Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 790 ประลองกับเด็กสาวชุดดำ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 790 ประลองกับเด็กสาวชุดดำ 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

หลินสวินและเด็กสาวชุดดำต่างไม่รู้ว่าความคิดในใจอีกฝ่ายสอดคล้องกับตน
ไม่นานนักการต่อสู้ได้เริ่มต้น
ทว่าที่ทำให้หลินสวินแปลกใจคือ ฝ่ายตรงข้ามยืนตระหง่านไม่ไหวติงท่าทางมั่นใจนัก คล้ายรอตนบุกโจมตีเข้าไปก่อน
‘ช่างหยิ่งทะนงเสียจริง’ หลินสวินแสยะยิ้มอยู่ในใจ
ขณะเดียวกันเด็กสาวชุดดำฝั่งตรงข้ามก็มุ่นคิ้ว เจ้าหมอนี่ดูไม่เกรงกลัวสิ่งใด นี่จะรอให้ตนจู่โจมก่อนรึ
แต่ที่สำคัญคือเขาแน่ใจหรือว่าจะต้านการโจมตีของตนได้จริง
‘ช่างหลงตัวเองเสียจริง…’
เด็กสาวชุดดำมุมปากเผยแววสนใจวูบหนึ่ง นางเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้เป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ยามนางต่อสู้ เหล่าคู่แข่งนั้นแต่ละคนต่างเหมือนเจอศัตรูผู้แข็งแกร่ง ระวังตัวหาใดเปรียบ แต่ไม่มีพวกเย่อหยิ่งอวดดีอย่างคนตรงข้ามนั่นโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นบนสังเวียนจึงปรากฏฉากพิลึกพิลั่น เสียงระฆังเริ่มประลองดังขึ้นแล้ว หากแต่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งกลับยืนนิ่งอยู่จุดเดิม ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกันไม่ขยับแม้แต่น้อย
ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งที่ให้ความสนใจมาทางนี้พลันไม่พอใจ นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะใช้อุบายลวงคน คนหนุ่มสาวสมัยนี้นับวันยิ่งไม่ได้เรื่องขึ้นเรื่อยๆ!
“พี่หลินสวิน อัดนางสิ อย่าเห็นว่านางเป็นผู้หญิงเลยรักษามารยาท!”
ซย่าเสี่ยวฉงที่อยู่ใต้สังเวียนโหวกเหวกเสียงกังวาน “อาจารย์ข้าเคยบอก นี่ไม่เรียกว่ามารยาท แต่เป็นการสบประมาทเกียรติภูมิของหญิงสาว สตรีที่แท้จริงไม่ต้องการการออมมือเช่นนี้!”
บนสังเวียนหลินสวินหน้าผากเส้นเลือดปูดโปน ส่วนฝั่งตรงข้าม บนหน้างดงามของเด็กสาวชุดดำที่ถูกปิดบังด้วยหน้ากากเงินเผยความงงงันวูบหนึ่ง
“ยังมีพี่สาวตัวน้อยท่านนั้น ท่านเองก็ลงมือสิ พี่หลินสวินอยากให้มีคนเอาชนะเขาจะตาย!”
ซย่าเสี่ยวฉงตะโกนอีกครั้ง ท่าทางกลัวฟ้าดินไม่วุ่นวาย
“หุบปาก!”
หลินสวินโมโหอยู่บ้าง อะไรที่เรียกว่าตนหวังโดนคนอื่นเอาชนะ มีวิธีพูดอย่างนี้ด้วยรึ หากทำให้คนอื่นเข้าใจผิดจะทำอย่างไร
แต่ในใจเด็กสาวชุดดำกลับมีโทสะ นางหนูน้อยนี่แน่นอนว่ากำลังพูดกลับกัน คิดว่าไม่มีคนสามารถเอาชนะ ‘พี่หลินสวิน’ ของนาง!
“สหายท่านนี้ หากเจ้าไม่ลงมืออีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
เด็กสาวชุดดำเอ่ยปากเย็นชา น้ำเสียงใสเย็นดุจน้ำแร่ ไพเราะปานเสียงสวรรค์ มีรสเยียบเย็นหยิ่งทะนงประการหนึ่ง
นางออกจะหมดคำพูด แอบตัดสินใจว่าประเดี๋ยวต้องมอบความทุกข์ระทมแก่เจ้าหนุ่มนี่สักหน่อย ดูสิว่าเขายังกล้าอวดดีอีกหรือไม่
“ไม่เกรงใจยิ่งดี”
ไม่ง่ายเลยกว่าหลินสวินจะพบคู่ต่อสู้ที่ดูไม่เลวนักคนหนึ่ง ต้องอยากให้อีกฝ่ายลงมือเต็มกำลังเป็นธรรมดา
“เจ้า…”
เด็กสาวชุดดำลอบขบฟันกรอด นัยน์ตากระจ่างถลึงมองหลินสวินวูบหนึ่ง “เยี่ยม อีกเดี๋ยวเจ้าอย่ามาร้องขอความเมตตา!”
จากนั้นบรรยากาศรอบตัวนางพลันเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นชวนประหวั่น มีพลานุภาพไร้รูปแผ่ออกมาจากร่าง
สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเด็กสาวชุดดำ นัยน์ตาหลินสวินวาววาบ ยอดฝีมือ! ต้องเป็นยอดบุคคลในรุ่นแน่!
นี่ทำให้ในใจเขาปิติและรอคอยยิ่งกว่าเดิม ยิ้มกล่าว “ร้องขอความเมตตา? เหอะๆ คำพูดนี้เก็บไว้ให้ตัวเจ้าเถอะ”
เขตพักผ่อนที่ห่างออกไป สีหน้าหญิงชราชุดเขียวเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่นเจือความเวทนาวูบหนึ่ง เจ้าหนุ่มนั่นช่างกล้าเสียจริง ถึงกับกล้าเอ่ยวาจาเช่นนั้นกับคุณหนู…
ก็เห็นพลังทั่วร่างของเด็กสาวชุดดำเยียบเย็นยิ่งกว่าเดิม นัยน์ตากระจ่างเปล่งแสงชวนประหวั่น เห็นชัดว่าถูกกระตุ้นจนโมโห
“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
นางแค่นเสียงก่อนเริ่มโจมตี พริบตาที่มือกระจ่างตบออกไป บนสังเวียนพลันมีหมอกหนาปกคลุมลงมา พร่าเลือนดุจมายาทั่วสังเวียน
“สังเวียนนี้ถูก ‘หมอกวิญญาณเร้นจิต’ ปกคลุม หากเจ้าคิดยอมแพ้ก็ผ่านด่านนี้ของข้าไปก่อน!”
เด็กสาวชุดดำน้ำเสียงเยียบเย็น ชัดแจ้งว่านางตัดสินใจมอบบทเรียนหนักหน่วงแก่หลินสวิน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลินสวินยอมพ่ายลงกลางคันจึงใช้วิชาลับเช่นนี้
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้หลินสวินชื่นชมยินดี กล่าวว่า “ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว ข้ายังกลุ้มอยู่ว่าหากเจ้าผลุนผลันหนีไปจะทำเช่นไร”
วาจานี้แม้มาจากเสียงหัวใจ แต่สำหรับเด็กสาวชุดดำนั่นไม่ต่างอะไรกับการยั่วยุอย่างแจ่มแจ้ง
เดิมนางไม่คิดทำร้ายคน อย่างไรเสียด้วยฐานะนาง การไปรังแกเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งอย่างไรก็ดูไม่มีมาดเกินไป
แต่บัดนี้นางทิ้งเรื่องพวกนี้ไว้เบื้องหลัง ความคิดเพียงหนึ่งเดียวคือซัดเจ้าหนุ่มนั่นให้หนักสักตั้ง!
ตูม!
เด็กสาวชุดดำก้าวออกมาโดยไม่ลังเล มือหยกเรียวบางปัดเบาๆ ผ่านอากาศ ปรากฏแสงดุดันบริสุทธิ์เจิดจรัสดุจกระบี่เทพพังทลายห้วงอากาศทันใด
เมื่อจู่โจมออกมา พาให้จิตต่อสู้ภายในใจหลินสวินพวยพุ่ง นัยน์ตาเขาสาดแสงชวนประหวั่นวาดฝ่ามือยกซัดออก
เสียงฝ่ามือราวสายฟ้า ประดุจเทพมารกู่ก้อง ตามมาด้วยแสงน่าพรั่นพรึงเป็นผืนแผ่น
ในใจเด็กสาวชุดดำปรากฏคลื่นไหวหวั่นเสี้ยวหนึ่ง เพิ่งลงมือเพียงครา นางก็รู้ว่าเจอคู่ต่อสู้ทรงพลังยิ่งยวด ในระดับหยั่งสัจจะนึกไม่ถึงว่ายังมีคนเช่นนี้ ทำให้นางเกินคาดหมายอยู่บ้างจริงๆ
ฉึบ!
เงาร่างนางงามสง่า ย่างก้าวท่ามหมอกควัน นิ้วมือวาดผ่านแผ่วเบาแต่ราวกับทำลายล้าง ทุกสิ่งแตกเป็นเสี่ยงในหมอกแสงเจิดจรัส สลายการจู่โจมของหลินสวินอย่างง่ายดาย ลบล้างอย่างไร้รูป
นัยน์ตาดำหลินสวินลุ่มลึกดุจเหวลึก ตื่นตะลึงในใจ หญิงสาวผู้นี้เป็นยอดฝีมือที่หาได้ยากดังคาด
เขาไม่สะกดข่มและเก็บงำพลังอีก พลังทั่วร่างไหวเคลื่อนกึกก้อง ทั้งตัวอบอวลแสงศักดิ์สิทธิ์สีเขียว เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งทะยานไปเบื้องหน้า
การเปลี่ยนแปลงของเขาน่าตะลึง ก่อนหน้านี้ยังเหมือนราบเรียบสันโดษไม่แสดงตัวชัดเจน บัดนี้อานุภาพกลับแตกต่าง ดุจเทพมารคนหนึ่ง
ตูม!
เขาปล่อยพลังหมัด สะท้านฟ้าสะเทือนดินทลายห้วงอากาศ มีพลานุภาพไม่อาจทัดเทียม วาดกวาดฟ้าดิน กร้าวแกร่งยิ่งยวด
เด็กสาวชุดดำไหวหวั่น เพลิงโกรธในใจพลันเลือนหาย นางรู้ว่าคู่ต่อสู้คนนี้แข็งแกร่งกว่าที่ตนจินตนาอยู่บ้าง
แคว้นวิญญาณอัคนีมีอัจฉริยะเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แม้เด็กสาวชุดดำจะคิดฟุ้งซ่าน แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่เชื่องช้า เงาร่างพลิ้วไหวดุจบัวเขียว รอบกายปรากฏมายากระบี่วิญญาณมากมายเราวกับเป็นของจริง เจิดจ้าแสบตา อวลเจตกระบี่เฉียบคมทะลวงฟ้า พาให้เมฆลมเปลี่ยนสี
ซ่าๆ…
กระบี่วิญญาณมากมายดั่งแสงพิรุณลอยล่อง พลิ้วไหวกลางอากาศ คล้ายสามารถบดขยี้หยินหยาง สลายสิ้นปัญจธาตุ ไอสังหารคลุ้งทั่วบริเวณ
พลังหมัดของหลินสวินถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย แตกสลายขจรขจาย
สังเวียนนี้กำลังปั่นป่วนสั่นสะเทือนไม่หยุด
สุดท้ายหลินสวินก็ไหวหวั่นแล้ว ตั้งแต่ประมือถึงตอนนี้ผ่านไปไม่กี่อึดใจ แต่เด็กสาวชุดดำกลับสำแดงพลานุภาพและวิชายุทธ์ที่ทำเอาเขาตกตะลึงและผิดคาดหลายครั้ง เหนือความคาดหมายเขา
นี่ต้องเป็นคนรุ่นเดียวกันซึ่งแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่หลินสวินเคยพบนับตั้งแต่ฝึกปราณมาแน่ ทำให้เขาสัมผัสถึงพลังกดดันที่ปะทะเข้ามา!
ต้องรู้ว่าเขาก้าวสู่มกุฎมรรคาระดับหยั่งสัจจะแล้ว ประดุจราชันผู้สามารถก้มมองคู่ต่อสู้ระดับเดียวกัน เรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกรในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน
แต่บัดนี้เด็กสาวชุดดำคนหนึ่งกลับสามารถประลองกับเขา นี่ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายก็ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎหรือ
ครืน!
บนสังเวียนศึกใหญ่ปะทุ แสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัสโชติช่วง คนหนึ่งประดุจเทพมาร อีกคนเสมือนเซียนจากสวรรค์ ระหว่างทั้งคู่เกิดการต่อสู้สะเทือนใต้หล้า
ก็เห็นแสงพิรุณราวลอยล่อง เสียงธรรมสนั่นอึกทึก ห้วงอากาศทรุดลง สะท้อนลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นนานัปการ เรียกได้ว่าดุจหนึ่งเดียวในโลกา
สังเวียนแห่งนี้กำลังสั่นสะเทือน แม้แต่ค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่ที่วางไว้ยังโคจรถึงขีดจำกัด ได้แค่ฝืนต้านพลังจู่โจมลูกหลงที่ออกมาจากการประลองนี้อย่างเต็มกลืน
บนอัฒจันทร์ห่างออกไป ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนต่างถูกทำให้ตระหนก สายตาต่างมองมา จากนั้นล้วนตกอยู่ในความตื่นตะลึงใหญ่หลวง อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก
สะเทือนใต้หล้าเกินไปแล้ว การประลองเช่นนี้ทำฟ้าดินตรงนั้นเกิดสัญญาณอลหม่าน เมฆลมเปลี่ยนสี อานุภาพสั่นสะเทือนเหนือเก้าชั้นฟ้า
เปรียบเทียบกันแล้วการต่อสู้บนสังเวียนอื่นพลันเหมือนสู้ไม่ได้ ราวแสงหิ่งห้อยมิอาจสู้แสงเจิดจ้าแห่งตะวันจันทรา!
