Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 389 ยอดฝีมือนั้นหายาก
ภายในโถงอีกแห่งหนึ่งอวี๋เป่ยโต้วเริ่มอารมณ์เสีย “เฉิงจิ่ง เจ้าคิดจะแย่งกับข้าจริงๆ งั้นหรือ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือของพวกเจ้ามียอดฝีมือมากมาย ยังต้องการฉู่ไห่ตงอีกรึ”เฉิงจิ่งถอนหายใจกล่าว “แม้สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือของเราจะเต็มไปด้วยยอดฝีมือ แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกตาเฒ่า ขาดคนหนุ่มอย่างฉู่ไห่ตง ดังนั้นข้าจะไม่วางมือ”“เจ้า…”อวี๋เป่ยโต้วถลึงตา ครู่หนึ่งจึงพูดลอดไรฟัน “ผลึกวิญญาณหลุมวารีสามเม็ด แลกกับเจ้าหนุ่มคนนี้!”เฉิงจิ่งยิ้มแต่ไม่พูดอะไรอวี๋เป่ยโต้วโกรธจนกัดฟันกรอด กดเสียงต่ำคำราม “บวกกับหญ้าขุมสวรรค์อีกต้น! นี่ถือเป็นขีดจำกัดของข้าแล้ว ตาเฒ่าอย่างเจ้าอย่างให้มันเกินไปนัก!”เฉิงจิ่งขานรับในลำคอ ก่อนแค่นเสียง “ของเหล่านี้ข้าให้เจ้าได้ทั้งหมด เจ้ายกฉู่ไห่ตงให้ข้าได้หรือไม่”สีหน้าของอวี๋เป่ยโต้วเปลี่ยนไปทันที เอ่ยว่า “ต้องทำเช่นนี้เชียวหรือ”เฉิงจิ่งพูดอย่างจริงจัง “ยอดฝีมือนั้นหายาก แน่นอนว่าต้องเช่นนี้”อวี๋เป่ยโต้วกล่าวอย่างกราดเกรี้ยว “งั้นพวกเรามาประลองกันสักตั้ง! ดูว่าใครจะได้หัวเราะในท้ายที่สุด!”เฉิงจิ่งยิ้มพูด “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”คนใหญ่คนโตอื่นๆ เห็นทั้งสองแก่งแย่งกันจนหน้าดำหน้าแดงก็หมดคำจะพูดแต่จะว่าไปแล้ว ถ้าได้ฉู่ไห่ตงไปเป็นพวกจริงๆ แม้ต้องแลกกับอะไรก็คุ้มค่าทั้งนั้นเพราะปรมาจารย์สลักวิญญาณที่อายุเพียงเท่านี้ถือว่าหายากมาก ทั่วทั้งนครต้องห้ามนี้จะมีเสียกี่คนที่เป็นเช่นนี้ หนึ่งเพราะศาสตร์แห่งการสลักวิญญาณนั้นลำบากแสนเข็ญ ใช่ว่าคนทุกคนจะทำได้ จึงทำให้จำนวนของนักสลักวิญญาณนั้น ‘ขาดแคลน’ มาโดยตลอดสอง เพราะฉู่ไห่ตงถือเป็นคนที่นับว่าโดดเด่นในบรรดาหนุ่มสาวรุ่นใหม่ อย่างน้อยๆ ความสำเร็จในด้านการสลักวิญญาณก็ยากที่จะหาใครเทียบได้จึงไม่แปลกที่บุคคลชั้นแนวหน้าระดับอวี๋เป่ยโต้วและเฉิงจิ่งจะขัดแย้งกันเพราะต้องการแย่งตัวฉู่ไห่ตง“เสิ่นทั่ว เหตุใดเจ้าไม่เข้าไปแย่งชิงด้วย”คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งพูดขึ้นคำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างตระหนักขึ้นมาได้จริงด้วย คนที่จะเรียกตัวฉู่ไห่ตงไปเป็นพวกได้ ไม่ใช่แค่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณและสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิเท่านั้น ยังมีสำนักศึกษามฤคมรกตด้วย!แต่กลับเห็นเสิ่นทั่วยิ้มพูด “แย่งไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉู่ไห่ตงเป็นคนตระกูลฉู่ เขาอยากอยู่ที่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่การสนับสนุนของวงศ์ตระกูล ข้าไม่มั่นใจเท่าไรว่าจะดึงเขาเข้าสำนักศึกษามฤคมรกตได้”ทุกคนกระจ่างทันทีมีเพียงเฟิงชิงโยวที่รู้อยู่แก่ใจ มีหรือเสิ่นทั่วจะไม่แย่ง เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะนั่งดูผู้อื่นตีกันจนเจ็บหนักไปทั้งคู่ ตัวเองค่อยเข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ถ้าไม่ถึงท้ายที่สุดเขาจะไม่ยอมปล่อยมือแน่และนี่ก็คือผลประโยชน์ที่ฉู่ไห่ตงจะได้รับในตอนนี้ สามารถผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรจนกลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่แท้จริงได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ หากเรื่องนี้แพร่ไปทั่วนครต้องห้าม ต้องเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมากการจะได้รับผลประโยชน์พิเศษเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก……เจิดจ้าเรืองรองท่ามกลางสายตาของทุกคน!ยามนี้ฉู่ไห่ตงที่ยืนอยู่บนแท่นประตูมังกรเองก็รู้สึกยินดีปรีดาเช่นกัน ดื่มด่ำกับเกียรติยศที่สมควรได้รับอย่างย่ามใจแต่พริบตาต่อมา ยามสายตาของเขากวาดมองไปที่หลินสวิน ความแค้นก่อนหน้านี้พลันผุดขึ้นในใจฉู่ไห่ตงก้าวลงจากแท่นประตูมังกรโดยไม่ลังเล สายตามองไปยังหลินสวินพร้อมพูดเสียงเรียบ “หลินสวิน เจ้าขอขมาตอนนี้ยังไม่สาย ขอเพียงแค่เจ้ายอมรับว่าตัวเองโง่เขลาไม่รู้ความต่อหน้าทุกคน ข้าก็จะไม่ถือสาเจ้า เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าข้าฉู่ไห่ตงรังแกเด็กอย่างเจ้า”ทันทีที่ได้ยินแบบนี้ บรรยากาศที่เดิมทีพลุ่งพล่านพลันเปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาดทุกคนต่างตระหนักได้ว่าฉู่ไห่ตงเริ่มแก้แค้นหลินสวินแล้ว!สีหน้าของคนจำนวนมากต่างเผยความเห็นใจทันทีก่อนหน้านี้หลินสวินหมิ่นประมาทฉู่ไห่ตงอย่างไม่ไว้หน้า แต่ตอนนี้ฉู่ไห่ตงผ่านการทดสอบแล้ว ทั้งยังสร้างสถิติใหม่ แบบนี้ถ้าหลินสวินไม่แสดงฝีมือสักหน่อยคงพ่ายแพ้ให้ฉู่ไห่ตงอย่างราบคาบแต่ประเด็นสำคัญคือ ในสถานการณ์แบบนี้หากไม่ใช้พลังยุทธ์ หลินสวินจะเอาอะไรไปสู้ฉู่ไห่ตง?สิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างตะลึงงันคือ แม้เผชิญหน้ากับฉู่ไห่ตงที่เย่อหยิ่งแข็งกร้าว หลินสวินไม่เพียงไม่เผยความลนลานล้มเหลว กลับยังเผยยิ้มออกมาหลังจากนั้นคำสองคำก็ออกมาจากปากเขาแผ่วเบา “ไอ้โง่”คำนี้มีพลังรุนแรงนัก โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ฉู่ไห่ตงได้เป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่แท้จริงแล้ว!แต่หลินสวินกลับด่าอีกฝ่ายว่าไอ้โง่อย่างไม่เกรงใจ นี่มัน…บ้าดีเดือดเกินไปหรือเปล่าผู้คนต่างตื่นตะลึงกันไปทั่ว สีหน้าแปลกประหลาดแม้แต่เหล่าผู้มีชื่อเสียงที่นั่งอยู่ในอีกโถงยังอดกระตุกมุมปากไม่ได้ เด็กคนนี้…จะว่าอย่างไรดีนะอย่างเฉิงจิ่งเองยามนี้ก็กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “หลินสวินคนนี้จะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว หยาบคายประหนึ่งอันธพาลต่ำช้า แบบนี้ดูได้ที่ไหนกัน”ทันใดนั้นผู้ทรงอิทธิพลกลุ่มหนึ่งพลันพูดขึ้น “เด็กคนนี้ทำเกินไปจริงๆ นิสัยหยิ่งผยองแบบนี้ ไม่นานภูเขาชำระจิตต้องพินาศคามือเขาแน่”“ในเรื่องการต่อสู้ฉู่ไห่ตงอาจจะสู้หลินสวินไม่ได้ แต่นี่คือการสลักวิญญาณ เขาจะเอาอะไรไปสู้ผู้กล้าที่เพิ่งกลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณเล่า”“เด็กวัยรุ่นก็วู่วามแบบนี้แหละ แต่แม้คำพูดจะอวดดีแค่ไหน ก็ต้องวัดกันที่ความสามารถที่แท้จริง”ยามนั้นเสิ่นทั่วก็เอ่ยปากพร้อมรอยยิ้ม “ครั้งนี้หลินสวินก็มารับรองฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณมิใช่หรือ เรารอดูผลการทดสอบของเขาก็สามารถเอาไปเทียบกับฉู่ไห่ตงได้แล้ว”ทุกคนพลันพยักหน้าเห็นด้วย“ข้ากลับรู้สึกว่า ที่หลินสวินกล้าพูดแบบนี้เพราะมีความมั่นใจอยู่ในระดับหนึ่ง”จู่ๆ เฟิงชิงโยวก็พูดขึ้นทุกคนชะงักงันไปครู่ก่อนจะส่ายหน้าไม่เห็นด้วย หลินสวินอายุเพียงเท่าไหร่ และเป็นเพียงนักสลักวิญญาณชั้นต้นเท่านั้น จะผ่านการการทดสอบรับรองการเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณได้อย่างไรแม้จะพูดโดยยอมถอยสักหมื่นก้าว ว่าสุดท้ายเขาสามารถผ่านการทดสอบได้ แต่เขาจะสู้ฉู่ไห่ตงได้เหรอ อย่าลืมว่าฉู่ไห่ตงเพิ่งจะทำสถิติใหม่เมื่อครู่นี้!พูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขาล้วนไม่เชื่อว่าหลินสวินจะผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรได้!……และในเวลาเดียวกันนี้ เมื่อได้ยินหลินสวินใช้คำว่า ‘ไอ้โง่’ มาเย้ยหยันตัวเองเป็นครั้งที่สอง ฉู่ไห่ตงแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองให้ตายเถอะ เจ้าเด็กนี่ตาบอดหรือไงไม่เห็นหรือว่าเขาเพิ่งผ่านการทดสอบกลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่แท้จริง ไม่เห็นหรือว่าตัวเขาเพิ่งสร้างสถิติใหม่เขา…ไม่รู้จักเกรงกลัว ไม่รู้จักยอมก้มหัวสักหน่อยเลยหรือสีหน้าของฉู่ไห่ตงพลันเขียวคล้ำเย็นชา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพยายามข่มกลั้นไว้สุดชีวิต คงได้เข้าไปเปิดศึกกับหลินสวินจนแตกหักกันไปแล้วแต่กลับเห็นว่าหลินสวินลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า สายตากวาดมองรอบๆ ในขณะที่พูดว่า “มีใครจะทดสอบเป็นคนต่อไปหรือไม่”คำพูดนี้ทำเอาผู้คนเงียบกันไปทั้งโถงทีแรกยังมีนักสลักวิญญาณอีกสองคนรอรับการทดสอบอยู่ แต่พวกเขามีหรือจะกล้าเข้าไปยุ่งกับวังวนความแค้นนี้ยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้สายตาของฉู่ไห่ตงยังจ้องพวกเขาราวกับคมมีด ประหนึ่งกำลังบอกว่า ให้หลินสวินขึ้นไปก่อน ใครกล้าแย่งได้มีเรื่องกับตระกูลฉู่แน่!นักสลักวิญญาณทั้งสองต่างส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล ยอมให้หลินสวินขึ้นไปก่อน“รีบขึ้นไปเถอะ ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก!”เสียงของฉู่ไห่ตงราวกับลอดผ่านไรฟันออกมา“โอ้ ไม่คิดเลยว่าด่าเจ้าว่าไอ้โง่แล้วเจ้ายังทนได้ สมแล้วที่เป็นผู้สืบสกุลของตระกูลฉู่ ความอดทนสูงมาก”หลินสวินยิ้มพูด“ไอ้เด็กอวดดี เจ้าจะจะจบได้หรือยัง”ฉู่อวิ๋นคงลุกขึ้นตะเบ็งเสียงอย่างเกรี้ยวโกรธ“ตาแก่ ข้าให้เจ้าขึ้นไปก่อน เจ้ากล้าหรือไม่”หลินสวินย้อนถาม“เจ้า…”ฉู่อวิ๋นคงโกรธจนสุดจะทน ดวงตาเบิกถลน อยากจะแล่เนื้อหลินสวินออกเป็นชิ้นๆ เสียเดี๋ยวนี้แต่สุดท้ายเขาถูกฉู่ไห่ตงรั้งเอาไว้ไม่ให้เถียงต่อเพราะฉู่ไห่ตงรู้ดีว่าต่อปากต่อคำกันไปมีแต่จะทำให้หลินสวินได้เปรียบ หลินสวินไม่ห่วงหน้า แต่จะให้ตระกูลฉู่ของพวกเขายอมขายหน้าทิ้งเกียรติอย่างเขางั้นหรือแบบนี้ต่างอะไรกับพวกชั้นต่ำเห็นแบบนี้หลินสวินพลันเผยรอยยิ้ม ราวกับว่าในที่สุดก็ได้คำตอบที่พอใจ จึงก้าวขึ้นแท่นประตูมังกรไปโดยไม่พูดอะไรอีกเหล่านักสลักวิญญาณที่อยู่ในโถงต่างแปลกใจ เด็กคนนี้…กล้าขึ้นไปจริงๆ หรือ เขาไม่กลัวว่าสุดท้ายจะล้มเหลวแล้วต้องขายหน้าอย่างถึงที่สุดหรือไรแม้กระทั่งเหล่าผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในโถงใหญ่อีกแห่งยังนับถือใจ แม้หลินสวินจะปากเสียไปหน่อย แต่ก็ห้าวหาญใช่ย่อยดูสิ เห็นชัดว่าสถานการณ์ไม่เอื้อต่อตัวเองก็ยังไม่ยอมก้มหัว ยังก้าวเข้าไปทดสอบ ไม่ให้นับถือใจคงยากแต่ทุกคนก็รู้ดีว่า คราวนี้หากหลินสวินล้มเหลวก็เท่ากับว่าเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างสิ้นเชิง ถ้าความแค้นระหว่างเขากับฉู่ไห่ตงถูกแพร่สะพัดไปทั่วนครต้องห้ามอีก เขาก็จะกลายเป็นตัวตลกที่ไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้อย่างถึงที่สุดตอนที่หลินสวินเดินผ่านฉู่ไห่ตงไป ฝ่ายหลังพลันกดเสียงเบา พูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบ “หลินสวิน ข้ารอดูเจ้าอยู่นะ อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”น้ำเสียงข่มขู่เต็มประดาหลินสวินยิ้มน้อยๆ และขึ้นแท่นประตูมังกรไปโดยไม่พูดอะไร“เจ้าหนุ่ม เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง”ลิ่งหูซิวที่ยืนอยู่อีกด้านมาตลอดเอ่ยปาก แววตาลึกล้ำเจือแววประหลาดมองจ้องหลินสวิน“อืม”หลินสวินพยักหน้าแล้วนั่งขัดสมาธิตรงหน้าศิลาโบราณทั้งเก้าเขานั่งหลังตรง ยามที่นั่งลงรอยยิ้มตรงมุมปากก็ถูกความเงียบสงบเคร่งขรึมเข้าแทนที่ สงบนิ่งไร้คลื่นลม“เหอะๆ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าเด็กต่ำทรามปากไม่มีหูรูด คำพูดหยาบช้านี้ จะล้ทเหลวในการทดสอบนี้ถึงเพียงไหน!”น้ำเสียงของฉู่อวิ๋นคงเต็มไปด้วยความแค้นเคือง“ถ้าเด็กคนนี้ผ่านการทดสอบจริงๆ ให้ข้าคุกเข่าสำนึกผิดยังได้!”“หึ เขาเป็นแค่ขยะที่เก่งแต่ปากจะผ่านการทดสอบไปได้อย่างไร เห็นชัดว่าอยากเป็นจุดสนใจ ไม่ต่างอะไรกับตัวตลก!”คนตระกูลฉู่เหล่านั้นก็พากันหยามขึ้นมานักสลักวิญญาณคนอื่นๆ ต่างสบสายตากัน แม้พวกเขาไม่ได้ดูถูกหลินสวินแต่ก็ไม่ได้ชื่นชมเช่นกันช่วยไม่ได้ หลินสวินยังเด็กเกินไป อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่นักสลักวิญญาณชั้นต้น จะผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรได้อย่างไรเหล่านักสลักวิญญาณต่างลอบถอนหายใจ ไม่รู้ว่ายามหลินสวินล้มเหลวจะถูกตระกูลฉู่โจมตีอย่างไร…วู้ม~ไม่นานระลอกคลื่นลึกลับที่คุ้นเคยก็ได้แผ่ประกายแสงออกมาปกคลุมแท่นประตูมังกรอีกครั้ง เงาร่างของหลินสวินเองก็ถูกแสงประกายอันแรงกล้านั่นกลืนเข้าไปด้วย………………………
คอมเม้นต์