิ้ง และต้องแบกรับหน้าที่อะไรบางอย่างพูดง่ายกว่ากระทำจริงเสมอ หลินสวินพบว่าลำบากนัก ทุกอย่างประดังปะเดเข้ามาจนไม่รู้จะเริ่มจัดการจากตรงไหนเขาไม่เคยเจอเรื่องราวเช่นนี้ เด็กหนุ่มที่ออกมาจากคุกเหมืองใต้ดินกลายมาเป็นลูกหลานของตระกูลหลินแห่งนครต้องห้าม จากนั้นก็มีสิทธิ์ในการดูแลหนึ่งในภูเขาแห่งอำนาจ ภูเขาชำระจิตสถานะที่เปลี่ยนไป ทำให้หลินสวินปรับตัวได้ค่อนข้างลำบากคล้ายขอทานตามมุมถนนได้กลายเป็นราชบุตรขององค์จักรพรรดิ ความแตกต่างที่ชัดเจนจนยากจะปรับตัวให้เคยชินได้ง่ายๆแน่นอน เรื่องราวของหลินสวินเปรียบดั่งจุดเปลี่ยนที่สวยงามสำหรับชาวบ้านตาดำๆ ไม่ต้องดิ้นรนก็กลายเป็นบุตรตระกูลผู้มีอำนาจ แถมยังเป็นทายาทสายเลือดตรง จะไม่ให้อิจฉาได้อย่างไรแม้ตระกูลหลินจะตกต่ำ แต่อูฐที่แก่ตายอย่างไรก็ตัวใหญ่กว่าม้า แค่เพียงสถานะของตระกูลผู้มีอำนาจก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะมีได้เหมือนลั่วชิงสวินที่แม้จะโดดเด่นได้ลำดับหนึ่งจากการทดสอบระดับอาณาจักร แต่เมื่อปลงใจกับหลินเหวินจิ้งแล้ว นางกลับถูกตระกูลหลินคัดค้านเพราะอะไรง่ายนัก เพราะว่าลั่วชิงสวินฐานะยากจน แค่สถานะนี้ก็ถูกมองว่าไม่คู่ควรกับหลินเหวินจิ้งแล้วมีเพียงหลินสวินที่เห็นชัดเจนว่าตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลหลินนั้นยุ่งยากและลำบากเพียงใด ทั้งยังมีอันตรายซุกซ่อนอยู่เต็มไปหมดหากเป็นไปได้ เขายอมที่จะไม่เป็นคนของตระกูลหลินจะดีกว่าฐานะสูงส่ง แต่มีหลายคนที่คอยจับผิดเขาในที่ลับตำแหน่งก้าวกระโดด ตลกเป็นบ้าเกรงว่าคงไม่มีคนในตระกูลหลินคนใดยอมให้เขาขึ้นปกครองภูเขาชำระจิตได้ง่ายๆ แล้วจะบอกว่าก้าวกระโดดได้อย่างไรหากหลินสวินตัวคนเดียวอยากจะแบกทุกอย่างไว้บนบ่าแล้ว ทุกอันตรายและความลำบากที่จะประสบย่อมมากกว่าที่คิด หากพลาดก็อาจจะตายอย่างที่ไม่เหลือกระดูกตำหนักว่างเปล่าเงียบสงัด ทั่วพื้นเละเทะ เด็กหนุ่มที่อายุสิบห้าในปีนี้ นั่งอยู่บนเก้าอี้เหม่อลอย คิดถึงเรื่องต่างๆ มากมาย“เข้ามาในนครต้องห้าม เจ้าสามารถก่อเรื่องสะเทือนฟ้าดินได้ตามอำเภอใจ” ในหัวปรากฏจดหมายประทับตราดอกจื่อเย่าและคำในจดหมาย จากนั้นก็คิดถึงท่านผู้นั้นในวังอยู่ๆ นัยน์ตาสีดำของหลินสวินก็ทอประกายขึ้นมา “ตอนนี้มีหลายคนในนครต้องห้ามเข้าใจว่าข้ากับตำหนังแสงทมิฬมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้พวกเขาเข้าใจผิดต่อไปแล้วกัน”ไม่นาน หลินสวินก็นึกถึงคำพูดของชายชราที่มาจากตำหนักแสงทมิฬ ริมฝีปากไม่วายยกยิ้ม“เหตุใดต้องสนอันตรายที่อยู่ตรงหน้า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะก่อเรื่องสะเทือนฟ้าดินให้พวกเจ้าดู” หลินสวินพึมพำในใจ เดิมทีใจที่อึมครึมอับจนหนทางก็มีความมุ่งมาดมาแทนที่…ไม่นานหลินจงก็กลับมา หลินสวินเชิญอีกฝ่ายนั่ง “ลุงจง เล่าเรื่องราวของตระกูลหลินให้ข้าฟังที”หลินจงเตรียมตัวมาแล้วจึงไม่ได้ประหลาดใจ ใคร่ครวญสักพักจึงเริ่มเล่าออกมาหลินสวินเพิ่งจะรู้ว่าที่แท้เมื่อห้าร้อยปีก่อนตระกุลหลินเป็นถึงตระกูลอำนาจระดับสูงในจักรวรรดิจื่อเย่า