Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 897 มหามรรคเทียมฟ้า
ตอนที่ 897 มหามรรคเทียมฟ้า
ชิ้ง!ส่วนลึกของป่าศิลา แสงสีทองแสบตาปรากฏขึ้น ส่งเสียงชิ้งๆ แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่เล่มหนึ่งทะลวงขึ้นฟ้าชั่วพริบตากระบี่ครวญราวกระแสน้ำ แสงสีทองสะเทือนเก้าสวรรค์ทุกคนแสบตา ผิวหนังทั่วร่างกายราวกับถูกเข็มทิ่ม ในใจอดกลัวไม่ได้ นี่เป็นพลังมหามรรคระดับใดกัน ถึงกับวิวัฒน์เป็นปรากฏการณ์ประหลาด ‘กระบี่เทพทลายฟ้า แสงทองย้อมภูผาธารา’ในเวลาเดียวกันนั้นจี้ซิงเหยาลุกขึ้น บนเงาร่างแบบบางมีละอองแสงสีทองปลิวล่องร่วงลงพื้น ควบรวมเป็นดอกกระบี่สีทองอร่ามมากมาย มหัศจรรย์เกินคาดเดาเฮือกเสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังไม่ขาดสายผู้ฝึกปราณในที่นั้นล้วนเป็นบุคคลชั้นยอด ต่างชี้ขาดได้ว่า นี่ไม่ใช่แค่มหามรรคแห่งทองคำอย่างแน่นอน!“มรรคนี้มีชื่อว่านิลกาฬ ไอดุดันครองตำแหน่งแห่งยุค พบเห็นได้ยากมาก มีต้นกำเนิดมาจากมหามรรคแห่งทอง แต่ก็โดดเด่นเหนือมหามรรคแห่งทอง จัดอยู่ใน ‘มกุฎแห่งขั้นหนึ่ง’”มู่เจี้ยนถิงพึมพำ สีหน้าหวั่นไหวมหามรรคนิลกาฬ!ได้ยินเช่นนี้เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นอีกระลอก เทพธิดาจี้ช่างสมกับเป็นผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉา บางทีก็อาจจะมีเพียงแค่ผู้กล้าหญิงแห่งยุคอย่างนาง จึงจะสามารถหยั่งรู้มหามรรคที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้สายตาที่ทุกคนมองจี้ซิงเหยาล้วนเปลี่ยนไปในชั่วขณะ เทพธิดาเช่นนี้ ราวกับแสงจันทร์กระจ่าง สง่างามไร้ที่เปรียบตูม!เพียงแต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะตอบสนอง ในที่นั้นพลันมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง…ท่ามกลางความขุ่นมัว ดอกบัวเขียวต้นหนึ่งไหวเอนออกมา แบ่งเป็นไอขุ่นและใส ราวกับเบิกฟ้าผ่าดิน เผยปรากฏการณ์ประหลาดอัศจรรย์“มหามรรคบงกชเขียว!”“สวรรค์ มหามรรคที่หายากเช่นนี้มีจริงหรือนี่”ครั้งนี้เหล่าผู้กล้าต่างจำได้ในทันที ร้องอย่างตกตะลึงลือกันว่าสมัยบรรพกาล ดอกบัวเขียวต้นหนึ่งถือกำเนิดในจักรวาล กลายเป็นทางเดินที่เชื่อมระหว่างฟ้าดิน ปรากฏและแบ่งแยกไอขุ่นใสออกจากกัน ถูกเรียกว่าบัวแห่งนภานิรันดร์!เพียงแต่ท้ายที่สุดนี่ก็เป็นเพียงแค่คำเล่าลือ และดูเหลือเชื่ออย่างมาก ไม่มีใครคิดว่ามรรคนี้กลับมีอยู่จริง!อวี่หลิงคงลุกขึ้น ไอขุ่นใสล้อมอยู่รอบตัว แผ่หมอกเมฆนิรันดร์ที่ฝังลึกนิรันดร์ หมื่นวิชาไม่อาจรุกรานชั่วขณะนั้นเหล่าผู้กล้าต่างเกิดความรู้สักซับซ้อนผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะแห่งแดนกาฬทักษิณคนหนึ่ง กลับได้รับวาสนามรรคหนึ่งเดียวในโลกในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นต่างรู้สึกอัดอั้นอย่างไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่กลับไม่อาจไม่ยอมรับ“ขอแสดงความยินดีที่แม่นางจี้ได้ครอบครองมรรคแห่งนิลกาฬ ในสมัยบรรพกาล มรรคนี้กับสถูป วิเวกและแดนชำระ เรียกรวมกันว่า ‘สี่ยอดมรรคสังหาร’ มหัศจรรย์อย่างที่สุด”อวี่หลิงคงพูดเสียงดัง สีหน้าแฝงรอยยิ้มอบอุ่น“ข้าเลื่อมใสเจ้ามากกว่า สมัยบรรพกาลมหามรรคบงกชเขียวนี้เรียกได้ว่าเป็น ‘มหามรรคปวงเทพแห่งฟ้าดิน’ คิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านกาลเวลาอันไร้สิ้นสุดจะปรากฏสู่โลกอีกครั้งในวันนี้”ใบหน้างามของจี้ซิงเหยาราบเรียบ น้ำเสียงเฉยชาอวี่หลิงคงหัวเราะเสียงดัง “ไม่ว่าอย่างไร มหามรรคที่ข้าและเจ้าครอบครองก็ล้วนอยู่ใน ‘กระดานมรรคเทียมฟ้า’ เรียกได้ว่าเป็นวาสนามรรคเทียมฟ้าแล้ว”กระดานมรรคเทียมฟ้า!ทุกคนสีหน้าแปลกประหลาด ในใจมีระลอกคลื่นพลุ่งพล่านเมื่อครั้งบรรพกาล เหล่าอริยะใต้หล้าเคยวิเคราะห์มหามรรคในใต้หล้า คิดว่าในบรรดามหามรรคทั้งสามพัน มีเพียงเก้าสิบเก้าสายเท่านั้นที่สามารถเรียกว่า ‘เทียมฟ้า’ เหนือกว่า ‘เก้ามรรคขั้นหนึ่ง’ มากหลังจากนั้น ผู้ฝึกปราณบนโลกได้จัดอันดับทั้งเก้าสิบเก้ามรรคนี้ตามความมหัศจรรย์และอานุภาพลงไปใน ‘กระดานมรรคเทียมฟ้า’มหามรรคเหล่านี้ล้วนเรียกได้ว่าเป็นมกุฎแห่งขั้นหนึ่ง มรรคเทียมฟ้า!เพียงแต่กระดานมรรคเทียมฟ้านั้นเล่าสืบต่อกันมาจากสมัยบรรพกาล และมรรคเทียมฟ้าก็หายากมาก หากไม่มีมหาศุภโชคก็ไม่สามารถหยั่งถึงและครอบครองได้เมื่อรวมกับกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด ปัจจุบันจึงมีน้อยคนมากที่จะรู้ความลับนี้แต่สามารถคาดการณ์ได้ว่า เมื่อเรื่องที่จี้ซิงเหยาและอวี่หลิงคงครอบครอง ‘มหามรรคนิลกาฬ’ และ ‘มหามรรคบงกชเขียว’ เผยแพร่ออกไป กระดานมรรคเทียมฟ้าเก่าแก่นี้ก็จะปรากฏในดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง กลายเป็นเรื่องที่ผู้ฝึกปราณในสี่แดนวิภูรู้อย่างแจ่มแจ้ง!……บรรยากาศในที่นั้นเงียบสงัด เหล่าผู้แข็งแกร่งต่างกระวนกระวายใจ เดิมทีพวกเขาต่างได้รับวาสนามรรค ทั้งดีใจและตื่นเต้นอย่างมากแต่เมื่อเทียบกับจี้ซิงเหยาและอวี่หลิงคง ความดีใจและความตื่นเต้นพลันลดน้อยลงไม่น้อย อารมณ์ก็ซับซ้อนขึ้นมาในโลกภายนอกพวกเขาก็นับว่าเป็นผู้กล้าที่โดดเด่นในฝั่งหนึ่ง ชื่อเสียงสะเทือนแดนฐิติประจิม เหนือกว่าผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์คนอื่นๆ แต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่า อะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า!บนโลกนี้ไม่มีวันขาดอัจฉริยะ นี่ยังเป็นแค่คนที่พวกเขาได้เห็นด้วยซ้ำ ในสี่แดนวิภูแห่งดินแดนรกร้างโบราณ จะต้องมีปีศาจและอัจฉริยะมากกว่านี้อย่างแน่นอน!ทันใดนั้นเสียงครวญใสดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบเหล่าผู้กล้าได้สติจากความคิดว้าวุ่น แหงนหน้ามองก็เป็นต้องอึ้งจนอ้าปากค้างไปทันที หงส์เซียนหรือบนอากาศ แสงปลิวกระจายราวกับพิรุณ พร่าเบลอไม่สมจริง ปักษาเทพตัวหนึ่งกางปีก กำลังส่งเสียงครวญสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินมันงดงามเป็นประกายมาก ปีกยาวสิบกว่าจั้ง ลำตัวองอาจ กลุ่มแสงรุ้งศักดิ์สิทธิ์มากมายปกคลุมอยู่รอบๆ ตัว ละอองแสงบริสุทธิ์ราวกับเซียนปลิวลอยออกมาวิเศษอัศจรรย์เกินไปแล้ว ราวกับสัตว์เซียนในตำราปรากฏตัวบนโลก ทำให้ฟ้าดินเกิดปรากฏการณ์อันเป็นมงคล ว่างเปล่าและเคร่งขรึม‘เป็นจริงดังที่ผู้อาวุโสว่า ในร่างของศิษย์คนสุดท้ายที่ผู้อาวุโสหลิงเจวี๋ยคงอริยะกระบี่ตำหนักปรกอุดมรับไว้ น่าจะมีสายเลือดของเผ่าหงส์เซียน!’นัยน์ตาของอวี่หลิงคงเผยแสงประกาย คาดเดาบางอย่างออก‘มหามรรคแห่งหงส์เซียน มหามรรคเทียมฟ้าที่แทบจะเป็นตำนาน…’จี้ซิงเหยาเองก็ตกใจ พลันนึกถึงข่าวลือมากมายหงส์เซียน สิ่งมีชีวิตวิญญาณที่แม้แต่สมัยบรรพกาลก็ประหนึ่งตำนาน ถือกำเนิดในศุภโชคฟ้าดิน ลึกลับและน่ากลัว หยิ่งผยองที่สุดในใต้หล้ามหามรรคแห่งหงส์เซียนยิ่งหายากและพิเศษ แทบไม่เคยพบเห็นมาก่อน เหตุผลนั้นง่ายมาก มีเพียงผู้ฝึกปราณที่มีสายเลือดแห่งหงส์เซียนเท่านั้น จึงจะสามารถหยั่งถึงมรรคนี้ได้!และทายาทของหงส์เซียน ไม่ว่าจะสมัยบรรพกาลหรือในปัจจุบันก็แทบไม่เคยพบเห็น น้อยมากอย่างที่สุด!ดังนั้นคำเล่าลือเกี่ยวกับมรรคนี้จึงน้อยมาก ที่ผ่านมาแทบไม่เคยปรากฏมรรคนี้อีกไม่คิดว่าวันนี้จะปรากฏ!ทั้งที่นั้นเงียบงัน จิตใจต่างถูกดึงดูดไป ผู้แข็งแกร่งหลายคนถึงขั้นเผยสีหน้าตะลึงงันหงส์เซียนร่ายรำในอากาศ เสียงครวญสะเทือนเก้าสวรรค์ ปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้อย่าว่าแต่พวกเขา แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นก็คงไม่เคยเห็นมาก่อนและตอนนี้เองลั่วเจียลุกขึ้น ร่างกายงดงามโดดเด่นอาบแสงปรอยๆ ราวกับละอองแสง ขับให้นางยิ่งดูลึกลับและไม่อาจจับต้อง“ขอแสดงความยินดีกับแม่นางลั่วเจีย!” อวี่หลิงคงชิงทำลายความเงียบ แสดงความยินดีพร้อมรอยยิ้ม สายตาที่มองลั่วเจียแฝงความชื่นชมที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด“สหายยุทธ์ปลุกพลังสายเลือดในร่างขึ้นมา ตั้งแต่นี้ไปพลังปราณจะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน มหามรรคควรค่าแก่การรอคอย” จี้ซิงเหยาเองก็พูดเสียงใส“ทั้งสองท่านชมเกินไปแล้ว ข้ามิบังอาจน้อมรับ” ลั่วเจียยังคงพูดน้อยอ่อนโยนเช่นเคย บุคลิกสง่างาม มีกลิ่นอายอันสะอาดบริสุทธิ์เหนือโลกีย์เห็นเช่นนี้ผู้แข็งแกร่งหลายคนอดถอดหายใจไม่ได้ ต่างคิดไม่ถึงว่าในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ กลับปรากฏมหามรรคเทียมฟ้าถึงสามชนิดติดต่อกันทุกประเภทล้วนเรียกได้ว่าหายาก เพียงพอที่จะสะเทือนอดีตและปัจจุบัน!ในเทศกาลโคมกถามรรคที่ผ่านๆ มาไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน หากแพร่สู่โลกภายนอก จะต้องนำพาความฮือฮาอย่างมากเป็นแน่……ในที่นั้นเงียบสงบ ทุกคนต่างมีความคิดของตนเอง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้น่าทึ่งเกินไป ทำให้พวกเขาตั้งสติไม่ได้ในชั่วขณะแต่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ เสียงหัวเราะเยาะพลันดังขึ้น “เฮ้ย เหลือแค่เทพมารหลินนี่อีกแล้ว ข้าอยากเห็นนักว่าเขายังจะเล่นละครตบตาไปถึงเมื่อไหร่!”ทุกคนไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าคนพูดคือซาหลิวฉานตามคาด พลันเห็นตอนนี้ซาหลิวฉานกอดอก ริมฝีปากยิ้มเยาะ สายตาจ้องหลินสวินที่อยู่รอบนอกสุดของป่าศิลาทุกคนสีหน้าแปลกประหลาด ไม่ต้องพูดถึงคำเยาะเย้ยของซานหลิวฉาน แม้แต่พวกเขายังไม่เข้าใจอย่างมาก นั่นมันศิลาหินที่อยู่รอบนอกสุดของป่าศิลา แม้จะดูเก่าแก่และกระดำกระด่าง แต่ก็ธรรมดาเกินไปจริงๆด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของเทพมารหลิน ควรจะหยั่งถึงพลังมหามรรคที่ประทับอยู่ได้ตั้งนานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เขากลับยังไม่จบการอนุมาน นี่ดูแปลกเกินไปแล้ว“บางทีศิลานั่นอาจจะพิเศษ มหามรรคที่ประทับอยู่ขัดแย้งกับมรรคาของเทพมารหลิน จึงยากจะครอบครอง” มีคนวิเคราะห์หลายคนพยักหน้า นี่ก็เป็นเรื่องจริง เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกผู้ฝึกปราณบางคนพรสวรรค์โดดเด่น ความสามารถในการหยั่งรู้ยอดเยี่ยม แต่พอมรรคาที่ตนแสวงหาขัดกับพลังมหามรรคบางอย่าง แม้พยายามหยั่งรู้สุดกำลังอย่างไร สุดท้ายก็อาจจะคว้าน้ำเหลว“มหามรรคขัดแย้งอะไรกัน เจ้าหมอนั่นไม่ได้โง่ จะเลือกอนุมานศิลาที่มรรคาขัดแย้งกับตัวเองได้อย่างไร”ซาหลิวฉานแค่นเสียงอย่างเย้ยหยัน “ข้าว่าที่เจ้านี่ทำเช่นนี้ จะต้องกำลังเล่นละครตบตา ไม่แน่ว่าอาจคิดแผนร้ายอะไรขึ้นอีก หมายจะหลอกลวงคน แต่ครั้งนี้ข้าไม่มีทางตกหลุมพรางแล้ว!”ทุกคนพูดไม่ออกแม้พวกจงหลีอู๋จี้และชิงเหลียนเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเห็นด้วยกับคำพูดของซาหลิวฉานมาก หลินสวินนั่นร้ายกาจเกินไปแล้ว การกระทำของเขายิ่งผิดปกติ ก็ยิ่งยืนยันว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล!“เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า เมื่อเทียบกับพลังมหามรรคในศิลาหิน หลินสวินคงไม่เสียเวลามาหาเรื่องพวกขี้แพ้อย่างเจ้าในเวลานี้หรอก” เยวี่ยเจี้ยนหมิงพูดเสียงเย็น“เจ้ามันรนหาที่ตายจริงๆ!”ซาหลิวฉานสีหน้าเหี้ยมโหด ยิ่งมองเยวี่ยเจี้ยนหมิงก็ยิ่งขัดตา “เจ้ารอก่อนเถอะ ครั้งนี้ไม่เพียงแค่เทพมารหลินต้องตาย เจ้าก็ต้องถูกฝังไปพร้อมกับเขาด้วย!”เยวี่ยเจี้ยนหมิงยิ้มเยาะ คร้านจะถือสาเขาซาหลิวฉานกลับเหยียดหยามมาก เขามั่นใจมากว่า หากไม่มีความช่วยเหลือจากหลินสวิน เยวี่ยเจี้ยนหมิงคงจะถูกคัดออกไปตั้งแต่ในทะเลปรวนแปรแล้ว จะมาถึงการทดสอบถกมรรคด่านที่ห้านี้ได้อย่างไรบางทีอาจเพราะเหตุนี้ เขาจึงเต็มใจเป็นสุนัขรับใช้ของหลินสวินกระมังช่างพาให้คนดูถูกจริงๆ!พอซาหลิวฉานคิดเช่นนี้ ความเดือดดาลในใจก็จางหายไปไม่น้อยตอนนี้เองจู่ๆ จงหลีอู๋จี้ก็หัวเราะเบาๆ “ตอนที่จุดโคมวิญญาณ เทพมารหลินนั่นลงแรงไปเสียเปล่า สุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว ครั้งนี้ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่”สีหน้าของทุกคนแปลกประหลาด กลับไม่มีใครพูดอะไร ช่วยไม่ได้ เทพมารหลินร้ายกาจเกินไป ใครที่คิดว่าเขาทำไม่ได้ สุดท้ายกลับดูเหมือนว่าล้วนถูกเขาตบหน้าอย่างแรงไม่มีใครสนใจตน นี่ช่างน่าอึดอัด…จงหลีอู๋จี้สีหน้าค้างแข็งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะพูดอย่างจนปัญญา “ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความคิดอื่น แต่ข้าว่าคราวนี้เขาคงจะต้องคว้าน้ำเหลวอีกครั้งแล้ว”เพิ่งจะสิ้นเสียง รอบตัวหลินสวินพลันปรากฏระลอกคลื่นคลุมเครือและน่ากลัว ถาโถมขึ้นมาราวกับหลุมดำทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนต่างประหลาดขึ้นมาส่วนจงหลีอู๋จี้อึ้งจนตาค้างอย่างสิ้นเชิง จิตใจสับสนวุ่นวาย ความเร็วในการตบหน้านี้ช่างราวกับพายุหมุน มาอย่างฉับพลันไม่ทันตั้งตัว!
คอมเม้นต์