Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 3 มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ไร้ศัตรู
ภายในห้องเงียบของเรือนหิมะเหินแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวและหนุ่มน้อยอาภรณ์ทองต่างก็นั่งขัดสมาธิพลางตั้งใจบำเพ็ญ นี่คือสามปีหลังเขากลับจากคีรีมารสกุลฝานแล้วแน่นอนว่าด้วยทรัพยากรของเขา เขาก็บรรลุ ‘ทางสายอากาศ’ และไปถึงระดับเทพจักรวาลตั้งแต่เก็บตัววันที่สองแล้ว เพียงแต่เนื่องจากสั่งสมมาหนาแน่นอย่างยิ่ง หลายทิศทางในทางสายอากาศของเขาก็สั่งสมได้ลึกล้ำยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังคิดค้น ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ ขึ้นมาแล้ว เส้นทางทั้งเก้าสายส่งเสริมเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้มากมายอย่างยิ่ง ยามนี้การรับรู้เหล่านี้ได้หลอมรวมเข้าสู่ร่างกาย จึงย่อมบรรลุไปอย่างไม่หยุดหย่อนการบรรลุอย่างรวดเร็วพรรค์นี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดไม่ได้! แล้วก็ไม่อยากหยุดด้วย“เกือบแล้ว ตอนนี้ความเร็วในการบำเพ็ญชะลอลงเล็กน้อยแล้ว หยุดชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน ข้าจะไปจัดการเรื่องดินแดนจิตโลกาเสียก่อน ยังต้องกลับบ้านเกิดให้รวดเร็วที่สุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดการบำเพ็ญลง “แม้มิอาจยกระดับเคล็ดผนึกห้าภาพทั้งห้าสายให้ไปถึงขีดสุดได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ต้องรีบร้อนไป รอให้ร่างแยกมาถึงบ้านเกิดก่อนแล้วค่อยฝึกฝนก็แล้วกัน”ตามการชี้แนะของท่านอาจารย์ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’‘ทางสายอากาศ’ ทั้งหมดแบ่งออกเป็นเก้าสายด้วยกัน!เคล็ดผนึกห้าภาพเป็นห้าสายในจำนวนนั้น ซึ่ง ‘ภาพดิน’ และ ‘ภาพแก่น’ ล้วนยากยิ่งนัก ‘ภาพดิน’ นั้นสั่งสมจากการที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเฝ้ามองดูต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศให้กำเนิดฝูงมารผลาญทำลายออกมาในทางเดินโลกาพิศวงเป็นเวลานานแสนนานอย่างยิ่งในชาติก่อน ‘ภาพแก่น’ นั้นยากที่สุด ต้องรับรู้แก่นห้วงอากาศจึงสำเร็จได้ในท้ายที่สุดห้าสายไม่ว่าสายใดก็ตามบรรลุถึงขั้นสุด ก็จะสำเร็จเป็นเทพจักรวาล!คิดจะทำให้ทั้งห้าสายบรรลุถึงขั้นสุด เดิมทีก็ยากอย่างยิ่งอยู่แล้ว ทว่าเนื่องจากตงป๋อเสวี่ยอิมีการสั่งสมอันแน่นหนา ในเวลาสั้นๆ เพียงสามปี เขาก็ทำให้หกสายจาก ‘เก้าสาย’ บรรลุถึงขั้นสุดในรวดเดียว แล้วบรรลุถึงระดับขั้นเทพจักรวาล เมื่อข่าวแพร่ออกไปก็เพียงพอจะทำให้ผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วนตะลึงลานได้แล้วที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ‘ทางสายอากาศ’ ทั้งหมดมีเพียงเก้าสายเท่านั้น! อย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ก้าวเข้าสู่เทพจักรวาลระดับชั้นที่สอง และได้รับสมบัติลับระดับยอดสุดอย่าง ‘ดาบจิตโลกา’ มา และหลังจากสำเร็จเป็นผู้ทรงอิทธิพลขั้นสุดในดินแดนจิตโลกาแล้ว จึงบรรลุทั้งเก้าสายได้ในที่สุดเนื่องจากตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้น ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ ขึ้นมา ตั้งแต่ขั้นอลวนก็บรรลุทั้งเก้าสายแล้ว จรบรรลุถึงขีดจำกัดขั้นอลวน ที่สำคัญที่สุดก็คือ…เมื่อบรรลุทั้งเก้าสายและช่วยเหลือเกื้อกูลกันแล้วก็จะสามารถก่อให้เกิดภาพรวมอันสมบูรณ์แบบได้! ด้วยเหตุนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสามารถไปถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดได้ตั้งแต่ยังเป็นขั้นอลวน ‘ภายใต้การเหนี่ยวนำของเกราะของแม่ทัพโม่กู่’เนื่องจากการช่วยเหลือเกื้อกูลกันทำให้ขณะที่เส้นทางสายแล้วสายเล่าของตงป๋อเสวี่ยอิงบรรลุถึงเทพจักรวาลนั้น เกิดการรับรู้ต่างๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกันเขาเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา…ขอเพียงมีเวลามากพอ จะยกระดับทั้งเก้าสายให้ไปถึงขั้นสุดได้ก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ช่วยไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ เดิมทีเส้นทางทั้งเก้าสายของเขาก็ถึงขีดจำกัดขั้นอลวนอยู่แล้ว ขาดอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น! ทั้งเก้าสายหมุนเวียนกัน จะบรรลุได้ก็รวดเร็วเป็นอย่างมาก“แม้หกสายจะบรรลุถึงขีดสุดแล้ว น่าเสียดาย ที่ในบรรดาหกสายนี้ มีเพียงสามสายเท่านั้นที่อยู่ในเคล็ดผนึกห้าภาพ เห็นที่คงยังต้องรออีกระยะหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ……การที่เขาบรรลุเส้นทางด้าน ‘ทางสายอากาศ’ สายแล้วสายเล่า และบรรลุถึงขีดจำกัดทั้งหมดดูเหมือนจะเก่งกาจมาก แต่เช่นนี้ก็ยังคงเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่หนึ่งเท่านั้นจะต้องเป็นเส้นทาง ‘ทางสายอากาศ’ สองสายที่แตกต่างกัน หลอมรวมเข้าด้วยกันและเกิดการเปลี่ยนแปลงจากแก่นแท้ พลังโดยรวมจึงจะยกระดับขึ้นได้ จึงจะเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองได้!ต่อจากนั้นเส้นทางที่แตกต่างกันของ ‘ทางสายอากาศ’ จะหลอมรวมกันต่อไป ทว่าต่อจากนั้นพลังหลอมรวมกันแล้วก็จะยกระดับขึ้นอย่างไม่ชัดเจนนัก มีแต่ ‘เส้นทางเก้าสายรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์’ กลายเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้น! ผลสำเร็จ ทางสายอากาศจึงครบสมบูรณ์อย่างแท้จริง! นั่นจึงจะเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม!อย่าง ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’เขารับรู้ทั้งเก้าสายจนถึงขีดจำกัดแล้ว จวบจนบัดนี้ก็มีเพียงเจ็ดสายเท่านั้นที่รวมเข้าด้วยกันได้! ยังห่างจากเก้าสายรวมเข้าด้วยกันอยู่มากโข“การรับรู้นั้นง่ายดาย แต่การหลอมรวมนั้นยาก”“เก้าสายรวมเข้าด้วยกัน…ยากเสียยิ่งกว่ายาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำดินแดนจิตโลกามีเทพจักรวาลมากมายยิ่งนักเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองก็มีไม่น้อย ในจำนวนนั้นผู้ที่โชคดีได้รับ ‘สมบัติลับระดับยอดสุด’ มา และมีพลังข้ามขั้นก็พอจะมีอยู่บ้างแต่ผู้ที่สามารถก้าวเข้าสู่เทพจักรวาลระดับชั้นที่สามได้น่ะหรือ กลับร้อยเสียยิ่งกว่าน้อย!จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม!ส่วนเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูของดินแดนจิตโลกานั้นออกจะเก่งกาจกว่าบ้าง พวกเขาเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม ทั้งยังได้สมบัติลับที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ทำให้พวกเขามีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น! เมื่ออาศัยสมบัติลับที่แข็งแกร่งขึ้นก็ได้เห็น ‘เส้นทาง’ ในภายหน้า ทำให้ทางด้านการขุดค้นตนเองแข็งแกร่งขึ้น“เส้นทางที่ไร้ศัตรู” ตงป๋อเสวี่ยอิงตั้งตารอคอยสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูต่อจากนั้นน่ะหรือ‘ทางสายอากาศ’ บรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์ในท้ายที่สุด จึงจะเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม ถัดจากนั้นอีกก็จะได้ปกครองกฎเกณฑ์อันสูงส่ง! ก้าวนี้ยากเกินไปแล้ว จวบจนบัดนี้ดินแดนจิตโลกามิมีผู้ใดสามารถทำได้ มีเพียง ‘หยวน’ ผู้เร้นลับเท่านั้นที่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับนี้“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทางสายอากาศของข้าก็มีรากฐานลึกล้ำอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “เชื่อว่าหากใช้เวลาเคี่ยวกรำให้มากอีกหน่อย ผสานกับการชี้แนะของบรรพชน จะก้าวเข้าสู่เทพจักรวาลระดับชั้นที่สองก็มิใช่เรื่องยาก! เมื่อรวมกับเคล็ดวิชาลับที่ข้าจะได้จากดินแดนจิตโลกาในภายภาคหน้า…เมื่อกลับไปถึงบ้านเกิด ก็เพียงพอจะมีคุณสมบัติประชันกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว”จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกบรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกาก็กล้าที่จะต่อสู้กันซึ่งหน้าถึงอย่างไรในบ้านเกิด ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ แห่งโลกกำเนิด ในด้านการหลอมสมบัติลับนั้นหยาบเกินไป มิอาจต่อสู้ข้ามขั้นได้! ดังนั้นก็ยังต้งอาศัยพลังที่แท้จริงของแต่ละคนเป็นหลัก ต่อให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เผาผลาญพลังต้นกำเนิด แม้พลังจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ก็มิอาจต่อสู้ข้ามขั้นได้ หากสามารถเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูระดับ ‘บรรพชนฝาน’ หรือ‘จักรพรรดิเซี่ย’ ได้ ต่อให้มีพลังที่ไร้ศัตรู เกรงว่าในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถสังหารพวกบรรพชนทิพย์ได้อย่างง่ายดาย“ไม่มีสมบัติลับ”“ทว่าข้ากลับบ้านเกิดก็ไม่มีสมบัติลับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้ดี ทุกคนไม่สามารถมีสมบัติลับข้ามขั้นกันหมดได้ จะต้องอาศัยตนเองสำแดงพลังออกมา ดังนั้นจึงยังยากที่จะสั่นคลอนจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ยังต้องการเวลาเชื่อว่าเมื่อมีดินแดนจิตโลกาเป็นหลักประกัน ความเร็วในการเติบโตของตนก็จะรวดเร็วเป็นอันมาก“ใกล้แล้วๆ” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงสุขสราญจริงด้วยเขาบำเพ็ญตลอดคืนวันอันยาวนาน ผ่านการกลับชาติมาจุติ หลังสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถรู้สึกได้ว่า ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ มิได้สูงส่งจนเอื้อมไม่ถึงอีกต่อไปตอนที่ท่านอาจารย์กู่ฉีสิ้นใจนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เพียงแค่มีเพลิงโทสะท่วมอก แต่ส่วนลึกในใจก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง เนื่องจากตอนนั้นรู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากจนเกินจริง ห่างไกลกันลิบลับ“เริ่มต้นเถิด ยกระดับศาสตร์ร่างแยกขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำหลังจากเขาสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว บัดนี้ทางสายอากาศก็มีถึงหกสายที่บรรลุถึงขั้นสุด ในจำนวนนั้นรวมไปถึงเส้นทางของสองกระบวนท่าอย่างทลายเวหาและงามดั่งภาพวาดทลายเวหาแบ่งออกเป็นอนุสัมฤทธิ์ มหสัมฤทธิ์และครบสมบูรณ์ งามดั่งภาพวาดก็เป็นเช่นนี้หากพูดอย่างเคร่งครัดแล้วผลสำเร็จสูงสุดของประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็คือสามศาสตร์ลับ ได้แก่ศาสตร์ลับทลายเวหา งามดั่งภาพวาดและร่างเมฆทักษิณาทิพย์ สิ่งที่เรียกว่าวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าก็เป็นเพียงรากฐานของศาสตร์ลับทั้งสามชนิดนี้เท่านั้น……เขาอาศัยสมบัติล้ำค่าจำนวนมากที่ท่านอาจารย์เตรียมเอาไว้ให้ก่อน แล้วยกระดับร่างเมฆทักษิณาทิพย์ให้ไปถึงระดับชั้นที่สิบเอ็ด! มีแต่ทำเช่นนี้ อาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์จึงจะสามารถสำแดงอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของทลายเวหาออกมาได้!“แตก”ภายในห้องเงียบตงป๋อเสวี่ยอิงต่อยหมัดหนึ่งออกไปเสียงดังตู้ม ร่างกายเพียงแค่ปลดปล่อยรัศมีออกมา อันที่จริงแล้วร่างเมฆทักษิณาทิพย์ก็เหมือนกับสมบัติลับ อาศัยกายทิพย์จึงจะสามารถสำแดงพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้“ตู้ม!” มิติทั้งผืนถูกเหนี่ยวนำ ทันใดนั้นบริเวณกำปั้นก็มีหลุมขนาดราวนิ้วมือหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้น อีกฝั่งหนึ่งของหลุมก็คือความมืดมิดอย่างแท้จริง ลำพังแค่มองด้วยตาเปล่าก็เกิดความหวาดหวั่นครั่นคร้ามจากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว! ตงป๋อเสวี่ยอิงลองส่งสติรับรู้สายหนึ่งแทรกซึมเข้าไป สิ่งที่มองเห็นกลับมิใช่ความดำมืดหากแต่เป็น ‘มุมมอง’ พิเศษอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมองเห็นบริเวณจำนวนนับไม่ถ้วน มองเห็นสถานที่แห่งแล้วแห่งเล่าภายในดินแดนจิตโลกา ยิ่งไกลออกไปก็ยิ่งเลือนราง เขาถึงขั้น ‘มองเห็น’ บริเวณอันกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่านอกดินแดนจิตโลกามุมมองเช่นนี้ปกคลุมทุกหนแห่ง เป็นความรู้สึกอันพิเศษ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่แปลกใจ ที่เขาสำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ออกมาก็เพื่อกระบวนท่านี้นั่นเอง“เป็นกลิ่นอายอันเร้นลับที่เข้มข้นยิ่งนัก” หลุมที่เกิดจากการต่อยในครั้งนี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันมีขนาดราวนิ้วมือหนึ่ง!กลิ่นอายเร้นลับโหมซัด เข้มข้นกว่าตอนที่ตนกะเทาะออกมาในครั้งที่แล้วมากมายยิ่งนักเหมือนกลิ่นอายที่เข้มข้นและลึกล้ำกว่าจากโลกภายนอกกำลังเข้ามาหลุมนั้นก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนวิชา ‘ศาสตร์ร่างแยก’ ขึ้นมาทันที ทันใดนั้นกลิ่นอายเร้นลับเหล่านั้นก็ถูกดึงดูด แล้วโหมซัดมาทางวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง………ณ วังหลวงแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา“เอ๊ะ” ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงชกแก่นห้วงอากาศของโลกกำเนิดจนเกิดหลุมขนาดราวนิ้วมือหนึ่งขึ้นมานั้น ประมุขรัฐเมฆทักษิณาซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ณ สถานที่บำเพ็ญภายในวังหลวงก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อมองออกไปไกล สายตาของเขาก็ทะลุผ่านอุปสรรคของวังหลวง มองเห็นเรือนหิมะเหินแล้วเผยรอยยิ้มสายหนึ่งออกมา “ทลายเวหาหรือ ศิษย์ของข้าคนนี้ บรรลุทางสายอากาศจนถึงระดับขั้นเทพจักรวาลแล้วหรือ ก็ไม่รู้ว่าชาติก่อนเขาเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่หนึ่งหรือสองกันแน่!”ส่วนระดับชั้นที่สามน่ะหรือเขาไม่กล้าคิดเลย! ข้อแรก ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกามีคนระดับนี้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ข้อสอง หากเป็นระดับนี้จริง ด้วยความหยิ่งผยองในใจจะยอมคารวะประมุขรัฐเมฆทักษิณาเป็นอาจารย์ได้อย่างไรกัน ………………………….
คอมเม้นต์