Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 5 สะท้านทั่วทิศ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 5 สะท้านทั่วทิศ 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

 
จวนโหวหั่วเลี่ยดำรงอยู่มาเป็นล้านล้านกัลป์แล้ว ผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆ ผู้ที่มีคุณสมบัตินับได้ว่าเป็นบุคคลระดับสูงของทั้งจวนนั้นมีเพียง ‘ท่านโหวหั่วเลี่ย’ ผู้สูงส่งและบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายเท่านั้น
คิดจะเป็นผู้อาวุโสแห่งจวนโหวหั่วเลี่ย…ก็มีเงื่อนไขที่จำกัดอย่างยิ่ง
หากเป็นลูกหลานของทางสายอิงซาน ตามปกติแล้วก็ต้องมี พลังระดับ ‘ จึงจะมีคุณสมบัติรับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสได้! แน่นอนว่าย่อมมีข้อยกเว้น อย่างบุตรธิดาทั้งสามสิบหกคนของท่านโหวหั่วเลี่ย ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรธิดาที่ท่านโหวหั่วเลี่ยให้กำเนิดขึ้นมาเอง สถานะก็พิเศษอยู่บ้างแล้ว ผู้ที่เป็นเพียงเทพแท้ระดับผู้ปกครองอย่าง ‘อิงซานเลี่ยฮู่’ ก็สามารถได้รับการแบ่งสรรทรัพยากรมากมาย! บุตรธิดาแท้ๆ ของท่านโหวหั่วเลี่ย ขอเพียงสามารถบรรลุ ‘ขั้นรวมเป็นหนึ่ง’ ได้ก็สามารถรับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสได้แล้ว
ยังมีอีก…
เค่อชิงจากภายนอกจำเป็นต้องสวามิภักดิ์ต่อจวนโหวหั่วเลี่ย จงรักภักดีต่อจวนโหวหั่วเลี่ยอย่างสิ้นเชิงคงจะได้รับการอบรมบ่มเพาะจากจวนโหวหั่วเลี่ยอย่างเต็มที่ อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องมีพลังระดับ ‘วังปฐมเทพชั้นที่หก’ จึงจะสามารถรับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสได้
“อะไรนะ เกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้วหรือ”
“นี่ นี่มัน…”
“นับตั้งแต่จวนโหวหั่วเลี่ยก่อตั้งขึ้นมา เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นเทพอากาศตั้งแต่กำเนิดกระมัง บิดาของเขาคืออิงซานเลี่ยฮู่หรือ”
“อิงซานเลี่ยฮู่ บุตรคนรองของท่านโหวน่ะหรือ เขาสามารถให้กำเนิดบุตรที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้ด้วยหรือนี่”
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายพากันตื่นตะลึงเหลือแสน
พวกเขาไม่ค่อยเห็นอิงซานเลี่ยฮู่อยู่ในสายตาสักเท่ามดนัก เพราะถึงอย่างไรผู้บำเพ็ญก็ให้ความสำคัญกับพลังเป็นอันมาก ก็แค่คนไร้ค่าระดับเทพแท้ผู้หนึ่งเท่านั้น ส่วนหรงซิงหลันน่ะหรือ พวกเขาไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อเสียด้วยซ้ำ บัดนี้บุตรของคนไร้ค่าคนหนึ่งกับสตรีที่ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อเกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้วอย่างนั้นหรือ
สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!
ลำแสงสายแล้วสายเล่าพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าจากทุกทิศทุกทางของจวนโหวหั่วเลี่ย แล้วพุ่งทะยานมาทางเรือนหลังเล็กอันไกลลิบนี้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากจวนโหวหั่วเลี่ยกินพื้นที่กว้างขวางยิ่งนัก ทั้งยังมีค่ายกลกดดันจนมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ จะพุ่งทะยานมาก็ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง! อันที่จริงต่อให้สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้  ผู้ที่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้ในขั้นรวมเป็นหนึ่งก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย การกดดันของดินแดนจิตโลกานั้นมากกว่าอากาศอันสับสนอลหม่านมากมายนัก
ถึงอย่างไรหลังจากโลกทิพย์ทั้งห้าของอากาศอันสับสนอลหม่านแตกออกเป็นเสี่ยงๆ บ้างก็เป็นเศษเสี้ยว บ้างก็มีเทพจักรวาลบุกเบิกขึ้นมา จึงมิอาจเปรียบเทียบกับดินแดนจิตโลกาได้เลย
“นี่คือเด็กคนนั้นหรือ” มีบางคนที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับเรือนหลังเล็กแห่งนี้ เพียงไม่กี่ชั่วลมหายใจก็บินมาถึงแล้ว และกำลังยืนอยู่กลางอากาศพลางมองดูก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกที่ก่อให้เกิดลำแสงน้ำวนพลังฟ้าดินอันยิ่งใหญ่ภายในเรือนเล็กหลังนั้น บนก้อนเนื้อสีแดงก้อนนี้ยังมีอักขระลับสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งเปล่งแสงเจิดจ้าสะดุดตาออกมาอีกด้วย
ผู้อาวุโสสองท่านซึ่งมาถึงก่อนและเหล่ายอดฝีมือภายในจวนโหวหั่วเลี่ยที่ถูกความเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดมาโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรต่างพากันมองดูก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกนั้น แสงสีทองที่เปล่งประกายออกมาช่างทิ่มแทงดวงตาของพวกเขาจนแทบบอดจริงๆ
ชั่วชีวิตของพวกเขา…เกรงว่าคงยากที่จะได้เห็นผู้ที่เกิดมาก็ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตถึงเพียงนี้!