กระทั่งต่อมา บนสังเวียนอื่นในลานประลองยุทธ์หมอกสน การต่อสู้ทั้งมวลล้วนหยุดชะงัก ผู้ฝึกปราณที่กำลังประมือกันต่างพากันหันมองมาโดยพร้อมเพรียง
คนชั้นแนวหน้าของลานประลองยุทธ์หมอกสนเองก็ถูกทำให้ตระหนก ทยอยปรากฏกาย
การประลองครั้งนี้ช่างเจิดจรัสเป็นประวัติการณ์ ชายหนึ่งหญิงหนึ่งชิงชัย ทุกการเคลื่อนไหวปลดปล่อยพลานุภาพราวผลาญภูผาต้มมหาสมุทร ท่วงท่าอหังการเช่นนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสบางส่วนยังสู้ไม่ได้ สั่นสะท้านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่ต้องสงสัย นี่คือการประลองชั้นยอดในประวัติการณ์ พบเห็นได้น้อยนัก ในนครเตโช การต่อสู้ไร้เทียมทานคล้ายคลึงกันนี้ล้วนแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
ขณะนี้หลินสวินและเด็กสาวชุดดำกลายเป็นศูนย์รวมสายตามหาชน ทั้งลานประลองยุทธ์หมอกสนต่างตกอยู่ในบรรยากาศตื่นตะลึง
ใครต่างไม่อาจจินตนาการ ว่าเหตุใดวันนี้จึงเกิดศึกใหญ่แห่งยุคเช่นนี้กะทันหัน และไม่อาจทราบว่าชายหนึ่งหญิงหนึ่งนั่นเป็นอริยเทพจากที่ใด เหตุใดจึงไร้เทียมทานและแข็งแกร่งเช่นนี้
แต่ทุกคนต่างรู้ชัด การประลองนี้ไม่ว่าใครแพ้ใครชนะ เมื่อปิดฉากลงต้องปั่นป่วนใต้หล้าแน่!

ห่างออกไปหญิงชราชุดเขียวสีหน้าจริงจังคร่ำเคร่ง ดวงตาฉายแววตระหนก จ้องทั้งสองซึ่งประมือกันบนสังเวียนเขม็ง
ยามนี้นางไม่เวทนาหลินสวินอีก ถึงขั้นรู้ว่าความคิดตนเมื่อครู่ผิดไปแล้ว ประเมินเด็กหนุ่มนั่นต่ำไป
‘แคว้นวิญญาณอัคนีปรากฏเด็กหนุ่มที่สามารถประมือกับคุณหนูได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเป็นทายาทตระกูลไหนกัน’
หญิงชราชุดเขียวจิตใจไหวกระเพื่อม มีเพียงตัวนางที่รู้ชัด หากเรื่องวันนี้แพร่ออกไปจะเกิดผลกระทบน่าหวาดกลัวมากเพียงใด ทั่วแดนฐิติประจิมต้องโกลาหลแน่
‘ยังดีที่ฐานะคุณหนูไม่ถูกเปิดโปง ต่อให้มีผลกระทบยิ่งใหญ่ก็คงไม่ถึงขั้นส่งผลต่อคุณหนู…’
หญิงชราชุดเขียวสูดหายใจลึก ความสนใจทั้งหมดจดจ่อที่หลินสวิน นางมีความสงสัยอย่างแรงกล้าประการหนึ่ง นั่นคือเด็กนี่เป็นใครกันแน่

ซย่าเสี่ยวฉงเองก็ตะลึงอึ้งราวห่านไร้สมอง ครู่ใหญ่จึงกล่าวพึมพำ “คราวนี้พี่หลินสวินจะแพ้หรือไม่”

ตูม!
บนสังเวียนหลินสวินกำลังกรำศึก ท่วงท่ายามเคลื่อนไหวงามสง่ามีราศี แม้เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งแต่กลับมีพลังอาจหาญผงาดผยอง มั่นคงและแกร่งกร้าวดุจดั่งราชัน
เด็กสาวชุดดำสัมผัสถึงแรงกดดันขนานใหญ่ แต่กลับไม่ลุกลน รับมืออย่างใจเย็น
มีเพียงนัยน์ตากระจ่างคู่นั้นของนางที่เจิดจ้ากว่าเดิม ทั่วร่างมีแสงบริสุทธิ์ปริศนาไหลหลั่ง ไม่เก็บงำอีกเช่นกัน
เพราะนางรู้ว่าคราวนี้ตนเจอศัตรูผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงคนหนึ่งโดยบังเอิญเข้าแล้ว!
………………..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด