Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 916 อริยะมายา
“เฉือน!”แทบจะในชั่วขณะที่อวี่หลิงคงใช้ศิลาผนึกมารหกประสาน หลินสวินพลันตะโกนก้อง ก็เห็นกลางห้วงอากาศดาบหักขาวเจิดจ้าระเบิดแสงโชติช่วง สำแดงนัยเร้นลับแห่งกระบวนเฉือนเผาตะวันกระบี่มรรคเล่มนั้นถูกผ่าเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา เสียงเคร้งดังสนั่น ร่วงหล่นลงพื้นดินเฮือก!เสียงสูดหายใจดังก้องกลางที่นั้นไม่ต้องสงสัย ดาบหักนั่นคือศาสตราจิตแห่งยุค แม้แต่กระบี่มรรคของอวี่หลิงคงยังถูกหักสะบั้น คมกริบไร้ขอบเขตสีหน้าอวี่หลิงคงเฉยชายิ่งกว่าเดิม แต่เขาไม่สนใจไยดี ป้ายหินสีดำหกหลักที่ลอยอยู่รอบกายระเบิดลายมรรคสีทองออกมา ถักทอกลางอากาศ บดอัดครืนสนั่นทั่วทิศหลินสวินควบคุมดาบหักเข้าต้านทาน ทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงโลหะกระทบเสียดหูหาใดเปรียบ พาให้จิตวิญญาณของทุกผู้คนเจ็บปวดเป็นระลอกผู้แข็งแกร่งทั้งหมดต่างเผยสีหน้าจริงจัง ทั้งสองปะทะกันจนถึงตอนนี้เปลี่ยนความสามารถการศึกไม่หยุด พลานุภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกการโจมตีล้วนเรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า ชวนให้รู้สึกสะท้านไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย ในระดับกระบวนแปรจุติทั้งคู่ต่างเค้นศักยภาพแฝงของตนออกมาถึงที่สุด ก้าวสู่มกุฎมรรคาอันแข็งแกร่งที่สุดแล้ว เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของระดับการปะทะคราวนี้ หลินสวินถูกบีบจนถอยร่นฝีเท้าซวนเซ ศิลาผนึกมารหกประสานนั่นเปี่ยมพลังพิฆาตน่าหวาดหวั่น เทียบกับยอดศาสตรามรรคราชันแล้วแกร่งกว่าอยู่บ้างอวี่หลิงคงเองก็ดูทุลักทุเลเช่นกัน ดาบหักแหลมคมหาใดเปรียบ มีอานุภาพทำลายทุกสิ่ง ทำให้บนร่างเขามีรอยเลือดทิ้งไว้หลายรอย โลหิตแดงสดแผ่ซึมทั้งสองต่างบาดเจ็บ!แต่พลังของทั้งคู่ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม รบพุ่งกันอีกครั้งราวภูเขาไฟสองลูกกำลังปะทุ สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั่วร่างพลุ่งพล่าน กลายเป็นแสงสว่างชวนประหวั่นพวกเขาบุกตะลุยโรมรัน ต่างฝ่ายต่างเผยวิชาไร้เทียมทาน ประหนึ่งเทพและมารที่แท้จริงกำลังชิงชัย ทำเอาลมเมฆเปลี่ยนสี ห้วงอากาศครวญคร่ำเหล่าผู้กล้ายังต่อสู้ชุลมุน แต่จิตใจต่างถูกการต่อสู้นี้ชักนำให้ออมแรง พวกเขาต่างรู้ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่าคิดแค่เพียงช่วงชิงศุภโชคอันดับหนึ่งอย่างเดียวไม่ว่าใครไปแย่งชิง ก็ต้องพบเจอการจู่โจมเต็มกำลังของผู้อื่น!