Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 44 ประมุขมารเมฆาขาวปะทะคุณชายเสวี่ยอิง (2)
ผู้ที่อ่อนแอเหล่านั้นถูกลูกหลงจนสลายไป ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าม่านตาก็หดลงเล็กน้อย เขาคิดอยากจะช่วยก็ไม่ทันการเสียแล้ว เพราะถึงอย่างไรบริเวณของศัตรูก็สำแดงออกมาได้ภายในชั่วความคิดเดียวเท่านั้น“อย่าได้เห็นว่าก่อนหน้านี้คุณชายเสวี่ยอิงผู้นี้ร้ายกาจ ไม่แน่ว่า ภายใต้บริเวณของประมุขมาร อาจจะกลายเป็นผุยผงไปก็เป็นได้“เขา เขาเก็บตัวพันห้าร้อยล้านปี เกรงว่าหากไม่มีสมบัติลับคุ้มกาย และร่างเมฆทักษิณาทิพย์ของเขามิได้ฝึกจนบรรลุถึงระดับขั้นที่สูงสักเท่าใดนัก ก็คงจะต้านทานบริเวณของประมุขมารไม่ได้จริงๆ”ผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนชั้นที่เก้าสี่คนซึ่งยืนชมอยู่บ้างๆ ไม่ไกลออกไปนักวิพากษ์วิจารณ์กันพวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจต่อประมุขมารเมฆาขาว“ตู้มมมม…”เมฆหมอกม้วนตัวแล้วโจมตีมายังตงป๋อเสวี่ยอิง“แตก” ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกเทพเมฆาแดงเอาไว้ในมือ เพียงชั่วความคิดเดียว บริเวณเมฆาแดงก็พลันปะทุออกมาทันใดนั้นภายในบริเวณสิบล้านลี้โดยรอบ อากาศก็พัดโหมเข้ามาราวกับกระแสคลื่นที่ซัดสาด ภายในกระแสคลื่นอากาศแต่ละสายล้วนมีระลอกคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ แล้วโจมตีเข้าที่เมฆหมอกนั้นอย่างรุนแรง เมฆหมอกที่ม้วนตัวนี้ปะทะเข้ากับกระแสคลื่นอากาศอย่างรุนแรง แทบจะในพริบตาเดียว กระแสคลื่นอากาศก็อ่อนกำลังลงไป อานุภาพของเมฆหมอกที่ม้วนตัวอยู่ก็ยังคงเหลือเพียงห้าถึงหกชั้นแล้วแผ่ไปทั่วบริเวณ“ไม่เสียทีที่เป็นม้วนเมฆาแห่งสิบม้วนทิพย์ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องความเหิมเกริม บริเวณเมฆาแดงของข้าเชี่ยวชาญทางด้านควบคุมอากาศมากกว่า การกดดันซึ่งหน้าออกจะด้อยกว่าอยู่บ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำโครมมม…เมฆหมอกที่ม้วนตัวปะทะเข้ากับร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง แต่กระนั้นอากาศรอบด้านก็บิดเบี้ยว เมฆหมอกเหล่านี้ถูกบิดเบี้ยวไปตามบริเวณต่างๆ รอบด้าน บวกกับที่รอบผิวกายของตงป๋อเสวี่ยอิงมีระลอกน้ำวนมิติอันแปลกประหลาด ราวกับมีบันไดอากาศสามแห่งรายล้อมอยู่รอบกาย ทำให้พละกำลังทั้งหมดที่เข้ามาโจมตีพลิกหมุนและถูกตัดขาดออกไป เรียกได้ว่าหมื่นวิชามิอาจแตะต้อง“อะไรกัน!” ขั้นอลวนชั้นที่เก้าทั้งสี่คนที่ชมดูอยู่ด้านข้างแตกตื่นกันไปหมด“ต้านทานเอาไว้ได้อย่างนั้นหรือ”“นี่เป็นถึงเคล็ดวิชาภายในสิบม้วนทิพย์เชียวนะ”หากพูดถึงความยากในการบำเพ็ญแล้ว วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าก็มีชื่อเสียงว่าบำเพ็ญได้ค่อนข้างง่าย แต่หากพูดถึงอานุภาพแล้ว แม้จะนับได้ว่าเป็นระดับยอด แต่ที่อานุภาพบรรลุถึงขั้นอลวนชั้นที่สิบก็มีเพียงเคล็ดสืบทอดลับสองกระบวนท่าเท่านั้น