เทียบได้กับเจ็ดตระกูลใหญ่ของทุกวันนี้การวัดระดับของตระกูลนั้นง่ายดาย มีเพียงข้อเดียว คือในตระกูลมีราชาระดับสังสารวัฏอยู่หรือไม่ในตอนนั้น บรรพบุรุษตระกูลหลินที่มีนามว่าหลินเต้าเฉิน เป็นราชาระดับสังสารวัฏเลื่องชื่อลือนามของจักรวรรดิ เพียงแต่จากนั้น หลินเต้าเฉินโชคร้ายพ่ายแพ้ให้กับราชาคนหนึ่งของจักรวรรดิมืด หลังจากนั้นตระกูลหลินก็เสียหายอย่างหนัก จากตระกูลอำนาจระดับสูงตกมาอยู่ตระกูลอำนาจระดับกลาง น่าอับอายไปกว่านั้นหลายร้อยปีมานี้กลับไม่มีราชาระดับสังสารวัฏถือกำเนิดขึ้นมาเลยแต่กระนั้นอำนาจที่ตระกูลหลินมีก็ไม่ใช่อำนาจที่ตระกูลระดับกลางจะเปรียบได้ บอกได้ว่าเป็นรองเพียงเจ็ดตระกูลใหญ่เท่านั้นเหตุการณ์เช่นนี้ยาวนานมาหลายร้อยปี แม้ตระกูลหลินจะไม่ได้กลับเข้าไปเป็นตระกูลอำนาจระดับสูงแต่ก็ไม่ได้ตกต่ำจนเมื่อสิบห้าปีก่อน ตระกูลหลินเกิดเหตุการณ์นองเลือด ทำให้อำนาจที่ตระกูลหลินเคยมีเปลี่ยนแปลงไปเจ้าตระกูลหลินเฟยถิง และทายาทสายเลือดตรงทั้งหมดถูกสังหาร มังกรไร้หัวทำให้ตระกูลหลินถูกกลุ่มอำนาจให้แบ่งแยกออกไปจนตกต่ำจนทุกวันนี้ อำนาจที่ตระกูลหลินมี เพียงฝืนพูดได้ว่าเป็นตระกูลระดับล่าง แม้แต่ตระกูลอำนาจระดับกลางก็ไม่ใช่หลินสวินได้ยินเช่นนั้นก็เศร้าใจ ห้าร้อยปีก่อน ตระกูลหลินยังเป็นถึงตระกูลระดับสูง อำนาจคับฟ้า มีผู้ฝึกปราณระดับสังสารวัฏประจำในตระกูลห้าร้อยปีให้หลัง กลับตกต่ำถึงขั้นต้องฝืนเรียกว่าตระกูลอำนาจระดับล่าง ไม่เหลือเกียรติใดๆ เทียบกับตระกูลระดับสูงทั้งเจ็ดแล้ว ตระกูลหลินตกต่ำลงรวดเร็วมากไม่นานหลินสวินก็สงบสติอารมณ์ แล้วเอ่ยถาม “ลุงจง เหตุการณ์ในตระกูลหลินตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”หลินจงเล่าเสียงเบา ย้อนรำลึกพร้อมท่าทางเจ็บปวด “หลังจากเหตุการณ์นองเลือดครานั้น สายเลือดของท่านเจ้าตระกูลถูกสังหารหมดสิ้น เหลือเพียงญาติสายรอง…”ที่แท้ ตระกูลหลินมีสายเลือดทั้งสิ้นห้าสาย หนึ่งในนั้นมีสายเลือดของหลินเฟยถิง ท่านปู่ของหลินสวินเป็นทายาทสายตรง ควบคุมอำนาจในตระกูลนอกจากนี้ยังมีตระกูลสายรองสี่สาย ล้วนเป็นทายาทของน้องชายหลินเฟยถิ งและเครือญาติจากการแต่งงานที่ไกลออกไปนี่คือตระกูลใหญ่ ญาติเยอะ สายตรง สายรอง เครือญาติจากการแต่งงาน ญาติห่างๆ ที่นับไม่ถ้วนหลังจากเกิดเหตุการณ์นองเลือด ทายาทสายรองของตระกูลหลินพากันย้ายออกจากภูเขาชำระจิต ไปตั้งรกรากตามที่ต่างๆ ในนครต้องห้าม พวกเขายังคงใช้ชื่อเสียงของตระกูลหลิน แต่ความจริงกลับแตกแยกออกเป็นสี่อำนาจ ปกครองตนเองได้ยินเช่นนี้หลินสวินก็มุ่นคิ้ว จับประเด็นปัญหาสำคัญได้ “ตอนนั้นเพื่อแย่งชิงอำนาจ ตระกูลรองสี่สายร่วมมือกับศัตรู ขโมยทรัพย์สมบัติของตระกูลหลินออกไป แล้วย้ายออกไปจากภูเขาชำระจิตอย่างนั้นหรือ”ภูเขาชำระจิตเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดสิบสองภูเขาแห่งอำนาจ แสดงถึงเกียรติยศและตำแหน่ง ใครจะยอมปล่อยวางสมบัติเช่นนี้ แล้วไปตั้งรกรากที่อื่นย่อมต้องมีเหตุบางประการแน่
คอมเม้นต์