“ฮึ!”สีหน้าอวี่หลิงคงอึมครึมอยู่บ้าง ป้ายหินสีดำหกหลักลอยคว้างกลางอากาศกดกำราบต่อเนื่อง โชติช่วงไร้จำกัดแต่สุดท้ายยังไม่อาจพิฆาตหลินสวินนี่ทำให้อวี่หลิงคงจำต้องรับความจริง ว่าในระดับกระบวนแปรจุตินี้ แม้ตัวเขาหยิ่งทะนงเชื่อมั่น แต่ก็จำต้องยอมรับว่าคู่ต่อสู้มีรากฐานและพลังต่อสู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าเขาโดยสิ้นเชิง!‘เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว…’ อวี่หลิงคงแววตาเยียบเย็นและล้ำลึกหากการต่อสู้ยืดเยื้อต่อเนื่อง แม้สุดท้ายสามารถสังหารศัตรู แต่คงเสียโอกาสดีในการชิงศุภโชคอันดับหนึ่งนั่นกระทั่งเป็นไปได้สูงว่าจะถูกผู้แข็งแกร่งอื่นตัดหน้า!ตูม!แค่ชั่วพริบตา ทั้งตัวอวี่หลิงคงเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์โหมปล่อยเต็มกำลัง แสงอัศจรรย์ทั่วร่างไหลบ่าดั่งน้ำตก นัยน์ตาทองอร่ามสาดแสงรอยสลักลับห้วงอากาศรอบตัวเขาต่างกำลังทรุดตัวดิ่งลง สภาพการณ์น่าพรั่นพรึงท่ามกลางความเลือนราง เขาประดุจเทวบุตรแห่งสวรรค์มาเยือนโลกา ผงาดง้ำใต้หล้าฟุ่บ!อวี่หลิงคงเก็บศิลาผนึกมารหกประสาน เรียกกระบี่ไม้เก่าแก่คร่ำครึเล่มหนึ่งออกมา บนตัวมันยังมีร่องรอยผุพังแต่เมื่อกระบี่เล่มนี้ปรากฏพลันเกิดฟ้าแลบฟ้าคำราม อุบัติดาราม่วงส่องประกายมากมาย ดูประหนึ่งภาพฝันลวงตา ลอยคว้างรายรอบเรือนกระบี่ กลิ่นอายสังหารทะลวงฟ้าดินอบอวลคราวนี้อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งอื่น แม้แต่พวกจี้ซิงเหยา ลั่วเจียเองยังไหวหวั่น นัยน์ตาฉายแววตระหนกบางๆกระบี่ไม้เล่มนั้นถึงกับประทับกลิ่นอายอริยะเสี้ยวหนึ่ง!ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระบี่นี้พิเศษเหนือธรรมดา เคยถูกอริยะที่แท้จริงใช้มากับมือ เจือกลิ่นอายอริยมรรค แม้แค่เศษเสี้ยวแต่ก็สามารถทำให้คนตกตะลึงแล้ว“คิดไม่ถึงว่ามดปลวกจากโลกชั้นล่างอย่างเจ้ากลับมีพลังต่อสู้เช่นนี้ ทำให้ข้าเกินคาดหมายจริงๆ” อวี่หลิงคงเอ่ยปากเย็นชานี่คือการยอมรับต่อหน้าธารกำนัลโดยไม่ต้องสงสัย ว่าหลินสวินมีความสามารถใกล้เคียงกับเขาจนน่าตะลึง“มดปลวก? แม้แต่มดปลวกอย่างข้ายังคว่ำไม่ได้ เจ้าล่ะนับเป็นตัวอะไร” หลินสวินไม่ถอยหลบแม้แต่น้อย ตาต่อตา