Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 322
ปัง!ประตูหน้าตำหนักถูกถีบออกจนลมเย็ดพัดเอ่อเข้ามา หนุ่มสาวที่เฮฮากันอยู่หยุดการกระทำของตน เพราะพวกคิดว่ามีศัตรูบุกรุกชายคนหนึ่งที่กำลังซุกอยู่บนหน้าอกใหญ่โตของหญิงสาวตกใจจนเผลอกัดลงไปสุดแรง ทำเอาหญิงสาวคนนั้นร้องหวีดเสียงแหลมหลินสวินปราดตามองโดยรอบ บนพื้นกระจุยกระจายไปด้วยข้าวของ กลิ่นเหล้าคละคลุ้งตามตัวชายหญิงทุกคน พวกเขาด่ากราดออกมา“เด็กน้อย อยากตายหรืออย่างไร ถึงกล้าบุกเข้ามาในภูเขาชำระจิตของตระกูลหลิน”“บัดซบ! ไอ้เด็กบ้านี่มาจากไหนกัน”“หลินจง หลินจงไสหัวของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ เจ้าอยากตายหรืออย่างไร ถึงปล่อยให้คนขึ้นมาบนภูเขาชำระจิตตามใจชอบเช่นนี้ เจ้ายังเคารพกฎตระกูลอยู่หรือไม่”หลินสวินยืนมองเงียบๆ หลินจงที่อยู่ข้างๆ กลับเหงื่อตก รีบอธิบาย “คุณชายคุณหนูทั้งหลาย ผู้นี้คือ…”“หุบปาก ข้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเจ้า”หญิงสาวชุดแดงโมโหสุดขีด หยัดกายลุกตะคอกใส่หลินสวิน “ไอ้ตัวสวะ ที่นี่คือตระกูลหลิน ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาหยาบช้าอยู่ ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก”ว่าพลางยกมือขึ้นตบหลินสวินอย่างไรถึงเรียกโอหังก็คือสิ่งนี้เอง ไม่ว่าใครจะกล้าบุกเข้ามาก็ต้องลงมือก่อนค่อยว่ากันเพี๊ยะ!ยังไม่รอให้หญิงชุดแดงเข้ามาใกล้ หลินสวินชิงตบนางเสียฉาดใหญ่ก่อน จนนางกรีดร้องลอยหวือออกไป ล้มลุกคลุกคลาน ผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรังอยู่กับพื้น หน้าข้างหนึ่งบวมเป่งขึ้นมาทันที“ฆ่าคนแล้ว ฆ่าคนแล้ว” หญิงคนนั้นหวีดร้องคล้ายคนบ้า“รนหาที่ตาย” ชายคนหนึ่งตบโต๊ะลุกขึ้น คว้ากระบี่ขึ้นมาตรงเข้าไปหาหลินสวิน ท่าทางเอาเรื่องหลินสวินไม่ถอยหนี แต่กลับเดินเข้าไป ก่อนจะยกมือขึ้นจับกระบี่ของอีกฝ่าย พร้อมกับใช้เท้าถีบเข้าที่หน้าท้องชายคนนั้นตัวโค้งงอ ถูกถีบจนลอยหวือร่วงตุบลงคล้ายคางคกนอนกองกับพื้น ความเจ็บแล่นริ้วจนต้องนิ่วหน้า แม้เขาจะเหลือบตามองเด็ดหนุ่ม แต่ปากยังคงร้องยังโอดโอยผู้คนเห็นการกระทำของหลินสวินแล้วก็ตกใจ กลัวจนตัวสั่น สร่างเมาไปกว่าครึ่ง พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล สายตาที่มองหลินสวินจึงเต็มไปด้วยความสงสัยและหวาดเกรงหลินสวินไม่วายส่ายหน้ากับให้กับท่าทางของพวกเขา ถ้าหากมีศัตรูบุกมาฆ่าจริงๆ ไม่ต้องเปลืองแรงก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย“พวกเจ้ายังยืนบื้ออะไรอยู่ จัดการสิ”หญิงชุดแดงตวาด ผมของนางยุ่งเหยิง หน้าบวมแดง เวลานี้โมโหจนเสียสติทุกคนมองหน้ากันไปมาแต่ไม่กล้าลงมือ หลินสวินดูยังอ่อนวัยมาก เขาเข้ามาในตำหนักไม่พูดจา แต่กลับลงมือได้อย่างรุนแรงจนน่ากลัวหลินสวินยิ้มน้อยๆ เดินเข้าไปหาหญิงชุดแดง“จะ เจ้าจะทำอะไร” หญิงชุดแดงร้องเสียงแหลม แม้หลินสวินจะยิ้ม แต่กลับสร้างความหวาดกลัวให้นางอย่างยิ่งยวด“ลุงจง คุณหนูผู้นี้?” หลินสวินไม่ได้ลงมือ แต่ถามขึ้นเบาๆ“คุณชาย ตามลำดับตระกูลแล้ว นางคือพี่สาวในตระกูลของท่าน หลินอวี่เจียว” หลินจงที่ยืนห่างออกไปรีบรายงานคุณชายพี่สาวในตระกูลคนในตำหนักต่างสงสัย หรือเด็กคนนี้จะเป็นคนในตระกูลหลิน แต่เหตุใดถึงไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อนเลย“อ้อ ที่แท้ก็เป็นพี่สาวในตระกูลนี่เอง” หลินสวินยิ้ม นัยน์ดาสีดำลึกล้ำมองหลินอวี่เจียวในชุดสีแดงนิ่งสงบ ว่าเสียงเบา “เจ้ารู้กฎตระกูลหรือไม่”หลินอวี่เจียวงุนงง “ไร้สาระ ข้าเป็นคนตระกูลหลิน จะไม่รู้กฎตระกูลได้อย่างไร”หลินสวินทำท่าครุ่นคิด “ถ้าอย่างนั้น ใจของเจ้าคงไม่มืดบอด เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดการง่ายแล้ว”เด็กหนุ่มว่าพลางหิ้วหลินอวี่เจียวขึ้นเหมือนจับไก่ แล้วออกแรงสะบัดทิ้งไปทุกคนมองด้วยความตกใจ ร่างกายโค้งเว้าอรชรของหลินอวี่เจียวถูกผลักออกไปนอกตำหนัก ฝ่ายเจ้าตัวได้แต่หวีดร้องเหล่าหนุ่มสาวภายในตำหนักตัวสั่นระริก ด้วยไม่คิดว่าหลินสวินจะลงมือโดยไม่พูดจา“สารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้า!” นอกตำหนัก เสียงหวีดร้องของหลินอวี่เจียวแว่วมา“ไม่ว่าเจ้าจะอยากฆ่าข้าหรือไม่ ตอนนี้ก็อยู่นอกตำหนักรอคำสั่งจัดการ ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือสาที่จะเชือดเจ้าให้พวกเขาดู”หลินสวินบอก น้ำเสียงยังคงราบเรียบ แต่ทั่วร่างกลับแผ่ไอน่ากลัวออกมาคล้ายกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนในวินาทีนั้น คิ้วคมดุจดาบ ตาทอประกายดังสายฟ้า ไม่ว่าหยุดมองที่ไหนก็คล้ายจะเกิดพายุพัดพาขึ้นให้ได้บรรยากาศในตำหนักเงียบกริบ ทุกคนล้วนใจเย็นวาบ สัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามอยู่ทุกลมหายใจ โดยเฉพาะหลินอวี่เจียวที่อยู่นอกตำหนัก เดิมทีนางโมโหเสียสติ แต่เมื่อประสบกับความน่าเกรงขามของหลินสวิน ทั้งร่างก็คล้ายถูกน้ำเย็นสาด ใบหน้าซีดขาว แน่นิ่งเป็นรูปปั้น รับรู้ถึงความอันตรายจากนั้นนางก็คุกเข่าลง ความรู้สึกบอกนางว่าหากยังลังเลอยู่ เด็กหนุ่มที่อยู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นมาคงจะฆ่านางในทันทีแน่นอนหลินสวินที่ผ่านศึกล้างเลือดมามากมายจะเหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาได้อย่างไร อย่าว่าแต่คุณชายคุณหนูเจ้าสำราญในตำหนักเลย แม้เป็นผู้ฝึกปราณที่เชี่ยวชาญการต่อสู้มาอยู่ตรงนี้ ก็สามารถสั่นสะท้านด้วยความน่าประหวั่นพรั่นพรึงของหลินสวินได้เช่นกันหลินจงที่อยู่ด้านหนึ่งของตำหนักเริ่มสับสน เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าคุณชายที่เคยถูกคนขโมยชีพจรวิญญาณไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่เพียงไม่ใช่คนไร้น้ำยา กลับกันเขามีพลังที่มากกว่าปกติเสียอีกในตำหนักเงียบสงัดด้วยถูกพลังของหลินสวินข่มเอาไว้“ใครไม่ใช่คนในตระกูลหลินจงลุกขึ้น” หลินสวินปราดตามองคนเหล่านั้นมีหญิงสาวอรชรห้าหกคนลุกขึ้นมา ทั้งหมดตัวสั่นก้มหน้าไม่กล้ามองหลินสวินตรงๆ“พวกนางเป็นใคร” หลินสวินถามหลินจงกระอักกระอ่วน ลังเลเอ่ย “คุณชาย พวกนาง พวกนางคือคณิกาจากหอนางโลมขอรับ”หลินสวินส่งเสียงรับรู้ โบกมือ “ลุงจง ท่านไปส่งพวกนางที จริงสิ ให้ค่าตอบแทนที่ควรแก่พวกนางด้วย”“ขอรับ” หลินจงพยักหน้าตอบรับเวลานี้ ชายรูปงามคนหนึ่งที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นเครื่องประทินโฉมพลันลุกขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ขะ ข้าก็ไม่ใช่คนตระกูลหลิน”หลินสวินชะงัก ชายคนนี้อ้อนแอ้น ไม่ว่าท่าทางหรือแม้แต่กริยาที่แสดงออกมาล้วนไม่ต่างอะไรจากสตรี เด็กหนุ่มนึกแปลกใจ หรือว่าจะเป็นนายบำเรอที่เขาร่ำลือกัน“คุณชาย นี่คือนายบำเรอนี่คุณชายซิวเหวินเลี้ยงเอาไว้ขอรับ” หลินจงอธิบายเด็กหนุ่มสังเกตว่ามีชายคนหนึ่งท่าทางแปลกไป ชัดเจนว่าเขาคือคุณชายซิวเหวิน“พาเขาออกไปด้วย”หลินสวินสะบัดมือ ถอนหายใจ นี่คือบุตรหลานของตระกูลหลินที่เขาพบเจอในวันนี้ แต่ละคนคลุกเหล้าเคล้านารี ไม่เพียงคลุกอยู่กับคณิกาหอนางโลม กระทั่งเลี้ยงนายบำเรอเอาไว้ด้วย เละเทะเป็นที่สุดไม่นานหลินจงก็พาสาวคณิกากับนายบำเรอเหล่านั้นออกไปในห้องเหลือเพียงชายสี่คนหญิงสองคน และหลินอวี่เจียวที่อยู่ข้างนอกอีกหนึ่งคน หลินสวินยืนอยู่ตรงกลางโถง ไม่พูดจา ทำให้บรรยากาศยิ่งเงียบลงจนชายหญิงเหล่านั้นแทบหายใจไม่ออก“พวกเจ้าก็ไปคุกเข่านอกตำหนัก รอคำสั่งจัดการ” ในที่สุด หลินสวินก็ตัดสินใจ เอ่ยออกมาเสียงเรียบพลันสีหน้าของคนเหล่านั้นก็เปลี่ยนสี คล้ายไม่เชื่อหูตัวเอง“เจ้าอย่าทำเกินเหตุไปนัก! ที่นี่คือภูเขาชำระจิต เป็นสถานที่ของตระกูลหลิน หากผู้อาวุโสในตระกูลทราบเข้า เจ้าต้องตายแน่ๆ” ใครบางคนทนไม่ไหวร้องบอก“ใช่แล้ว เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาจัดการพวกข้า” คนอื่นเริ่มโวยวายตามหลินสวินยิ้มเล็กน้อย “สิทธิ์อะไรอย่างนั้นหรือ”เขาเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เพียงครู่เดียวก็ผลักคนเหล่านั้นออกไปนอกตำหนักจนพวกเขาร้องระงมแต่ต้นจนจบเด็กหนุ่มล้วนไม่มีท่าทีลังเล แม้จะลงมือหนักไป แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเอาชีวิต นี่ก็ล้วนเห็นแก่ที่เป็นคนในตระกูลหลินเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นหลินสวินคงฆ่าพวกเขาตั้งแต่เปิดประตูตำหนักเข้ามาแล้ว“คุกเข่า”สองคำที่ผ่านเข้ามาในหูของพวกเขาคล้ายเป็นคำประกาศิตจากจอมมาร ทำเอาพวกเขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเด็กคนนี้เป็นใครกัน เหตุใดจึงกล้าปฏิบัติกับพวกเขาเช่นนี้ หรือว่าเขาไม่กลัวตายแต่นี่คือภูเขาชำระจิต และเป็นพื้นที่ของตระกูลหลินแม้ในใจจะหวาดกลัวหรือโมโหเท่าไร เมื่อเห็นหวินสวินก้าวออกมาจากตำหนัก พวกเขาก็ตัวแข็งเหมือนมองเห็นเทพที่ละสังขารเดินมาหาตัวเอง จนต้องรีบคุกเข่าลงไปหลินสวินหยุดเดิน สายตาปราดมองคนตระกูลหลินเหล่านี้ ในใจผิดหวัง คนพวกนี้คุกเข่าง่ายเสียจริง หากศัตรูเข้ามายังที่แห่งนี้ คนพวกนี้ล้วนไม่มีประโยชน์อะไรเลย“ข้าชื่อหลินสวิน นับแต่วันนี้ ข้าจะมาดูแลภูเขาชำระจิต” หลินสวินเอ่ยเรียบๆอะไรนะ? คนเหล่านั้นล้วนมีท่าทีไม่เชื่อ เด็กคนนี้กำลังพูดอะไร เขาบอกว่าจะมาดูแลภูเขาชำระจิตอย่างนั้นหรือบังอาจ!แม้ตระกูลหลินจะย่ำแย่แตกระแหง แต่ในนครต้องห้ามยามนี้ ก็ไม่มีขุมอำนาจใดกล้ากล้ำกรายเข้ามาในภูเขาชำระจิตแต่บัดนี้เด็กหนุ่มบุกเข้ามาบอกว่าจะดูแลพื้นที่ของตระกูลหลิน จะไม่เรียกว่าบังอาจได้อย่างไร หากหลินสวินไม่ได้พูดอย่างคร่ำเคร่งจริงจัง พวกเขาคงสงสัยว่าเด็กคนนี้สมองไม่ปกติ
คอมเม้นต์