Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 483 สายน้ำแห่งกาลเวลา คลื่นซัดกวาดผู้กล้าหล่นลับหาย
เจตจำนงอันน่าหวาดกลัวแต่ละสายนั้น เปรียบดั่งตัวแทนของสัตว์ประหลาดเฒ่าแต่ละคนซึ่งจำศีลอยู่ภายในสำนักศึกษามฤคมรกตก่อนหน้านี้ยามกู้อวิ๋นถิงไต่ขึ้นกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณก็ทำให้พวกเขาตื่นตกใจแล้ว แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าเพียงไม่นาน ป้ายหินเก่าแก่โบราณจะเกิดปรากฏการณ์ประหลาดอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นปรากฏการณ์ประหลาดครานี้ยังพิเศษเป็นอย่างมาก ตลอดหลายพันปีมานี้ล้วนไม่มีระบุไว้ ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกตกใจพิศวงทางเดินบุปผชาติร่วงหล่น แสงประกายทองทะลุผ่านฟ้าดิน สิ่งเหล่านี้สื่อถึงสิ่งใดกันตึง!ทันใดนั้นบนป้ายหินเก่าแก่โบราณพลันเกิดเสียงธรรมโบราณดั่งเสียงจากสวรรค์ก้องขึ้นอีกครั้ง เติมเต็มกลิ่นอายแห่งกาลเวลา ลึกลับซับซ้อนเกินคาดเดาเห็นแสงประกายถาโถม แสงศักดิ์สิทธิ์แผ่คลุมไปทั่ว ราวกับธารน้ำตกแห่งมหามรรคไหลรินพาดผ่านป้ายหิน ฟองคลื่นแต่ละระลอกล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายพลังแห่งสัจจะอันลึกลับมหัศจรรย์เหลือประมาณ“เสียงดังขึ้นครั้งที่สามแล้ว ปรากฏการณ์ประหลาดจากฟากฟ้านี้ยิ่งงดงามขึ้นทุกที!”“เหตุใดแต่ก่อนไม่เคยได้ยินว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น”“แปลกประหลาด บนป้ายหินยังคงเป็นกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ ไม่มีร่องรอยกระดานรวมให้เห็นเพียงนิด…”เจตจำนงอันน่าหวาดกลัวเหล่านั้นล้วนตกใจ ยากคาดเดามากยิ่งขึ้นถึงขนาดพวกสืออวี่ หนิงเหมิงและบรรดาลูกศิษย์สาขายุทธ์วิถีต่างตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น พวกเขาถูกเสียงธรรมอันน่าสะพรึงทำให้จิตใจเสียการป้องกัน หัวสมองพลันว่างเปล่าณ เวลานี้ ห้วงฟ้าเหนือสาขายุทธ์วิถีล้วนกังวานด้วยเสียงธรรมจากสวรรค์ที่เปี่ยมกลิ่นอายโบราณเก่าแก่แห่งกาลเวลา ก่อให้เกิดเสียงอื้ออึงและน่าประหลาดใจนานัปการเหล่าอาจารย์และบรรดาศิษย์ต่างหยุดทุกการกระทำ รู้สึกถึงความไหวหวั่นจากก้นบึ้งของหัวใจ มิอาจสงบจิตใจ ต่างพากันเงยหน้ามองไปยังจุดเดียวกัน… ยอดเขามหาสมุทรวิญญาณ!ที่นั่นแสงทองย้อมโลก กลิ่นอายมหามรรคเปลี่ยนเป็นน้ำตกแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลหลั่งสู่โลกมนุษย์ ดุจดั่งแดนสุขาวดีแห่งเทพเซียน พาให้คนสั่นสะท้าน“นี่มันเรื่องอะไรกัน”ผู้คนมากมายต่างพิศวงตึง!ไม่นานนักเสียงเสียงธรรมดังขึ้นเป็นครั้งที่สี่ ก้องสะท้อนกับป้ายหินเก่าแก่โบราณ ในระหว่างนั้นถึงขั้นเห็นปรากฏการณ์ประหลาดบุปผาสวรรค์โปรยปราย เทวรัศมีร่ายรำ ปทุมทองพรั่งพรู อริยะเทศน์ธรรมช่างโชติช่วงและสง่างามเหลือเกิน ทำให้เจตจำนงอันน่าหวาดกลัวเหล่านั้นต่างค่อยๆ จมสู่ความเงียบงัน ไม่อาจทำความเข้าใจได้เวลานั้นไม่เพียงแต่สาขายุทธ์วิถีเท่านั้น สาขามังกรเร้น สาขายอดยุทธศาสตร์ สาขาสลักวิญญาณ สาขากลยุทธ์เทพ และอาณาเขตลึกลับยิ่งกว่านั้นต่างมีเสียงธรรมสะท้อนกังวานไปด้วย ดั่งมังกรครวญ ดุจหงส์ขับขาน ไอมงคลอบอวลฟ้าดิน!บนทางศิลาครามเล็กๆ กู้อวิ๋นถิงในชุดขาวราวเทพเซียนปลีกวิเวกโดดเดี่ยวพลันหยุดชะงัก หันไปยังทิศที่ห่างไกล ดวงตาระยับดั่งประกายดาราคู่นั้นสาดประกายแสงเจิดจ้า ราวกับต้องการฉายส่องทุกความรางเลือนจากนั้นเขาพลันตระหนก เป็นตำแหน่งของกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ!หรือว่ายังมีผู้ไต่ขึ้นกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณตามตนมาอีกกู้อวิ๋นถิงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันเงาร่างก็หายไปจากตำแหน่งเดิม“เสียงธรรมก้องกังวาน สัจจะมหามรรคปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องสะท้านโลกขึ้นกระมัง”ทั่วทั้งสำนักศึกษามฤคมรกตต่างตื่นตระหนก เสียงอื้ออึงดังทั่วทุกสารทิศที่เชิงเขามหาสมุทรวิญญาณ ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าร่างผอมคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูๆ แล้วเหมือนคนธรรมดาสามัญทั่วไป สองมือไพล่หลังก้าวเท้าขึ้นมาทีละขั้น“อา ไม่ยอมประทับชื่องั้นรึ”ผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาซูบตอบ ดวงตาขุ่นมัว หางตาเต็มไปด้วยริ้วรอย ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนแต่เมื่อเขาเงยมองไปยังป้ายหินเก่าแก่โบราณนั่น ดวงตาขุ่นมัวคู่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นลึกล้ำดั่งหลุมดำ ภายในเต็มไปด้วยรอยสลักลึกลับแห่งมหามรรคไหลเคลื่อน แหวกผ่านความว่างเปล่า เสมือนสามารถสอดส่องเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน!“อย่าให้อึกทึกต่อไปอีกเลย”ครู่หนึ่งผู้เฒ่าร่างผอมขมวดคิ้วมุ่น ชายเสื้อโบกสะบัดการเคลื่อนไหวเพียงแผ่วเบา กลับเห็นท้องฟ้ากระเพื่อมเกิดลมกรรโชกในบัดดล พัดเอาชั้นเมฆกระจัดกระจายทั่วทิศ!ประกายทองที่ถาโถมแผ่ลอย แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลร่วงปกคลุมล้วนราวกับถูกฝ่ามือใหญ่ที่มองไม่เห็นลบออกไป พริบตาพลันเลือนหายเหลือเพียงความว่างเปล่า ประหนึ่งว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครืนขณะเดียวกันพลังไร้รูปร่างปกคลุมลงมาครอบคลุมทั่วบริเวณ ทันใดนั้นเสียงก้องสะท้อนทั้งหมดล้วนจางหายไปท้องฟ้าสีครามเงียบสงัด ป้ายหินเก่าแก่ยังคงอบอวลไปด้วยแสงประกายทอง แต่กลับไม่ยิ่งใหญ่ดังก่อนหน้า“หืม?”“ผู้ใดลงมือกัน”“นี่… ทำไม… ท่าน… ท่านก็ถูกทำให้ตกตะลึงเช่นกันหรือ”เจตจำนงน่าหวาดกลัวเหล่านั้นต่างจับจ้องมาทางนี้ กระทั่งสังเกตเห็นทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ทำให้พวกเขารู้สึกงงงวยโดยเฉพาะเมื่อสังเกตเห็นผู้อาวุโสร่างผอมนั้น เจตจำนงน่าหวาดหวั่นเหล่านั้นคล้ายรู้สึกไม่อยากเชื่อ ตกอยู่ในความสั่นสะท้าน“พวกเจ้าไปเสียเถอะ เรื่องในวันนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป”ผู้อาวุโสร่างผอมตอบอย่างแผ่วเบาเพียงประโยคเดียวราวกับเมฆขาวลอยล่องบางเบา หากแต่เหมือนความประสงค์ที่มิอาจขัดขืน ทำให้เจตจำนงน่าหวาดกลัวเหล่านั้นพากันถอยกลับไปโดยไม่มีลังเลในเวลาเดียวกันนี้ผู้อาวุโสร่างผอมก็มาถึงยอดเขาแล้ว มองเห็นพวกสืออวี่ที่ตกอยู่ในภวังค์ และเห็นบรรดาศิษย์สาขายุทธ์วิถีเหล่านั้นท้ายที่สุดสายตาเขาหยุดลงที่ร่างของหลินสวินซึ่งยืนอยู่หน้าป้ายหิน“ที่แท้เป็นเจ้าเด็กคนนี้นี่เอง…”…สภาพการณ์ของหลินสวินตอนนี้น่าแปลกมาก ราวกับจิตวิญญาณปรากฏช่องว่าง สายธารแห่งกาลเวลาไหลหลั่งฟองคลื่นแต่ละระลอกประหนึ่งประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตกาลจวบจนปัจจุบันกำลังล่องลอย โคจรตามวิถียากหยั่งถึง เลื่อนไหลไปยังสถานที่ห่างไกลซึ่งไม่มีใครรู้จักหลินสวินยืนตระหง่านบนระลอกคลื่นหนึ่ง ทวนกระแสน้ำขึ้นไป แววตาราวหวนนึกถึงอดีตแห่งกาลเวลา หมายจะไล่ตามประวัติศาสตร์แต่หนหลังเขาเห็นภาพเงาร่างมากมาย ล้วนสุกสกาวดั่งอาทิตย์ร้อนแรง ล่องลอยบนเกลียวคลื่นแต่ละระลอก ล้วนโดดเด่นจับตา ส่องแสงสว่างฟ้าดินเมื่อสายตาของหลินสวินจับจ้องยังเงาร่างที่อยู่ใกล้ที่สุด ทันใดนั้นก็เห็นแสงทองทั่วร่างอีกฝ่ายพลันสลายไป ปรากฏร่างแข็งแกร่งสูงใหญ่กำยำเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง หว่างคิ้วห่าง นัยน์ตาม่วง ลักษณ์พิเศษตั้งแต่กำเนิด มีอานุภาพแกร่งกร้าวปานเลือดเหล็กเพียงชั่วแวบเดียวในใจหลินสวินก็ประจักษ์แจ้ง ‘อิงซิงเหิน ขึ้นสู่กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณเมื่อหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าปีก่อน อยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อย!’ชายหนุ่มผู้นี้ ที่แท้คือผู้กล้าท่านหนึ่งเมื่อหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าปีก่อน จวบจนทุกวันนี้ร่องรอยของเขายังปรากฏอยู่บนกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ ไม่เคยจางหายไป!หลินสวินตระหนกอยู่ในใจสายตาเขาเคลื่อนมองไปยังเงาร่างที่อยู่ก่อนหน้าอิงซิงเหินชั่วครู่เดียวรูปลักษณ์ของสาวงามนางหนึ่งปรากฏขึ้น นางอยู่ในอาภรณ์ขาวรองเท้าเขียว ผมสีดำม้วนเป็นมวย ใบหน้าสวยงามสดใส พาดกระบี่เงินราวหิมะขาวบนแผ่นหลัง ท่วงท่าองอาจกล้าหาญ‘สวี่อ๋าว ขึ้นสู่กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณเมื่อสามร้อยเก้าสิบเก้าปีก่อน อยู่ในอันดับที่เก้าสิบเก้า’จนตอนนี้หลินสวินจึงได้กระจ่างถึงสถานที่ที่เขายืนอยู่ ที่แท้คือเขตแดนมายาแห่ง ‘กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ’!เงาร่างที่เรียงรายอยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลา ก็คือบุคคลชั้นยอดที่ไต่ขึ้นกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ!ต่อให้ผ่านไปกี่พันปี อันดับของพวกเขายังคงอยู่ ไม่เคยถูกสั่นคลอน!หรือกล่าวได้ว่า พวกเขาคือผู้กล้าระดับมหาสมุทรวิญญาณชั้นยอดหนึ่งร้อยคนในสำนักศึกษามฤคมรกตแห่งนี้ ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา‘ไม่สิ กู้อวิ๋นถิงเองก็ก้าวขึ้นมาแล้ว อันดับของกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณถูกสั่นคลอน เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่อันดับที่เท่าไหร่’หลินสวินตกอยู่ในห้วงความคิดสายตาเขายังคงมองไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อสายตาเขาสัมผัสไปถึง เงาร่างที่เดิมปกคลุมด้วยแสงทองพร่างพราวไม่อาจจ้องมอง ก็ค่อยๆ ปรากฏรูปร่างแท้จริงให้เห็นเป็นลำดับ‘ฉินอู่หยาง ขึ้นสู่กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณเมื่อสี่ร้อยเจ็ดสิบเจ็ดปีก่อน อยู่ในอันดับที่เก้าสิบแปด’‘ซ่งชิงฉือ ขึ้นมาเมื่อหกร้อยห้าสิบสี่ปีก่อน…’‘ฮวาหลินยวน เมื่อแปดร้อยสิบสามปี…’‘จ้าวอวิ๋นซี…’เมื่อมองไปเรื่อยๆ ในใจหลินสวินก็เกิดคลื่นอารมณ์ไหลหลั่ง เงาร่างเหล่านั้นล้วนเป็นตัวแทนของผู้กล้าที่โดดเด่นจับตาที่สุดในช่วงสมัยหนึ่ง ทุกคนต่างมีบารมีเป็นของตัวเอง บ้างกล้าหาญไม่ธรรมดา บ้างงดงามสันโดษ บ้างดุดันแข็งกร้าว…หากหลินสวินเดาไม่ผิด เงาร่างที่เขาเห็นเหล่านี้ ดูจากสกุลของพวกเขาก็รู้ได้ว่าส่วนมากล้วนมาจากราชวงศ์และเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลในปัจจุบัน!นั่นทำให้หลินสวินอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ นี่ก็คือต้นสายปลายเหตุแห่งอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ เท่านี้ก็รู้ได้อย่างชัดแจ้งหืม?ทันใดนั้นหลินสวินก็เห็นร่างที่คุ้นตา…กู้อวิ๋นถิง! อยู่ในอันดับที่หกสิบสี่ของกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ!‘เจ้านั่นเป็นพวกวิปริตดังคาด ในหมู่ผู้กล้าหนึ่งร้อยคนที่กำเนิดขึ้นช่วงหลายพันปีนี้ สามารถก้าวขึ้นมาถึงอันดับที่หกสิบสี่ได้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ’หลินสวินทอดถอนใจกับตนเอง ทันใดนั้นก็เกิดปัญหาหนึ่งขึ้น เงาร่างที่อยู่ข้างหน้ากู้อวิ๋นถิง เขามองเห็นได้ไม่ถนัดนัก!เงาร่างนั้นอบอวลไปด้วยประกายสีทอง ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดล้วนไม่อาจเห็นรูปพรรณสัณฐานของอีกฝ่ายได้ขณะเดียวกันหลินสวินก็พบว่าเงาร่างที่ถูกเขามองทะลุนั้น ขณะนี้ไหลเลื่อนห่างไปพร้อมฟองคลื่น ร่วงหล่นอยู่เบื้องหลังของตนหรือนี่หมายความว่า ด้วยพลังการต่อสู้ รากฐานและพรสวรรค์ของตนในตอนนี้ สามารถครองอันดับที่หกสิบสามของกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ?ตึง!ทันใดนั้นเสียงธรรมดั่งเสียงจากสวรรค์ดังขึ้น ทำให้จิตใจหลินสวินสั่นสะท้านขณะเดียวกันพลังประหลาดลึกลับหนึ่งก็ไหลเข้าสู่ร่างกาย และเริ่มแผ่ขยายออกราวกับกำลังรับรู้ทุกสิ่งภายในร่างของเขาประหลาดมหัศจรรย์ยากแก่การเข้าใจ ภายในจิตใจหลินสวินก่อเกิดความขัดแย้งและต่อต้านขึ้น ความรู้สึกนั้นเปรียบดังดวงตาที่มองไม่เห็นดวงหนึ่งกำลังขุดค้นความลับภายใจจิตใจเขาโดยเฉพาะเมื่อพลังส่วนหนึ่งใกล้จะสัมผัสเข้าใกล้เส้นปราณหัวใจ จิตใจหลินสวินเปลี่ยนเป็นกระวนกระวาย ตำแหน่ง ‘ชีพจรวิญญาณ’ บนจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจไม่เงียบสงบอีกต่อไป แปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงแผดเผาหาใดเปรียบในใจหลินสวินสั่นสะเทือน รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้องหึ่มๆๆขณะเดียวกันนี้ ภายในห้วงนิมิต ‘ประตูสวรรค์’ สูงตระหง่านเกิดแรงกระเพื่อมและเปิดออกฉับพลันเพียงพริบตาเดียวก็ปะทะกับพลังลึกลับซึ่งไหลเข้าสู่ร่างกายสายนั้นตู้ม!หลินสวินรู้สึกเพียงร่างกายใกล้จะระเบิดออก เสมือนภูเขาไฟสองลูกปะทะกัน แต่เขาไร้ซึ่งกำลังจะควบคุมทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นพลังลึกลับสายนั้นที่ไหลเข้ามาในร่าง หรือพลังจากประตูสวรรค์ ล้วนแล้วแต่อัศจรรย์เหลือล้น เวลานี้ราวกับศัตรูคู่อาฆาตพานพบกันก็มิปาน เลือกเอาร่างกายเขาเป็นดั่งสนามประลอง ต่างฝ่ายต่างปะทะกันอย่างรุนแรงนี่มันเรื่องอะไรกันหลินสวินตกตะลึงจนพูดไม่ออก ‘ประตูสวรรค์’ แต่ไรมาลอยเลื่อนอยู่ในห้วงนิมิต จมดิ่งอยู่ใต้ความเงียบสงัดมาโดยตลอด หลินสวินนำมันมาเป็นทางผ่านสู่ห้องโถงมรรคาสวรรค์เท่านั้น ไม่เคยให้ความสนใจอีกด้วยซ้ำไม่คาดคิดมาก่อนว่ามาวันนี้มันกลับเคลื่อนไหวแปลกประหลาด!เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น พลังลึกลับสายนั้นก็ถูกผลักกระจาย แต่หลินสวินไม่ทันได้พักหายใจก็ได้ยินเสียงตึงดังขึ้น!เสมือนเสียงธรรมดั่งเสียงจากสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้ง!พร้อมกันนั้นพลังลึกลับนั่นปรากฏขึ้นอีกครั้ง ไหลทะลักเข้าร่าง เทียบกับเมื่อครู่แล้วแข็งแกร่งกว่ามาก!และ ‘ประตูสวรรค์’ เองก็ประหนึ่งเหมือนถูกยั่วยุ เริ่มสั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อน ปลดปล่อยคลื่นพลังลูกแล้วลูกเล่าโรมรันไปเบื้องหน้าครืนๆๆหลินสวินรู้สึกเพียงร่างกายราวกับจะระเบิดออก แรงปะทะระหว่างพลังทั้งสองฝั่งนั้นทำให้จิตวิญญาณของเขาต่างสั่นสะท้าน ทั่วทั้งร่างเสมือนว่าจะพังทลาย!นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่สีหน้าหลินสวินตกตะลึงผิดแปลกหาใดเปรียบในทันที…………………….
คอมเม้นต์