อย่างในหกรัฐโบราณก็มีเคล็ดสืบทอดลับหลายวิชาที่เหนือกว่าวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า! แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องแลกมาในการบำเพ็ญก็สูงกว่าด้วยเช่นกันวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าจะบรรลุถึงพลังรบระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบได้ ก่อนอื่นก็ต้องทำให้ร่างเมฆทักษิณาทิพย์ครบสมบูรณ์ถึงชั้นที่สิบเสียก่อน นี่ก็เทียบได้กับการฝึกร่างกายให้เทียบกับสมบัติลับได้ ลำพังแค่วัสดุล้ำค่าต่างๆ ก็มีราคาสูงราวสองพันล้านแก้วผลึกจักรวาลแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสมบัติล้ำค่าเหล่านี้พบเห็นได้ยากยิ่งนัก แม้มีแก้วผลึกจักรวาล คิดจะหาซื้อก็ยากมากอยู่ดีส่วนเคล็ดวิชาที่ประมุขมารเมฆาขาวฝึกฝนนั้น ต้นกำเนิดก็ยิ่งใหญ่กว่ามากแล้วเพราะเป็นถึงม้วนเมฆาในคัมภีร์สิบม้วนทิพย์อันสูงส่งของ ‘รัฐโบราณสหโลกา’ แห่งหกรัฐโบราณซึ่งแข็งแกร่งกว่ารัฐโบราณคิมหันตวายุอยู่ขุมหนึ่ง ลำพังแค่ศึกษาส่วนของขั้นอลวนชั้นที่สิบ วัสดุล้ำค่าที่ต้องใช้ก็ต้องเสียไปถึงห้าพันล้านแก้วผลึกจักรวาลแล้ว เมื่อฝึกสำเร็จ ไม่เพียงแค่ความสามารถในการรักษาชีวิตเท่านั้นที่สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้ร่างเมฆทักษิณาทิพย์ แต่ยังมีท่าไม้ตายหลายชนิด เช่นเคล็ดวิชาบริเวณที่อานุภาพบรรลุถึงขั้นอลวนชั้นที่สิบอีกด้วย!……“สิ่งที่เจ้าสำแดงออกมามิใช่วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านี่” ประมุขมารเมฆาขาวยิ้มพลางสาวเท้าเข้ามา“เจ้าก็รับข้าสักกระบวนท่าหนึ่งเถิด”ตงป๋อเสวี่ยอิงออกหอกไปในทันใดฟิ้วลำพังแค่พลังกดดันของบริเวณเมฆาแดงก็อ่อนแอกว่าอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่อากาศอันบิดเบี้ยวนั้นกลับแข็งแกร่งกว่ามากทีเดียว เห็นได้ชัดว่าห่างกันลิบลับ แต่หลังจากหอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิงแทงออกไปแล้ว กลับตรงไปถึงบริเวณหว่างคิ้วของประมุขมารเมฆาขาวอย่างน่าประหลาด“ฟิ้ว” ฝ่ามือของประมุขมารเมฆาขาวขวางไว้ตรงหน้าหว่างคิ้ว ปลายหอกแทงลงกลางฝ่ามือบริเวณปลายหอกเต็มไปด้วยการถล่มทลายและยุบสลายปัง!แม้แต่ฝ่ามือของประมุขมารเมฆาขาวก็ยังระเบิดออกไปกว่าครึ่ง หัวคิ้วของเขาขวดเล็กน้อย เมฆหมอกบริเวณฝ่ามือโหมซัดแล้วรวมตัวกันจนสมบูรณ์ดีอย่างรวดเร็ว“เป็นบริเวณอากาศที่ร้ายกาจนัก แม้แต่ข้าก็มิอาจควบคุมได้ ทำได้เพียงสัมผัสรับรู้ร่องรอยหอกยาวของเจ้าได้อย่างพอถูไถเท่านั้น” ประมุขมารเมฆาขาวพูดอย่างผ่อนคลายต่อไป ฝ่ามือพลันโบกคราหนึ่ง ฟิ้ว ฝ่ามือขยายใหญ่ขึ้นจนมีขอบเขตหลายหมื่นลี้ทันที ราวกับฝ่ามือที่ก่อตัวขึ้นจากเมฆขนาดใหญ่แล้วกดดันมาทางตงป๋อเสวี่ยอิงเสียงดังกึกก้อง“แตก” ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้หลบ หากแต่แทงหอกหนึ่งอย่างรุนแรงออกไปทางฝ่ามือมหึมานั้นตู้มมม…ฝ่ามือตะปบลงบนพื้นอย่างรุนแรง หลุมลึกขนาดมหึมาหลายหมื่นลี้ปรากฏขึ้นบนพื้น ทว่าบนฝ่ามือสีขาวดุจเมฆนี้ก็มีหลุมปรากฏขึ้นแล้วรวมตัวกันจนสมบูรณ์ดีอย่างรวดเร็วเหนือหลุมลึกขนาดมหึมา กลับมีคูหาที่ลึกจนไม่เห็นก้นแห่งหนึ่งอยู่“มิได้ถูกข้าตะปบจนตายกระมัง” ประมุขมารเมฆาขาวยิ้มเย็นพลางมองดูหลุมนั้น จากนั้นเมฆหมอกซึ่งส่งเสียงดังกึกก้องนั้นก็ทำลายส่วนลึกของผืนดินอย่างบ้าคลั่ง“ฟิ้ว”ทันดใดนั้นเงาหอกสายหนึ่งก็พาดผ่านท้องฟ้ามาแล้วแทงตรงลงไปบนผิวดิน จากนั้นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าแผ่นอกของประมุขมารเมฆาขาวอย่างน่าประหลาด เขามิทันได้สกัดกั้น หอกยาวเล่มนั้นก็แทงเข้าที่แผ่นอกของเขา วิ้ง…ทั้งร่างของประมุขมารเมฆาขาวก็สั่นสะท้านคราหนึ่ง ฝ่ามือมหึมาซึ่งสำแดงออกมาแต่เดิมนั้นพลันสั่นสะท้าน“รวดเร็วนัก” สีหน้าของประมุขมารเมฆาขาวเปลี่ยนแปลงคราหนึ่ง เขาสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ทันใดนั้นเมฆหมอกที่ม้วนตัวก็โหมซัดไปทางปากเขา อานุภาพของร่างกายเขายกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทะลุออกจากใต้ดินแล้วร่อนลงบนผืนดินด้านข้าง “ถึงอย่างไรอากาศผุยผงก็เป็นกระบวนท่าระดับชั้นที่เก้า ต่อให้อาศัยหอกเทพเมฆาแดงสำแดงออกมา ก็เป็นเพียงชั้นที่เก้า ระดับยอดเท่านั้น! แม้จะมีชื่อเสียงด้านอานุภาพ ลำพังแค่ด้านอานุภาพเพียงอย่างเดียวก็สามารถเทียบกับกระบวนท่าชั้นที่สิบได้อย่างพอถูไถแล้ว แต่ต่อให้อาศัยบริเวณเมฆาแดง ประมุขมารเมฆาขาวก็ยังคงสามารถสกัดกั้นได้อยู่ดี ร่างกายของเขารวมตัวและสลายได้อย่างผิดธรรมดาโดยไม่ส่งผลกระทบต่อพลังของเขาเลยแม้แต่น้อย กลับเป็น ‘ทะลุอากาศ’ ซึ่งเป็นชั้นที่เก้าระดับยอดเช่นเดียวกัน แม้อานุภาพอ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่พิสดารมากกว่า อีกฝ่ายไม่สามารถสกัดกั้นได้”เขาได้หอกเทพเมฆาแดงมาหนึ่งพันห้าร้อยล้านปีแล้ว และค้นคว้าท่าไม้ตายออกมาได้ห้ากระบวนท่าด้วยกันหนึ่งในนั้นมีเคล็ดการร่วมโจมตี บัดนี้ไม่มีร่างแยก ย่อมมิอาจสำแดงออกมาได้ส่วนอีกสี่ท่าไม้ตายที่เหลือ…ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือ ‘บริเวณเมฆาแดง’ เขารับรู้อักขระลับของหอกเทพ บริเวณเมฆาแดงที่รับรู้นั้นบรรลุถึงระดับชั้นที่เก้า! ความยากนี้ไม่แพ้กระบวนท่าชั้นที่เก้าที่คิดค้นขึ้นมาเองเลย อาศัยหอกยาวเมฆาแดง ก็ยิ่งสามารถปะทุอานุภาพชั้นที่สิบออกมาได้! และนี่ก็คือกระบวนท่าชั้นที่สิบเพียงหนึ่งเดียวของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ส่วนท่าไม้ตายอื่นๆ แต่ละท่าล้วนแต่เป็นชั้นที่แปดระดับยอดทั้งสิ้น! อาศัยหอกยาว อานุภาพก็ทำได้เพียงถึงชั้นที่เก้าระดับยอดเท่านั้นช่วยไม่ได้ชาติก่อนเขาก็คิดค้นกระบนท่าระดับชั้นที่เก้าขึ้นมาได้เพียงสองกระบวนท่าเท่านั้น ต่อให้มีหอกเทพเมฆาแดง ต่อให้เป็นทางสายอากาศ แต่ถึงอย่างไรหนึ่งพันห้าร้อยล้านปีก็ยังคงสั้นเกินไปอยู่ดี สามารถผลักดันกระบวนท่าชั้นที่เก้าออกมาได้สักกระบวนหนึ่งก็ถือว่าเยี่ยมยอดมากแล้วส่วนวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า เนื่องจากตนมีสมบัติล้ำค่าน้อยเกินไป ร่างเมฆทักษิณาทิพย์จึงเป็นเพียงชั้นที่แปดเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงมิอาจฝึกฝนเคล็ดสืบทอดลับสองกระบวนท่าได้! พลังเพียงระดับชั้นที่เก้า แม้สมบัติลับหอกยาวจะมีอานุภาพใหญ่หลวงยิ่งนัก แต่กลับทำได้เพียงสำแดงอานุภาพชั้นที่เก้าระดับยอดออกมาได้เท่านั้น เพราะหอกเทพเมฆาแดงและยุทธวิธีเมฆาแดงจึงจะสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดท่าไม้ตายทั้งห้าที่ตงป๋อเสวี่ยอิงผลักดันขึ้นมานั้น อันที่จริงก็เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยอย่างยิ่งของยุทธวิธีเมฆาแดงเท่านั้นเอง“ตายเสียเถอะ” เมื่อล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ประมุขมารเมฆาขาว ก็โมโหขึ้นมา เขาดูดกลืนเมฆขาวอันไร้ที่สิ้นสุดลงไป ร่างกายรวมตัวกันเป็นจริงจนถึงขั้นสุด ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการต่อสู้อีกอย่างหนึ่งของม้วนเมฆา“ตายเสียเถอะ”เขาบุกตรงเข้ามาสังหารด้วยความเร็วถึงขั้นสุด หมัดหนึ่งต่อยออกมาด้วยเสียงดังกัมปนาทหอกยาวเล่มหนึ่งโจมตีลงบนกำลังนั้นซึ่งหน้า เห็นได้ชัดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงต้องการตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่ผลกลับกลายเป็นว่า พละกำลังที่โหมซัดสาดระลอกหนึ่งถูกส่งผ่านเข้ามาตามหอกยาว แม้หอกยาวในมือตงป๋อเสวี่ยอิงจะสะเทือนเล็กน้อย และหอกยาวก็มีน้ำวนอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น แต่ก็แค่ถ่ายแรงออกไปส่วนหนึ่งเท่านั้น ทั้งร่างของเขากลายเป็นลำแสงสายหนึ่งกระเด็นลอยออกไปยังไม่อาจควบคุมตนเองได้ตู้ม ร่างกายกระทบกับผืนดินอย่างรุนแรง ก่อนจะไถไปจนเกิดเป็นธารลึกหลายร้อยลี้สายหนึ่งขึ้นมา“หากให้เวลาเจ้าเพียงพอ ก็อาจจะสู้ข้าได้ก็เป็นได้ แต่ตอนนี้น่ะหรือ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก!” เงาร่างของประมุขมารเมฆาขาวกะพริบวาบคราหนึ่งก่อนจะไล่ตามตงป๋อเสวี่ยอิงไป ฝ่ามือตะปบเข้ามาอย่างดุเดือดอีกครั้งปัง ปัง ปัง…แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะสำแดงหอกยาวออกไป แต่เมื่อฝ่ามือเฉียดผ่านก็กลิ้ง กระทบถูกก็กระเด็น ยามนี้ประมุขมารเมฆาขาวโหดร้ายไร้ปรานี“ฟึ่บ”แม้ผิวกายของตงป๋อเสวี่ยอิงจะมีบันไดน้ำวนสามชั้นรายล้อมอยู่รอบกาย แต่สุดท้ายก็กระอักโลหิตสดๆ ออกมาอย่างทนไม่ไหว“ตาต่อตาฟันต่อฟันกับเจ้าก็ยังคงด้อยกว่าอยู่บ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงแสยะยิ้ม นับได้ว่าเขาได้ลิ้มรสพลังของยอดฝีมือระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบของดินแดนจิตโลกาอย่างแท้จริงแล้วประมุขมารเมฆาขาวสะดุ้งเฮือก“ไม่เล่นเป็นเพื่อนเจ้าแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงหมุนกายจากไป“หนีรึ” ประมุขมารเมฆาขาวพลันอ้าปากกว้าง ศีรษะของเขาขยายใหญ่ขึ้นทันที เมื่ออ้าปากก็ราวกับจะกลืนกินทั้งฟ้าดินลงไป เขากลืนกินมาทางตงป๋อเสวี่ยอิง! เห็นได้ชัดว่าต้องการจะกลืนกินลงไปให้หมดในคำเดียว เขามองออกว่าคุณชายเสวี่ยอิงผู้นี้ก็แค่มีวิชาคุ้มกายอันร้ายกาจเท่านั้น ร่างกายเองก็มิได้นับว่าแข็งแกร่งสักเท่าใดนัก ขอเพียงกินลงไป ด้วยสาสตร์ลับของตนที่ ‘หลอมแปร’ อย่างไม่หยุดหย่อน ท้ายที่สุดก็จะหลอมจนตงป๋อเสวี่ยอิงแหลกเป็นจุณไปอยู่ดีเขาเคยกลืนยอดฝีมือระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบของรัฐประกายเพลิงคนหนึ่งซึ่งเพิ่งจะบรรลุลงไปในท้องแล้วกักขังไว้ในร่างกาย ศัตรูก็หนีไม่พ้น ร่างทิพย์เมฆาขาวพยายามหลอมแปรและบีบให้แตกเป็นผุยผงไปเป็นเวลาหลายหมื่นปี ศัตรูก็ต้านทานเอาไว้ไม่ไหว…ประมุขรัฐประกายเพลิงมาเจรจากับทะเลสาบมารทมิฬด้วยตนเอง และทุ่มเทไปไม่น้อย ประมุขมารเมฆาขาวจึงยอมอ้าปากปล่อยศัตรูออกมาในที่สุด“สวบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมรู้จักท่าไม้ตาย ‘หลอมแปรกลืนสวรรค์’ ของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เขาขยับร่างกายคราหนึ่งแล้วไปปรากฏอีกครั้งห่างออกไปหลายหมื่นลี้ ตรงบริเวณที่ขั้นอลวนชั้นที่เก้าทั้งสี่คนนั้นอยู่ภายใต้บริเวณเมฆาแดงต่อให้มิอาจเคลื่อนที่ในพริบตา เขาก็สามารถทำให้อากาศบิดเบี้ยวแล้วก้าวออกไปก้าวหนึ่งเป็นระยะทางไกลลิบได้“สมควรตาย” สีหน้าของประมุขมารเมฆาขาวเปลี่ยนแปรไป “บริเวณของอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้พิสดารเกินไปแล้ว คิดจะรบก็รบ คิดจะหนีก็หนี”บริเวณเมฆาแดงซึ่งอานุภาพบรรลุถึงระดับชั้นที่สิบ เห็นได้ชัดว่าน่าหวาดหวั่นเป็นอันมากอย่างศาสตร์ม้วนเมฆานั้น รัฐโบราณสหโลกายังยอมที่จะเผยแพร่สู่ภายนอก ขอเพียงจ่ายในราคาที่สูงพอ แต่ยุทธวิธีเมฆาแดงกลับเป็นสิ่งที่มีเฉพาะสกุลฝานในรัฐโบราณคิมหันตวายุ ต่อให้จ่ายราคาสูงเพียงใดก็มิอาจศึกษาได้ ว่ากันว่ามีเพียงภายในสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุเท่านั้นที่หากยอมจ่ายในราคาที่สูงพอก็อาจจะได้ศึกษา ส่วนรัฐอื่นๆ ภายนอกน่ะหรือ ไม่มีทางยอมให้ศึกษาเด็ดขาดยิ่งเป็นผู้ที่เก่งกาจเท่าไหร่ คิดอยากศึกษาก็ยิ่งยากเท่านั้น“สังหารเมฆาขาวมิได้ สังหารพวกเจ้าได้ก็พอแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปยังขั้นอลวนชั้นที่เก้าทั้งสี่คนตรงหน้าพลางแสยะยิ้ม“บังอาจ”“จองหอง”มารร้ายขั้นอลวนชั้นที่เก้าทั้งสี่ตนนี้โกรธเกรี้ยวเป็นอันมาก พวกเขารวมตัวกันเป็นค่านกลรบตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ต่อให้เผชิญหน้ากับประมุขมารเมฆาขาวก็ไม่หวั่นเกรง ไหนเลยจะเกรงกลัวอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้กันเล่า“ร่วมมือกันฆ่าเขาเสีย” ประมุขมารเมฆาขาวก็แค่นเสียงดังลั่น แม้เขาจะหยิ่งผยองอย่างยิ่ง แต่กลับเข้าใจดีว่า ตนเพียงลำพังคนเดียวนั้นมิอาจสังหารคุณชายเสวี่ยอิงผู้นี้ได้ …………………………..
คอมเม้นต์