Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 309
หลินสวินลืมตาขึ้นมาจากการทำสมาธิ เมื่อสัมผัสได้ว่าเครื่องจับพลังพลังสั่นกระเพือม จนเกิดคลื่นที่มองไม่เห็นศัตรูบุกมาแล้ว!เขาหรี่ตาลง นับแต่เริ่มนั่งสมาธิจนถึงตอนนี้ เพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งยามเท่านั้น แต่ศัตรูกลับมาถึงใต้แม่น้ำแล้ว ชัดเจนว่าพวกเขาต้องการลงมือในตอนที่เด็กหนุ่มบาดเจ็บมือขวาของเขากำดาบเวทเรืองแสงไว้จนแน่น ส่วนมือซ้ายจับหน้าไม้ด้ามหนึ่งเดินออกมาที่ปากถ้ำเงียบๆ พลางแผ่กระจายมวลพลังจากจิตออกไปพลันเขารับรู้ถึงผู้ฝึกปราณหลายสิบคนมุ่งหน้ามาทางนี้พร้อมกับกระแสน้ำที่ไหลเอ่อ ยิ่งศัตรูใกล้เข้ามาเท่าไร สายตาของหลินสวินก็ยิ่งเย็นชามากเท่านั้น แม้เขาจะบาดเจ็บหนัก แต่ด้วยพลังจากมุกนักบุญอมตะ ทำให้การอยู่ใต้น้ำที่มีแรงดันสูงเพียงพอให้เขาไม่ต้องกลัวศัตรูหน้าไหนแรงดันน้ำมีมวลความหนาแน่นสูงมาก หากคนธรรมดาลงมา เกรงจะต้องเลือดทะลักเจ็ดรูทวารจนเสียชีวิตไปนานแล้ว หรือแม้แต่ผู้ฝึกปราณระดับจิตผสานวิญญาณก็ไม่สามารถดำน้ำเป็นเวลานานๆ ได้ เพราะเมื่อเคลื่อนไหวร่างกายจะมีแรงต้านสกัดเอาไว้ หากต่อสู้จะใช้พลังได้เพียงครึ่งเดียวมีเพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น ที่สามารถเดินเหินใต้น้ำได้ตามอำเภอใจ พวกเขาใช้พลังจากภายในสื่อสารกับพลังฟ้าดิน ทำให้สามารถเดินทางไปได้ทุกที่ ทั้งในอากาศและในน้ำเห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกปราณที่ดำน้ำลงมาในเวลานี้กำลังเผชิญหน้ากับแรงต้านขนาดใหญ่ ยามเคลื่อนไหวจึงยืดยาดคล้ายมีของถ่วงฟิ้วคลื่นน้ำสะเทือนเมื่อผู้ฝึกปราณคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามาทางถ้ำ ขณะที่เขาเพิ่งประชิดเข้ามา ยังไม่ทันได้สำรวจลักษณะภายในถ้ำก็เกิดอาการตาพร่า ใบมีดหนึ่งตัดลำคอเขาอย่างง่ายดายเสียแล้วเขาตกใจ ให้ตายก็ไม่กล้าเชื่อว่ามีดใบนั้นจะเร็วปานนี้ คล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากแรงต้านของน้ำเลยเลือดสดสีแดงทะลักออกมาย้อมแม่น้ำกลายเป็นสีแดงฉานฟิ้วผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนที่อยู่ไกลออกไปนั้นสังเกตได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบกรูกันเข้ามา แรงต้านของน้ำทำให้พวกเขาเหมือนสัตว์ประหลาดกำลังเต้นระบำก็ไม่ปานฉึบ ฉึบ ฉึบหลินสวินเคลื่อนไหวว่องไวเข้าไปหาผู้ฝึกปราณคนหนึ่ง ก่อนจะม้วนอาวุธออกมาแทงเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายฉึกในขณะเดียวกันมือซ้ายก็ยิงหน้าไม้จนเกิดรอยริ้วน้ำ ทะลุกะโหลกผู้ฝึกปราณที่ห่างออกไปสิบจั้ง ผู้ฝึกปราณคนนั้นแม้ถือหน้าไม้อยู่ในมือก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มันตูมผู้ฝึกปราณต่างพากันถืออาวุธวิญญาณพุ่งเข้ามา ทำให้น้ำบริเวณนั้นกระเพื่อม ฝูงปลาแตกฮือ ตะไคร่น้ำปลิวไหว คลุ้งจนมองเหตุการณ์ได้ไม่ชัดเจนใต้น้ำที่เต็มไปด้วยแรงดันมหาศาลนี้ เป้าหมายกลับเดินเหินได้อย่างว่องไวราวกับไม่ได้รับผลกระทบใด ทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณแม้จะใช้หน้าได้สกัดยิง แต่ก็ไม่เฉียดกายของเป้าหมายแม้แต่น้อยเด็กคนนี้เป็นสัตว์น้ำหรืออย่างไร ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นตระหนกขนลุกชันฟึบ ฟึบ ฟึบท่ามกลางความวุ่นวาย ผู้ฝึกปราณค่อยๆ ล้มลงไป ไม่ถูกมีดสังหารก็ถูกหน้าไม้ยิงทะลุร่าง สีแดงของเลือดลอยขึ้นเหนือผืนน้ำอยู่หลายดวง ทำให้แม่น้ำที่เดิมทีขุ่นมัวเป็นสีชาดผู้ฝึกตนที่อยู่ใต้น้ำไม่สามารถพูดได้ ยิ่งไม่สามารถส่งเสียงขอความช่วยเหลือได้เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ เหตุนองเลือดนี้มีเพียงกลิ่นอายที่บ่งบอกถึงความน่ากลัวเท่านั้นตายเสียเถิด!หลินสวินที่บาดเจ็บหนักใช้พลังได้แค่สองส่วนจากทั้งหมด แต่เมื่ออยู่ใต้น้ำ ณ ขณะนี้ เขาคล้ายเป็นยมทูตที่คร่าชีวิตคนครั้งแล้วครั้งเล่าผู้ฝึกปราณบางคนหวาดกลัวจนต้องหนีขึ้นไปบนผิวน้ำ แต่สุดท้ายก็ถูกหลินสวินตามไปสังหารอย่างรวดเร็ว การสังหารใต้น้ำครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ไร้ตัวช่วย ตกตาย น่ากลัว และนองไปด้วยเลือด…ที่ริมแม่น้ำ“หัวหน้าขอรับ จัดกองกำลังที่เหลือ 1,922 คนไปเฝ้าตามทุกแยกเวิ้งน้ำตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้ว”“และทุกสิบลี้ก็มีเรือรบวีรชนม่วงเฝ้าอยู่บนอากาศ เหยี่ยวสอดแนวก็เรียกมาใช้หมดแล้ว ต่อให้ตัวประหลาดโผล่มาเราก็จะเห็นได้ในทันทีขอรับ” เสี่ยวมู่รายงานชายสวมงอบพยักหน้า เขาวางใจลงไม่น้อย พลางมองไปที่ผืนน้ำ ผู้ฝึกปราณห้าสิบคนที่ส่งลงไปล้วนมีพรสวรรค์ทางน้ำ ขณะนี้เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชาแล้ว หากไม่เหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ ไม่นานก็คงได้ข่าวคราวอะไรบ้างบุ๋งทันใดนั้น ผืนน้ำเชี่ยวกรากพลันมีศพลอยขึ้นมา ชายสวมงอบกับเสี่ยวมู่เพ่งมองด้วยใบหน้าถอดสี ศพนั้นถูกกระแสน้ำซัดพาไปโดยที่ไม่ทันได้เก็บขึ้นมาด้วยซ้ำ“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”“เป้าหมายซ่อนอยู่ใต้น้ำ เขายังไม่ตายจริงๆ”“ศพเมื่อครู่นั้นเหมือนจะเป็น คุณชายสองแห่งตระกูลอู๋!”ผู้ฝึกตนนับร้อยที่ยืนอยู่ข้างหลังชายสวมงอบพากันร้องตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ช่างน่าหวาดหวั่นเสียเหลือเกินเป้าหมายบาดเจ็บหนักเพราะถูกเรือรบวีรชนม่วงไล่สังหาร ในตอนที่กระโดดลงไปในแม่น้ำก็โดนโจมตีจากเรือรบเข้าอย่างจัง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ตายเหลือเชื่อยิ่งนัก!ที่น่ากลัวไปกว่านั้น เป้าหมายไม่เพียงไม่ตาย เขาหลบอยู่ในน้ำเพื่อรอสังหารคนของพวกเขาที่ดำน้ำลงไป ไม่ได้แอบหนีไปไหนด้วยซ้ำหรือเด็กคนนี้จะฆ่าไม่ตาย?ประหลาดเกินไปแล้ว แม้แต่ชายสวมงอบกับเสี่ยวมู่ก็ยังไม่อยากเชื่อ นี่มันเกินความคาดหมายของพวกเขาไปแล้วจริงๆบุ๋ง บุ๋งไม่รอให้พวกเขาได้ตั้งสติ ผืนน้ำเชี่ยวกรากพลันมีศพลอยขึ้นมาศพแล้วศพเล่า ก่อนจะถูกกระแสน้ำพัดลอยไป แม่น้ำที่เดิมทีเป็นสีขุ่นก็ถูกย้อมจนเป็นสีเลือดแดงฉาน แม้จะถูดซัดให้จางลงบ้าง แต่ไม่นานก็มีเลือดกองใหม่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง หมายความว่าใต้ผืนน้ำนั้นมีคนถูกฆ่าอยู่เสมอชายสวมงอบกับเสี่ยวมู่รู้สึกเย็นวาบทั่วกาย ทั้งคู่ยืนเหม่อลอย ถึงขั้นนี้แล้วก็ยังสังหารเป้าหมายไม่ได้หรือนี่!เหล่าผู้ฝึกปราณข้างหลังพวกเขาต่างตะลึง ใจเต้นระส่ำ เป้าหมายโผล่มาจากที่ไหนกัน พลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์ประหลาด พลังชีวิตก็ถึกทนฆ่าไม่ตาย บนโลกมีคนแบบนี้อยู่จริงๆ หรือ!ผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว บนผืนน้ำไม่มีศพลอยขึ้นมาอีก ทว่าเสี่ยวมู่หน้ากลับเสียกิริยาอย่างหนัก เขาเค้นเสียงกล่าว “หัวหน้าขอรับ นับแล้วห้าสิบศพพอดี ไม่มีใครรอดชีวิต”เส้นเลือดบนขมับชองชายสวมงอบปูดโปน เขาเม้มปากกัดฟันกรอด ครู่ใหญ่จึงเอ่ยปาก “เจ้าว่าเด็กคนนั้นจะฆ่าไม่ตายจริงๆ หรือ”เสี่ยวมู่ถอนหายใจไร้คำพูด “หัวหน้าขอรับ วิธีดำน้ำลงไปจัดการเป้าหมายใช้ไม่ได้ผลแล้ว แต่ถ้าเป้าหมายหลบอยู่ในนั้นไม่ยอมออกมา แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดีเล่าขอรับ”คำถามนี้ช่างตรงไปตรงมานัก แม้พวกเขาจะมีกำลังคนมากมายกระจัดกระจายอยู่ตามริมแม่น้ำ แต่จะให้รออย่างนี้ไปตลอดก็ไม่ได้ เป้าหมายอยู่ได้ แต่พวกเขาทนไม่ได้ แค่เสบียงอาหารที่มีอยู่ตอนนี้ก็ไม่เพียงพอสำหรับผู้ฝึกตนกว่าพันคนแล้ว การควบคุมเรือรบวีรชนม่วงห้าลำต้องใช้ผลึกวิญญาณชั้นสูงเป็นจำนวนมาก ยิ่งเวลาผ่านนานไปเข้า ค่าความเสียหายย่อมเกินกว่าจะจินตนาการได้แน่นอน“ส่งข่าวกลับไป รายงายเหมยจวิ้นจู่ตามความจริง ให้นางเป็นคนตัดสินใจ”ชายสวมงอบถอนหายใจยาวหลังจากเงียบอยู่นาน ท่าทางข่มขื่นสิ้นไร้หนทางครั้งนี้พวกเขาขัดกำลังทั้งหมดไว้ที่นอกเมืองมังกรเหลืองเพื่อจะตัดสินแพ้ชนะกับเป้าหมาย ใครจะคิดว่ากลที่วางแผนมาอย่างดีกลับล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้เหตุการณ์เริ่มเกินกว่าที่จะควบคุมได้แล้ว จะให้ชายสวมงอบทำใจรับได้อย่างไรเขารู้ดีว่าหากภารกิจครั้งนี้ล้มเหลว หลังจากนี้ก็จะไม่มีโอกาสจัดการเป้าหมายในเส้นทางไปสู่นครต้องห้ามอีกแล้ว และหมายความว่าพวกเขาจะหมดคำแก้ตัวต่อฉือฉางเหมย ผลลัพธ์หลังจากนั้นหนักหนาเกินกว่าพวกเขาจะทนรับไหวกระนั้นเหตุการณ์วันนี้ก็ไม่มีทางจะปกปิดได้ เขาต้องรายงานเรื่องทั้งหมดต่อฉือฉางเหมย เพื่อให้นางตัดสินใจด้วยตนเอง“หัวหน้าจะทำอย่างนี้จริงหรือขอรับ” เสี่ยวมู่อดไม่ไหวถามขึ้นมา“ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเราไม่ลงแรง แต่เพราะศัตรูแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก”ชายสวบงอบเอ่ยถึงตรงนี้ก็ตบไหล่เสี่ยวมู่ “เราทำเต็มที่แล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้เหมยจวิ้นจู่ตัดสินใจเถิด”เสี่ยวมู่ยืนเงียบ ครู่ใหญ่จึงกัดฟันกลาว “พวกเรายังไม่แพ้ อย่างน้อยเป้าหมายก็ยังอยู่ในการควบคุมของเรา ไม่มีทางหนีรอดออกไปได้ ข้าจะสู้จนนาทีสุดท้ายขอรับ!” ว่าแล้วเขาก็เดินจากไป’พวกเราไม่ได้แพ้ แต่สู้มาถึงตอนนี้ไม่มีใครเหลือความมุ่งมาดอย่างเจ้าแล้ว…’ ชายสวมงอบคิดในใจการต่อสู้หรือทำสิ่งใด หากไม่กลัวคู่แข่งที่เก่งกาจ ก็ให้กลัวความมุ่งมาดที่จะหดหาย…เรือนโบราณ ในนครต้องห้าม“ในข่าวที่ส่งมาเมื่อวานบอกว่า ลู่เซ่าอวิ๋นถูกกักบริเวณโดยมีตระกูลลู่จัดการบทลงโทษ” ผู้ช่วยคนหนึ่งยิ้มว่า “เจ้าเดาสิว่าใครเป็นคนออกคำสั่ง”“ใครหรือ” หลายคนอยากรู้“ก็ลู่เทียนเจ้าบิดาของเขาอย่างไรเล่า ฮ่าๆๆ คราวนี้ถึงลู่เซ่าอวิ๋นไม่ตาย ก็คงขายขี้หน้าจนอยู่ในนครต้องห้ามไม่ได้แล้ว แม้แต่บิดาของเขาก็ยังถูกครหาว่าเป็นคนขายตระกูลไปแล้วด้วยซ้ำ”คนอื่นพากันหัวเราะครืน นี่เป็นผลของการทำให้พวกเขาไม่พอใจ คิดจะช่วยหลินสวินต่อกรกับพวกเขาหรือ ช่างรนหาที่ชัดๆ!ฉือฉางเหมยเลิกคิ้ว แค่จัดการเด็กไร้ความสามารถคนหนึ่งได้ต้องดีใจขนาดนี้เลยหรือ นางไม่เคยเห็นลู่เซ่าอวิ๋นในสายตาแม้แต่น้อย เพราะคนพรรค์นี้ไม่ควรค่าให้นางสนใจอยู่แล้วปัง!พลันประตูห้องถูกเปิดออก องครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน
คอมเม้นต์