ฟันต่อฟัน“ความอดทนของข้าถูกใช้หมดแล้ว ไม่มีเวลามาร่ำไรกับเจ้า ตอนนี้จะฆ่าเจ้าซะ ให้เจ้าเข้าใจเองว่าความต่างระหว่างเจ้ากับข้ามันมากเพียงใด!” สีหน้าอวี่หลิงคงเย็นชาอำมหิตยิ่งกว่าเดิมกระบี่ของเขาทะลวงแหวกดังตูม อสนีบาตถักทอ แสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง ในคมกระบี่ปรากฏอริยะมายาร่างกำยำร่างหนึ่งคนผู้นี้เคร่งขรึมมีสง่า เลือนรางเหลือประมาณ ประหนึ่งภาพมายา แต่พลังที่แผ่ออกมากลับน่าหวาดกลัวชวนตระหนก ทันทีที่ปรากฏฟ้าดินพลันครวญคร่ำราวกำลังสวามิภักดิ์เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง สั่นสะท้านหาใดเปรียบ สายสนกลในอวี่หลิงคงไม่พลิกฟ้าไปหน่อยหรือ ถึงกับใช้วิชาต้องห้ามบางประการ สร้างมายาอริยบุคคลในการโจมตีเดียว!“นี่ก็คือระยะห่างของเจ้ากับข้า หากใช้วิธีนี้แต่แรก คิดหรือว่าเจ้าจะสามารถยืดหยัดถึงป่านนี้”อวี่หลิงคงสีหน้าเยียบเย็น เฉยเมยราวสูงส่งเหนือผู้อื่นนี่คือหนึ่งในความสามารถก้นกรุเขา ที่ผ่านมาแทบไม่เคยใช้ เพราะอาศัยเพียงพลังต่อสู้ของเขาก็แทบไร้คู่ต่อกรแล้วแต่บัดนี้เพื่อสังหารหลินสวิน เขาจึงต้องนำออกมาใช้“ยืมพลังที่ไม่ใช่ของตนมาสังหารข้า เจ้ายังมีหน้ามาพูดออกมา” ทั่วร่างหลินสวินเปล่งประกาย ภายในร่างเขาเจตจำนงแห่งมรรคอันคลุมเครือน่าประหวั่นไหลพุ่ง ทำให้ทั้งตัวเขาประหนึ่งกลายเป็นหุบเหวลึกยากหยั่งถึง“นี่คือ?” ผู้แข็งแกร่งมากมายใจสั่นระรัว เจตจำนงแห่งมรรคทั่วร่างหลินสวินล้ำลึกโหมกระหน่ำ ประดุจหลุมดำธารดารา ราวสามารถดูดกลืนสรรพสิ่ง“อวี่หลิงคงใช้ไพ่ตายแล้ว เขาจะไม่คิดใช้ไพ่ตายของตนเชียวหรือ หรือว่าในมือเขาไม่มีไพ่ตายอะไรแต่แรก” มีผู้แข็งแกร่งไม่น้อยประหลาดใจสงสัยลือกันว่าเทพมารหลินครองศุภโชค ยึดกุมสมบัติอริยะ แต่จวบจนบัดนี้ก็ไม่เคยสำแดงออกมา ทำให้ผู้คนไม่อาจไม่คลางแคลงตูม!อริยะมายาปรากฏกลางคมกระบี่ สยบพิฆาตออกมา น่าพรั่นพรึงล้นฟ้าเพียงชั่วพริบตา ทั้งตัวหลินสวินถูกเจตกระบี่แสงอริยะไร้สิ้นสุดฝังกลบสิ้นเทพมารหลินจบเห่แล้วหรือในใจทุกคนกระเพื่อมไหว กระบี่นั้นน่ากลัวเกินไป อริยะมายาประดุจก้มมองโลกหล้า มีอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทำให้ผู้คนมองจากไกลๆ ยังสัมผัสถึงความกดดันและน่าหวาดผวาหาใดเปรียบบัดนี้หลินสวินล้วนไม่ทันได้ขัดขืน เงาร่างก็ถูกฝังกลบ จนผู้คนไม่อาจไม่สงสัยว่าเขาคงประสบเคราะห์ถึงแก่ความตายไปแล้ว‘เป็นไปได้อย่างไร…’ ไป๋หลิงซีเม้มปากแดงอวบอิ่มแน่น ในใจปรากฏความกังวลเหลือจะเอ่ย หลายครั้งที่คิดอยากขัดขวางและช่วยเหลือ‘ในที่สุดเจ้าหมอนี่ก็ประสบเคราะห์’ พวกมู่เจี้ยนถิง หลี่ชิงฮวนต่างแอบเป่าปากโล่งอก พวกเขาเคยรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของหลินสวิน หากหลินสวินรอดชีวิตต่อไป คงทำให้พวกเขากินไม่ได้นอนไม่หลับแน่“ก็บอกแล้วว่าเทพมารหลินมันไม่เท่าไหร่ ไม่คู่ควรแม้แต่จะสวมรองเท้าให้ศิษย์พี่อวี่ด้วยซ้ำ!” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสองคนนั้นยิ้มเยาะนัยน์ตากระจ่างของจี้ซิงเหยามีประกายแวววาวไหลเคลื่อน กำลังจับจ้องการต่อสู้เขม็ง เท่าที่นางรู้เจ้าคนต่ำช้าไร้ยางอายนั่นไม่มีทางถูกสังหารง่ายดายเช่นนี้ดังคำว่าคนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจากมุมมองจี้ซิงเหยา เจ้าระยำไร้ยางอายหลินสวินนี่แหละตัวหายนะ!เวลานี้อวี่หลิงคงแอบเป่าปากโล่งอกอยู่ในใจ นี่คือไพ่ตายของเขา แต่เมื่อสำแดงออกมาก็ผลาญพลังกายเขาไปไม่น้อย ยังดีที่คุ้มค่าแก่การทุ่มเท อีกฝ่ายคงไม่พ้นเคราะห์แน่!ตูม!ทว่ายังไม่รอให้อวี่หลิงคงยินดี ในบริเวณนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงหลินสวินที่ถูกอริยะมายาฝังกลบ กำลังสลายและบีบทำลายพลังของเขาอย่างรวดเร็ว พลังอริยะมายานั่นน่าหวาดกลัวเพียงใด เจือกลิ่นอายอริยะเสี้ยวหนึ่ง แต่เมื่อสัมผัสร่างหลินสวินกลับถูกลบล้างอย่างน่าประหลาดครืนๆ…อริยะมายาเริ่มสั่นคลอนรุนแรง กลิ่นอายอริยะทั่วร่างกำลังพังทลายและหม่นมัวต่อเนื่องทุกคนที่เดิมคิดว่าหลินสวินต้องประสบเคราะห์ต่างอึ้งงัน สั่นสะท้านสุดขีด แม้แต่สิ่งนี้ก็ไม่อาจกำราบเทพมารหลินหรือนั่นน่ะคือกลิ่นอายอริยมรรค เพียงเศษเสี้ยวก็ไม่อาจทัดเทียมแล้ว มีอานุภาพน่าสะพรึงกลัว แต่กลับถูกหลินสวินต้านทานเอาไว้ ซ้ำยังถูกคลี่คลายต่อเนื่อง!‘เขายังคงเป็นเขา ไม่เคยเปลี่ยน…’ ใจที่หวั่นวิตกของไป๋หลิงซีผ่อนคลายลง รู้สึกถึงความฮึกเหิมและเบาใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน เนตรดาราส่องสกาวเปล่งประกาย วาวระยับท่วมท้น‘พลังมหามรรคที่ชวนประหวั่นน่าอัศจรรย์!’ แต่คนอย่างจี้ซิงเหยาและลั่วเจียต่างตกตะลึงกับพลังมหามรรคที่หลินสวินเผยออกมา ใจสั่นระรัวอย่างยากอธิบายอีกฟากหนึ่งอวี่หลิงคงสีหน้าพลันอึมครึม เขาตกตะลึงเช่นกัน ยากจะเชื่ออยู่บ้าง ไพ่ตายเช่นนี้แม้แต่เขายังไม่กล้ารับรองว่าสามารถต้านทานได้ แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินสลายไป!เขาไม่อาจยอมรับ พุ่งทะยานออกไป ร่างส่องประกายเจิดจรัสลานตาแม้เสียความได้เปรียบ พลานุภาพที่อวี่หลิงคงเผยออกมาก็ยังคงเจิดจ้าหาใดเปรียบ ประหนึ่งเทวบุตรซึ่งเกิดมาสืบสานโชคชะตาฟ้าดิน องอาจดั่งมีเพียงตนที่ประเสริฐสุด“ตายซะ!” เขาตวาดลั่นราวเสียงฟ้าร้องกัมปนาท“ตอนนี้ถึงตาข้าแล้ว” นัยน์ตาดำของหลินสวินวาบแสงอสนี อานุภาพชวนตระหนก เขาพุ่งทะยานขึ้นมา พลังหมัดปะทุเปล่งประกายโชติช่วงตูม!อวี่หลิงคงยื่นมือคว้าจับ บดพลังหมัดแหลกละเอียด เวลานี้เขาใช้ความสามารถนานัปการ ไม่คิดล่าช้าอีก หวังเพียงพิฆาตหลินสวินโดยเร็ว แสวงหาศุภโชคอันดับหนึ่งวู้ม… คลื่นผันผวนชวนประหวั่นปรากฏ เหนือศีรษะเขาอุบัติตำหนักสำริดโบราณแปลกประหลาด บนตำหนักสลักกฎเกณฑ์อริยมรรคปริศนา สะท้อนภาพสลักลับอย่างการเซ่นไหว้บรรพชน เทพธรรมบาลกรำศึกเป็นต้นตำหนักอมตะ!ยอดสมบัติอริยมรรคแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะ!เพียงชั่วขณะ แท่นมรรคแห่งนี้เริ่มโอนเอนสั่นครืน ผู้แข็งแกร่งคนอื่นสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ ทยอยถอยหลบไปเบื้องหลังโดยแทบไม่สนการต่อสู้ใครต่างคาดไม่ถึง เพื่อจัดการหลินสวิน อวี่หลิงคงถึงกับใช้สมบัติอริยะโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด!ไม่ต้องสงสัยว่าอวี่หลิงคงหมายสังหารโดยสมบูรณ์ ต้องการกำจัดหลินสวินในคราเดียวเพื่อจบการต่อสู้นี้ตูม!กลิ่นอายน่าหวาดกลัวตลบอบอวล ตำหนักอมตะมีกฎเกณฑ์อริยมรรคไหลเวียน ประดุจจอมบงการ คล้ายจะหยัดทะลวงฟ้าดินแถบนี้ อานุภาพนั้นทำให้ทุกคนต่างหายใจติดขัด น่าสะพรึงและสูงส่งเกินไปแล้วสมบัติอริยะ!มีหรือจะเป็นสิ่งที่ของทั่วไปสามารถทัดเทียมได้หากถูกใช้ในมืออริยะล้วนเพียงพอทลายฟ้ามลายดิน จู่โจมสังหารผีสางเทวดา กำจัดโลกหล้าฟากหนึ่งในชั่วพริบตา!สมบัติเช่นนี้สามารถเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุคปัจจุบัน และ ‘ตำหนักอมตะ’ นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นยอดในหมู่สมบัติอริยะ มีอานุภาพอย่างคาดไม่ถึง“หลินสวิน ตอนนี้เจ้าจะเอาอะไรมาสู้ข้า!?”อวี่หลิงคงสีหน้าเยียบเย็น ผมยาวของเขาแผ่สยาย ในดวงตาพวยพุ่งรุ้งเทพ เหนือศีรษะตำหนักอมตะลอยเด่น พลังอำนาจทั่วร่างยิ่งใหญ่ สะท้านทุกผู้คน…………………
คอมเม้นต์