Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 355
ตึง!ร่างของหลินเสวี่ยเฟิงกระโจนขึ้นด้วยความโกรธเคือง ยกแขนกางฝ่ามือ กลางฝ่ามือนั้นมีละอองฝนหนาแน่น ราวภาพฝันในจินตนาการชั่วขณะนั้นเองเกิดเสียงปะทะราวสายฟ้าฟาดดังกระหึ่มขึ้นในลานฝึกยุทธ์ พื้นลานแข็งแกร่งที่ปูลาดด้วยหินเหล็กกล้าสั่นสะเทือนแยกออกจากกันหลินสวินถูกกระแทกออกไปอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย“จากนี้ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ว่าพลังอำนาจที่แท้จริงของระดับมหาสมุทรวิญญาณเป็นอย่างไร”ท่ามกลางถ้อยคำเรียบเฉยชัดถ้อยชัดคำ ร่างของหลินเสวี่ยเฟิงก็ทะยานขึ้นกลางอากาศ รอบตัวโอบล้อมไปด้วยแสงแรงกล้า พลางมองหลินสวินจากที่สูง“ท่านพี่เสวี่ยเฟิงไม่ยั้งมือแล้ว!”“ควรทำอย่างนี้เสียตั้งแต่แรก”ฝูงชนรอบข้างตื่นเต้น อยากเห็นหลินเสวี่ยเฟิงกำราบหลินสวินเต็มที‘บีบให้เสวี่ยเฟิงแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาได้ เจ้าเด็กนี่ก็ถือว่ามีความสามารถเก่งกล้าแล้ว แต่ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปนับแต่นี้ล่ะ’ หลินไหวหย่วนที่อยู่ไกลออกไปพึมพำอยู่ในใจ‘เคลื่อนไหวกลางเวหา แผ่พลังกลางอากาศ การจู่โจมนี้เมื่อสำแดงออกมาก็ไม่ต้องสู้ต่อแล้ว นายน้อยตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบแล้ว’หลินจงพลันบีบคั้นหัวใจ สีหน้ากังวลปรากฏบนใบหน้าความโดดเด่นที่สุดของระดับมหาสมุทรวิญญาณ คือสามารถเคลื่อนที่ในเวหา แผ่พลังกลางอากาศ หลินสวินในตอนนี้ยังไม่สามารถไปถึงขั้นนั้นได้ด้านพลังที่มีแต่เดิมนั้น ถูกหลินเสวี่ยเฟิงกดลงให้ด้อยกว่าไปแล้ว!ครืนกลางอากาศนั้น หลินเสวี่ยเฟิงเหลือบมองด้วยสายตาดูถูกอย่างชัดเจน ราวกับเทพเจ้ามองลงมาสู่เบื้องล่าง มือทั้งสองของเขาไขว้เข้าหากัน เมื่อกระแทกออกไป แสงวิญญาณละอองฝนก็ไหลรินลงมา ทาบทับห้วงอากาศที่นี่ปังๆๆๆเสียงระเบิดต่อเนื่องดังขึ้นแสงวิญญาณละอองฝนที่ลอยละล่องนั้นดูอ่อนโยน ทว่าทันทีที่เทลงมาก็ยังให้ห้วงอากาศแตกสลาย เกิดเป็นเสียงอื้ออึงสั่นสะเทือนจนหูแทบดับน่ากลัวนัก เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาลับที่มีเอกลักษณ์วิชาหนึ่ง!ทว่าดวงตาดำขลับของหลินสวินกลับนิ่งสงบ เคลื่อนไหวฉับพลันด้วยความเร็วทั้งหมด ราวสายฟ้าที่ฟาดฉับ ดุจปีศาจที่กระโดดไปมาไม่อยู่นิ่งซ่าๆๆๆในชั่วเวลาหนึ่ง ลานฝึกยุทธ์มีแต่รอยเงาที่หลินสวินทิ้งไว้ยามเคลื่อนไหว เห็นได้ว่าความเร็วของเขานั้นทำให้ผู้คนตกตะลึงได้มากแค่ไหนและอาศัยแค่ความเร็วในการหลบหลีกนี้ ก็สามารถทำให้หลินสวินปลอดภัยจากการโจมตีของหลินเสวี่ยเฟิงได้แล้ว“เวรเอ๊ย! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”“แผ่พลังกลางอากาศเชียวนะ การโจมตีนี้ของท่านพี่เสวี่ยเฟิงปกคลุมไปทั่วทั้งสี่ด้านแปดทิศ ถ้าลองเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าคนอื่นคงหลบพ้นได้ยาก แต่หลินสวินผู้นี้…”“เขาทำได้อย่างไรกันนะ”“พลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณน่าสะพรึงกลัวขนาดสร้างตาข่ายฟ้าที่ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ เจ้าเด็กนี่หลบพ้นได้อย่างไร”เสียงเซ็งแซ่ไปทั้งลาน ทุกคนล้วนมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าหลินสวินที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจะสามารถหลบหนีการโจมตีของหลินเสวี่ยเฟิงได้“หึ!” กลางอากาศนั้น หลินเสวี่ยเฟิงส่งเสียงหยัน ใช้วิชาไม้ตายทั้งหมดที่ตนมี พลันปรากฏละอองฝนสวยงามราวนิมิตระลอกแล้วระลอกเล่าโปรยปรายลงมาทุกครั้งที่โจมตี เพียงพอที่จะฆ่าผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณทุกคนอย่างง่ายดาย และสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งในระดับมหาสมุทรวิญญาณล้วนหวาดกลัวอำนาจที่ปลดปล่อยออกมานั้นยังให้ท้องฟ้าเหนือลานฝึกยุทธ์ตกอยู่ในสภาวะยุ่งเหยิง มีเสียงหวีดหวิวกลางอากาศ กระแสลมพัดปั่นป่วน กลายเป็นเสียงระเบิดเสียดหูฝูงชนจ้องมองด้วยใจระทึก ตื่นเต้นไม่หยุดนี่คือพลังอำนาจของปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ หยัดยืนอย่างโอหังกลางห้วงเวหา แผ่พลังกลางอากาศสังหารศัตรู ชั่วขณะที่โบกมือ ก็สามารถปลดปล่อยพลังที่สามารถพลิกภูเขาล้มสมุทรได้!ภายใต้การโจมตีโหดเหี้ยมรุนแรงน่าสะพรึงขั้นนี้ หลินสวินตกที่นั่งลำบากอย่างชัดเจน ราวกับเรือน้อยโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรเวิ้งว้างที่จะล่มเมื่อไรก็ได้สภาพการณ์ที่โอบล้อมไปด้วยอันตรายเช่นนั้นทำให้หลินจงใจสะท้านด้วยความกลัว วิตกกังวลถึงที่สุด ผู้คนจำนวนมากในลานอดส่งเสียงโห่ร้องยินดีไม่ได้ ด้วยคิดว่าถูกกดดันถึงขั้นนี้ หลินสวินยากนักจะหนีพ้นเภทภัยไปได้!แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลินสวินที่ทุกคนเห็นว่าควรถูกกำราบเสียตั้งนานแล้ว กลับหลบท่าพิฆาตได้รอบแล้วรอบเล่า พาตัวเองพ้นจากอันตรายออกมาได้ร่างกายของเขาแม้สะบักสะบอมหาใดเปรียบ ทั้งในระหว่างที่หลบหนีก็ได้รับบาดเจ็บอย่างมาก หลายจุดถึงกับมีเลือดไหลออกมาแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ หลินสวินก็ยังไม่ล้มลงเลยจนถึงตอนนี้“ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทนได้ถึงเมื่อไร”หลินเสวี่ยเฟิงสีหน้าถมึงทึงขึ้น มือทั้งสองของเขาเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ถักทอลำแสงละอองฝนเต็มท้องฟ้า