Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 855 ท่านย่ากระเรียนทอง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 855 ท่านย่ากระเรียนทอง 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 855 ท่านย่ากระเรียนทอง
“คารวะนายน้อย!”
“นายน้อยผู้เกรียงไกร!”
เหล่าคนตระกูลจงหลี ณ ที่นั้นต่างส่งเสียง สีหน้าเจือความหยิ่งทะนง ท่าทางทรงเกียรติ
แต่สีหน้าบรรดาผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เขียว เผ่าฉลามสมุทร ณ ที่นั้นต่างอึมครึมลง จงหลีอู๋จี้คือจอมวางแผนจริงๆ วิ่งโร่ออกมาเอาหน้าเวลานี้!
‘ความคิดและแผนการลึกล้ำนัก!’
บุคคลแห่งยุคส่วนหนึ่งต่างคิ้วขมวด พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจงหลีอู๋จี้จะชำนาญการจับสถานการณ์เช่นนี้ นี่ดูน่ากลัวยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย
กลางอากาศ เงาร่างจงหลีอู๋จี้สูงตระหง่านดั่งหอกทวน ผมม่วงหนา กลางนัยน์ตาวาบกะพริบสัญลักษณ์สีทอง แปลกประหลาดอัศจรรย์พาให้ผู้คนหวาดหวั่น
“เทพมารหลิน แค่แลกเปลี่ยนความรู้กันเท่านั้น เจ้ากลับหมายกระทำการสังหารคน นี่จะมากเกินไปหน่อยแล้ว!”
วาจาเขาราบเรียบสบายอารมณ์แต่เจือแววตำหนิต่อว่า ท่าทางสูงส่งเหนือผู้อื่นนั่นเหมือนผู้อาวุโสกำลังตำหนิคนรุ่นหลัง
ผู้ฝึกปราณทั้งหมดบื้อใบ้
ก่อนหน้านี้เทพมารหลินทรงอานุภาพผงาดผยอง เคลื่อนกวาดทั่วทิศ ทยอยซัดซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์จนย่อยยับ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จงหลีอู๋จี้ยังกล้าปฏิบัติต่อเทพมารหลินเช่นนี้ นี่ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกนัก
สีหน้าซาหลิวฉานไม่น่าดูนัก ในใจชิงชังและเดือดดาลยิ่ง
ครั้งนี้ไม่เพียงไม่สามารถเอาชนะเทพมารหลิน กลับถูกเจ้าจงหลีอู๋จี้นี่ฉวยโอกาสเอาหน้าครั้งใหญ่ วางท่าราวตัดสินใจแทนเขาและชิงเหลียนเอ๋อร์ นี่จะไม่ให้ซาหลิวฉานโมโหได้อย่างไร
ส่วนชิงเหลียนเอ๋อร์ก็คิดเหมือนกัน สีหน้าถมึงทึง
นางมีไพ่ตายของตน ถึงแม้จงหลีอู๋จี้ไม่ออกโรง นางก็มั่นใจว่าไม่มีทางถูกฆ่า
แต่พูดเรื่องเหล่านี้ตอนนี้เห็นชัดว่าสายไปแล้ว ไม่ว่านางจะยอมหรือไม่ยอม ล้วนต้องรับน้ำใจของจงหลีอู๋จี้!
นี่ทำให้นางแค้นจนกัดฟันกรอด
ถูกเทพมารหลินตีพ่ายภายใต้สายตาผู้คนที่จับจ้อง เดิมก็อัปยศพออยู่แล้ว บัดนี้จงหลีอู๋จี้ยังกระโดดออกมา ทำให้นางดูแย่ยิ่งกว่าเดิม นี่จะไม่ให้นางอึดอัดและคั่งแค้นได้อย่างไร
จงหลีอู๋จี้เวลานี้เรียกได้ว่าเจิดจรัส ดึงดูดสายตาผู้ฝึกปราณทั้งที่นั้น
แต่หลินสวินกลับเกลียดชังเจ้านี่อยู่ในใจ ก่อนเอ่ยปากเย็นชา “ที่แท้เจ้าก็คือจงหลีอู๋จี้ เป็นพวกต่ำทรามชอบเสนอหน้าจริงดังคาด!”
วาจาไม่เกรงใจยิ่ง เพราะการปรากฏตัวของจงหลีอู๋จี้ ทำให้เขาพลาดโอกาสอันดีเลิศในการสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ครั้งหนึ่ง
ชอบเสนอหน้า?
พวกต่ำทราม?
ทุกคนตรงนั้นแตกตื่น สีหน้าตื่นตะลึง
ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งยิ่งนับถือจนแทบอยากโขกหัวกราบ สมเป็นเทพมารหลิน คงมีเพียงเขาที่กล้าวิจารณ์จงหลีอู๋จี้เช่นนี้
แต่สีหน้าเหล่าผู้กล้านั้นกลับเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น ว่ากันตามจริง ในใจพวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดหลินสวินยิ่ง แต่ภายนอกพวกเขาไม่อาจเผยออกมา
“ศิษย์น้องหลิงซี เพื่อนเจ้าคนนี้บ้าระห่ำซะจริง แม้แต่ข้ายังเกือบเกิดความนับถือเขาอย่างอดไม่อยู่” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนหนึ่งทอดถอนใจ
คนอื่นแม้ไม่ออกปาก แต่สีหน้าล้วนสับสนอยู่บ้าง พวกเขาเห็นภาพการต่อสู้โกลาหลเมื่อครู่กับตา เห็นชัดเจนแล้วว่าหลินสวินแกร่งกร้าวสยบผู้กล้าแห่งยุคเช่นไร
นี่ทำให้การปรามาสและสบประมาทในใจพวกเขาหายไปนานแล้ว ถึงแม้ไม่ยินดี แต่ล้วนไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าเทพมารหลินคนนี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ต่อให้เป็นในแดนพิสุทธิ์อมตะของพวกเขา บุคคลแห่งยุคอย่างเทพมารหลินคงมีแค่หยิบมือเท่านั้น
ไป่เฟิงหลิวตื่นเต้นดีใจ ใช้ใบไม้ข่าวสารทำการบันทึกอย่างชำนาญ แง่มุมที่เขาเลือกรอบจัดมาก เจาะจงบันทึกส่วนที่หลินสวินตวาดด่าจงหลีอู๋จี้โดยเฉพาะ
แต่สำหรับคำพูดของจงหลีอู๋จี้ กลับถูกเขาจงใจจัดการลบเลือน
‘เทพมารหลินเอ๋ยเทพมารหลิน เดิมเผ่าวาทวาโยของข้าควรรักษาท่าทีความเป็นกลาง แต่ข้าเห็นเจ้าพวกนั้นแล้วไม่เจริญตา เช่นนั้นก็ได้แค่แต่งแต้มภาพพจน์เจ้าให้ยิ่งใหญ่หน่อย ต่อไปหากเจ้ารู้ก็ต้องรับน้ำใจข้า…’
ไป่เฟิงหลิวแอบพึมพำ
“หลินสวิน ช่างดุจดั่งเทพเซียน!” เยวี่ยเจี้ยนหมิงอึกอักอยู่นาน ค่อยรำพึงรำพันออกมาเช่นนี้

ทว่าเหนือความคาดหมายของทุกคน จงหลีอู๋จี้หาได้บันดาลโทสะ แต่คิ้วขมวดกล่าวเรียบๆ “เทพมารหลิน หรือเจ้าทำได้แค่พูด หากเป็นเช่นนี้คงทำให้ข้าดูถูกเจ้าอย่างมาก”
เขานิ่งสงบยิ่ง ยังรักษาท่าทีสง่างาม
“เจ้าดูถูกข้าแล้วแม่งจะยังไง”
หลินสวินโกรธจัดจนยิ้ม “คนอย่างเจ้ามันหน้าด้านและเสแสร้ง ช่วงก่อนหน้านี้ใครกันที่กระโดดออกมาประกาศศักดาต่อหน้าผู้คนเป็นคนแรกว่าจะกำราบข้า ตอนนี้เจ้ากลับบอกว่าข้าทำได้แค่พูด? ไม่ขายหน้าบ้างหรือ”
วาจาหลินสวินตรงไปตรงมาและไม่เกรงใจ ไม่มีการปิดบังอันใด ทำให้ผู้ฝึกปราณตรงนั้นต่างลอบตื่นตระหนก สัมผัสได้ถึงความป่าเถื่อนของเทมารหลินยิ่งกว่าเดิม เทียบกับข่าวลือแล้วยังแข็งกร้าวยิ่งกว่า
หวนนึกกลับไป ตั้งแต่เทพมารหลินเพิ่งปรากฏตัวก็บุกจู่โจมสังหารซาหลู่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดเผ่าฉลามสมุทร จากนั้นชั่วพลิกฝ่ามือยังคว่ำถังชวนผู้กล้ารุ่นเยาว์สำนักกระบี่หยาดจรูญ
กระทั่งซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์และคนตระกูลจงหลีปรากฏตัว หันปลายหอกเล็งเขาคนเดียว แต่ล้วนไม่สามารถสยบเขาได้ กลับทะยานขึ้นฟ้าหมายสังหารบุคคลแห่งยุคทั้งสองอย่างซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ด้วยตัวคนเดียว
ต่อมาซาหลิวฉานถูกซัดกระเด็น ชิงเหลียนเอ๋อร์บาดเจ็บสาหัสเกือบประสบเคราะห์!
เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นต่อหน้า ยิ่งขับเน้นความแข็งแกร่งและดุดันของเทพมารหลินให้โดดเด่นขึ้นโดยปริยาย
กวาดมองทั่วหล้า เกรงว่าจะหาคนร้ายกาจที่ใจกล้าสะเทือนใต้หล้าเช่นนี้เป็นคนที่สองไม่พบ!
แต่ที่ทำทุกคนคาดไม่ถึงคือ จงหลีอู๋จี้ที่เผชิญหน้ากับการด่าว่าเช่นนี้ของเทพมารหลิน ยังคงมีท่าทางราบเรียบไม่วิตกกังวล
เขาแค่ขมวดหัวคิ้วกล่าว “ไม่ผิด ข้าเคยพูดจริง บนโลกนี้ใช่ว่าใครที่ไหนจะคู่ควรกับคำว่า ‘เทพมาร’ สองคำนี้ตามสะดวก หากเจ้าไม่พอใจ เมื่อเทศกาลโคมกถามรรคเริ่มขึ้น ข้าจะคว่ำเจ้าเป็นคนแรก เด็ดฉายาเจ้าทิ้งซะ”
วาจาเขาราบเรียบแต่แฝงความนัยยิ่งยวด มีความมั่นใจเด็ดขาดประการหนึ่ง
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย อยากตายมันง่ายนิดเดียว ตอนนี้จะส่งเจ้าสู่ความตายเอง!” หลินสวินรำคาญตายิ่งกว่าเดิม เอ่ยปากเย็นชา
ผู้คนส่งเสียงฮือฮา นี่เทพมารหลินจะกำราบจงหลีอู๋จี้ต่อหรือ
อะไรที่เรียกว่าบ้าคลั่งจนตามไม่ทัน
ก็นี่อย่างไร!
หากฟางหลินหานผู้สืบทอดอาศรมดาบแปดวิทูรอยู่ที่นี่ คงทอดถอนใจที่ตนไม่อาจเป็นถึงขั้นนี้ได้
ทว่าคำพูดนี้เมื่อซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ได้ยิน กลับทำให้พวกเขาพลันรื่นรมย์เหลือจะเอ่ยอยู่ในใจ
ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกเทพมารหลินตีพ่ายจนแทบเชิดหน้าไม่อยู่ ในใจอัดอั้นเดือดพล่าน แต่เวลานี้จงหลีอู๋จี้กลับเสนอหน้าใหญ่โต วางท่าราวเป็นผู้ช่วยชีวิต นี่ทำให้พวกเขาชิงชังและรังเกียจถึงที่สุด
ดังนั้นเมื่อเห็นหลินสวินดุดันถึงเพียงนี้ ด่าว่าจงหลีอู๋จี้โดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมหวังให้สิ่งนั้นเป็นจริง กระทั่งแทบอยากให้เทพมารหลินแสดงแสนยานุภาพ กำราบจงหลีอู๋จี้เสียก่อนด้วยซ้ำ!
นี่ก็คือสภาวะจิตที่ว่า ‘ข้าไม่ได้ดี ก็ไม่ให้เจ้าได้ดี’ ประการหนึ่ง
“ตอนนี้? เหอะๆ เจ้าไม่กลัวอับอายขายหน้าหรือ”
จงหลีอู๋จี้หัวเราะเยาะ “ทำตัวเยี่ยงเล่นละครลิงให้คนดูเป็นเรื่องสนุก ข้าจงหลีอู๋จี้คงทำเรื่องเช่นนี้ไม่ลง”
เล่นละครลิง!
เพียงชั่วขณะสีหน้าซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ต่างเหลือทนถึงขีดสุด การต่อสู้ของพวกเขาเมื่อครู่ เหตุใดเมื่อจงหลีอู๋จี้กล่าวออกมาถึงกลายเป็นการเล่นละครลิงไปได้
นี่ด่าว่าพวกเขาเป็นลิงที่เอาใจมวลชนอย่างนั้นหรือ
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นต่างลิ้นจุกปาก จงหลีอู๋จี้ดูเหมือนนิ่งๆ ราบเรียบ แต่ความร้ายกาจในคำพูดพาให้คนตกตะลึงเช่นกัน
“เล่นละครลิง? เจ้าพูดไม่ผิด วันนี้ข้าจะเล่นลิงหน้าด้านจอมปลอมอย่างเจ้าให้หนัก!”
เงาร่างหลินสวินพุ่งไปข้างหน้า เขาคร้านจะพูดมากความแล้ว
ตูม!
แสงอัศจรรย์เรืองอร่ามไหลเวียนทั่วร่าง ทันทีที่หลินสวินลงมือก็ใช้พลังเต็มกำลัง พลังหมัดเจิดจ้าแผดก้องฟ้าดิน
นัยน์ตาจงหลีอู๋จี้หดรัด เดิมเขาคิดว่าผ่านศึกเดือดมา เทพมารหลินต้องเสียพลังไปมากโข เมื่อเผชิญหน้ากับตนอย่างต่ำคงลังเลอยู่สามส่วน
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกร้าวแกร่งดังเดิม หมายเปิดศึกโดยตรง!
“ดูท่าหากไม่กำราบเจ้า พวกที่มาจากโลกชั้นล่างอย่างเจ้าคงไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความน่ายำเกรง!”
นัยน์ตาจงหลีอู๋จี้ฉายสัญลักษณ์ลึกลับทองอร่ามดั่งหล่อจากทองคำ ผมยาวสีม่วงทั้งศีรษะพลิ้วไหว อานุภาพเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวถึงขีดสุดในชั่วขณะ
พริบตานั้นห้วงอากาศปรากฏลมเมฆก่อตัว สถานการณ์ตึงเครียด
การต่อสู้แห่งยุคจวนจะเปิดฉาก
เหล่าผู้กล้าต่างฮึกเหิม จับจ้องโดยพร้อมเพรียง
“เทศกาลโคมกถามรรคยังไม่เริ่ม พวกเจ้าก็หมายตัดสินเป็นตาย มันคุ้มหรือ ฟังคนแก่เตือนสักหน่อย หยุดมือเสียให้หมดเถอะ!”
ทว่ายังไม่รอทั้งคู่ให้ทั้งคู่ประมือ เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏกลางอากาศดั่งภูตผี ขวางระหว่างทั้งสองคน
นี่คือหญิงชราคนหนึ่ง ผมเงินทั้งศีรษะ สีหน้าดูกระชุ่มกระชวย ทรงพลังน่าเกรงขาม มีกลิ่นอายดั่งภูเขาใหญ่สูงตระหง่านที่เชื่อมผ่านฟ้าดิน ให้ความรู้สึกไม่อาจสั่นคลอน
เฮือก!
ผู้ฝึกปราณจำนวนมาก ณ ที่นั้นอ้าปากค้าง ด้วยจำฐานะหญิงชราผู้นี้ได้ว่าเป็นยอดบุคคลรุ่นอาวุโสคนหนึ่งจากเรือนกระบี่เร้นปุจฉา
นี่คือสิ่งที่ใครๆ ต่างไม่คาดคิด ว่าหญิงชราซึ่งฐานะสูงส่งเหลือประมาณผู้นี้จะมายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย!
“หืม?”
ขณะเดียวกัน นัยน์ตาหลินสวินหดรัด นี่ทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ยามจะสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ ก็ถูกจงหลีอู๋จี้เข้าขวาง
บัดนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งโผล่มาหมายขัดขวางทุกอย่าง นี่จะให้หลินสวินชอบใจได้อย่างไร
เวลานี้หลินสวินไม่สนว่าคนที่มาคือใคร ต่อให้เป็นเทพสวรรค์มาเอง เขาก็ไม่หวั่นเกรง!
ตูม!
เขาใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง ชือน้ำแข็งขาวหิมะตัวหนึ่งทะยานฟ้า เงาร่างวาบไหวหมายก้าวข้ามหญิงชรานั่นไปโจมตีจงหลีอู๋จี้ต่อ
“เจ้า…”
จงหลีอู๋จี้นัยน์ตาหดรัดตัว กราดเกรี้ยวอยู่บ้าง เขาคาดไม่ถึงอย่างที่สุด เดิมคิดว่าเมื่อหญิงชราปรากฏตัว หลินสวินจะรู้จักถอย
ไหนเลยจะคาดคิดว่าเจ้าหมอนี่ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย!
ไม่เพียงแค่จงหลีอู๋จี้ แม้แต่หญิงชรานั่นยังเกินคาดหมายอยู่บ้าง เจ้าเด็กนี่ช่างสมชื่อเทพมาร ป่าเถื่อนไปหน่อยแล้ว…
ในใจคิดเช่นนี้ แต่หญิงชราก็ยื่นมือออกไป แสงอัศจรรย์สีชาดปกคลุมทั่วฟ้า แสงมรรคกึกก้อง เผยลักษณ์อัศจรรย์ไพศาลขวางหลินสวินเอาไว้
การโจมตีอย่างราบเรียบแผ่วเบานี้มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่แห่งมหามรรค หลอมรวมไปกับธรรมชาติอย่างหนึ่ง พริบตานั้นก็สลายการจู่โจมของหลินสวิน
ตึกๆๆ!
หลินสวินถูกสะเทือนจนถอยร่นไปหลายก้าวกลางอากาศ แขนชาไปหมด ในใจอดตะลึงไม่ได้ หญิงชราคนนี้ทั้งที่ยังไม่ได้ก้าวเข้าระดับราชัน แต่พลังระดับนั้นกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชันกึ่งระดับชั้นยอดบางส่วนมาก!
แต่พริบตานั้นหลินสวินก็ชะงักงัน เมื่อเห็นใบหน้าหญิงชราชัดเจน ก็จำได้ว่าหญิงชราคนนี้คือใคร
ขณะเดียวกันในใจหญิงชราก็สั่นสะท้านเล็กน้อย ปรากฏคลื่นถาโถมกระเพื่อมไหว เจ้าเด็กนี่คือตัวประหลาดจริงๆ แข็งแกร่งกว่าตอนอยู่นครเตโชไม่รู้เท่าไหร่!
…………..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด