Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 737 จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ
ที่เสอหนานหมิงเดือดดาลเพราะทีแรกควรเป็นเขาที่ฆ่าหลินสวิน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้แล้วราชันผู้สูงใหญ่ไร้เทียมทาน เปล่งประกายสีทองอร่ามทั่วร่างกายที่ปรากฏในระยะไกลนามว่าจินเจาสุ่ย เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาหลายพันปีแล้วในบรรดาราชันเถื่อนในค่ายทัพพ่อมดเถื่อน จินเจาสุ่ยนับว่าเป็นบุคคลชั้นยอดอันดับต้นๆ ผู้ที่สามารถเทียบได้มีเพียงสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่กี่คนอย่างราชันวิญญาณเร้นแห่งสายคนเถื่อนมืด ราชันเมฆาอสนีแห่งสายคนเถื่อนอสนีเท่านั้นตอนนี้จินเจาสุ่ยปรากฏตัว ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเสอหนานหมิงก็รู้ว่า คราวนี้ความดีความชอบของการฆ่าหลินสือเอ้อร์ในครั้งนี้ไม่ตกมาถึงเขาแน่“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ได้ตายในมือใต้เท้าจินถือเป็นบุญของเจ้า!” เสียงของเสอหนานหมิงแฝงความไม่ยินยอมสายหนึ่งแต่สีหน้าในตอนนี้ของหลินสวินกลับดูแปลกไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตอนที่เพิ่งเห็นจินเจาสุ่ย เขายังหวาดผวาและประหลาดใจอยู่เลยแต่เพียงชั่วขณะเท่านั้นเขากลับสงบลงนี่ดูผิดปกติไม่น้อยเสอหนานหมิงเองก็สังเกตเห็นภาพนี้เช่นกัน อดคิดขึ้นมาอย่างเดือดดาลไม่ได้ เมื่อครู่นี้ตอนที่เผชิญหน้ากับตน เจ้าหนูนี่ยังมีท่าทีว่าถึงตายก็ไม่ยอมแพ้อยู่เลยแต่ตอนนี้พอเผชิญหน้ากับราชันคนหนึ่งกลับยอมแพ้โดยดี ท่าทางเหมือนนั่งรอความตายไม่คิดต่อสู้เทียบกันเช่นนี้แล้ว มันช่างน่าหงุดหงิดเกินไปจริงๆ!“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้ายอมง่ายๆ เช่นนี้หรือ เหนือความคาดหมายของข้ามากจริงๆ ข่าวลือว่าเจ้าใจกล้าคับฟ้า ไม่กลัวอะไรเลยไม่ใช่หรือ”ความไม่จำยอมและเพลิงโทสะเต็มอกของเสอหนานหมิงแปรเปลี่ยนเป็นการเยาะเย้ย ระบายออกจากปาก “ที่แท้เจ้าก็แค่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า”“อย่าเพิ่งผิดหวัง”ตอนนี้เองมุมปากของหลินสวินกลับเผยรัศมีลึกลับ “เชื่อข้าเถอะ เดี๋ยวจะทำให้เจ้าพอใจอย่างแน่นอน”หืม?เสอหนานหมิงตะลึงงัน พลันบันดาลโทสะ ถึงขนาดนี้แล้ว เห็นอยู่ชัดๆ ว่าไอ้เด็กนี่ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว แต่กลับยังคงไม่กลัวตนเลยสักนิด หรือในสายตาของเขาราชันกึ่งระดับอย่างตนไม่มีตัวตนเลยเสอหนานหมิงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนถูกทำร้ายอย่างรุนแรง สีหน้ายิ่งข่มไว้ไม่อยู่เพียงแต่ตอนที่เขาคิดจะลงมือสั่งสอนหลินสวินอย่างรุนแรง ลูกตาพลันเบิกกว้างจนเกือบหลุดออกจากเบ้า สีหน้ายิ่งเปลี่ยนเป็นอึ้งค้างในพริบตา ท่าทางเหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้นพลันเห็นว่าในระยะไกล ราชันสายคนเถื่อนทองคำจินเจาสุ่ยที่เงาร่างโอหังอวดดี จรัสแสงราวกับดวงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ในตอนแรก ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างกายกลับแตกสลายทีละชุ่น เลือดเนื้อร่วงลงมา!ภาพนี้ดูน่าสยองอกสั่นขวัญหายเกินไปแล้วสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่น่าสะพรึงกลัวไร้เทียมทานคนหนึ่ง ยังไม่ทันได้ปริปากพูดสักคำก็ตายไปเงียบๆ เช่นนี้เลยหรือเสอหนานหมิงเองก็ไม่ใช่เด็กที่ไม่เคยเห็นโลก ถึงขั้นที่เขาในฐานะที่เป็นราชันกึ่งระดับ ชีวิตนี้ได้เห็นภาพการตายมากมายหลากหลายรูปแบบมาแล้วแต่ตอนที่เห็นภาพตรงหน้า ก็ยังคงตกใจจนหนังหัวชาวาบ อกสั่นขวัญหนีจินเจาสุ่ย!นี่เป็นถึงผู้อาวุโสที่น่ากลัวของสายคนเถื่อนทองคำเชียวนะ ลือกันว่าได้เริ่มค้นหาความเร้นลับของอมตะนพเคราะห์แล้วแต่ตอนนี้กลับตายไปเงียบๆ เช่นนี้?เสอหนานหมิงเกือบคิดว่าตัวเองตาฝาดไปแล้ว ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป กระวนกระวายและเย็นวาบไปทั้งตัว“ทำไม… ทำไมถึง…” สีหน้าเสอหนานหมิงอึ้งงันมึนงงแต่หลินสวินกลับสงบนิ่งกว่ามาก เริ่มแรกเขาเองก็ตะลึง แต่ไม่นานก็สังเกตเห็นเบาะแสที่ซ่อนอยู่จนกระทั่งจินเจาสุ่ยตายไปอย่างเงียบๆ เขาจึงมั่นใจอย่างที่สุดว่าราชันสายคนเถื่อนทองคำคนนี้ถูกฆ่าตั้งแต่ก่อนตนมาแล้ว!และสิ่งที่ฆ่าเขาก็คือศรแห่งนภาครามนั่นเอง!หลินสวินคุ้นเคยกับกลิ่นอายของศรแห่งนภาครามมากจะเดาไม่ออกได้อย่างไร จอมทัพหญิงอันดับหนึ่งของค่ายทัพจักรวรรดิ จ้าวซิงเย่ผู้มีสมญานามว่า ‘ราชินีกระหายเลือด’ อยู่บริเวณนี้หรือและนี่ก็คือความมั่นใจที่ทำให้หลินสวินสามารถรักษาความนิ่งสงบและไม่สะทกสะท้านได้“ตอนนี้เจ้าคงไม่ผิดหวังแล้วกระมัง”หลินสวินหันกลับไปมองความอึ้งและตกใจบนใบหน้าของเสอหนานหมิง ในใจอดแสยะยิ้มไม่ได้ เจ้าหมอนี่ตกใจจนมึนไปแล้วแน่ๆ“นี่… นี่…”เสอหนานหมิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก สัมผัสได้ถึงความไม่เข้าที ระหว่างที่พูดก็หันหลังแล้วหนีไปทันทีน่ากลัวเกินไปแล้ว!ราชันคนหนึ่งยังตายเช่นนี้ แล้วเสอหนานหมิงที่เป็นราชันกึ่งระดับจะกล้าอยู่ซะที่ไหนเพียงแต่ในใจเขายังคงงุนงงมาก ระดับราชันอย่างจินเจาสุ่ยจะตายอย่างเงียบๆ เช่นนี้ได้อย่างไรในสมรภูมิกระหายเลือด ใครจะสามารถฆ่าราชันคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือว่าสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงกลัวบางตัวที่ก้าวสู่อริยมรรคในส่วนลึกของป่าต้นหม่อนวิ่งออกมาแล้วเสอหนานหมิงยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลและหวาดกลัว‘ไม่ใช่สิ!’เขาฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้กะทันหัน หลายวันก่อนตอนที่ราชันวิญญาณเร้นและราชันอีกสี่คนนำทัพไปจู่โจมค่ายหมายเลขเจ็ดของจักรวรรดิ ก็เคยเกิดเรื่องที่คล้ายกันมาแล้วครั้งหนึ่งตอนนั้นจ่างซุนเลี่ยแห่งค่ายหมายเลขเจ็ด ใช้คันธนูและศรอันน่ากลัวคู่นั้นฆ่าราชันวิญญาณเขียวได้ในคราเดียว ทำให้พวกราชันวิญญาณเร้นยังไม่ทันได้เปิดศึกก็ตกใจจนถอยทัพหนีไป‘หรือว่า…’เสอหนานหมิงหัวใจกระเพื่อมไหว ‘หรือบริเวณนี้มีราชันของจักรวรรดิซุ่มอยู่ และในมือกำลังถือคันธนูและศรของหลินสือเอ้อร์’ต้องบอกว่าในฐานะราชันกึ่งระดับ ประสบการณ์และการตอบสนองของเสอหนานหมิงเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม วิเคราะห์เพียงคร่าวๆ ก็ทำให้เขาเดาคำตอบที่ใกล้เคียงความจริงได้แล้วเสียดายที่เขาตระหนักได้ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว บนทางข้างหน้าที่เขาหนีอยู่ ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ผู้หญิงที่งดงามอย่างยิ่งคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมนกกระเรียนสีดำ รูปร่างสูงโปร่งสง่างาม เส้นผมสีดำสนิททิ้งตัวลงราวกับน้ำตก เผยใบหน้างดงามปานมีอานุภาพทำลายบ้านเมืองได้ดวงตาของนางดำแลพเป็นประกาย ริมฝีปากแดงและชุ่มฉ่ำ ผิวเรียบเนียนละเอียดลออยิ่งกว่าหยกมันแพะ งดงามจนพาให้อกสั่นขวัญหายเพียงแต่แวบแรกที่เห็นผู้หญิงคนนี้ เสอหนานหมิงก็พังทลายอย่างสิ้นเชิง ราวกับเห็นราชินีปีศาจจากนรก สีหน้าหม่นหมองราวกับสูญเสียบุพการีราชินีกระหายเลือด!ถึงกับ… ถึงกับเป็นนาง!นี่คือความคิดสุดท้ายก่อนตายของเสอหนานหมิง เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและไร้ที่พึ่งและตอนนี้หลินสวินได้ไปรวมตัวกับจ้าวซิงเย่แล้ว……“เจ้าเป็นเหยื่อล่อ ข้าทำหน้าที่สังหารศัตรู เพื่อฆ่าราชันเถื่อนให้ได้มากขึ้น”ทักทายกันคร่าวๆ จ้าวซิงเย่ก็เสนอเช่นนี้หลินสวินชะงัก “เช่นนี้… จะได้หรือ”“อย่าดูแคลนตัวเองเกินไป ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังกว่าข้ามาก ทำให้ค่ายทัพพ่อมดเถื่อนแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ส่งระดับราชันมาตามฆ่าเจ้า ในสถานการณ์เช่นนี้ ให้เจ้ารับหน้าที่อันใหญ่หลวงนี้ย่อมเหมาะสมที่สุด”จ้าวซิงเย่ยิ้มอย่างงดงาม นางยืนตัวตรงสง่างาม มีบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผสมผสานความสุภาพเยือกเย็น งดงาม โหดเหี้ยมและเย้ายวนไว้ในคนเดียวกัน ให้ความรู้สึกหลากหลายและมีความน่าเกรงขามที่ทำให้ไม่กล้าดูหมิ่น“เอ้อ” หลินสวินยิ้มขื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำชมที่ผิดปกติแบบนี้ แม้แต่การถูกตามฆ่ายังกลายเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง นี่จะต้องเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์อย่างแน่นอนทว่าสุดท้ายหลินสวินก็รับปาก……ในช่วงเวลาหลังจากนั้น หลินสวินก็ไม่ซ่อนตัวและไม่ระมัดระวังอีกต่อไป พุ่งไปที่ค่ายฐานของศัตรูโดยตรงระหว่างทางมีผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนไม่รู้เท่าไหร่ตะลึง แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตน หลินสือเอ้อร์ไม่กลัวตายหรือหรือเขาไม่รู้ว่ามีราชันที่แท้จริงตามฆ่าเขาอยู่อวดดีเกินไปแล้ว!ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนต่างเดือดดาล คิดว่านี่เป็นพฤติกรรมยั่วยุอย่างหนึ่ง ไม่เห็นพวกเขาเผ่าพ่อมดเถื่อนในสายตา อวดดีอย่างที่สุดหลินสวินไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เจอกับศัตรูที่ความสามารถไม่พอ ก็ถูกเขาฆ่าอย่างง่ายดายและรวดเร็วส่วนคู่ต่อสู้ที่ความสามารถยิ่งอ่อนด้อย เขาคร้านจะตามฆ่าจึงปล่อยให้หนีไป เพื่อให้พวกเขาไปแจ้งเบาะแสสิ่งที่ทำให้หลินสวินเสียดายไม่น้อยคือ ระหว่างทางเขากลับไม่พบราชันที่แท้จริงอีกเลย แม้แต่ราชันกึ่งระดับก็ไม่เห็น‘เฮ้อ จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง’ หลินสวินคิดถึงการกระทำในตอนนี้ของตัวเอง สีหน้าก็อดจะแปลกประหลาดขึ้นมาไม่ได้แต่จะพูดอย่างไรดี ความรู้สึกแบบนี้ก็สะใจมากจริงๆ!ตอนนี้หลินสวินอยากให้เป็นในนครต้องห้ามแทบไม่ไหวแล้ว เช่นนี้ก็สามารถบุกไปฆ่าตระกูลจั่วและตระกูลฉินถึงหน้าประตูได้มีจ้าวซิงเย่ผู้เป็นราชินีกระหายเลือดคอยติดตาม ใครหน้าไหนขวางทางก็ฆ่าได้หมดเลยมิใช่หรือแน่นอนว่าสุดท้ายนี่เป็นแค่จินตนาการ ไม่สมจริง ไม่นานหลินสวินก็ยิ้มขื่น ส่ายหน้าไม่คิดเรื่องพวกนี้อีก“รายงาน! หลินสือเอ้อร์ล่าสังหารมาทางค่ายทัพของเราด้วยตัวคนเดียวแล้ว!”“กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว เจ้าเด็กนั่นไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาสักนิด หากไม่กำจัดเขาซะ พวกเราเผ่าพ่อมดเถื่อนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”ในค่ายทัพพ่อมดเถื่อน ข่าวมากมายถูกส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว พาให้เกิดความฮือฮาครั้งใหญ่ และทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนต่างโกรธจนหน้าเขียวคำว่ารังแกเกินไปแล้วเป็นอย่างไรน่ะหรือก็เช่นนี้อย่างไรเล่า!เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง กลับกล้ากำเริบเสิบสานถึงขั้นเข้ามาเหิมเกริมในอาณาเขตของพวกเขา อวดดีเกินไปแล้วจริงๆ“ดีๆๆ! กำลังกังวลอยู่เลยว่าไม่มีโอกาสฆ่าเด็กนั่น ไม่คิดว่าเขาจะมารนหาที่ตายเสียเอง ไป ฆ่าเขาซะ!”ไม่นานก็มีผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนมากมายออกจากค่ายไปอย่างเดือดดาล ไอสังหารพวยพุ่งรุนแรง หมายจะไปกำจัดหลินสวินทว่าพวกเขาไม่ได้ถูกความโกรธครอบงำ ผู้ที่เคลื่อนไหวแทบจะเป็นบุคคลชั้นยอดระดับมหาเวทขึ้นไปทั้งหมด และไม่ขาดราชันกึ่งระดับ“เหอะๆ คนรุ่นหลังเก่งนำคนรุ่นก่อนสินะ ข้าอยากดูนักว่าเด็กนี่มีความสามารถอะไร ถึงกล้ามาท้าทายเพียงลำพัง”“ระวังเป็นกับดัก”“ไม่ต้องห่วง นี่คืออาณาเขตของพวกเราเผ่าพ่อมดเถื่อน! แม้จะมีกับดัก ก็ไม่มีทางยอมให้เด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเข้ามาเด็ดขาด!”สุดท้ายแม้แต่ราชันคนหนึ่งยังนั่งไม่ติดแล้ว ออกจากค่ายไปพร้อมใบหน้าเหี้ยมโหดในเวลาเดียวกัน ในพื้นที่ที่ห่างจากค่ายทัพพ่อมดเถื่อนไม่กี่พันลี้ หลินสวินยืนอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่ง มองลงไปยังผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่มาจากระยะไกลเขาเอามือไพล่หลัง สีหน้าสงบนิ่งและใจเย็น พูดอย่างเยือกเย็น “อย่างพวกเจ้า หลายวันมานี้ข้าฆ่าไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ เบื่อมากแล้ว ไปๆๆ ไปตามผู้ใหญ่ของพวกเจ้ามารับความตาย ข้าไม่อยากเปลืองแรงกับพวกเจ้าอีกแล้ว”คำพูดเหล่านี้ราบเรียบสบายๆ แต่ทุกคำกลับดังก้องฟ้าดินอย่างชัดเจน ความเย้ยหยันและดูถูกในคำพูดที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด ทำให้ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนโกรธจัดจนปอดแทบระเบิดแล้ว………………..
คอมเม้นต์