ราวกับคลื่นน้ำตกม้วนเกลียวทั้งลานฝึกยุทธ์สั่นสะเทือน เกิดเสียงอื้ออึง เห็นได้ว่าการโจมตีของหลินเสวี่ยเฟิงน่าสะพรึงเพียงใดแต่หากเพ่งพิศหลินเสวี่ยเฟิงโดยถ้วนถี่จะพบว่า ใบหน้าเขาแดงขึ้นแล้ว บนร่างเอ่อล้นไปด้วยลำแสงแรงกล้า แสดงให้เห็นว่าใช้พลังทั้งหมดจนสิ้นในการโจมตีระดับนี้ สถานการณ์ของหลินสวินยิ่งเข้าใกล้วิกฤติ เวลานี้เขาเลือดไหลไปทั้งร่าง ตามตัวมีรอยแผลเล็กๆ นับไม่ถ้วนเพียงดวงตาสีดำล้ำลึกคู่นั้นยังคงสงบนิ่งน่ากลัวดังเดิมเงาร่างของเขาดูเหมือนหลบหนีหัวซุกหัวซุน แต่กลับไม่ถูกกำราบจนราบ“แปลก เจ้าเด็กนี่เหตุใดยังไม่แพ้อีก”“เสวี่ยเฟิงเป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ ทั้งยังผ่านการทดสอบระดับอาณาจักรมาได้อย่างราบรื่น แต่เจ้าหลินสวินนั่นเป็นเพียงผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าเต็มขั้นชัดๆ เหตุใดถึงยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้”“ไม่เข้าใจเลย การต่อสู้นี้แปลกเกินไปแล้ว”ฝูงชนโดยรอบประหลาดใจไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าหลินสวินสู้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกระทั่งหลินไหวหย่วนที่อยู่ไกลออกไปยังตกใจระคนสงสัย ในสายตาเขา เพียงดูออกว่าหลินสวินคล้ายมีลางสังหรณ์ล่วงหน้า ทำให้ทุกครั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงขีดสุด สามารถหลบท่าสังหารรอบแล้วรอบเล่าได้พ้นนี่ทำให้คนทำใจเชื่อได้ยาก‘นายน้อยเข้าใจพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดินได้ดีเยี่ยมถึงขั้นนี้แล้ว! ถึงกับก้าวข้ามหลินเสวี่ยเฟิงที่อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณไปได้!’หลินจงเหมือนดูบางอย่างออก จิตใจสะท้านไหวแน่นอนว่าหลินสวินยังไม่มีพลังพอโจมตีกลับ แต่ระหว่างที่เขาหลบการโจมตีนั้น กลับไล่ตามพลังฟ้าดินที่หลินเสวี่ยเฟิงก่อขึ้นตอนต่อสู้ได้!เพราะมองสิ่งนี้ออก จึงทำให้ยามเขาหลบหนี สามารถหลบหลีกภัยสังหารได้ราวทำนายไว้แล้วไม่นานนักก็เกิดเรื่องที่ทำให้ฝูงชนในลานไม่คาดฝันยิ่งไปกว่าเดิม หลินเสวี่ยเฟิงที่ใช้พลังอำนาจราวเทพกลางห้วงอากาศอยู่นั้น กลับลอยละล่องลงมาสู่พื้นดิน!ใจหลินเสวี่ยเฟิงก็เกิดความทุกข์ยากเอื้อนเอ่ย อย่าได้มองว่าเมื่อครู่เขาได้เปรียบอย่างหมดจดอยู่กลางอากาศ เมื่อเขาโจมตีด้วยแรงทั้งหมดที่มี พลังที่ผลาญออกไปก็มากมายถึงที่สุดเช่นกันยิ่งเขาเพิ่งเข้าสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณ ยังไม่สามารถใช้พลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาไม่กล้าสู้ต่อไปเช่นนี้มิเช่นนั้นแล้วหากพลังกายถูกผลาญสิ้น ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นโอกาสดีแก่หลินสวินเอาได้!แต่หลินเสวี่ยเฟิงก็วางแผนไว้แล้ว ทันทีที่ลงมาถึงพื้น ร่างเขาพลันกระโจนพุ่งไปทางหลินสวิน หมายจะฆ่าให้สิ้นห้วงอากาศไม่อาจทำร้ายหลินสวินได้ อย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นเข้าสังหารระยะประชิดก็แล้วกัน!อาศัยอานุภาพของระดับมหาสมุทรวิญญาณ แม้ปลากดที่ตัวไหลลื่นก็ต้องยอมแพ้ ยากหลบการโจมตีนี้!ทว่าหลินสวินราวกับรอเวลานี้มานานแล้ว ชั่วขณะที่หลินเสวี่ยเฟิงเข้าสังหารนั้น เงาร่างที่คอยหลบหลีกพลันหยุดลงทันใด“หือ?”หลินเสวี่ยเฟิงหรี่ตา คล้ายคาดไม่ถึงอยู่บ้างชิ้ง!ชั่วขณะนั้นเองดาบเวทเรืองแสงพลันปรากฏ กระบวนท่า ‘คว้าดารา’ ที่ไปถึงขั้นสมบูรณ์สำแดงฤทธิ์!ฝูงชนรู้สึกเพียงดวงตาพร่ามัว ราวมองเห็นราตรีแสนยาวนานมาเยี่ยมเยือน ดารานับหมื่นร่วงหล่น พลังที่สามารถทำลายล้างฟ้าดินแผ่ซ่านออกมาปึ้ง!พลันเห็นหลินเสวี่ยเฟิงถูกดาบนี้ฟันอย่างจังจนถอยออกไปดังตึงๆๆ สิบกว่าจั้ง ถ้าในเวลานั้นเขาไม่ได้ยื่นกระบี่สำริดมาบังร่างไว้ ดาบนี้คงฟันเขาขาดกระเด็นเป็นสองท่อน“เจ้า!”หลินเสวี่ยเฟิงสะท้านไปด้วยความโกรธ ไม่อาจเชื่อได้ว่าสู้กันมาถึงตอนนี้ หลินสวินที่ยังเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าเท่านั้นจะสามารถโจมตีจนเขาถอยไปได้!แต่หลินสวินไม่ให้เวลาเขาได้ตกใจหรือแสดงท่าทีตอบกลับ กระโจนร่างขึ้นไปแล้วฟาดดาบลงมาอีกครั้ง!ดาบนี้ราวกับดวงจันทร์ที่สะท้อนในทะเลคราม!กักเก็บความโกรธเคืองที่หลินสวินเก็บซ่อนในใจมานานดาบนี้ เป็นการเอาคืนที่แข็งแกร่งแน่วแน่ที่สุดแก่การเหยียดหยามและหัวเราะเย้ยหยันรอบตัวที่ได้รับตั้งแต่เริ่มต่อสู้!ใครไม่มีไฟแค้นเล่า? ใครจะเผชิญหน้ากับการถากถาง หัวเราะเยาะ และเหยียดหยามโดยไม่สะทกสะท้านได้เล่า?ตั้งแต่เหยียบย่างเข้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดร สิ่งที่ได้พบตลอดทางคือการต่อต้านและประชดประชัน ไม่มีแม้แต่ความเคารพเลยสักนิด!หลินสวินจะไม่เกิดไฟแค้นในใจได้อย่างไรเขารอเวลานี้มานานมากแล้ว ในที่สุดโอกาสก็มาถึง เขาไม่สนสิ่งใด แสดงการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาดาบนี้ ก็คือหนึ่งในสามกระบวนท่าสุดยอดของเพลงดาบวัฏจักรฟ้า ‘สอยจันทรา’!ฟ้าดินราวราตรีอันยาวนาน มีเพียงแสงจากกระบี่วาดเป็นรูปดวงจันทร์นวลลออลอยเด่นกลางนภา สาดแสงวังเวงเย็นเยียบออกมากลิ่นอายแผ่วเบาสิ้นหวังยากบรรยายคืบคลานสู่หัวใจของฝูงชนในลานอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้พวกเขาเหม่อลอยปึ้ง!หลินเสวี่ยเฟิงคำรามเดือดดาล ใช้พลังทั้งหมดป้องกันก็ยังตั้งรับดาบน่าสะพรึงนี้ไม่ได้ กระบี่สำริดในมือพลันระเบิดกระจุย สลายกลายเป็นผงละเอียดร่างของเขาถูกกระแทกกระเด็นออกไปอย่างโหดเหี้ยม กระดอนไปบนพื้นเสียงดังตึง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวประหลาดใจหาใดเปรียบ อดกลั้นไม่กระอักเลือดออกมาไม่ได้ทั้งลานไร้เสียง เงียบสนิทยิ่งทุกคนต่างเบิกตากว้าง มองภาพนี้อย่างไม่กล้าเชื่อสายตา ตระหนกตกใจไม่อยากยอมรับดาบเดียวเท่านั้น!ก็เอาชนะและทำร้ายหลินเสวี่ยเฟิงได้หรือใครจะกล้าเชื่อได้เวลานี้แม้แต่กลุ่มคนใหญ่โตอย่างพวกหลินไหวหย่วนก็ล้วนสะท้านใจ วิชาดาบที่หลินสวินใช้เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงคาดไม่ถึงนั่นไม่เหมือนวิชาที่ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าจะใช้ได้! แข็งแกร่งไปแล้ว!พวกเขาไม่อาจคาดคิดได้ว่า โลกนี้จะมีวิชาดาบมหัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไร ถึงทำให้เด็กหนุ่มขั้นผสานฟ้าก้าวข้ามระดับมาทำร้ายคู่ต่อสู้ได้!‘ที่แท้ นายน้อยก็มีดาบเพชฌฆาตอยู่ในกรุ…’ หลินจงพึมพำในใจเขาพลันหันหน้าสื่อจิตถามว่า ‘จูเหล่าซาน เจ้าดูความลับของกระบวนท่าดาบเมื่อครู่นั้นออกไหม’จูเหล่าซานเงียบงันไม่เอ่ยปากหลินจงพลันยิ้มกับตัวเอง ไม่ขัดข้องใจ คิดจะให้เจ้าคนเงียบขรึมพูดน้อยอย่างจูเหล่าซานเปิดปากพูด คงยากกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก‘เหมือนพลังหยั่งเจตจำนงมาก บนโลกนี้พบได้ยากนัก’แต่ที่หลินจงคาดไม่ถึงก็คือ ไม่นานนักจูเหล่าซานก็สื่อจิตตอบเขา ทำให้เขาอดอึ้งเล็กน้อยไม่ได้ พลันพยักหน้าเขาเองก็รู้สึกเช่นนี้อนุภาพวิชาดาบของหลินสวินก้าวข้ามความธรรมดาสามัญที่ทั้งโลกยอมรับไปแล้ว ราวกับเป็นวิชาเทพที่อยู่ในตำนานเล่าขาน ครอบครองความลี้ลับที่จะแย่งชิงโชคชะตาฟ้าดินทั้งมวลกลางลานนั้น ร่างหลินสวินโชกไปด้วยเลือด ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาใต้ผมสีดำยาวนั้น เมื่อถูกแสงจากบนฟากฟ้าสาดส่องลงมา ก็ฉายให้เห็นแววตาดูถูกชัดเจนชั่วขณะนี้เอง คนในตระกูลหลินแห่งแสงอุดรอึ้งงันไร้เสียง ราวถูกมือที่มองไม่เห็นตบหน้าอย่างร้ายกาจ ไม่มีใครกล้าเหยียดหยามหัวเราะเยาะอีกถึงขั้นที่ว่าแค่มองหลินสวินก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเยียบเย็น เด็กหนุ่มผู้นี้…เป็นตัวอะไรกันแน่!ถึงได้…ถึงได้ใช้พลังปราณขั้นผสานฟ้าโต้กลับทำร้ายหลินเสวี่ยเฟิงได้!น่ากลัวยิ่งนัก!“นี่เป็นไปไม่ได้…!”ไกลออกไป หลินเสวี่ยเฟิงที่ล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นเหม่อลอยไปครู่หนึ่งเช่นกัน ราวไม่อาจทำใจเชื่อได้ พลันสีหน้าเขียวขึ้นอย่างหาใดเปรียบ คำรามออกมาอย่างขัดเคืองแล้วพลิกตัวลุกขึ้นยืน
คอมเม้นต์