Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 448 หญิงงามคือบ่อเกิดแห่งหายนะ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 448 หญิงงามคือบ่อเกิดแห่งหายนะ 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง สุดท้ายกลับต้องตายเพราะการสะท้อนกลับของพลังต้องห้าม แม้แต่หลินสวินยังคาดไม่ถึง ไหวสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่
แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือความเสียดาย
ถ้าพลังต้องห้ามไม่มาเยือน ในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ก็มีหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดจะสามารถรวมตัวอย่างสมบูรณ์แบบ
เสียดายที่ตอนนี้มันหยุดลงอีกแล้ว
วู้ม~
บนฝ่ามือ ธงสีดำสาดแสงคลุมเครือ
หลินสวินกวาดตามอง ในส่วนลึกของหัวใจอดรู้สึกเจ็บแปลบไม่ได้ ชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นนี้ได้รับความเสียหายจากการจู่โจมของพลังต้องห้ามเมื่อครู่
“คงต้องรอมีโอกาสค่อยซ่อมในภายหลัง…”
หลินสวินเก็บธงดำ สูดหายใจเข้าลึกๆ สายตามองไกลออกไป
เมื่อครู่นี้กู่เหลยพาเหล่าผู้สืบทอดของสำนักแสงทองที่บาดเจ็บสาหัสหนีไปทางนั้น เวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน
พรึ่บ!
เงาร่างของหลินสวินแวบหายไปจากจุดเดิม
เขาไม่อาจทนให้น้ำเต้าเพลิงแดงที่ควรเป็นของเขาถูกแย่งไปได้!
……
“เด็กคนนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
หลินสวินเพิ่งจะจากไป บริเวณนั้นก็มีเงาร่างของผู้ฝึกปราณปรากฏขึ้นมากมาย ทุกใบหน้าล้วนเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
“ตัวคนเดียวสังหารคนสำนักแสงทองจนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แม้แต่ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะอย่างเหลียงเย่าเจินยังถูกบีบให้ใช้พลังทั้งหมด สุดท้ายต้องมาตายเพราะพลังต้องห้าม จุดจบแบบนี้น่าอนาถเกินไปแล้ว”
หลายคนถอดถอนใจ สีหน้าแปรเปลี่ยน
“เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่ พลังต่อสู้น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้ ไม่ใช่ว่ากลายเป็นมีพลังมากพอจะฆ่าคู่แข่งทุกคนได้หรือ”
“ใช่ มีพลังต้องห้ามอยู่ทั่วหล้าเช่นนี้ หากไม่ถูกบีบจนอันตรายถึงชีวิตจริงๆ ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นไม่กล้าใช้พลังที่แท้จริงแน่ แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับแตกต่าง พลังต่อสู้ของเขาเพียงพอให้สู้กับระดับหยั่งสัจจะได้ แบบนี้น่ากลัวมาก”
ตอนที่ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์ถึงหลินสวิน สีหน้าต่างเผยความหวาดกลัว ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเด็กหนุ่มที่ราวกับปีศาจคนนี้โผล่มาจากไหนกันแน่ เหตุใดที่ผ่านมาจึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน
……
ฟุ่บ
เงาร่างของหลินสวินทะยานผ่านกลางอากาศ พลังจิตวิญญาณอันกว้างขวางแผ่กระจายออกไป ตามหากลิ่นอายของผู้สืบทอดสำนักแสงทองเหล่านั้นมาตลอดทาง
ในขณะเดียวกันเขาก็กำลังสัมผัสพลังของตัวเอง
พลังที่พลุ่งพล่านราวคลุ้มคลั่งในร่างโหมซัดอยู่ตลอดเวลา อันตรายอย่างที่สุด และในจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจ ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดเส้นใหม่ยังขาดอีกก้าวหนึ่งจึงจะสามารถก่อตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทำให้หลินสวินเองก็จนปัญญา
นี่ก็คืออุปสรรคในการฝึกปราณ ชีพจรวิญญาณเป็นส่วนหนึ่งของพรสวรรค์อันแสนวิเศษ ‘หุบเหวกลืนกิน’ ที่ไม่มีอะไรในโลกเทียบได้
หลังจากถูกชิงในตอนนั้นไป หลินสวินก็ไม่เคยหวังว่าจะได้ครอบครองมันอีกเลย
แต่ตอนนี้ด้วยความบังเอิญ ในที่สุดก็มีความหวังอย่างหาได้ยากว่ามันจะเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่กลับไม่สมปรารถนาเสียที นี่ไม่ใช่แค่โชคไม่เข้าข้างแล้ว!
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ชีพจรวิญญาณที่เกิดขึ้นใหม่นี้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าอาจเป็นเพราะมันแข็งแกร่งและมีพลังพลิกฟ้าเกินไป จึงทำให้ระดับความยากของการก่อตัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
บางทีหลินสวินยังอดสงสัยไม่ได้ว่า มีพลังบางอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้กำลังขัดขวางเรื่องทั้งหมดนี้อยู่หรือไม่
เหมือนตอนที่สู้กับนักพรตสยงที่อีกฝ่ายถอยทัพมือเปล่า
หรือตอนที่สู้กับฉู่หลินเทียน จู่ๆ ก็ถูกทางเดินที่เปิดออกหยุดไปซะก่อน
และเมื่อครู่นี้ตอนสู้กับผู้อาวุโสชุดขาว อีกเพียงนิดหลินสวินก็จะสมปรารถนาแล้ว แต่สุดท้ายพลังต้องห้ามกลับปรากฏขึ้นและฆ่าผู้อาวุโสชุดขาว
ถ้าเพียงครั้งเดียวก็ช่างเถอะ แต่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสามครั้งติด ทำให้หลินสวินอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือเป็นเพราะชีพจรวิญญาณที่เกิดขึ้นใหม่ของตัวเองพิเศษเกินไป จึงทำให้ทุกอย่างดูไม่ราบรื่นขึ้นมา
‘ช่างเถอะ การมาเยือนแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นในครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็ขัดขวางการครอบครองพลังแห่งหุบเหวกลืนกินอีกครั้งของข้าไม่ได้’
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาดำเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
เวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น
หลินสวินชะงักเท้ากะทันหัน กลางอากาศในบริเวณที่ห่างออกไปศึกหนึ่งเพิ่งปิดม่านลง
สิ่งที่ทำให้หลินสวินหน้าขรึมขึ้นคือ ในการต่อสู้นั้น ผู้ฝึกปราณที่ถูกกวาดล้างจนสิ้นซากคือเหล่าผู้ฝึกปราณแห่งสำนักแสงทอง
ส่วนคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้คือหญิงรูปร่างชวนมอง งดงามเย้ายวนคนหนึ่ง ผิวของนางขาวใสดั่งหิมะ หน้าตาเปี่ยมเสน่ห์ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความงามปานล่มเมือง
เป็นผู้สืบทอดแดนวิญญาณหมื่นมายาเหลียนเตี๋ยอี!
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แม้แต่ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะอย่างกู่เหลยก็ยังถูกฆ่า ช่างเป็นภาพที่ชวนตะลึง
เหลียนเตี๋ยอียืนอยู่ตรงกลาง ท่าทางอ่อนช้อย นิ้วขาวเรียวเล่นน้ำเต้าเพลิงแดงที่ส่องแสงระยิบระยับ ดวงตาคู่งามวูบไหว มุมปากเผยรอยยิ้ม
ถ้าไม่ได้เห็นกับตาคงไม่มีใครเชื่อว่า ผู้หญิงที่เย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์คนนี้เพิ่งฆ่าผู้สืบทอดสำนักแสงทองจนสิ้นซากด้วยพลังของนางเอง!
“อุ๊ย หนุ่มน้อยสุดหล่อ เราเจอกันอีกแล้ว”
เหลียนเตี๋ยอีเห็นหลินสวินก็ไม่ได้แปลกใจ ก้าวเท้าแผ่วเบาเข้ามากลางอากาศ ผิวของนางขาวกระจ่างแวววาว ยามเยื้องย่างดูอ่อนช้อยงดงามนัก
“คืนสมบัติโบราณชิ้นนั้นมาให้ข้า”
หลินสวินนิ่งเฉย สายตาจับจ้องเหลียนเตี๋ยอีอย่างเย็นชา
“นี่เป็นของที่ข้าแย่งมาได้นะ หนุ่มน้อยสุดหล่อเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
เหลียนเตี๋ยอีกะพริบตาคู่งามสุกใส มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย ฟันขาวเป็นประกาย ดูเจ้าเล่ห์และซุกซนอยู่บ้าง
ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ คงถูกเสน่ห์สะท้านโลกของนางยั่วยวนจนจิตใจฟุ้งซ่าน เลือดลมเดือดพล่านไปแล้ว
แต่หลินสวินกลับไม่สะทกสะท้าน กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ยามข้าปะทะกับเหล่าผู้สืบทอดสำนักแสงทอง เจ้าแอบดูอยู่ในมุมมืดมาโดยตลอด ยามนี้มาแย่งกันซึ่งๆ หน้าเช่นนี้ คิดว่าข้าไม่รู้จริงๆ หรือ”
เหลียนเตี๋ยอีอึ้งไปเล็กน้อย ปรบมือชื่นชม “ไม่ธรรมดา ข้าดูคนไม่ผิดจริงๆ หนุ่มน้อยสุดหล่อเจ้าร้ายกาจมาก”
นี่เท่ากับเป็นการยอมรับ
“เอามา”
คำพูดของหลินสวินแข็งกระด้าง ทำท่าเหมือนว่าถ้าไม่พอใจก็จะชักดาบเข้าสู้ทันที
“หนุ่มน้อยสุดหล่อ เจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว แบบนี้เท่ากับข้าช่วยเจ้านะ แต่เจ้ากลับทำกับข้าเช่นนี้หรือ”
เหลียนเตี๋ยอีมุ่นคิ้วสวยงามได้รูป เอ่ยวาจาน่าสงสาร ริมฝีปากแดงของนางสั่นเล็กน้อย หน้าอกอวบอิ่มเผยความขาวผ่องดั่งหิมะออกมาให้เห็น ท่าทางยั่วยวน
ชิ้ง!
หลินสวินชักดาบวิญญาณม่วงออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ปลายดาบชี้ไปที่เหลียนเตี๋ยอี ความหมายนั้นชัดเจนและรุนแรงมาก แม้แต่คนโง่ก็เข้าใจ
ในที่สุดสีหน้าของเหลียนเตี๋ยอีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่นางกลับไม่โกรธ เพียงถอนหายใจเบาๆ แล้วโยนน้ำเต้าเพลิงแดงนั่นให้หลินสวิน
“คราวนี้เจ้าพอใจหรือยัง”
หว่างคิ้วของเหลียนเตี๋ยอีแฝงความอัดอั้นใจ
หลินสวินเองก็ประหลาดใจที่ได้น้ำเต้าเพลิงแดงมาครองง่ายๆ เช่นนี้ จ้องเหลียนเตี๋ยอีอยู่ครู่ สุดท้ายเขาก็เก็บดาบศึกแล้วหมุนตัวจากไป
หญิงผู้นี้มีความงามที่ชักนำภัยพิบัติมาสู่บ้านเมืองได้ เดิมทีเป็นสิ่งที่เห็นแล้วพาให้คนเจริญหูเจริญตามาก แต่สำหรับหลินสวิน ผู้หญิงแบบนี้ไม่ควรมีเรื่องด้วย จิตใจเกินจะคาดเดา สามารถฆ่าเหล่าผู้สืบทอดสำนักแสงทองได้ด้วยตัวคนเดียว พลังต่อสู้ต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
หลินสวินไม่อยากข้องเกี่ยวกับนางมากนัก
“นี่ เจ้าจะไปง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ ใจร้ายเกินไปหรือเปล่า”
เหลียนเตี๋ยอีตามไปอย่างหัวเสีย ดวงตาคู่งามถลึงใส่ กัดริมฝีปากแดงอวบอิ่มเบาๆ มีเสน่ห์ดึงดูดใจมากเป็นพิเศษ
“เจ้าจะเอายังไงอีก”
หลินสวินมุ่นคิ้ว เหลียนเตี๋ยอีทำเช่นนี้ก็ยิ่งพาให้เขาระแวง
“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ข้าอยากร่วมมือกับเจ้า ไปแสวงหาโชควาสนาครั้งใหญ่!”
เหลียนเตี๋ยอีเองก็คล้ายดูออกว่า หากไม่ใช้ความจริงใจก็ยากจะได้การยอมรับจากหลินสวิน จึงบอกจุดประสงค์ของตนไปตรงๆ
“เหตุใดจึงเป็นข้า”
หลินสวินเหลือบมองนาง
“ง่ายมาก เจ้าแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่แข็งแกร่งธรรมดา และข้าก็ดูออกว่าพลังของเจ้ายังอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง”
ดวงตาคู่งามของเหลียนเตี๋ยอีมีสีรุ้งประหลาดเคลื่อนวน “ถ้าอยู่ในโลกภายนอกอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น พลังที่เจ้ามีคุ้มค่าให้ข้าผูกมิตรเพื่อทำการใหญ่ด้วยกัน”
หลินสวินเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย ในใจก็อดตะลึงไม่ได้ ความสามารถในการหยั่งรู้ของหญิงผู้นี้เฉียบคมเหลือเกิน
ก็จริงดังว่า ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงได้ ด้วยกลัวว่าจะถูกพลังต้องห้ามสะท้อนกลับ
ในสถานการณ์แบบนี้หลินสวินซึ่งมีพลังที่ไม่ใช่ระดับหยั่งสัจจะ ย่อมดูพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย
“ว่าอย่างไร อยากลองเสี่ยงดูหรือไม่”
เหลียนเตี๋ยอีจ้องหลินสวินนิ่ง บนใบหน้ารูปเมล็ดแตงเผยความจริงจังที่น้อยนักจะได้เห็น “ข้าบอกเจ้าได้ว่า ถ้าสามารถคว้าวาสนาครั้งนี้ได้ ไม่เพียงแค่จะได้รับสมบัติโบราณอันเหลือเชื่อมากมาย ยังถึงขั้นที่สามารถได้วิชาลับซึ่งสืบทอดมาจากราชาปีศาจราหูอีกด้วย!”
ราชาปีศาจราหู!
หลินสวินหัวใจสะท้านคราหนึ่ง นึกถึงเรื่องที่ได้ยินจากเหรินเมี่ยวเมี่ยว เล่าลือกันว่าเทือกเขาราหูแห่งนี้เป็นสถานที่ฝังราชาปีศาจราหูซึ่งมีอำนาจสะท้านฟ้าในสมัยโบราณ!
หากในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นนี้มีมรดกตกทอดจากผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้จริงๆ ย่อมเป็นวาสนาอันยอดเยี่ยม
มุมปากของเหลียนเตี๋ยอีเผยรอยยิ้มบางๆ รู้ว่าหลินสวินหวั่นไหวแล้ว นี่ทำให้นางพอใจอย่างมาก คิดว่ามันควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว เพราะวาสนาชั้นยอดเช่นนี้ผู้ฝึกปราณคนไหนจะปฏิเสธได้
แต่ที่เหนือความคาดหมายของนางคือ สุดท้ายหลินสวินกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ขออภัย ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไป
“เจ้า…”
เหลียนเตี๋ยอีอึ้งงันอย่างสิ้นเชิง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เด็กนั่น…ปฏิเสธงั้นหรือ
ทันใดนั้นหว่างคิ้วของนางก็เผยความขุ่นเคือง นางเป็นถึงผู้สืบทอดของแดนวิญญาณหมื่นมายา ในโลกภายนอกก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ไปถึงไหนก็ได้รับความเกรงกลัวและให้ความสำคัญ
แต่ดูตอนนี้สิ นางเอาความจริงใจเข้าแลกหวังจะผูกมิตร เด็กนั่นกลับไม่ยอมทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้การเอาใจของนางเสียเปล่า ความรู้สึกเช่นนี้นางไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน น่าโมโหนัก อย่าให้ข้าเจอเจ้าอีกล่ะ มิเช่นนั้นข้าจะดูดเลือดพิสุทธิ์ของเจ้าให้แห้งแล้วกินเจ้าซะ!”
เห็นเงาร่างของหลินสวินหายไป เหลียนเตี๋ยอีโกรธจนกัดฟัน กระทืบเท้าอย่างแรงแล้วหมุนตัวเดินออกไป
‘ผู้หญิงคนนี้คงไม่พอใจข้ามากสินะ’
ในบริเวณไกลโพ้น หลินสวินครุ่นคิด แต่เพียงครู่ก็ส่ายหน้า
คำว่าร่วมมือของเหลียนเตี๋ยอีน่าดึงดูดมากจริงๆ เสียดายที่หลินสวินคิดแต่ว่าอยากรวมชีพจรวิญญาณให้สำเร็จก่อน จึงไม่สนใจเรื่องนี้นัก
ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาดูจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหลียนเตี๋ยอีไม่ออก!
เรื่องนี้ต่างหากที่หลินสวินกังวล เพื่อความปลอดภัย เขาขออยู่ห่างๆ จากผู้หญิงที่เย้ายวนเกินไปคนนี้ ดีกว่าจะเอาชีวิตของตนไปเสี่ยง
ฟุ่บ!
หลินสวินเลือกทิศทางหนึ่งแล้วทะยานตัวไปโดยไม่คิดอะไรมากกว่านั้น
ระหว่างทางเขาเอาน้ำเต้าเพลิงแดงขึ้นมาเริ่มพินิจอย่างละเอียด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สมบัติโบราณ จึงอยากรู้ว่าสมบัติที่สามารถคงอยู่มาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงตอนนี้ และยังสามารถรักษาจิตวิญญาณในตัวไม่ให้ถูกทำลายได้ จะวิเศษถึงเพียงใด
——

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด