Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 17 งานประมูล

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 17 งานประมูล 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ผู้ดำเนินการสวมอาภรณ์สีทองตลอดร่าง เขาหัวเราะน้อยๆ พลางเอ่ยว่า “ข้าชื่ออวี่ฉี เป็นประมุขหอของหอทะเลสัตตดาราแห่งเมืองวารีสวรรค์แห่งนี้ แม้จะรับหน้าที่เป็นประมุขหอแห่งนี้แต่ข้าก็ยังเป็นศิษย์วังทวีสูญอีกด้วย”
“อ้อหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
ก็ไม่น่าแปลกใจเลย ถึงอย่างไรเบื้องหลังของหอทะเลสัตตดาราก็คือวังทวีสูญ เกาะปฐมบรรพชน และแดนทิพย์เหยากวง สามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ คาดว่าสมาชิกที่สำคัญต่างก็เป็นสามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ส่งออกไปทั้งสิ้น
เมืองใหญ่ทุกแห่งต่างก็มีหอทะเลสัตตดาราอยู่แห่งหนึ่งและต่างก็มีประมุขหออยู่คนหนึ่ง
“ผู้อาวุโสตงป๋อโปรดตามข้ามา” ประมุขหออวี่ฉีกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง เขานำทางอยู่ด้านหน้าไปพลางพูดไปพลาง “หอย่อยของทางเมืองวารีสวรรค์เรามีผู้เข้าร่วมงานประมูลคราวนี้เพียงสิบห้าคนเท่านั้น ถึงเวลาก็จะเข้าร่วมการประมูลสมบัติล้ำค่ากับหอย่อยอื่นๆ การแข่งขันก็จะขับเคี่ยวกันเป็นอย่างมากแล้ว ได้ยินว่าคราวนี้ดึงดูดขั้นอลวนมาไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงขนาดที่มีบางส่วนมาจากโลกทิพย์กิเลนบูรพาและที่อื่นๆ อีกด้วย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงค่อนข้างประหลาดใจ
หอย่อยต่างๆ มาแย่งชิงสิ่งล้ำค่าพร้อมๆ กัน ช่างน่าสนใจนัก
“เชิญ” ประมุขหออวี่ฉีนำทางตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ภายในห้องมีหญิงรับใช้คอยท่าอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังถือกาสุราเอาไว้ด้วย ห้องนี้มีหน้าต่างขนาดใหญ่อยู่บานหนึ่ง มองทะลุผ่านหน้าต่างไปก็เห็นยกพื้นอยู่ลิบๆ
“งานประมูลสมบัติล้ำค่าครั้งนี้มีชื่อว่า ‘งานประมูลเชิงฉวิน’ ก็เพราะสมบัติล้ำค่าที่สูงค่าที่สุดก็มีชื่อเรียกว่าวัตถุมหัศจรรย์ ‘เชิงฉวิน’ อันที่จริงข้าก็ไม่เคยเรียกมาก่อน ว่ากันว่าที่คราวนี้ขั้นอลวนของโลกทิพย์แห่งอื่นๆ พากันมาก็เพราะมันนั่นเอง” ประมุขหออวี่ฉีพูด “ใช่แล้ว ก่อนจะถึงตอนนั้นข้ายังจำเป็นต้องดูสักหน่อยว่าผู้อาวุโสตงป๋อมีสมบัติล้ำค่าอันใดอยู่บ้าง จะได้กำหนดขีดจำกัดที่ผู้อาวุโสตงป๋อสามารถเรียกราคาได้”
“อืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง
พรึ่บ!
สมบัติล้ำค่าจำนวนมากวางอย่างแน่นขนัดเรียงรายเต็มครึ่งหนึ่งของห้อง ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดที่จะขายวัตถุเหล่านี้ทิ้งไป
“มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ประมุขหออวี่ฉีตกตะลึงอยู่บ้างแล้วเริ่มต้นประเมินอย่างละเอียดในทันที รับหน้าที่ประมุขหอย่อย การประเมินสมบัติล้ำค่าก็คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุด ความเร็วในการประเมินของเขายังรวดเร็วกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนแรกเสียอีก
“สมบัติล้ำค่าเหล่านี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นศิลาปฐมโลกาได้สามร้อยแปดสิบห้าก้อน” ประมุขหออวี่ฉีพูดพลางยิ้มน้อยๆ “ศิลาปฐมโลกามากมายเช่นนี้เพียงพอที่จะซื้อวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่ได้เลยทีเดียว”
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ประมุขหออวี่ฉีอยู่สนทนาเป็นเพื่อนตงป๋อเสวี่ยอิง เพียงพริบตาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว ในที่สุดบนยกพื้นนอกหน้าต่างก็มีหญิงสาวอาภรณ์ม่วงคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น หญิงสาวอาภรณ์ม่วงมีบุคลิกไม่ธรรมดา นางกวาดตามองบริเวณรอบๆ คราหนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ข้า หมิงอวี๋ เป็นหนึ่งในเก้าผู้อาวุโสแห่งหอทะเลสัตตดารา ข้าเป็นผู้จัดการงานประมูลเชิงฉวินในคราวนี้เอง!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตะลึงไป เจ้าดาราหมิงอวี๋ บุคคลขั้นอลวนแห่งแดนทิพย์เหยากวงน่ะหรือ
ประมุขหออวี่ฉีที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นในทันใด “เจ้าดาราหมิงอวี๋เป็นเพียงแค่เงารางเท่านั้น ตอนนี้นางจะต้องคอยจัดการอยู่ที่หอทะเลสัตตดาราของเมืองใหญ่สักแห่งในอาณาเขตของแดนทิพย์เหยากวงเป็นแน่”
“พวกเราก็มาเริ่มกันเลยเถิดนะ” เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวอาภรณ์ม่วงมีประสบการณ์อย่างมากอยู่แล้ว นางยื่นมือออกมา กลางฝ่ามือก็มีดอกไม้สีแดงดอกหนึ่งปรากฏขึ้น กลีบดอกไม้แต่ละดอกล้วนมีสีสันสดใสงดงาม บนพื้นผิวมีหยาดน้ำควบแน่นรวมกันอยู่ นางโบกฝ่ามือคราหนึ่ง ดอกไม้สีแดงดอกนี้ก็เปลี่ยนแปรไปในทันใด กลายเป็นหญิงสาวในชุดเกราะสีแดงคนหนึ่ง
“นี่ก็คือสิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดขั้นรวมเป็นหนึ่งที่มีพลังยุทธ์สามารถผ่านชั้นที่สามของเจดีย์ดาวได้” หญิงสาวอาภรณ์ม่วงพูดพลางยิ้มน้อยๆ “ราคาขั้นต่ำหนึ่งร้อยศิลาปฐมโลกา”
“หนึ่งร้อยสิบก้อนศิลาปฐมโลกา”
“หนึ่งร้อยสิบเอ็ดก้อนศิลาปฐมโลกา”
เห็นเพียงว่านอกหน้าต่างมีเสียงลอยมาจากทิศทางต่างๆ กัน
ประมุขหออวี่ฉีอธิบายอยู่ข้างๆ ในทันที “เสียงเหล่านี้ล้วนเป็นเสียงจากหอย่อยแต่ละแห่งที่ร่วมประมูล หากผู้อาวุโสตงป๋อประมูล เสียงของท่านก็จะดังขึ้นที่หอย่อยแต่ละแห่งเช่นเดียวกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงดูอยู่ข้างๆ เขามิได้มีความสนใจในสิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดขั้นรวมเป็นหนึ่งตนนี้เลย เขามีสมบัติล้ำค่าอยู่ไม่มากนัก ต้องใช้ในคราววิกฤติเท่านั้น
การประมูลของงานประมูลนี้ก็ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งมาถึงช่วงหลัง ราคาก็เพิ่มทีละหนึ่งก้อนศิลาปฐมโลกา! มีบางเวลาที่ลังเลอยู่นานพอสมควร ถึงขนาดที่รอจนใกล้ถึงเวลาที่หญิงสาวอาภรณ์ม่วงใกล้จะประกาศว่าสิ้นสุดแล้วจึงค่อยประมูล
……
“สามสิบหกก้อนศิลาปฐมโลกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนพูดอยู่ตรงริมหน้าต่าง เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณรอบๆ ยกพื้น
หญิงสาวอาภรณ์ม่วงบนยกพื้นกำลังถือขวดหยกใบหนึ่งพลางมองไปรอบๆ อย่างยิ้มๆ
“สามสิบเจ็ดก้อนศิลาปฐมโลกา”
“สามสิบแปดก้อนศิลาปฐมโลกา”
ราคาประมูลเพิ่มสูงขึ้นไม่หยุดหย่อน
เพียงไม่นานตงป๋อเสวี่ยอิงก็ส่ายศีรษะ ภายในขวดหยกก็คือยาวิเศษที่หลอมออกมาเม็ดหนึ่ง มีฤทธิ์ส่งเสริมการบำเพ็ญ! ตงป๋อเสวี่ยอิงให้ความสำคัญกับสมบัติล้ำค่าจำพวกนี้เป็นอย่างยิ่ง สามารถซื้อกลับไปมอบให้กับภรรยาและบุตร ทั้งยังใช้เองได้ด้วย แต่ก็ต้องดูว่าราคาเหมาะสมหรือไม่ด้วย! ถ้าหากราคาสูงเกินไปก็ไม่คุ้มค่าแล้ว
เพราะว่าตนเองยังเยาว์วัยนัก ยังมีเวลาในยุคจักรวาลภูมิลำเนาเหล่านี้อีกเนิ่นนานยิ่ง ยิ่งพลังยุทธ์ของตนแข็งแกร่งขึ้น ก็สามารถได้รับวัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญที่ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย! ตอนนี้ยังมิต้องรีบร้อน
……
สมบัติล้ำค่าเหล่านี้ อย่างต่ำที่สุดก็มีราคาเกินกว่าสามสิบก้อนศิลาปฐมโลกา บางอย่างก็มีราคาถึงกระทั่งหลายร้อยศิลาปฐมโลกา! แต่สิ่งล้ำค่าชิ้นสุดท้าย ‘เชิงฉวิน’ กลับมิได้ปรากฏขึ้นเลยมาโดยตลอด ราคาขั้นต่ำนั้นก็คือหนึ่งพันศิลาปฐมโลกา ตามกฎของการประมูลเหล่านี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงคาดว่าราคาประมูลที่สำเร็จสุดท้ายจะต้องเพิ่มไปเป็นเท่าตัว
ในที่สุดก็มาถึงสมบัติล้ำค่าชิ้นที่ยี่สิบสองแล้ว
มือขวาของหญิงสาวอาภรณ์ม่วงบนยกพื้นยื่นออกมา บนฝ่ามือมีตำราสีดำเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ตำราดูคล้ายกับทำจากโลหะสีดำชั้นแล้วชั้นเล่า ห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายดำมืดรางๆ
“นี่ก็เป็นสมบัติเลอค่าอีกชิ้นหนึ่ง” หญิงสาวอาภรณ์ม่วงพูด
พอตงป๋อเสวี่ยอิงได้ฟังก็รู้ว่าสมบัติเลอค่าโดยทั่วไปก็ต้องมีมูลค่าหลายร้อยศิลาปฐมโลกา
“ที่โลกทิพย์กิเลนบูรพาเคยมีผู้บำเพ็ญศาสตร์โบราณที่ล้ำเลิศน่าตื่นตะลึงคนหนึ่ง มีนามว่า ‘ประมุขโลกอนธการ’” หญิงสาวอาภรณ์ม่วงพูด “คิดว่าผู้บำเพ็ญทั้งหลายที่นี่จะต้องรู้จักแน่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตะลึง
รู้จักหรือ
ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ
“ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง แต่ก็ผ่านชั้นที่หกของเจดีย์ดาวได้” หญิงสาวอาภรณ์ม่วงพูด “พลังยุทธ์สามารถเทียบเคียงได้กับขั้นอลวน!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง ผ่านชั้นที่หกของเจดีย์ดาวได้อย่างนั้นหรือ ปัจจุบันยังไม่มีใครในบรรดาผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญแม้แต่คนเดียวที่สามารถผ่านชั้นที่หกได้เลย
“ศาสตร์ลับที่เขาสรรสร้างขึ้นมีชื่อเรียกว่าวิชาโลกอนธการ” หญิงสาวอาภรณ์ม่วงมองไปยังตำราสีดำในมือพลางเอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “น่าเสียดายที่เขาสิ้นชีพไปตอนที่เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง มิฉะนั้นด้วยศักยภาพของเขาแล้ว พอได้เป็นขั้นอลวนก็จะต้องแข็งแกร่งกว่าข้าเป็นอย่างมากแน่นอน เกรงว่าจะสามารถผ่านชั้นที่แปดของเจดีย์ดาวได้ ชั้นที่เก้าก็มิใช่ว่าจะไร้ซึ่งความหวัง”
“เป็นถึงศาสตร์โบราณ เขาก็เชี่ยวชาญในการควบคุมโลกเขตลวงเป็นที่สุด เดิมทีโลกเขตลวงเชี่ยวชาญการวางกับดักและล่อลวงศัตรู ส่วนทางด้านการโจมตีนั้นอ่อนแอเป็นที่สุด แต่เขากลับสร้างแนวทางของตนเอง เขาสร้างโลกขึ้นมาเพื่อบ่มเพาะท่าไม้ตายอันบริสุทธิ์ โลกแห่งหนึ่งที่เอาไว้สำหรับการสร้างสรรค์ท่าไม้ตายออกมา”
“ศัตรูยังมิทันเข้าใกล้เขา พลังของโลกก็มารวมกันเป็นท่าไม้ตายหนึ่ง พอท่าไม้ตายมาถึง พลังคุกคามก็น่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด”
“…”
หญิงสาวอาภรณ์ม่วงยังคงสาธยายต่อไป ถึงอย่างไรนี่ก็คือศาสตร์ลับ อยากจะให้ผู้บำเพ็ญซื้อไป ก็ได้แต่ทำให้คนเข้าใจว่าที่แท้แล้วสิ่งนี้คือศาสตร์ลับอันใด มีความร้ายกาจทางด้านใด พอเข้าใจโดยละเอียดแล้วทุกคนจึงจะตัดสินใจได้ว่าเหมาะสมกับตนเองหรือไม่
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับรู้สึกว่าในห้วงสมองระเบิดเปรี้ยงปร้าง
ราวกับว่ามีอสนีบาตสายหนึ่งฟาดลงมาท่ามกลางความมืดมิด ทำให้ความมืดมิดกลับสว่างไสว
“สร้างโลกขึ้นมาเพื่อบ่มเพาะท่าไม้ตายอันบริสุทธิ์หรือ”
“โลกใบหนึ่ง ก็เพื่อท่าไม้ตายหนึ่งอย่างนั้นหรือ”
“พลังของโลกมารวมกันเป็นท่าไม้ตายท่าเดียวหรือ”
ในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงมีรัศมีเปล่งประกายวาบอย่างต่อเนื่อง บางทีสิ่งที่ขาดไปก็คือความคิดอย่างหนึ่ง วิชาโลกอนธการ ทิศทางที่ศาสตร์ลับสร้างขึ้น ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นพบด้วยความพรั่นพรึงว่า…สิ่งที่ตนเชี่ยวชาญที่สุดก็คือ ‘วิถีโลกเทียม’ ถึงขนาดที่แม้วิถีโลกเทียมไม่มีศาสตร์ลับขั้นจักรวาล แต่กลับเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นเทพอากาศได้เป็นอย่างแรกอยู่ดี
แต่ว่าอันที่จริงแล้ววิถีโลกเทียมไม่เชี่ยวชาญทางด้านการต่อสู้ นี่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงมืดแปดด้านมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้เขาเห็นหนทางแล้ว
“ท่าไม้ตาย สร้างโลกขึ้นมาเพื่อท่าไม้ตาย”
ถึงแม้ว่าในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงจะมีความคิดหลายๆ อย่าง แต่ตัวเขาเองก็เข้าใจดีว่ามีความคิด อาศัยสิ่งนี้อ้างอิงในการริเริ่มสรรสร้าง ทดลอง ไตร่ตรอง และปรับแก้…การจะสร้างศาสตร์ลับขึ้นมาสักศาสตร์หนึ่งนั้นเป็นเรื่องยากเย็นอย่างยิ่ง และการสรรสร้างศาสตร์ลับที่น่าหวาดหวั่นเป็นที่สุดขึ้นมาสักศาสตร์หนึ่งนั้นก็ยิ่งยากเย็นขึ้นไปอีก
ปรัชญาคลื่นลมและมังกรมัจฉาปลิดชีพของตนนั้นต่างก็มีศาสตร์ลับขั้นจักรวาลเป็นพื้นฐาน มิฉะนั้นให้ตนเองไปสรรสร้างขึ้นจากความว่างเปล่า เช่นนั้นก็คงสิ้นเปลืองเวลาเนิ่นนานเหลือเกิน
“ข้าจะต้องคว้าศาสตร์ลับศาสตร์นี้มาให้จงได้! ”ตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินใจโดยฉับพลัน
“ต้นฉบับของวิชาโลกอนธการมีเพียงเล่มนี้เล่มเดียวเท่านั้น ราคาขั้นต่ำหนึ่งร้อยห้าสิบศิลาปฐมโลกา” หญิงสาวอาภรณ์ม่วงพูด
รอบด้านเงียบสงัด
ไม่มีผู้ใดเสนอราคา
“หนึ่งร้อยห้าสิบเอ็ดก้อนศิลาปฐมโลกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ตรงช่องหน้าต่าง อดใจรออยู่ครู่หนึ่งจึงเปิดปากตะโกน เสียงสะท้อนก้องโดยรอบบริเวณยกพื้น และสะท้อนก้องไปทั่วทั้งหอย่อยทุกแห่งภายในโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา
………………………………..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด