Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 644 ดึงธนูยิงเรือสิบลำ
“คุณชาย เหตุใด…ท่านจึงพาข้ามาด้วย”ระหว่างทางหลังจากเย่หลิงถงสงบสติอารมณ์ลงพลันสังเกตถึงความผิดปกติ เมื่อครู่นี้ปฏิกิริยาของคุณชายผู้นี้แปลกมาก ปากบอกว่าไปก็ไปทันที ดูผิดปกติไม่น้อย“จะเกิดอันตรายขึ้นที่นั่น”หลินสวินไม่ปิดบัง พูดเสียงเรียบ “ถ้าการรับรู้ของข้าไม่ผิด อันตรายนั่นมาจากตระกูลหาน พวกเขาไม่เพียงส่งตัวหานอวิ๋นฉงมา แต่ยังเคลื่อนขบวนเรือรบวีรชนม่วงอีกสิบลำ”พูดถึงตอนท้าย แววแปลกประหลาดแวบผ่านนัยน์ตาเขาเพราะเรือรบวีรชนม่วงสิบลำนั้นเป็นเรือรบรูปแบบใหม่ที่เขากับเหล่าโม่ร่วมกันพัฒนาขึ้น“อันตราย?”เย่หลิงถงตกใจ สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน “คุณชาย เหตุใดท่านถึงไม่บอกพวกของญาติผู้พี่ของข้า…”พูดถึงตรงนี้นางก็ตระหนักได้ทันที มุมปากอดเผยยิ้มขื่นไม่ได้“เจ้าจะโทษว่าข้าใจร้ายหรือไม่” หลินสวินคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มเย่หลิงถงรีบส่ายหัว สีหน้าอึมครึมไม่แน่วนิ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ พร้อมเอ่ย “ญาติผู้พี่ข้าทำเกินไปจริงๆ นี่…อาจเรียกได้ว่ากรรมตามสนอง”จากนั้นนางรวบรวมความกล้าพูดขึ้นว่า “คุณชาย ข้า…ข้าอยากกลับไปดูสักหน่อย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นคนตระกูลเย่ ปล่อยให้พวกญาติผู้พี่ประสบเคราะห์โดยไม่ทำอะไรไม่ได้”ได้ยินเช่นนี้ทำให้หลินสวินอึ้งไปเล็กน้อย พลันพยักหน้าพูด “ก็ได้ แต่ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก”เขาชื่นชมเย่หลิงถงมาก นางเป็นผู้หญิงที่แยกแยะบุญคุณความแค้นออกจากกันอย่างชัดเจนและมีเหตุผล ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ ตอนจากมาเขาก็คงไม่พาเย่หลิงถงมาด้วย“ขอบคุณคุณชาย!” เดิมทีเย่หลิงถงไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอเห็นหลินสวินตอบตกลงในทันที ภายในใจก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณ“ไปกันเถอะ”ยานขนส่งอวกาศเคลื่อนไหวกลางอากาศอย่างรวดเร็วและหายไปในชั่วพริบตา……โครม! โครม! โครม!กลางอากาศ เรือรบวีรชนม่วงสิบลำราวกับเมฆดำมากมายที่ลอยปกคลุมผืนฟ้า เรือรบคำราม กระบวนรอยสลักวิญญาณหนาแน่นเปล่งประกายเรืองรองปืนใหญ่สลักวิญญาณมากมายลากหางยาวฉีกทลายอากาศ ส่งเสียงสนั่นแก้วหู ปืนใหญ่หนาแน่นและน่ากลัวพวกนั้นปกคลุมทะเลผืนนี้เอาไว้พลันเห็นน้ำทะเลเดือดพล่าน พัดกระพือคลื่นทะลวงฟ้า อากาศแปรปรวน พลังอันน่ากลัวโหมกระหน่ำราวกับพายุและภายใต้การปิดล้อมโจมตีของปืนใหญ่มากมายนี้ เงาร่างของเย่ตงเคอและกลุ่มผู้ติดตามจมหายไปทันทีเรือรบวีรชนม่วงถือเป็นอาวุธพิฆาตชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะปวดหัวได้ และเมื่อเทียบกับการโจมตีของเรือรบวีรชนม่วง พวกเย่ตงเคอดูด้อยค่าและเปราะบางมากเกินไปทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น พวกเขาก็ตกอยู่ในอันตรายถึงที่สุด“น่าชังนัก! เพราะเด็กเมื่อวานซืนนั่นคนเดียว ทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้!”เสียงคำรามโกรธแค้นดังขึ้น ตอนนี้เย่ตงเคอราวกับสัตว์ที่จนตรอก ดวงตาแดงก่ำ สีหน้าบิดเบี้ยวและอาฆาตแค้น เต็มไปด้วยความไม่ยินยอมเขารู้ว่าวันนี้ยากจะหนีความตายพ้น!แต่ในใจเขากลับอัดอั้นมากเกินไป คิดว่าหลินสวินจงใจแก้แค้นและทำร้ายเขา ทำให้เขาชิงชังจนคลุ้มคลั่ง“ได้ยินหรือยัง แม้ก่อนตายญาติผู้พี่คนนี้ของเจ้าก็ยังคิดว่าข้าทำร้ายเขา คนแบบนี้ต่อให้วันนี้ตระกูลหานไม่ฆ่าเขา ข้าก็ไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่”ในระยะที่ไกลจากสนามรบไม่มาก ยานขนส่งอวกาศจอดอยู่กลางอากาศ หลินสวินสองมือไพล่หลัง นัยน์ตาดำเย็นชา มองดูทุกอย่างนิ่งๆเย่หลิงถงที่อยู่ข้างๆ ทั้งตกใจทั้งขึ้งโกรธ ที่ตกใจคือตระกูลหานเคลื่อนขบวนเรือรบวีรชนม่วงสิบลำออกมาจริงๆ นี่ทำให้นางรู้สึกใจหายที่โกรธคือ จนถึงขนาดนี้แล้วเย่ตงเคอยังไม่รู้ตัว คิดว่าทุกอย่างที่เขาประสบเป็นเพราะคุณชายคนนี้ สมควรตายจริงๆ!แต่ในฐานะคนตระกูลเย่ เย่หลิงถงยังคงทนเห็นพวกเย่ตงเคอถูกเรือรบของตระกูลหานฆ่าตายไม่ได้จริงๆ“ข้า… ยอมให้เขาตายในมือคุณชาย!” เย่หลิงถงกัดฟันแน่น ตอนนี้นางโกรธจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว“ตายในมือใครก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ”หลินสวินเหลือบมองนางปราดหนึ่ง รู้ว่าในใจนางยังมีความคิดเพ้อฝัน หวังให้ตนลงมือช่วยเย่ตงเคอใบหน้างามของเย่หลิงถงซีดเซียวขึ้นมาทันที ร่างกายสั่นไหว นางรู้ว่าคนผู้นี้จะไม่ลงมืออีกแล้ว…และในเวลาเดียวกัน ในสนามรบที่ห่างออกไปเสียงคำรามอย่างอาฆาตแค้นของเย่ตงเคอยังคงดังก้อง สาปแช่งเด็กหนุ่มคนนี้ คิดว่าเขาน่ารังเกียจและจงใจไม่เตือน อยากให้พวกตนตายได้ยินทั้งหมดนี้เย่หลิงถงหมดหวังอย่างสิ้นเชิง ลอบถอนหายใจในใจ ‘ทำตัวเองแท้ๆ…’ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเสียงของพวกเย่ตงเคอก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ถูกปืนใหญ่หนาแน่นนั่นจู่โจมสังหาร ไม่สามารถฟื้นคืนมาได้อีกแล้ว“แย่แล้ว พวกเขาเห็นเราแล้ว กำลังพุ่งสังหารมาทางนี้!”ทันใดนั้นเย่หลิงถงสั่นไปทั้งตัว สังเกตเห็นว่าเรือรบวีรชนม่วงสิบลำที่อยู่ไกลๆ กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว“นั่นมันนางหนูตระกูลเย่!”“แปลกจริง ผู้อาวุโสหานอวิ๋นฉงหายไปไหน ด้วยพลังของเขา ปล่อยให้พวกลูกหมาตระกูลเย่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร”“อย่าเพิ่งสนใจเลย ฆ่าพวกเขาก่อนค่อยว่ากัน!”เสียงโหวกเหวกดังมาจากกลุ่มเรือรบวีรชนม่วง นั่นคือเสียงของผู้ฝึกปราณตระกูลหานที่ไอสังหารพลุ่งพล่าน“คุณชาย พวกเรารีบไปกันเถอะ”ใบหน้างามของเย่หลิงถงซีดขาว วันนี้นางผ่านเหตุการณ์ตามฆ่าที่อันตรายมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอดมาได้ และยังเห็นโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับญาติผู้พี่ของตนกับตาตอนนี้ตระกูลหานระดมกำลังอีกครั้ง ส่งเรือรบวีรชนม่วงสิบลำมาปิดล้อมปราบปรามพวกเขา การโจมตีทั้งหมดนี้ทำให้เย่หลิงถงรู้สึกประหนึ่งพังทลายในอดีตนางเคยเจอเรื่องอันตราย น่าสะพรึงกลัว และน่าคับแค้นแต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้แบบนี้ซะที่ไหน?“ไป? ทำไมต้องไป”หลินสวินไม่แสดงสีหน้า นัยน์ตาดำจ้องมองไปที่ห้วงอากาศที่อยู่ห่างออกไป “แม้เย่ตงเคอจะสมควรตาย แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคนในตระกูลเจ้า ในเมื่อถูกฆ่าไปแล้ว ข้าก็ต้องมีคำอธิบายให้ตระกูลเย่ของพวกเจ้า”เย่หลิงถงอึ้งจากนั้นนางพลันเห็นเด็กหนุ่มหยิบคันธนูที่กลิ่นอายหยาบกระด้าง เหี้ยมโหดน่าสะพรึงกลัวออกมา ตัวคันธนูราวกับทำจากโครงกระดูก สายธนูเล็กบางเป็นสีแดงสดราวกับอาบเลือดมา มีกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นที่กระหายเลือดแต่สวยงามกรีดกรายธนูวิญญาณไร้แก่นสาร!พลันเห็นนิ้วเรียวยาวขาวเนียนของหลินสวินดึงสายธนู เสียงวู้มคลุมเครือดังออกมาจากคันธนูราวกับเสียงกรีดร้องดีใจอย่างโหยหาเลือดรอบตัวหลินสวิน อากาศทรุดทลายราวกับต้านทานพลังนี้ไม่ไหว เย่หลิงถงกลั้นหายใจอย่างอดไม่อยู่ตอนนี้หลินสวินหรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับกำลังเงียบรอ“เจ้าหมอนั่นจะทำอะไร เอาธนูธรรมดาๆ มาโจมตีพวกเรางั้นหรือ ฮ่าๆๆ ข้าเพิ่งเคยเห็นเรื่องตลกขนาดนี้เป็นครั้งแรก”“แบบนี้ถือว่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ช่างเป็นการไม่เจียมตัวที่โง่เขลา!”“ให้ตาย ตลกจริงๆ เด็กหนุ่มคนนั้นก็เป็นคนตระกูลเย่เหมือนกันสินะ น้ำเข้าสมองหรือไง นี่มันเรือรบวีรชนม่วงนะ อาศัยธนูธรรมดาๆ ของเขายังคิดจะสู้กับเราหรือ”บนเรือรบวีรชนม่วงที่อยู่ห่างออกไป กลุ่มผู้ฝึกปราณตระกูลหานหัวเราะกันอย่างครื้นเครง สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยันฟุ่บ!และหลินสวินได้ยิงธนูออกไปในเวลานี้สายธนูสีแดงสดราวกับเลือดสั่นไหว แต่ลูกธนูที่ถูกยิ่งออกมากลับไร้สุ้มเสียง ราวกับอากาศที่โปร่งใส ไร้ร่องรอยให้สืบเสาะแต่เย่หลิงถงกลับหนังหัวชาวาบ หนาวเยือกทั้งร่าง การโจมตีนี้แปลกประหลาดและน่ากลัวมาก เป็นพลังร้ายแรงถึงชีวิตที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ตูม!เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เรือรบวีรชนม่วงลำหนึ่งก็ระเบิดเป็นชิ้นๆ เปลวเพลิงลุกโชนราวกับภูเขาไฟระเบิด แผดเผาอากาศ ยิ่งใหญ่อย่างมากธนูดอกเดียวทำลายเรือรบวีรชนม่วงลำหนึ่ง!ในชั่วพริบตาเหล่าผู้ฝึกปราณตระกูลหานบนเรือรบวีรชนม่วงอีกเก้าลำที่เหลือต่างอึ้งงัน ไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เห็นเรือรบวีรชนม่วงที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งปวดหัวได้ ถูกยกย่องให้เป็นสมบัติที่พลังทำลายล้างสูงสุดในบรรดาเรือรบขนาดเล็กของจักรวรรดิ ถูกทำลายลงง่ายๆ แบบนี้หรือนี่ไม่สมจริงเหมือนเป็นภาพฝัน!นับตั้งแต่เรือรบวีรชนม่วงรุ่นใหม่กำเนิดขึ้นมาบนโลก อาวุธพิฆาตนี้ก็ถูกบรรจุเอาไว้ในกองทัพจักรวรรดิอย่างรวดเร็ว และเป็นที่หมายปองของผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนด้วยมันมีการป้องกันที่น่าทึ่ง พลังต่อสู้น่าสะพรึง เพียงพอจะสำแดงพลังทำลายล้างที่ทำให้ศัตรูสิ้นหวังบนสนามรบอย่างแท้จริงแต่ตอนนี้ เรือรบวีรชนม่วงเช่นนี้ กลับถูกทำลายด้วยลูกธนูที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้รูป“นี่มัน…”“นั่นธนูอะไร หรือเป็นสมบัติไร้เทียมทาน”“เจ้าหนูนั่นเป็นใครกัน เหตุใดในสารจึงไม่ได้พูดถึงว่าตระกูลเย่มีบุคคลระดับนี้”“โจมตี! รีบโจมตีเขาเต็มกำลังเดี๋ยวนี้!”เสียงร้องโหวกเหวกและเสียงคำรามด้วยความเดือดดาลดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพลันเห็นเรือรบวีรชนม่วงเก้าลำนั้นฮึกเหิม ส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้า ล้อมพื้นที่นี้เอาไว้ ปืนใหญ่รุนแรงมากมายต่างหันมาหากภาพนี้เกิดขึ้นบนแผ่นดินใหญ่ ก็เพียงพอที่จะทำลายเมืองหนึ่งได้แล้ว!ตูม!ทว่าเพียงพริบตาเท่านั้นก็มีเสียงกึกก้องดังขึ้นอีก เรือรบวีรชนม่วงลำหนึ่งถูกทำลายอีกครั้ง พลังระเบิดน่าสะพรึงกลัวนั่นต้มน้ำทะเลจนเดือดพล่าน เผาไหม้อากาศพลันเห็นว่าบนยานขนส่งอวกาศ ร่างของหลินสวินสูงเหยียดตรง สีหน้าสงบนิ่ง ธนูวิญญาณไร้แก่นสารคำรามอย่างคลุมเครือ สายธนูสีแดงสดราวกับเลือดนั่นยิงออกมาอย่างต่อเนื่องฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!ลูกศรวิญญาณมากมายกวาดผ่านอากาศอย่างไร้สุ้มเสียง ไร้รูปไร้สี ว่องไวราวกับสายฟ้า เปล่งประกายพลังอันน่าทึ่งเย่หลิงถงอึ้งค้างอย่างสิ้นเชิงแล้ว ในหัวว่างเปล่าในสายตานาง เห็นว่าเรือรบวีรชนม่วงลำแล้วลำเล่าระเบิดออกกลางฟ้าดิน กลายเป็นเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า เผาไหม้อย่างรุนแรงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ผู้แข็งแกร่งตระกูลหานไม่ทันได้หนีออกจากเรือรบก็ถูกม้วนเข้าไปอยู่ในระเบิด ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและสิ้นชีพในที่สุดที่แห่งนี้ราวกับกลายเป็นนรก เต็มไปด้วยภาพแห่งการทำลายล้างที่น่ากลัวทั้งหมดนี้ดูไม่สมจริงยิ่ง นั่นมันเรือรบวีรชนม่วงเชียวนะ! เป็นอาวุธสำคัญแห่งจักรวรรดิ แต่ตอนนี้เหตุใดจึงเปราะบางและอ่อนแอถึงเพียงนี้เย่หลิงถงคิดไม่ตก ตกตะลึงจนสติหลุดลอยไปอย่างสิ้นเชิงตูม!เรือรบวีรชนม่วงลำสุดท้ายถูกทำลาย ควันระเบิดน่าสะพรึงทะลวงฟ้า เปลวไฟที่ลุกโชนสาดส่องท้องทะเลสีครามแห่งนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นในไม่กี่อึดใจเท่านั้น เรือรบวีรชนม่วงสิบลำและกลุ่มผู้ฝึกปราณตระกูลหานบนเรือรบต่างถูกกวาดล้างไปพร้อมกัน!และหลินสวินก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอื่นอีก เขายืนตระหง่านอยู่อย่างนั้น ตัวตรงสง่าเหมือนสนเขียว ชุดสีขาวพระจันทร์พลิ้วไปตามสายลม ผมดำแผ่สยายในระยะที่ไกลจากเขาคือทะเลเพลิงที่แท้จริง เผาไหม้อย่างรุนแรง ส่องสว่างฟ้าดินราวกับไฟนรกซากเรือรบและศพของผู้ฝึกปราณตระกูลหานล้วนกลืนหายไปในทะเลเพลิงเย่หลิงถงมองทุกอย่างอึ้งๆ มองเงาร่างของคนที่ยืนเอามือไพล่หลังราวกับเย่อหยิ่งที่สุดแห่งยุค ความหวาดหวั่นอันไม่ทราบต้นสายปลายเหตุพลันพลุ่งพล่านขึ้นในใจ‘คนผู้นี้ ต้องเป็นผู้กล้าในตำแหน่งท่ามกลางคนรุ่นเยาว์อย่างแน่นอน! มิฉะนั้นคนคนเดียวจะสามารถยิงเรือรบวีรชนม่วงสิบลำด้วยธนูคันเดียวได้อย่างไร’…………………….
คอมเม้นต์