ห้องที่มีอยู่เดิมก็ถูกพลังฟ้าดินอันโหมซัดฉีกทึ้งออกเป็นเสี่ยงๆ โดยเฉพาะเมื่อหรงซิงหลันมีสถานะต่ำต้อยยิ่งนัก ห้องที่อาศัยอยู่ก็ย่อมธรรมดาสามัญเป็นธรรมดา และในยามนี้ หรงซิงหลันและอิงซานซีเยว่บุตรสาวรวมทั้งสาวใช้นางนั้น ต่างก็มองดูลำแสงน้ำวนซึ่งก่อให้เกิดพลังฟ้าดินอันน่าหวาดหวั่นอย่างตะลึงงัน ทั้งยังมีก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกที่เปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมาอีกด้วย
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำเอาพวกนางตกตะลึงไปหมด
“เอ๊ะ”
ภายในทะเลสาบใหญ่แห่งหนึ่งในจวนโหว มีสัตว์มังกรมากมายแหวกว่ายอยู่ในนั้น ณ ริมตลิ่งมีบุรุษผมแดงผู้หนึ่งนั่งตกปลาอยู่ตรงนั้น  ใต้เบ็ดตกปลามีระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างวงแล้ววงเล่าแผ่ออกมาดึงดูดสัตว์มังกรเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ดึงเบ็ดตกปลาขึ้นมาด้วยสีหน้ายินดี ฟิ้ว…สัตว์มังกรสีม่วงขนาดมหึมาตนหนึ่งติดเบ็ดขึ้นมา  สัตว์มังกรสีม่วงตนนี้ดิ้นรนสุดกำลังด้วยความตื่นตระหนกเหลือแสน
“ลากเจ้าสัตว์มังกรโลหิตม่วงนี่ไปทำอาหารอร่อยๆ ให้เต็มโต๊ะเลยดีกว่า” บุรุษผมแดงพูดพลางหัวเราะฮิฮิ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย แล้วหันไปมองทั่วทุกมุมของทั้งจวนโหวหั่วเลี่ย ที่นั่นค่อนข้างห่างไกล ทว่าลำแสงน้ำวนพลังฟ้าดินอันสะดุดตาและแสงสีทองอันเจิดจ้าก็ ทำให้บุรุษผมแดงอดเผยสีหน้ายินดีออกมามิได้ เขาได้รับสารจากวิญญาณค่ายกลแล้ว…“บุตรของอิงซานเลี่ยฮู่กำเนิดแล้ว! กำเนิดเป็นเทพอากาศ มารดาคือหรงซิงหลัน!”
บุรุษผมแดงพลันหัวเราะเสียงดังออกมาทันใด
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะดังกัมปนาทราวสายฟ้าฟาด กึกก้องไปทั่วฟ้า
“เจ้าหนุ่มเลี่ยฮู่ผู้นั้นให้กำเนิดใช้ได้ทีเดียว เกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว ทางสายของข้า โหวหั่วเลี่ยยังไม่เคยมีมาก่อน” บุรุษผมแดงโหวหั่วเลี่ยอารมณ์ดีนัก เขาโบกมือคราหนึ่งก็สะบัดเบ็ดออกไป สัตว์มังกรสีม่วงที่ดิ้นรนด้วยความตื่นตระหนกตนนั้นก็ร่วงกลับลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าท่านโหวหั่วเลี่ยอารมณ์ดียิ่งนัก จนปล่อยให้สัตว์มังกรโลหิตม่วงรอดพ้นหายนะไปได้
“ไป”
บุรุษผมแดงท่านโหวหั่วเลี่ยเคลื่อนที่ในพริบตาหายวับไปในทันที
ในฐานะผู้ปกครองสูงสุดของทั้งจวนโหว แม้ค่ายกลจะกดดันห้ามมิให้เคลื่อนที่ในพริบตา แต่เขาก็สามารถควบคุมค่ายกลได้อย่างง่ายดาย ตนเองจะมิได้รับแรงกดดันแต่อย่างใด ส่วนยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนแต่ละคนล้วนสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้ จึงสามารถเดินทางไปได้สบาย
“ฟิ้ว”
บุรุษผมแดงท่านโหวหั่วเลี่ยมาถึงกลางอากาศเหนือเรือนหลังเล็กอันไกลลิบแห่งนั้น พลางเหลือบมองก้อนเนื้อสีแดงกลมดิกเบื้องล่างที่เปล่งแสงสีทองอันเจิดจ้าออกมา เมื่อมองเห็นว่าเพียงแค่ลำแสงน้ำวนพลังฟ้าดินก็สามารถทำให้ห้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้อย่างง่ายดาย ท่านโหวหั่วเลี่ยเหลือบมองไปข้างหนึ่งก็เห็นคู่แม่ลูกหรงซิงหลันที่กำลังตะลึงงันและสาวใช้ “เห็นทีคุณชายน้อยของจวนโหวหั่วเลี่ยของข้าคนนี้ มารดาคงจะธรรมดาสามัญมากทีเดียว”
“ท่านโหว” ผู้อาวุโสสองท่านที่เดินทางมาถึงแล้วคำนับด้วยความเคารพ บรรดายอดฝีมือคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ด้านข้างต่างก็สะดุ้ง แล้วรีบโค้งคำนับด้วยใจอันสั่นสะท้าน “ท่านโหว”
“ท่านโหวหรือ”
หรงซิงหลัน อิงซานซีเยว่และสาวใช้ที่สมองยังคงมึนงงอยู่ก็มองเห็นเงาร่างกลางอากาศที่กำลังเดินทางมาถึงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบุรุษผมแดงผู้นั้น ผู้คนรอบด้านล้วนโค้งคำนับและเรียกขานว่าท่านโหว…พวกหรงซิงหลันย่อมเดาได้ว่า คนผู้นี้ก็คือสิ่งมีชีวิตในตำนานของทั้งจวนโหวหั่วเลี่ย สิ่งมีชีวิตระดับขั้นอลวนที่แต่ไหนแต่ไรพวกนางก็ไม่เคยพบเจอมาก่อน…ท่านโหวหั่วเลี่ยนั่นเอง!
……
บรรดาผู้อาวุโสต่างก็เร่งมาทีละคนๆ พวกเขาก็ส่งสารสำคัญนี้ออกไปด้วย ทายาทสายตรงของจวนโหวหั่วเลี่ยถือกำเนิดมาก็เป็นเทพอากาศแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน  เรื่องใหญ่เช่นนี้ย่อมถ่ายทอดออกไปได้รวดเร็วอยู่แล้ว
สถานะของฮูหยินใหญ่ฉานอวี้เยี่ยนเจินภายในจวนสูงกว่าสามีอยู่เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรตัวนางเองก็มีพลังระดับวังปฐมเทพสี่ชั้น และมาจากตระกูลอ๋องโหว บุตรชายนางก็ยังบรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่ง สถานะอย่างนางย่อมได้รับข่าวอย่างรวดเร็วเป็นธรรมดา
“น้องเยี่ยนเจิน ยินดีด้วย ได้ยินมาว่าเด็กน้อยที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาก็เป็นเทพอากาศคนนี้เป็นบุตรของอิงซานเลี่ยฮู่สามีเจ้านี่”
“น้องเยี่ยนเจิน…”
“เยี่ยนเจิน เป็นบุตรของอิงซานเลี่ยฮู่และหรงซิงหลันที่เกิดมาแล้วก็เป็นเทพอากาศ”
นางได้รับสารถึงสามชิ้นต่อเนื่องกันจากคนที่นางรู้จัก
นี่ทำให้สีหน้าของฮูหยินใหญ่ ‘ฉานอวี้เยี่ยนเจิน’ เปลี่ยนแปรไปในทันใด เดิมทีนางยังนั่งอยู่ในโถงอย่างเงียบๆ รอคอยให้พ่อบ้านเถียนกลับมารายงานอยู่เลย
“อะไรนะ พ่อบ้านเถียนมิได้เอายาไปให้แล้วหรือไร เหตุใดนางแพศยาจึงให้กำเนิดบุตรออกมาทันทีเลยเล่า นอกจากนี้เมื่อเกิดมาก็ยังเป็นเทพอากาศอีกด้วย ก่อนหน้านี้มิได้บอกว่าเป็นเพียงผู้เคารพระดับเทพแท้หรอกหรือ” ยามนี้สตรีอาภรณ์สีแดง ‘ฉานอวี้เยี่ยนเจิน’ แตกตื่นอย่างแท้จริงแล้ว ด้วยระดับจิตใจของนาง ก็มิอาจควบคุมสีหน้าเอาไว้ได้ สีหน้าเปลี่ยนแปรไปทันที จะเห็นได้ถึงระดับความหวาดหวั่นของนาง
เนื่องจากนางเข้าใจดีมากว่า เด็กที่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วเป็นเทพอากาศนั้น ในจวนโหวหั่วเลี่ยไม่เคยมีมาก่อนเลย! เกรงว่าท่านโหวคงจะต้องให้ความสำคัญหาใดเปรียบ แม้แต่ทางบรรพชนตระกูลอิงซานก็ต้องส่งบุคคลระดับสูงมาอย่างแน่นอน นี่คือเรื่องใหญ่ของทั้งตระกูลอิงซาน
หากพบสิ่งที่นางทำอะไรลงไปขึ้นมา…
จะลงมือกับทารกในครรภ์อย่างนั้นหรือ
นางต้องตายแน่นอน
สตรีอาภรณ์สีแดงขบกรามกรอดแล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว เงาร่างของนางก็กลายเป็นเงาลวง เพราะถึงอย่างไรทางสายของอิงซานเลี่ยฮู่สามีนางก็ล้วนแต่อยู่ในแถบนี้ทั้งสิ้น! หากพ่อบ้านเถียนกลับมา นางก็พอจะเดาเส้นทางได้ จึงเร่งเดินทางไปทันที
ไม่นานนัก เพียงสิบกว่าลมหายใจเท่านั้น
สตรีอาภรณ์สีแดงก็มองเห็นพ่อบ้านเถียนที่กำลังเดินมาพอดี
“ฮูหยิน” เมื่อพ่อบ้านเถียนเห็นฮูหยินก็เอ่ยด้วยความเคารพทันที “มอบของกำนัลให้เรียบร้อยขอรับ” เขามีสถานะต้อยต่ำ แม้จะเป็นพ่อบ้าน แต่ก็ยังเป็นเพียงบ่าวรับใช้อยู่ดี เขายังไม่รู้ว่าบุตรในท้องของหรงซิงหลันคลอดออกมาแล้ว ทั้งยังเป็นถึงเทพอากาศอีกด้วย
“อ้อ” สตรีอาภรณ์สีแดงยิ้มน้อยๆ “ข้าจะไปดูน้องซิงหลันเสียหน่อย”
นางพูดพลางเดินเฉียดไหล่พ่อบ้านเถียนไป
พ่อบ้านเถียนยืนอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึง
จากนั้นร่างกายก็เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนจะกลายเป็นความว่างเปล่า เหลือทิ้งไว้เพียงสมบัติต่างๆ เท่านั้น
“เฮอะ กล้าทรยศข้า คิดบัญชีกับข้ารึ มีแต่ตายเท่านั้น!” สตรีอาภรณ์สีแดงพูดพลางหัวเราะเสียงเย็นชา ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น นางต้องป้องกันมิให้เรื่องราวถูกเปิดเผยแล้วผู้แกร่งกล้าตรวจสอบทุกสิ่ง ดังนั้นจึงได้เริ่มทำลายหลักฐานทั้งหมดโดยเร็วที่สุด
“คนไร้ค่าผู้นี้ยังบอกว่ามอบของกำนัลให้เรียบร้อยแล้ว หากมอบให้แล้ว หรงซิงหลันผู้นั้นจะให้กำเนิดบุตรอีกได้อย่างไรกัน ทั้งยังร้ายกาจถึงเพียงนั้นด้วย นางแพศยาโชคครั้งใหญ่หล่นทับแล้ว ทว่าด้วยสถานะอันต่ำต้อยของนาง เมื่อเผชิญหน้ากับท่านโหวและผู้อาวุโสทั้งหลาย ก็ไม่แน่ว่าจะกล้าบอกเล่าสถานการณ์” สตรีอาภรณ์สีแดงมองอย่างรอคอย รอคอยว่าเรื่องราวจะไม่ถูกเปิดเผย ทว่าความหวังนั้นมิอาจฝากไว้กับผู้อื่นทั้งหมดได้
“ข้า ฉานอวี้เยี่ยนเจินจะสะดุดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” สตรีอาภรณ์สีแดงมีจิตใจทะเยอทะยาน เพราะถึงอย่างไรภายในจวน นางก็ห่างจากตำแหน่งผู้อาวุโสอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้ทำเรื่องใหญ่พรรค์นี้ก็ค่อนข้างระมัดระวังอยู่แล้ว ยามนี้ก็พยายามคิดทบทวน พยายามปกปิดพิรุธทั้งหมด
แน่นอนว่าพิรุธใหญ่ที่สุดอย่างพ่อบ้านเถียนก็ถูกกำจัดทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว!
 ……………………………………

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด